เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมๆ เพราะหลวงตาท่านสอนไว้ คนจริงเท่านั้นถึงจะมีความจริง คนเรรวนคนเร่ร่อนไม่ได้อะไรเลย
หลวงตาท่านสอนประจำ ธรรมะเป็นของจริง ธรรมะเป็นของจริง
ถ้าธรรมะเป็นของจริง เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราอยากได้ความจริง ถ้าเราอยากได้ความจริง ถ้าเราไม่เป็นคนจริง เราไม่มีความจริงใจของเรา เราจะไม่ได้ทำ ไม่ได้อะไร ได้แต่มารยาสาไถย ได้แต่ลูบหน้าปะจมูก
หลวงตา อยู่กับหลวงตาท่านบอกเลย จมูกขาด ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ความจริงเป็นความจริงวันยังค่ำ ความจริงมันต้องเป็นความจริง
แล้วความจริงมันอยู่ที่ไหนล่ะ
ความจริงมันอยู่ที่ตัวเรา แต่ตัวเราไม่รู้ไม่เห็นไง พอตัวเราไม่รู้ไม่เห็น เห็นไหม
ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ สัจธรรมอันนั้นยิ่งใหญ่นัก ทั่วทั้งโลกเลย
เวลาเขาพูดถึงเรื่องศาสนา เขาชื่นชมพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพใช่ไหม สันติภาพ สันติภาพภายนอกและภายใน
ถ้ามันไม่มีสันติภาพจากภายใน มันมองแต่สันติภาพภายนอก แล้วเวลาสันติภาพภายนอกมันโต้แย้งกันนะ เก่งเสียด้วย
เวลาพรรคคอมมิวนิสต์ ความเสมอภาคๆ มันทำให้จนเสมอกันไง มันทำให้จนเสมอกัน แล้วเวลาความเสมอภาคๆ แล้วมันเสมอภาคไหม เวลามันไม่เสมอภาค ผู้นำ ผู้นำใช้จ่ายฟุ่มเฟือยน่ะ เขาบอกว่าแรงงานสมอง แรงงานสมองต้องมากกว่าแรงงานกาย นี่ไง มันเสมอภาคตรงไหน พรรคคอมมิวนิสต์มันเสมอภาคตรงไหน มันทำให้จนเสมอภาคไง
แต่ในพระพุทธศาสนา ความเสมอภาค ความเสมอภาคในพระพุทธศาสนา เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ถ้าเมตตาธรรมมันมีความเมตตา แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ถ้าแผ่นดินธรรมๆ คนที่มีธรรมในหัวใจ พ่อแม่รักลูกไหม พ่อแม่ถนอมลูกไหม
พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้นะ ลูกออกมามันแย่งลูกไปก่อนเลย มันแยกพ่อ แยกแม่ แยกลูกหมดเลย แล้วมันทำให้จนเท่ากัน พอทำให้จนเท่ากันแล้วมันก็ไม่มีกินเหมือนกัน พอไม่มีกินเหมือนกันแล้วมันอยู่ได้ไหม นี่ไง มันเป็นเรื่องโลกๆ ไง เวลาโลกๆ เอาสิ่งนี้มา ความเสมอภาคๆ
เสมอภาคน่ะ นิ้วคนยังไม่เท่ากันเลย
ในพระพุทธศาสนามันเสมอภาค เสมอภาคจากหัวใจ
หน้าที่ของพ่อของแม่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ความมีลูกมานะ ในภาษิต ‘โซ่ทองคล้องใจ โซ่ทองคล้องใจ’ เวลาโซ่ทองคล้องใจ พ่อแม่ลูกมันทะเลาะกันน่ะ โซ่ทองคล้องใจ เถียงกันทุกวันเลย โซ่ทองคล้องใจ
