เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมๆ ฟังธรรม เราแสวงหานะ เวลาสมัยปู่ย่าตายายของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านจะออกปฏิบัติ ท่านจะไปหาที่ไหน เพราะว่าสมัยนั้นนะ เวลาพระโดยทั่วไป เวลาเขากินลาบเลือด ทั้งลาบเลือด ทั้งเนื้อดิบ เขากินเป็นเรื่องปกติทั้งสิ้น แล้วคนที่จะประพฤติปฏิบัติจะเอาอะไรเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
แต่เวลาครูบาอาจารย์เรามาฟื้นฟูๆ ขึ้นมาจนเป็นที่เชื่อมั่นๆ พอเชื่อมั่นขึ้นมาแล้ว แล้วก็ใกล้เกลือกินด่างไง ของมันไม่มีค่าไง ของไม่มีค่าเพราะอะไร เพราะจิตใจเราไม่มีค่า
ถ้าของเรามีค่านะ เวลาครูบาอาจารย์ของเรา ผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อเขาเคารพบูชาของเขา ถ้าเคารพบูชาของเขา สิ่งที่ได้มา หลวงตามหาบัวพูดประจำ แก้วแหวนเงินทองเพชรจะหาที่ไหน ในข้อมือของคน ในคอของคนเยอะแยะไป ครูบาอาจารย์ที่เป็นความเป็นจริงจะหาได้สักกี่องค์
เพชรนิลจินดาตามคอ ตามข้อแขนนั่นน่ะเต็มไปหมดน่ะ เพชรนิลจินดามันจะหาได้ง่ายกว่าไง เพราะเราก็รู้เราก็เห็นไง แต่ความจริงๆ เราจะรู้จะเห็นมาจากไหน ถ้าเรารู้เราเห็นจากไหน เห็นไหม
ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ เวลากองทัพธรรมๆ เวลากองทัพธรรมท่านเผยแผ่มาๆ สมัยที่เขาถือผีถือสางกันอยู่ เขาถือผีถือสาง แล้วสังคมมันยังล้าหลัง สังคมล้าหลังขึ้นมา เขาบุกเบิกป่า บุกเบิกที่ทำกินของเขาไป แล้วไปเจอที่เฮี้ยนๆ เข้าไปเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งนั้นน่ะ เขาทำเพราะว่าเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนะ เลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยความทุกข์ความยาก
เวลาครูบาอาจารย์ของเรามา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ต้นไม้ใหญ่ๆ ไม่กล้าแตะ อะไรก็ไม่กล้าแตะ เพราะเวลาแตะไปแล้วเราก็ไม่รู้ไม่เห็น แล้วก็บอกคนโบราณไม่มีปัญญา คนโบราณเชื่อสิ่งงมงาย
เชื่อสิ่งงมงาย เราก็ไม่เห็นไง แต่เวลาเขาทำ เขาไปทำไร่ไถนาของเขาแล้วเขาเจ็บไข้ได้ป่วย เขาตาย
เชื่อสิ่งงมงาย สามีตาย ภรรยาตาย ลูกตาย พ่อตาย งมงายไหม เขาเห็นในชีวิตประจำวันของเขา มันจะงมงายมาจากไหน
เวลากองทัพธรรมๆ ไง เวลาหลวงปู่กงมา หลวงปู่สิงห์ท่านไปกองทัพธรรมมา บอกว่าให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ศีล ๕ นับถือศีล ๕
เขาทำมาหากินของเขา เขาปลอดภัยของเขา เวลาปลอดภัยของเขา กองทัพธรรมๆ เวลากองทัพธรรมขึ้นมาเพื่อให้มีสัตย์ ให้มีความจริง มีศีลมีธรรม มีศีลมีธรรมเป็นที่คุ้มครองไง