มันโซ่ทอง โซ่ทองมันเป็นความผูกพัน แต่ด้วยเวรด้วยกรรมของคน เวลาเกิดมาเรามีอภิชาตบุตร บุตรที่ได้ทำบุญกุศลมานะ ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเกิด นางมหามายาฝันเห็นช้างเผือกเข้ามาสู่ครรภ์น่ะ โอ้โฮ! นั่นเป็นบุญกุศล เป็นอำนาจวาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ลูกที่อภิชาติที่จะมาทำความดีงามของโลกมันมีมาตั้งแต่นั่นน่ะ
ทีนี้เวลาเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ศาสนา เวลาศาสนาเพื่อเมตตาธรรมค้ำจุนโลก แล้วเวลาผู้ที่มันไม่มีธรรมในหัวใจ ผีบุญ ไอ้พวกผีบุญน่ะ มันเขียนประวัติเชียวนะ โอ้โฮ! อาตมภาพจะเกิด แม่อาตมภาพฝันเห็นว่าช้างเผือก โอ้โฮ! ประวัติไปอ่านสิ ไอ้พวกผีบุญน่ะ แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์นะ มันมีความละอายแก่ใจ
คนเรานะ ถ้ามันมีความละอายแก่ใจนะ มันเป็นสัจจะเป็นความจริงในหัวใจนะ ลงในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเธอ”
เวลาหลวงตาท่านเรียนถึงจบเป็นมหา ไปหาผู้ที่อบรมสั่งสอน ไปหาหลวงปู่มั่นไง
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐ คำว่า “ประเสริฐ” ประเสริฐมันเชิดชูไว้เหนือศีรษะ เหนือเกล้า ไม่เคยลบหลู่ ไม่เคยตีตนเสมอ ไม่เคยวัดรอยเท้า ไม่เคยสิ่งใดทั้งสิ้น
เวลาหลวงตาท่านเทศนาว่าการ ท่านบอกว่า “เราไม่กล้าพูดว่าเป็นมหาสติ มหาปัญญา เราไม่กล้าพูด เราไม่กล้าวัดรอยเท้า” ท่านอ่อนน้อมถ่อมตนมาก
แต่เวลาท่านอบรมลูกศิษย์ลูกหานะ คนจริงเท่านั้นถึงได้ความจริง ถ้าคนจริงมันหาความจริงอยู่ ถ้าไม่ประกาศความจริง มันจะได้ความจริงได้อย่างไร เวลาเทศน์อบรมพระ อันนั้นน่ะยิ่งใหญ่ ท่านแจก ท่านแยก แจกแจงตั้งแต่หลานมัน ตั้งแต่ลูกมัน ตั้งแต่พ่อมัน ตั้งแต่ปู่มันน่ะ เวลากิเลสมันหลอกมันปลิ้นมันปล้อน มันปลิ้นปล้อนอย่างไร เวลามันปลิ้นปล้อนมันพิจารณากันอย่างไร นี่เวลาเป็นความจริงๆ ขึ้นไป
ถ้าเป็นความจริง เวลาท่านชี้หน้ากิเลส ท่านเทศน์เพื่อเปิดโปงกิเลส อันนั้นเวลาแสดงธรรมอย่างนั้นน่ะ ไอ้นั่นไม่ใช่วัดรอยเท้า แต่ความจริง ความจริงท่านลงในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก
เวลาของเรา คนหลงป่าๆ มีพรานป่าพาเราออกจากป่ามา เขาไม่มีคุณกับเราหรือ พรานป่ามันเดินออกไป เราเดินตามหลังไปโดยที่พรานป่าไม่รู้ตัว พรานป่าจะมีบุญกับเราไหม มีกุศลกับเราไหม ถ้าเราไม่เจอพรานป่า เราก็ตายอยู่ในป่านั้นไง
ไอ้คนที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันหลงกิเลสในตัวมันเองไง มันคลุกเคล้ากิเลส กิเลสมันเหยียบมันย่ำในหัวใจอยู่อย่างนั้นไง แล้วมีธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นนายพรานเดินจนเป็นช่องทางให้เราเดินออกจากป่าได้น่ะ มันจะเคารพบูชาไหม ถ้าเคารพบูชา ถ้าใจมันเป็นธรรมๆ นะ เมตตาธรรมค้ำจุนโลกไง
แต่ถ้าเป็นทางโลก เวลาไอ้พวกผีบุญน่ะ ผีบุญมันพูดแต่เรื่องโลกๆ ไง ความเสมอภาคๆ ทำให้จนเสมอภาค แล้วเสมอภาคมันก็ไม่เสมอภาค เพราะอะไร เพราะมันตั้งกฎกติกาขึ้นมาไง พรรคคอมมิวนิสต์ อำนาจมาจากปลายกระบอกปืน มันยิงทิ้ง มันมีตำรวจลับคอยเช็กว่ามึงคิดอะไร มึงทำอะไร เสมอภาคหรือ
แต่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ให้มีศรัทธาความเชื่อ มีศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเรามีศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตที่ได้มา สิ่งที่จะได้สัมผัสธรรมๆ คือหัวใจของสัตว์โลก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ ถ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ก็รื้อตั้งแต่ความรู้สึกนึกคิด รื้อตั้งแต่เจตนาเข้ามา
แต่พวกเราเกิดมาด้วยอวิชชา เกิดมาด้วยเวรด้วยกรรมของคนไง ความคิดคนไม่เหมือนกันใช่ไหม คนที่คิดดีๆ เด็กกตัญญูมันดูแลพ่อดูแลแม่มัน มันเชื่อมันฟัง ไอ้นั่นก็บุญกุศลนะ นั่นแหละบุญ บุญคือในครอบครัวของเราเจรจาพูดจากันรู้เรื่อง พ่อแม่ลูกมีความอบอุ่น ทุกคนอยากกลับบ้าน เสร็จงานแล้วอยากกลับบ้าน
ไม่ใช่เสร็จงานแล้ว โอ้โฮ! ตาย กูทำงานไม่กลับบ้านเลย กลับไปในบ้านมันมีแต่ความขัดแย้ง มันมีแต่ความโต้แย้ง มันทุกข์มันยาก มันไม่อยากหันหน้ากลับบ้านเลย นี่ไง มีบาป
แต่บาปกับบุญมันแก้ไขได้ มันแก้ไขด้วยการอบรมบ่มเพาะ
คำว่า “อบรมบ่มเพาะ” พ่อแม่อบรมดูแลรักษา นั่นน่ะความผูกพันๆ อภิชาตบุตร อภิชาตบุตรเกิดมาที่ดีงาม
แล้วว่าบุญมันอยู่ที่ไหน ทำบุญอยากได้บุญ
บุญคือบุญกุศล เป็นกุศล คิดเป็นกุศล รักษาชีวิตเราเป็นกุศล ความเป็นกุศล ความคิดที่ดีงาม นั่นเป็นบุญ แล้วถ้ามันได้ นี่แผ่นดินธรรม พอแผ่นดินธรรมถ้ามันเป็นแผ่นดินทอง ทำสิ่งใดแล้วได้ทรัพย์ได้สมบัติ ได้สิ่งใดมาเราแจกกัน เราเจือจานกัน เราไม่กักไม่ตุน นี่ไง ถ้าจิตใจมันดี มันดีมาจากภายใน โอ้โฮ! มันดีงามไปหมดเลย
แต่จิตใจมันไม่ดีงามจากภายในมันผีบุญ พวกผีบุญ เห็นไหม ในทางโลกนะ พรรคคอมมิวนิสต์ อำนาจมาจากกระบอกปืน แต่เวลาไอ้พวกผีบุญ พวกลัทธิศาสนา สงครามครูเสด ๒๐๐-๓๐๐ ปี ความเห็นขัดแย้งกันในศาสนา รบราฆ่าฟันกันไม่จบไม่สิ้น
มันมีพระพุทธศาสนาที่ไม่มีศึกไม่มีสงคราม แต่มันมีก็มีแต่โลกกับธรรม ถ้ามองแบบโลกๆ ก็มองแบบพรรคคอมมิวนิสต์ แล้วเวลาพรรคคอมมิวนิสต์ ศาสนาเป็นยาเสพติด เวลาศาสนาเป็นยาเสพติด ไม่ให้เชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ให้เชื่อจัดตั้ง ให้เชื่อองค์กร ให้เชื่อองค์กรแล้วองค์กรมันเสมอภาคจริงหรือไม่