เวลามีศีลมีธรรมเป็นที่คุ้มครอง ดูสิ เวลาคนตกทุกข์ได้ยากเขาต้องมีคนคุ้มครองของเขา แต่จิตใจของเราว้าเหว่ จิตใจของเราไม่มีที่พึ่งที่อาศัย เวลามีศีล ๕ พอมีศีล ๕ ขึ้นมา กลับไปทำมาหากิน กลับมาบ้าน อู๋ย! ปลอดภัยๆ มันมีความมั่นคง มีความเชื่อมั่นของเขา
เราธุดงค์ไปอีสานใหม่ๆ ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ฝั้น เวลาหลวงปู่ฝั้นนะ ประชาชนชาวบ้านเขาดีกว่าพระอีก มีการละเล่นมีการฟ้อนรำ ศีล ๘ เขาไม่ไปหรอก มันเสียเงินทั้งสิ้น คอนซงคอนเสิร์ตไม่ต้องมาพูดกัน ไม่มี เขาไม่สนใจเลย เขาไม่สนใจเพราะอะไร เพราะเขามีศีลมีธรรมของเขา เขามีความสุขในใจของเขา เขาไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเขา เขาทำ
ถ้าครูบาอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่เป็นหลักชัยให้ สังคมก็มีที่พึ่งอาศัย พอครูบาอาจารย์ของเราล่วงไปๆ เวลาไม่ถือผีไม่ถือสาง เวลาผีแม่หม้ายอย่างนี้ เอาเสื้อแดงไปไว้หน้าบ้าน ป้องกันอะไรได้ ผีมันโง่กว่าประชาชนหรือ ผีแม่หม้าย บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย เวลาผีปอบ ผีกระสือ กระหัง กลัวกันไปหมดไง
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ตั้งแต่โบราณกาลมา ในเมื่อสมัยโบราณคนเรายังมีการศึกษาน้อย เชื่อพระอาทิตย์ เชื่อไฟ บูชาไฟ บูชาภูเขา บูชาต่างๆ
อทาสิเม อกาสิเมฯ เวลางานศพนั่นน่ะ สมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ ประชาชนก็ยังไม่มีปัญญา คนเรามันว้าเหว่ไง ศาสนาแรกเป็นศาสนาถือผีไง ถือผีถือสาง เพราะความกลัว ความระแวง แต่นี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ไม่มีสิ่งใดๆ เลย สิ่งที่เทวดา อินทร์ พรหมต่างๆ มันก็เป็นเวรกรรมของเขา พวกผีพวกสาง เพราะเขาทำความชั่วของเขา เพราะทำร้ายกาจของเขา เขาก็เสวยภพชาติของเขา มันเป็นภพชาติของเขา เขาทุกข์เขายากของเขา เขาต้องการส่วนบุญของเขา เขาก็มาขอส่วนบุญของเขา
เราเป็นชาวพุทธๆ ไง แล้วชาวพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช้าเรามาทำบุญกุศลของเรา เช้าตักบาตร ถ้าตักบาตรขึ้นไป ตักบาตรขึ้นไปอุทิศส่วนกุศลๆ เขาต้องการกุศลอันนั้น เวลาเขาต้องการกุศลอันนั้น เวลาคนตายไป ไปยมบาล เวลาถ้าไม่ได้สมบัติของเรา ไม่ได้กิน ยกเว้นสมบัติของเรา เราเสียสละไปเป็นของของเรา ถ้าของของเรานะ ถ้าเรามีบุญกุศล ดูสิ จิตตคหบดีทำบุญกุศลมากมายมหาศาล เวลาตายรถสวรรค์มารับไปเลย
นี่พูดถึงในเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ คนไม่มีสติปัญญาก็เชื่อผีเชื่อสาง เชื่อภูเขาเลากา แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว เวลาให้ทำคุณงามความดีต่อกัน เราทำบุญกุศล เราเสียสละทานของเรา เรามีสติปัญญาของเรา ทาน ศีล ภาวนา ถ้าทาน ศีล ภาวนาขึ้นมา ทำหัวใจของเราให้เข้มแข็งมั่นคงขึ้นมา