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
นี่ไง มันไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น มันจะให้เชื่อจากการจัดตั้งของมัน แล้วอำนาจมาจากปลายกระบอกปืน มาจากการกดขี่บังคับ แล้วเสมอภาคๆ...ล่มสลายไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นธรรมๆ น่ะ ผีบุญ ผีบุญมันก็เรื่องโลกๆ ใช่ไหม แต่ถ้าเป็นพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาให้มีศรัทธามีความเชื่อ แล้วเวลาศรัทธาความเชื่อ เชื่อในอะไร
เวลาคนว่าคนนู้นก็ดี คนนี้ก็ดี ดีก็ดีของเอ็ง ทำไมต้องเอามาโชว์ ดีก็ดีของมึง ถ้าความดีๆ ความดีถ้ามันตัดสินก็ตัดสินด้วยศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ความดีน่ะ ศีล สมาธิ ปัญญา
เวลามันเกิดสมาธิๆ สมาธิเป็นของเรา ถ้าสมาธิเป็นของเรา พอสมาธิเป็นของเรามันซาบซึ้งนะ ถ้าเข้าถึงสมาธิได้ เข้าถึงความสุขสงบระงับได้ ความสุขสงบที่มีสติสัมปชัญญะมันจะซาบซึ้งในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ไง ปุถุชน กัลยาณชน
ปุถุชนคนหนา ไม่เชื่อใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อแต่ผีบุญ เชื่อแต่การครอบงำของโลก แล้วเชื่อแต่ความโลภ อยากดัง อยากใหญ่ อยากมีอำนาจ อยากจะครอบงำโลก นี่ผีบุญ
แต่พอถ้ามันทำสมาธิได้ โอ้โฮ! มันเห็นนะ แล้วครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมๆ น่ะ ชีวิตนี้สั้นนัก วันเวลาล่วงไปๆ บัดนี้ทำอะไรอยู่ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ปั๊บ วัน ปั๊บ เดือน โอ้โฮ! แล้วเราก็ชราคร่ำคร่า เราจะตายอีกแล้วหรือ เรายังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเราไปเลย เรายังไม่ได้ศีล ไม่ได้สมาธิ ไม่ได้คุณธรรมเลย นี่มันขวนขวายไง ขวนขวายในอะไร
นี่ไง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแป็นที่พึ่งแห่งตนไง
พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้เบียดเบียนกันนะ ไม่ได้สอนให้ทำลายกันนะ แต่เราเป็นสาวกสาวกะ เป็นลูกศิษย์ลูกหา เราทำสิ่งใดไม่ได้นะ เราก็แสวงหาครูบาอาจารย์ที่เป็นคนคอยบอกทางเราไง แล้วคนที่มันหลงทาง คนที่มันเดินทางอยู่นี่ “ชี้ทางมา ชี้ทางมา” เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัตินะ “บอกมา อาจารย์บอกมาสิ ผมจะไปให้ได้”
แต่บอกแล้วมันไม่รู้
เวลาคนที่จะบอกมาๆ น่ะ มันก็แบบครูบาอาจารย์หลวงตาไปหาหลวงปู่มั่น จิตเสื่อมหมดเลย จิตเสื่อม เวลาออกมาประพฤติปฏิบัติที่จักราชพรรษาแรก ใช้กำหนดเฉยๆ กำหนดเฉยๆ ก็ดูจิตนั่นแหละ เพราะว่าศึกษามาจบเป็นมหา พอเป็นมหามีความรู้มาก ตรึกในธรรมๆ มันก็เป็นสมาธิได้ จิตนี้แข็งปึ๊งเลย ไปทำกลดหลังเดียวเสื่อมหมดเลย พอเสื่อมหมดเลย ไปหาหลวงปู่มั่นนี่ไง
ความรู้เป็นมหา ความรู้เต็มพุงเลย แต่ไปถึงแล้วมีแต่ความเร่าร้อนไง ไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านบอกเลยนะ เด็กน้อยมันต้องกินอาหาร โดยธรรมชาติสิ่งมีชีวิตมันต้องมีอาหารของมัน ไม่มีอาหารมันต้องตาย ธรรมะก็เหมือนกัน สิ่งที่มันจะเป็นไปได้มันต้องมีอาหารของมัน
นี่ไง หลวงปู่มั่นบอกว่า เด็กน้อยมันต้องกินอาหาร ตอนนี้เด็กมันดื้อ เด็กมันไปเที่ยวเล่น คือมันเสื่อมหมดเลย ไม่ต้องไปวิ่งตามมัน ถ้าวิ่งตามเด็กมันไป เด็กมันจะวิ่งหนีไปไกลใหญ่เลย ถ้าวิ่งหาหัวใจของตนยิ่งไม่เจอใหญ่เลย เตรียมอาหารไว้ ให้กำหนดพุทโธๆๆ
แต่มันดูจิตมาตลอดไง ไม่ได้กำหนดอะไรเลย พอไม่ได้กำหนดอะไรเลย คนมันเคย เหมือนเด็กใจแตก พอเด็กใจแตก บอกว่าคืนนี้ห้ามออกเที่ยว ไม่ได้นะ มันติดแสงสีเสียง มันอยากจะไปเห็นแสงสีเสียงมัน จิตที่มันเสื่อม มันเสื่อมมันก็ไปอย่างนั้นน่ะ ทีนี้พอให้กำหนดพุทโธๆ ๓ วันแรกอกแทบระเบิด
นี่เวลาหาครูบาอาจารย์ที่สอนไง เวลาเขาจะแก้ เขาแก้กันที่หัวใจไง หัวใจที่มันดื้อมันด้าน หัวใจที่มันหลงมันใหล ให้หัวใจมันได้มีสติสัมปชัญญะมา แล้วถ้ามันได้สติสัมปชัญญะมา มันต้องได้มาจากหัวใจนั้น
หัวใจนั้นที่มันเสื่อมไปมันรู้สึกถึงความทุกข์ความยาก อกแทบระเบิดมันทุกข์มันยากขนาดไหน แล้วกำหนดพุทโธๆ มันพุทโธๆ อย่างไร ให้หาอาหารมาไว้ พุทโธคืออาหารของใจ ถ้ามีอาหารไว้ เวลามีอาหาร เด็กที่มันหิวมันกระหายมันจะวิ่งเข้ามาหาอาหารเอง
แต่เราไม่มีพุทโธ เราไม่มีอาหารเลย แล้ววิ่งไปหามันน่ะ “ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ” มันวิ่งหนีเลย “รักเธอ” หิวจะตาย ไม่มีอะไรเลย แต่ฉันพุทโธๆๆ เรากองอาหารไว้เต็มเลย เอ็งจะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามากินนะ พุทโธๆๆ
๓ วันแรกจิตแทบระเบิด แต่ก็พยายามทำ พยายามทำเพราะเชื่อมั่นในองค์หลวงปู่มั่น พุทโธๆๆ จนมันสงบระงับเข้ามา จากที่มันเครียด มันเสียใจ มันทุกข์ใจ มันตรอมใจ มันว้าเหว่ มัน โอ๋ย! หัวใจทำไมมันทุกข์ขนาดนี้ ขนาดนี้น่ะ
เวลาพุทโธไปเรื่อยๆ พอพุทโธไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ไปคิดถึงความหิวความกระหาย ความว้าเหว่ต่างๆ ไอ้ความว้าเหว่ ความทุกข์ความยากมันเกิดจากใจทั้งสิ้น พุทโธๆๆ หนึ่ง มันก็ไปคิดถึงความหิวความกระหาย ความทุกข์ความยากไม่ได้อยู่แล้ว พอไม่ได้อยู่แล้วนะ แล้วมันเห็นอาหารกองอยู่ มันก็กลับมาที่กองอาหารนั้น พอกลับมาที่กองอาหารนั้น มันสงบปั๊บ เออ! จริงของท่าน
เวลาท่านมาเล่าให้ฟังทีหลังนะ ท่านบอกว่าสอนเหมือนเด็กๆ