ถ้าเข้มแข็งมั่นคงขึ้นมา อทาสิเม อกาสิเมฯ ญาติพี่น้องของเราสิ้นชีวิตไปแล้ว อย่าเสียใจ อย่าร้องไห้ อย่าคร่ำครวญ เราคิดถึงความดีของท่าน ความดีของเรา เราทำคุณงามความดีแล้วอุทิศส่วนกุศลอย่างนี้ให้ เขาต้องการคุณงามความดีๆ ไง
บุญกุศล บุญมันเกิดที่ไหน บุญมันเกิดในตู้
บุญมันเกิดบนหัวใจของคน ใจของคนมันทุกข์มันยาก ใจของคนมันบีบคั้น เวลาใจของคนมันเป็นบุญกุศล เวลาเราเห็นคนมีความสุขเขายิ้มแย้มแจ่มใส ไอ้คนทุกข์หน้าดำคร่ำเครียด คิดแต่ทำร้ายตัวเองทั้งสิ้น ไม่อยากอยู่ๆ มันทุกข์เหลือเกิน คนมีบุญกุศลเขายิ้มแย้มแจ่มใส เฮ้ย! ทำไมเอ็งมีความสุขแท้วะ
อุทิศส่วนกุศลอย่างนี้ คำว่า “อุทิศส่วนกุศล” อยากให้เขาได้สุขเหมือนเรา อยากให้เขามีปัญญาเหมือนเรา อยากให้เขาได้ความสุขเหมือนเรา นี่อุทิศให้
ในทางธรรมๆ เวลาจะอุทิศส่วนกุศลมันก็เหมือนเทียนเล่มหนึ่ง เราจะจุดเทียนต่อๆๆ ไปมันไม่จบไม่สิ้น เทียนที่เราจะจุดต่อๆ ไป ถ้าเทียนเล่มต่อไปติดมันก็สว่างไสวไปทั่ว แล้วเทียนของเราก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย เทียนของเรายังเท่าเดิมอยู่ ถ้ายังเท่าเดิมอยู่ ไอ้นี่มันเป็นเทียนนะ ออกมาเป็นธรรมาธิษฐาน
แต่เวลาสิ่งที่เป็นบุญเป็นอามิสๆ เวลาเป็นอามิส เราทำบุญกุศลมากมายมหาศาล เราเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม เวลาหมดอายุขัย หมดอายุขัยมันหมดบุญไง นี่เป็นอามิสมันใช้หมด
บุญกุศลที่ว่าที่ทำกัน ทำความดีให้มากๆ ขึ้นมา ความดีมากขึ้น ความดีต้องมากกว่าความชั่ว ถ้าความชั่วๆ ทำความชั่วมากขึ้นมันก็มากกว่าความดี แล้วคนถ้าทำดีทำชั่วไง ทำความดีก็ได้ ทำความชั่วก็ได้
เวลาทำสิ่งใดมันขาดตกบกพร่อง มันจะได้ๆ จะไม่ได้ เราก็กลับมาตั้งสติ ไม่ต้องไปอ้อนวอนขอใครทั้งสิ้น พระพุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาอ้อนวอน พระพุทธศาสนาสอนให้มีสติปัญญา มีการกระทำ นี่พูดถึงว่าเวลาเรากลัวผีกลัวสางนะ
แต่ในปัจจุบันนี้ภัยพิบัติๆ ดูสิ เวลากรมอุตุฯ พยากรณ์ไง จะเกิดพายุไง ดูพายุที่มันเข้าแต่ละลูกสิ อพยพคนนะ
เวลาเขากลัวผีกลัวสางเขากลัวด้วยความกลัวในใจของเขา ไอ้นี่พายุมาตายเป็นร้อย ดินถล่มนั่นน่ะ นี่ของแท้ๆ เลย แล้วอย่างนี้กลัวไหม
บางคนอพยพ ไม่ยอมอพยพนะ เพราะอะไร ห่วงทรัพย์สินของตนไง เวลาพายุเข้ามานะ ราบหมด บ้านเรือนนี้พังพินาศหมดเลย แล้วเสียชีวิตด้วย นี่พยากรณ์ๆ เรากลัวไหม
ถ้าเรากลัวนะ เราต้องมีสติปัญญาของเรา ถ้าเรามีบุญกุศลของเรา เราก็ปกป้องทรัพย์สินของเราได้ ถ้าเราไม่มีบุญกุศลของเรา ทรัพย์สินของเราราพณาสูรเลย หมดตัว หมดเนื้อหมดตัว แต่ยังรักษาชีวิตไว้ได้ นี่พูดถึงว่ามันเป็นทางวิทยาศาสตร์เลย
ทางวิทยาศาสตร์ ทางโลก เราอยู่กับโลก สิ่งที่เป็นโลกกับเป็นธรรม สิ่งที่เป็นธรรมๆ เรื่องเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรม สิ่งที่เป็นโลก เป็นโลกการมีสติปัญญาของเรา การขวนขวายของเรา การกระทำคุณงามความดีของเรา
ทำคุณงามความดี ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำดีต้องได้ดี เราทำคุณงามความดี เรามีสติปัญญาของเรา ถ้าเราเชื่อเรื่องบุญเรื่องกุศล มันก็ดูภัยพิบัติ ตายเป็นร้อยนะ เวลาอพยพหนี อพยพหนีอะไร เวลาเรากลัวผีกลัวสาง ไปทำมาหากินของเรา กลับมาเจ็บไข้ได้ป่วยเสียชีวิต
ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เวลาพายุมันจะเข้ามา แล้วถ้ามันเป็นครั้งเป็นคราว พายุจะเข้า มันเปลี่ยนทิศทาง จบเลย
พายุจะเข้าหมู่บ้านนี้ เวลามันเปลี่ยนทิศทางไปหมู่บ้านอื่น หมู่บ้านนี้ปลอดภัย นี่ภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติเกิดจากการกระทำของมนุษย์ มันก็เกิดจากการกระทำของเรา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะให้เชื่อเวรเชื่อกรรม ถ้าเราทำคุณงามความดี เราทำคุณงามความดีของเรา ถ้าเราเห็นทั้งโลกและธรรม
ถ้าเห็นทั้งโลกและธรรม เราจะตั้งสติแล้วจะทำความดีของเรา ไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ต้องไปเชื่อใคร ไม่ต้องให้ใครชี้ ไม่ต้องให้ไปสูงไปต่ำกับใครทั้งสิ้น เราจะทำความดี เราจะทำความดี เราทำความดีของเราคนเดียวพอ คนอื่นก็เรื่องของเขา
ถ้าบอกว่าจะทำความดีแล้วไปชักไปชวนเขา มันก็เสียดสี เยาะเย้ย เหยียดหยาม ไม่กล้าทำ ความดีที่ทำหายเกลี้ยงเลย ไม่มีเลย
เราทำความดีของเรา ทำความดีของเรา เราพยายามทำของเรา ได้มากได้น้อยก็ทำของเรา ดูสิ ทางของฆราวาสเป็นทางคับแคบ หน้าที่การงานของเรารัดเนื้อรัดตัว เวลาก่อนนอนเราสวดมนต์ทำวัตรแล้วเราได้ภาวนาตรงนั้นน่ะ ๕ นาที ๑๐ นาที เช้าขึ้นมา ถ้าลุกทันขึ้นมา ทำวัตรสวดมนต์แล้วได้นั่ง ๕ นาที ๑๐ นาที
พระปฏิบัติทางกว้างขวาง ๒๔ ชั่วโมงนะ ฉันเสร็จแล้ว ๒๔ ชั่วโมง ทางจงกรมที่ภาวนาทางกว้างขวางมาก แต่กว้างขวางทำแล้วได้ผลไหม กว้างขวางแล้วรื่นเริงอาจหาญไหม
ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ นะ ท่านรื่นเริงและอาจหาญ แล้วท่านแสวงหาสิ่งนี้ด้วย หาบ้านน้อยๆ คนน้อยๆ เพราะคนมากคนจะมากวน มากวนคือมาคุยธรรมะไง คุยกันทั้งวันทั้งคืนคลุกคลีอยู่อย่างนั้นน่ะ เวลาธรรมะมีไว้สอนคนอื่น ไม่สอนตัวเองเลย ถ้าไม่สอนตัวเอง
สัปปายะ ๔ สถานที่เป็นสัปปายะ เราก็หาแล้ว แสวงหาแล้วที่เป็นสัปปายะ ครูบาอาจารย์เป็นสัปปายะ ครูบาอาจารย์ ถ้าท่านเป็นจริง ถามสิ
หมอเวลาถ้าคนไข้ไปรักษา คนไข้เสียหายนะ เขาฟ้องหมอเลย
นี่ก็เหมือนกัน ลูกศิษย์ลูกหาไปหาครูบาอาจารย์ก็ถามสิ นี่อาจารย์เป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ เราแสวงหาสัปปายะอย่างนี้แล้ว เราได้สัปปายะอย่างนี้แล้วทำไมไม่ขวนขวาย ถ้ามันขวนขวายขึ้นมามันก็เป็นประโยชน์กับเรา
นี่ทางกว้างขวาง ทางเปิดโล่งไง ทางเป็นทางไฮเวย์เลย แต่เดินไปไม่ได้ เดินไปไม่ได้เราก็ขวนขวายมีการกระทำของเรา
นี่พูดถึงฟังธรรมๆ ฟังธรรมก็ย้อนกลับมาย้ำเรานี่แหละ ย้ำเราให้ตื่นตัวตลอดเวลา อาหาร เวลาอดอาหารนะ เวลาหิวกระหายนะ หิวกระหายจนเดินแทบไม่ไหว พอบิณฑบาตมาฉัน จบเลย ร่างกายมันฟื้นฟูได้ง่าย จิตใจนี้ฟื้นฟูได้ยาก จิตใจนี้ฟื้นฟูได้ยาก
ฉะนั้น สิ่งที่ได้มาๆ พระธุดงค์ธุดงค์มาแล้วๆ สิ่งที่เราคัดเราแยก คัดแยกว่าให้เสมอต้นเสมอปลาย เวลาสิ่งที่เราทำไปแล้วเป็นของพระ อาหารบนโต๊ะนั้นสดๆ ร้อนๆ ของใหม่ๆ ทั้งนั้น ไม่รังเกียจ ได้สิ่งใดเป็นสิ่งนั้นเพื่อดำรงชีพ
เราอยู่กับครูบาอาจารย์นะ อยู่บ้านตาด ท่านจะไม่ให้โยมจับเลย ถึงเวลาเห็นพระตักไหม ตักๆๆ เวลาตักเสร็จแล้วท่านแจก แล้วเวลาแจกท่านก็ให้อุบายด้วยนะ ถ้าคนภาคกลางมันต้องเป็นข้าวสวยกับอาหารพื้นบ้านทางภาคกลาง ถ้าคนทางภาคอีสานมันควรจะเป็นอาหารทางภาคอีสาน
ดูคนๆ นะ จะแจกก็ต้องใช้สติใช้ปัญญา นี่พูดถึงว่าการจะกินยังต้องมีสติมีปัญญาเลย
ฉะนั้น สิ่งที่เราดูแลรักษานี้เพื่อให้เสมอภาค เก็บไว้นะ ของที่เก็บไว้ เก็บไว้เพื่อเด็กน้อย เราเห็นเด็กน้อย เด็กน้อยจะมั่งมีศรีสุขทุกข์จนเข็ญใจเหมือนกัน มันมีความต้องการเหมือนกัน เด็กไร้เดียงสา มันรู้ไม่ได้หรอกอะไรพอดีไม่พอดี มีแต่เราเท่านั้นน่ะเป็นผู้อบรมบ่มเพาะเขา
เด็กก็คือเด็ก จะมั่งมีศรีสุขมากน้อยแค่ไหน จะทุกข์จนเข็ญใจอย่างใด มันก็ชอบเหมือนกัน ปรารถนาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราจะให้แล้วเราจะอบรมคุ้มครองดูแลเขาอย่างไรให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นมา แล้วไปวัดไปวาแล้วให้เขาได้รับความอบอุ่น ให้เขาได้รับความน่าเชื่อถือ อ๋อ! วัดเป็นอย่างนี้
วัดไม่ใช่ไปถึงแล้วตู้บริจาคตั้งแต่ประตูวัดถึงส้วม ต้องหยอดอย่างเดียวเลย
เฮ้ย! เข้าวัดต้องซื้อบัตรขนาดนี้เชียวหรือวะ ไม่มีใครอยากไปวัดหรอก
ไปวัดคือไปวัดหัวใจของเรา เห็นแล้วชื่นใจ เห็นแล้วมันบอกว่าอันนี้สมควรว่าเป็นวัด เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล ผู้ทรงศีลต้องมีสติ ผู้ทรงศีลต้องมีปัญญา ผู้ทรงศีลต้องรักษาที่อยู่อารามิกนั้นให้สะอาด ให้เป็นที่น่ารื่นรมย์ เห็นไหม
ไปวัดไปวาไปวัดหัวใจของเรา นี่มีค่ามากกว่าไง มีค่ามากกว่าสิ่งที่ดำรงชีพ แต่เราก็ต้องดำรงชีพ มันมีกายกับใจๆ สิ่งที่เป็นเรื่องของระเบียบ เรื่องอะไรต่างๆ เขาเอาไว้บ่มเพาะนี่แหละ แล้วมันก็อยู่ที่เรานะ
ของเล็กน้อยๆ
ของเล็กน้อย เขื่อนมันพังเพราะของเล็กน้อย พระจะเสียก็เสียอย่างนี้
หลวงตาท่านเน้นย้ำประจำ อย่าให้มีหนึ่ง ถ้าทำครั้งที่หนึ่งมันจะมีครั้งที่สอง สาม สี่ ห้าตามมา ถึงไม่ให้มีครั้งที่หนึ่งๆๆ ไม่ให้มีเลยนะ ท่านพยายามจะให้เราหักห้ามใจของเรา อย่าให้มีครั้งที่หนึ่ง ถ้าครั้งที่หนึ่งแล้วสองสามมันจะไหลมาเลย
นี่พูดถึงว่าการฝึกหัดหัวใจไง ของมันเล็กน้อยหรือจะมากมายขนาดไหน แต่ฝึกใจนี้สำคัญกว่า ฝึกเราให้มีการเสียสละ ฝึกเราให้มีความเมตตา ฝึกเราให้มีการยับยั้ง ฝึกเราให้โอกาสคนอื่นก่อน เราให้โอกาสเขาได้ไหม
ไม่ได้เสียศักดิ์ศรี โดนเหยียดหยาม
เหยียดหยามอะไร เอ็งคิดเองหมดเลย ใครไปเหยียดหยามเอ็ง เขายังไม่รู้เรื่องเลย เอ็งคิดของเอ็งไปคนเดียวไง
นี่พูดถึงว่าการฝึกใจ การฝึกใจเราก็ฝึกหัดของเราเพื่อประโยชน์กับเรานะ ไปวัดไปวาฝึกหัดอย่างนี้ เรื่องทางโลกให้เป็นเรื่องของเขา เขาจะบอกว่าเราโง่เราเง่าเราเต่าเราตุ่น นั่นเรื่องของเขา
การเสียดสีและการเหยียดหยามมีอยู่ทั่วไป โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เราอยู่เป็นฆราวาสเราก็เคยเจอมาทั้งสิ้น พอเป็นพระแล้วนะ เป็นพระแล้วเขาจะพูดอย่างไรมันเรื่องของเขา
เวลาหลวงตาท่านสอน ใครจะทำดีทำชั่วอย่างไรเป็นเรื่องของเขา เขาจะทำชั่วมากขนาดไหนเรื่องของเขา เราจะทำความดีว่ะ เราจะทำความดีว่ะ
แล้วความดีของเรา เราเก็บเล็กผสมน้อย มีสติสัมปชัญญะ อารมณ์น่ะจับให้ได้ ทำไมมันคิดอย่างนี้ คิดอย่างนี้ถูกหรือผิด คิดอย่างนี้เคยคิดไหม จับเรื่อยๆ ฝึกหัด มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ นี่ไง สติปัญญามันจะรักษาหัวใจของเรา แล้วหัวใจของเรามันจะดีขึ้นๆ
ไม่ใช่ให้แต่ เฮ้ย! เราคิดถูกๆ แล้วมันจะคิดเหยียบย่ำตัวเอง มันคิดเยาะเย้ยถากถางหัวใจของตนทั้งนั้นน่ะ มันหลอกก่อนไง เบียดเบียนตนแล้วจะเบียดเบียนผู้อื่นมาภายหลัง
เบียดเบียนตน แล้วเราพยายามทำไม่ให้มันเบียดเบียนเราให้ได้ เราให้เท่าทันมัน ไม่ยอมให้มันเบียดเบียนเรา ไม่ยอมให้มันมีอำนาจเหนือเรา ไม่ยอมให้ความคิดเหนือเรา นี่ๆๆ พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ สอนให้ฝึกที่นี่ ทำที่นี่ ทำที่หัวใจของเรา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก เรารู้ในหัวใจของเราชัดเจนเลย คนอื่นสอนไม่ได้
หลวงตาท่านสอนประจำ เวลามีครูบาอาจารย์สอนเป็นของนอก คิดเองสำคัญ คิดได้เอง มีสติเอง ฟื้นฟูเอง คิดได้เอง อยู่ที่ไหนก็ต้องคิดได้เอง เอวัง