สอนเหมือนเด็กๆ คนที่ภาวนาเริ่มต้นมันภาวนาไม่เป็น มันยิ่งกว่าเด็ก มันไม่มีทางออกเลยแหละ สอนเหมือนเด็กๆ แล้วท่านก็ทำของท่านๆ ทำของท่านจนประสบความสำเร็จ ความประสบความสำเร็จคือจิตสงบเท่านั้น แล้วพอจิตสงบแล้ว เห็นไหม
เวลาไปอยู่ที่จักราช ๑ พรรษา เป็นสมาธิแข็งปึ๋งเลย แล้วมันเสื่อมไปหมดเลย เข็ดไหม มันเจริญแล้วเสื่อม รู้จักไหม
คนเรามันเคยเห็น เคยสัมผัส แล้วมันหายไปจากเราทั้งหมด ไม่ต้องไปเรียนที่ไหนหรอก ใครสอนกู กูก็ไม่เชื่อ กูเป็นของกูเอง กูทุกข์กูยากขนาดนี้ แล้วเวลามันฟื้นฟูขึ้นมา มันสุขกว่านี้ นี่ไง การประพฤติปฏิบัติมันเป็นการอบรมสั่งสอน มันเป็นประสบการณ์ทั้งสิ้น
นี่ไง เรามีศรัทธามีความเชื่อในพระพุทธศาสนา เวลาเชื่อในพระพุทธศาสนาเราขวนขวายเพื่อคุณงามความดีของเราไง แต่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาออกประพฤติปฏิบัติไง กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อ เชื่อคือเหยื่อ เป็นเหยื่อเขาทั้งนั้น
แต่เวลาหลวงตาท่านไปหาหลวงปู่มั่น เชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ หลวงปู่มั่นออกอุบายวิธี อบรมสั่งสอน แก้ไข แต่เวลาเป็นจริงมันเป็นจริงในใจของหลวงตา มันเป็นจริงในใจของผู้ที่ปฏิบัติ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไอ้เชื่อๆ เหยื่อทั้งนั้น
แต่ถ้าเป็นความจริงนะ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องมีศรัทธาความเชื่อ ความเชื่อในพระพุทธศาสนา ความเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ถ้ามันประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญา อย่าไปเชื่อใครทั้งสิ้น อย่าให้กิเลสมันหลอก อย่าให้กิเลสมันบังเงา อย่าให้กิเลสมันพลิกแพลงไง
พรรคคอมมิวนิสต์เสมอภาคๆ เสมอภาคด้วยปลายกระบอกปืน
แต่ถ้าใจมันเป็นจริง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก
แล้วเวลาการกระทำ ให้ชนะหัวใจของตน ทำเพื่อหัวใจของตน พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จะชื่อนาย ก. นาย ข. นาย ง. ก็แล้วแต่ มันมีพุทธะเหมือนกัน มันมีความรู้สึกเหมือนกัน มันมีความทุกข์เหมือนกัน เวลาเข้าไปเห็นพุทธะ เห็นความรู้สึกของตน จะชื่อนาย ก. นาย ข. นาย ง. มันก็พุทธะเหมือนกัน แต่พุทธะของใจดวงนั้น เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก ไม่ต้องเซ็นชื่อ ไม่ต้องมีตราประทับ มันเป็นจริงในใจอันนั้น
แล้วเป็นจริงในใจอันนั้น เวลาถ้ามันพัฒนาขึ้นไปนะ มันออกฝึกหัดใช้ปัญญานะ มันวิปัสสนาไป อ๋อ! ในวงพระกรรมฐานเขาถึงทำกันไง เขาทำสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน วิปัสสนามันเป็นอย่างนี้ อ๋อ!
แต่ถ้าคนไม่เคยเป็นมันไม่อ๋อ! หรอก มันด้นมันเดา มันสันนิษฐานน่ะ เดาคือสันนิษฐาน สันนิษฐานว่าใช่ ไม่มีหรอก ถ้ามันมีมันต้องพูดถูกต้อง
เวลาครูบาอาจารย์ท่านสนทนาธรรมกัน พูดมา ถ้าพูดชื่อนาย ก. นาย ข. นาย ง. ถูก มันรู้จักนาย ก. นาย ข. ถ้ามันบอกว่าไอ้นั่นไอ้นี่ เออ! มึงไม่รู้จัก ถ้ามึงไม่เคยเห็นของจริงมึงไม่รู้จักหรอก นี่ไง ถ้ามันยกขึ้นสู้วิปัสสนา วิปัสสนาถูกไหม พูดต้องถูกต้อง
เวลาถูกต้อง ครูบาอาจารย์ท่านสนทนาธรรมถูกต้องเป๊ะๆๆ พูดคำเดียวไม่ต้องพูดมาก ไอ้พูดมากน้ำท่วมทุ่ง แล้วมันไปมันก็เป็นผีบุญน่ะ
ถ้าไม่เข้าถึงหัวใจของตน มันจะไม่เห็นคุณค่าของสติ ของสมาธิ ของปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญามีคุณค่ากว่าวัตถุในโลกนี้ทุกๆ อย่าง ศีล สมาธิ ปัญญาอบรมสั่งสอนให้คนเป็นคนดี อบรมสั่งสอนให้คนฉลาด อบรมสั่งสอนให้คนไม่เป็นเหยื่อ แล้วไม่เป็นเหยื่อกิเลสของตนอีกด้วย อย่าให้กิเลสมันพลิกแพลงว่าเรายิ่งใหญ่ เรารู้แล้ว
รู้อะไร
มานะ ๙ เสมอเขาสำคัญว่าเสมอเขา สำคัญว่าสูงกว่าเขา สำคัญว่าต่ำกว่าเขา
สูงกว่าเขา สำคัญว่าสูงกว่าเขา สำคัญว่าเสมอเขา สำคัญว่าต่ำกว่าเขา
ต่ำกว่าเขา สำคัญว่าต่ำกว่าเขา สำคัญว่าเสมอเขา สำคัญว่าสูงกว่าเขา
ต่ำกว่าเขามันก็ต่ำตามข้อเท็จจริง ไปสำคัญทำไม รู้อะไร รู้ก็รู้ในใจของตน ถ้ารู้เทียบในพระไตรปิฎก พระไตรปิฎกในคือประสบการณ์ของตน เทียบไปในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จริงหรือไม่จริง เปิดพระไตรปิฎกไป ผู้ปฏิบัติไปเปิดทีหลัง อ๋อ! อ๋อ!
แต่ถ้ามันไม่เป็นนะ เวลากฎหมายตีความ ตีความแล้วก็ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ นี่ก็เหมือนกัน เวลามันเปิดพระไตรปิฎกก็ตีความๆ ไม่เข้าใจหรอก
แต่ถ้าเป็นจริง เอ๊อะ! เออ! เราก็เคยเป็นอย่างนี้ เราก็เคยเป็นอย่างนี้ อ๋อ! อย่างนี้เราเป็นแล้ว อ๋อ! อย่างนี้ยังไม่ได้เป็น อย่างนี้ยังไม่เห็น อ๋อ! นี่เห็นแล้ว นี่เวลาเป็นธรรมๆ มันเป็นธรรมจากความจริง นี่เคารพธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ความเสมอภาคมันเสมอภาคกันโดยภราดรภาพ คือสิ้นกิเลสเหมือนกัน เป็นพระโสดาบันเสมอกันด้วยคุณธรรมของพระโสดาบัน พระสกิทาคามี ความเสมอกันด้วยความเป็นพระสกิทาคามี พระอนาคามีเป็นความเสมอกันด้วยความเป็นพระอนาคามี พระอรหันต์มีความเสมอกันด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ แต่พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งเอตทัคคะผู้ที่ชำนาญ ผู้ที่มีความเด่นชัด ๘๐ วิธีการ
พระอรหันต์ต้องมีความสะอาดบริสุทธิ์เหมือนกัน ความเสมอกันคือความเสมอกันด้วยสติด้วยปัญญา แต่บารมีของคน ลูกเราเกิดมาไม่เหมือนกัน นิ้วคนไม่เท่ากัน
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ความเสมอภาค ภราดรภาพ ความสะอาดบริสุทธิ์ในใจเท่ากัน แต่เรื่องวัตถุ เรื่องอำนาจวาสนาของคนมันแตกต่างกัน เอาสิ่งนี้มาวัด เอาสิ่งนี้มาเทียบเคียงกันไม่ได้ ถ้าเทียบเคียงกันไม่ได้ เอาความสะอาดบริสุทธิ์ เอาความเมตตาธรรม เอาความจริงในใจของเราเป็นที่ตั้ง แล้วพยายามขวนขวายเข้าไปหาสัจจะหาความจริงในหัวใจของเรา นั้นถึงเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอวัง