เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เมื่อวานได้ดูนักวิชาการเขาพูดนะ เขาพูดถึงเด็ก เด็กมีการศึกษาตั้งแต่อยู่ในท้อง จนถึงแค่ ๓ ขวบ ถ้าเกิน ๓ ขวบไปแล้วก็ปกติแล้ว ตั้งแต่เด็กเกิดจน ๓ ขวบ มันจะมีการสร้างใยประสาท เหมือนกับสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ความจุของโปรแกรมได้มากหรือได้น้อย ถ้าเกินจาก ๓ ขวบไปก็ช้าไปแล้ว ! ถ้าเกินจาก ๓ ขวบไป ก็คือการศึกษาธรรมดานี่แหละ คือพยายามจำ จำได้หรือไม่ได้นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ว่าเด็กมีการศึกษา
เขาบอกว่า เด็กอย่าเข้าใจว่ามันพูดไม่ได้ แล้วมันไม่มีการศึกษา แม้จะอยู่ในท้องมันซึมซับตลอด มันซึมซับทุกอย่างเลย แล้วพอมันโตขึ้นมา จากตั้งแต่พูดไม่ได้ มันรับรู้หมดแต่มันพูดไม่ได้ แต่เราไปเข้าใจว่ามันรับรู้ไม่ได้ไง
ที่เขาพูดทางวิทยาศาสตร์ ต้องเลี้ยงอย่างนั้น ต้องทำอย่างนั้น แล้วเด็กมันจะดี.. ดีไปหมด นี่คือความคิดของทางวิทยาศาสตร์นะ เราเห็นด้วยครึ่งเดียว ส่วนใหญ่เราจะเห็นด้วย ๕๐% เพราะอะไรรู้ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นนะ เด็กถ้ามีการศึกษา มีการควบคุมแบบนั้น เด็กมันต้องดีหมด คือว่าถ้าพ่อแม่ดี เราควบคุมดี เด็กมันจะเป็นไปตามสมความปรารถนาไง แต่ไม่ได้พูดเรื่องกรรม
ถ้าพูดเรื่องกรรมนะ ดูสิ ดูอย่างสร้างบุญสร้างกรรมขึ้นมา ดูในพระไตรปิฎกนะ หมอชีวกนะ เขาเอาไปทิ้ง ขนาดเอาไปทิ้ง ตั้งใจจะให้ฆ่า ตั้งใจเอาไปให้วัวเหยียบเพราะตัวเองจะฆ่าเขา คนมีคุณธรรมเหมือนกัน แต่เพราะว่าพราหมณ์พยากรณ์ใช่ไหม ว่าคนนี้ต่อไปจะเป็นคู่แข่งของลูก เอาไปทิ้งนะ เวลาฝูงโคมานะ แล้วเอาเด็กแดงๆ ไปวางไว้ให้โคมันเหยียบตาย แล้วจะฆ่าก็ฆ่าไม่ลง มันด้วยบุญกรรมเห็นไหม หัวหน้าโคมันมายืนขวางไว้ คร่อมไว้ โคมันไม่กล้าเหยียบหรอก จะทำอย่างไรก็ไม่ตาย จะฆ่ายังไงก็ไม่ตาย สุดท้ายแล้วนะ ลูกตัวเองตาย เพราะตัวเองไปอาฆาตมาดร้ายเขา
นี่ไง สิ่งที่มันเป็นบุญเป็นกรรมมันก็ส่วนหนึ่งนะ ถ้าเป็นวิทยาศาสตร์มันก็คิดแต่เรื่องวิทยาศาสตร์ คิดแต่เรื่องสรีระ คิดแต่เรื่องปัจจุบันนี่ไง แต่เรื่องธรรมะมันมีเรื่องบุญกุศลเข้ามาสอดแทรก บุญกุศลตัวนี้เห็นไหม ไอคิวๆ...ไอคิวต่างๆ และเรื่องปฏิภาณไหวพริบ
ดูอย่างพระโพธิสัตว์ ดูอย่างปัญญาของเราเห็นไหม ถ้าพูดถึงเด็กตั้งแต่เกิดจนถึง ๓ ขวบ มันจะซึมซับตลอดไป มันก็ย้อนกลับมาที่วิปัสสนา ถ้าไม่มีสมาธินะ ตัวสมาธิว่ามันคิดไม่ได้.. คิดไม่ได้ไง ใครว่าสมาธิคิดไม่ได้ สมาธิ พุทโธๆ เนี่ย โง่เง่าเต่าตุ่น จะต้องใช้ปัญญาสายตรง
ปัญญาสายตรงคือปัญญาความจำ แต้ถ้ามีสมาธิขึ้นมานี่คือมันมีพื้นฐานก่อนไง จิตมันรับรู้ก่อน จิตมันแข็งแรงก่อน พอมันไม่รับรู้ ถึงมันพูดไม่ได้มันก็รับรู้นะ เราคิดว่าการศึกษา มันต้องมีการสื่อสาร มีการคุยกัน มีการพูดกันมันถึงจะเป็นการศึกษา เด็กมันไม่รับรู้ มันพูดไม่ได้ แต่มันรับรู้ มันซับของมัน
สมาธิก็เหมือนกัน ถ้าสมาธินะ เรามีจิตของเรา จิตมันสงบเข้ามา มันรับรู้ของมัน มันมีความสุขความทุกข์ของมันนะ เวลาจิตมันสงบเข้ามา โอ้โฮ.. มันมหัศจรรย์นะ มหัศจรรย์ความสงบของใจ ใจที่สงบนี่ตื่นเต้นมาก แล้วรู้จักตัวตนด้วย ถ้าคนจิตสงบขึ้นมา มันจะไม่ทำสิ่งต่างๆ ที่มันเคยทำความผิดพลาดเลย
อย่างปกติเราทำอะไรเราจะไม่ยั้งคิดหรอก ยั้งคิดอะไรไม่ได้ แล้วทำตามอารมณ์ ทำตามความรู้สึก แต่พอจิตมันสงบเข้ามา มันจะไปเห็นสิ่งที่มีสติเหนือกว่าการควบคุม เหนือกว่าการควบคุมอารมณ์ทุกอารมณ์ อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ แต่นี่เหนือการควบคุม พอมันเหนือการควบคุม พอจิตมันมีความฝังใจอันนี้ มันทำอะไรมันก็จะคิดถึงอันนี้ไง
คิดถึงอันนี้เพราะอะไร เพราะสิ่งต่างๆ ที่มันทำไปเห็นไหม มันทำไปโดยสัญชาตญาณ แต่สติมันเข้ามาถึงความสงบของใจ ใจมันสงบอันนี้ มันถนอมรักษาอันนี้ ถ้ามันถนอมรักษาอันนี้นะ การกระทำต่างๆ มันจะเบาลงแล้ว มันไม่ทำตามสัญชาตญาณที่จะทำไปตามสัญชาตญาณ
เราศึกษาธรรมกัน เห็นไหม วิปัสสนาสายตรง แต่เข้าไม่ถึงข้อมูลอันนี้นะ มันลูบคลำไง มันลูบคลำ เหมือนกับเราเห็นความทุกข์ของคนภายนอกจากข้างนอก เราไม่ได้สุขไม่ได้ทุกข์จากของเรา
ดูสิ ภายในครอบครัวเรา คนอื่นเขาทุกข์ยากของเขา แต่ภายในครอบครัวเราทุกข์ยากเราจะสะเทือนใจมากเลย ในครอบครัวเรานะ แล้วในตัวเราล่ะ ในตัวเราถ้ามันทุกข์ยากมันทุกข์เข้าไปอีก มันทุกข์เข้าไปอีกนะ เพราะอะไร เพราะมันสะเทือนถึงตัวเราแล้ว สะเทือนถึงตัวเรา
แล้วถ้ามันเข้ามาถึงจิต เข้าไปถึงตัวเรา จิตมันเข้าไปสงบ แล้วว่าสมาธิไม่มีคุณค่า .. สมาธิไม่มีคุณค่า ไอ้ที่เขาพูดๆ กันนะเขาไม่เห็นสมาธิ เขาไม่เคยเห็นสมาธิ เขาไม่เรียกสมาธิหรอก เขาไม่รู้จัก !
ถ้ารู้จักสมาธินะ มันจะถนอมรักษา เพราะอะไร เพราะการเข้าการออกสมาธิ การทำสมาธิเนี่ย กว่าจะได้มามันลงทุนลงแรง มันมีการกระทำของมัน ถ้าการกระทำอันนี้มันถนอมรักษาอันนี้ปั๊บ มันจะเข้าใจ แล้วพอเข้าใจ มันพูดไม่ได้ เด็กมันพูดไม่ได้แต่มันซึมซับ มันรับรู้ นี่ก็เหมือนกัน ปัญญามันเกิดไม่ได้ แต่มันซึมซับโดยใช้สัญชาตญาณนะ มันซึมซับโดยจิต มันซึมซับโดยความสุข ความทุกข์ของสมาธิ
ถ้าสมาธิมันมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมาเห็นไหม ดูสิ คนที่มีสมอง มีไอคิวดี มีปฏิภาณไหวพริบดี สิ่งนี้มันเกิดมาจากการฝึกฝนอันหนึ่ง เพราะอะไร เพราะเวลาเราแก้ไขกิเลสมันต้องเป็นปัจจุบันธรรม กิเลสนะมันเกิดในปัจจุบันนี้ แต่บุญกรรมนี้ อดีตส่งมา แล้วในปัจจุบันถ้าเราไม่สร้าง..
ดูอย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นไหม พราหมณ์พยากรณ์เลย ถ้าไม่ออกบวชจะเป็นจักรพรรดิ ถ้าอยู่ครองราชวังจะเป็นจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจะเป็นศาสดาเห็นไหม ทำไมคำพยากรณ์เป็นสองละ ทำไมไม่ฟันธงว่าเป็นหนึ่งเดียวละ
แต่พระอัญญาโกณฑัญญะฟันธงไว้เป็นหนึ่งเดียวเลย ขนาดหนึ่งเดียว เวลามาปฏิบัติ ๖ ปี พออดอาหารแล้วออกมาฉันอาหารเห็นไหม พระอัญญาโกณฑัญญะทิ้งเลย ! ทิ้งเลยเห็นไหม เพราะเสียความรู้สึกมาก เพราะความอยากได้ เพราะความต้องการศาสดา ต้องการผู้ชี้นำ แล้วก็ด้วยความคิดทางโลกไง ความคิดทางโลกถ้าอุกฤษฏ์อย่างนั้น ถ้าทำอย่างนั้นมันถึงจะประสบความสำเร็จ
มันไม่เคยเห็นมัชฌิมาปฏิปทา ความแก้กิเลสในใจ ละทิ้งไปหมดเลย ทั้งๆ ที่พระอัญญาโกณฑัญญะพยากรณ์หนึ่งเดียว ต้องเป็นศาสดาแน่นอน และเฝ้ารอเลย รอจนใกล้จะออกบวชแล้วออกบวชตาม ออกประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อดูตามเห็นไหม พราหมณ์พยากรณ์เป็นสอง ขนาดว่าอดีตส่งมาขนาดนั้นนะ แม้อดีตส่งมาดีขนาดไหน ถ้าปัจจุบันนี้ไม่แก้ไขไม่ทำ อดีตส่งมาก็นี่ไง อดีตส่งมาก็เรามีความสุข มีความสมปรารถนาทางโลกไง ถ้ามีความสมปรารถนาทางโลกเห็นไหม มันมีที่ยืนในสังคม มีชื่อเสียง มีเกียรติศักดิ์ มีเกียรติคุณ แล้วก็ตายไป
เนี่ยบุญกุศล บาปอกุศล ขับเคลื่อนไปในวัฏฏะ จิตนี้ก็เป็นวัฏฏะ แต่ในปัจจุบันเห็นไหม บุญกุศลขนาดไหน ถ้าบุญกุศลเราไม่เอาตรงนั้น อย่างเช่นกรรม พลังงานเห็นไหม ดูอย่างสมาธิ ถ้ามันสงบแล้วรักษาให้ดี สมาธิจะมีกำลังมาก ปัญญาถ้าเราใคร่ครวญ ฝึกฝนไป มันจะมีกำลังของมันมาก แต่ถ้ามันมีของมันขึ้นมา อดีตมันส่งมาดี แต่มันใช้ในทางที่ผิดก็ได้
ดูสิ คนมีเชาว์ปัญญา ทำไมฉลาดแกมโกง ทำไมถึงทำลายคนอื่น ทำไมมันไม่ย้อนกลับมาทำลายกิเลสของตัว ถ้าทำลายกิเลสของตัว มันทวนกระแสไง ถ้าทวนกระแส บารมีแม้แต่ว่าเรามีปฏิภาณไหวพริบแล้วนะ แต่ปฏิภาณไหวพริบทางโลก ถ้าปฏิภาณไหวพริบทางธรรมนะ มันจะเอาชนะตนเอง
ดูสิ ทางวัยรุ่น เห็นไหม เสียศักดิ์ศรี ความเสียศักดิ์ศรี ความเห็นของตัว มันจะบุกไปทำลายเขาทั้งนั้นนะ มันไม่เคยคิดจะทำลายตัวเองเลย มันจะเสียศักดิ์ศรี ความคิดก็เหมือนกัน มันจะเสียศักดิ์ศรี แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เราก็ว่าแพ้เป็นพระจะทำยังไง
แพ้เป็นพระ ! ดูพ่อแม่แพ้ลูกนี่ไง แพ้เป็นพระ.. แพ้ยังไงแพ้เป็นพระ ก็พ่อแม่ ลูกนะ โธ่...ความคิดสู้พ่อแม่ไม่ได้หรอก แต่ทำไมพ่อแม่ยอมลูกล่ะ นี่แพ้เป็นพระ ! คำว่าแพ้เป็นพระ มันแพ้แบบผู้ใหญ่ แพ้แบบรับรู้นะ เด็กมันไม่รู้เรื่องของมันหรอก มันชนะเป็นมาร ถ้ามันชนะบ่อยๆ นะ ถ้าพ่อแม่ควบคุมไม่ได้ นิสัยมันจะเป็นยังนั้นเลยนะ นิสัยจะก้าวร้าว เราจะต้องมีเหตุผลควบคุมลูกของเรา
แต่แพ้เป็นพระไม่ใช่แพ้แบบเสียศักดิ์ศรี แพ้แบบรู้เท่า แพ้แบบเอาชนะตนเอง แพ้แบบศาสนา แพ้แบบธรรม รู้แบบธรรม แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร แพ้ ! ไม่ใช่แพ้แบบทางโลก แพ้แบบไม่เข้าใจ แพ้แบบไม่รู้ แพ้แบบเราไม่มีข้อมูลอะไรเลย เรายอมรับของเขาเลย
แต่ความมีปัญญาของเราเห็นไหม เราเข้าใจหมดเลย เข้าใจว่าการกระทำนั้นมันกระทบกระเทือนกันอย่างไร นี่แพ้เป็นพระ ! คำว่าแพ้เป็นพระไม่ใช้แพ้แบบแพ้เขาโดยสิ้นเชิง แต่ยอมเพื่อธรรม เห็นไหม เพื่อจะได้ไม่มีการบาดหมางต่างๆ แต่ยอมแล้วเห็นไหม ยอมแบบผู้ชนะ ชนะตนเอง ชนะเขาด้วย
แล้วคนที่เบียดเบียนเขา คนที่รุกรานเขา มันเป็นนิสัยแล้วนี่ มันต้องทำลายทั่วไป เดี๋ยวมันต้องไปเจอเห็นไหม อย่างน้อยก็เจอเจ้าหน้าที่ ถ้าทำผิดบ่อยครั้งเข้า เจ้าหน้าที่เขาต้องจัดการของเขา แล้วถ้าเขาไปเจอแต่คนที่มีแต่กำลังไม่มีความคิด เขาเองจะโดนทำลาย แต่ถ้าเราไปทำลายเขา จะเป็นการสร้างเวรสร้างกรรม
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒ ชั้น ๓ ชั้นนะ ในการใช้ปัญญาของท่านลึกซึ้งมาก แล้วเราคิดของเรานะ ประสาเรานี่ นี่วิทยาศาสตร์ ! ความคิดต้องเป็นอย่างนั้น ปัญญาต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนั้นเป็นสัญญา เป็นความจำ ถ้าปัญญาอย่างนั้นมันต้องเอาตัวเองรอดได้
นี่ไงทางโลกเขาว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด มีความรู้ท่วมหัวเลย แต่แพ้ตัวเอง เนี่ย ความรู้นี่กิเลสเอาออกมาใช้.. กิเลสเอาออกมาใช้ ถ้ามีศีลธรรมหน่อย มันก็ใช้ในสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นกุศล ถ้ามันไม่มีศีลธรรม ศีลธรรมอ่อนแอหน่อย นำไปใช้ในสิ่งที่เลวและก็ทำบาปอกุศล มันก็ยังขับเคลื่อนไปเห็นไหม นี่โลกเป็นอย่างนั้น
แต่ถ้ามันมีสติ มีสมาธิเข้ามา มันจะมีปัญญาเข้ามา ร้อยรัดเข้ามาในหัวใจของตัว เหมือนกับเด็กที่ว่ามันซึมซับ เด็กมันพูดไม่ได้ มันสื่อสารไม่ได้ แต่มันซึมซับตลอดเวลา แล้วโตขึ้นมานะมันก็เป็นไปตามสายบุญสามกรรมของมัน มันยังมีบุญมีกรรมของมัน มันมีการเปลี่ยนแปลง มีตัวแปรอีกมหาศาลเลย
การคิดอย่างนั้น การทำอย่างนั้น ทางฝรั่ง ทางยุโรป เขาก็พยายามเลี้ยงมาอย่างนั้น แต่ดูสิ ดูเด็กของเขาเห็นไหม ยิงกันในโรงเรียน ทำร้ายกันทุกอย่าง แต่ของเราเนี่ย ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มันก็เก็บไว้ในหัวใจ เพราะกิเลสมันเป็นตัณหาล้นฝั่ง จะบอกว่าไม่มีเลย แล้วสิ่งที่ดี มันเป็นธรรมชาติ สัญชาตญาณของกิเลส ตัณหาความทะยานอยากมันล้นฝั่ง แล้วใครจะควบคุมมันได้ละ สิ่งที่ควบคุมได้ มันก็ต้องฝึกฝน และสร้างบุญสร้างกุศลของเรา เราทำดีมันก็ต้องมีสิ่งดีตอบสนอง ถ้าพ่อแม่ที่ดีเห็นไหม จิตใจที่ดี เวลาปฏิสนธิจิตมันจะบังเกิดแต่สิ่งที่ดีๆ แล้วเรารักษาสิ่งที่ดี ดีไปผลของวัฏฏะเป็นอย่างนี้
เวลามันกระทบกระเทือนกันนั้นล่ะผลของวัฏฏะ ผลของการเกิดและการตาย มันมีเหตุมีผลของมันถึงต้องมาเกิดร่วมกัน เกิดร่วมกันแล้วในปัจจุบันใครควบคุมได้ ไฟในเตา ไฟในบ้านเรา ดูแลสวิตช์ ปลั๊กให้ดี มันจะไม่ช็อต มันจะไม่ลัดวงจร มันจะไม่ทำลายเขา
แล้วไฟของเราทำให้ดี สิ่งที่ดีใช้ให้เป็นประโยชน์กับเรา แล้วถ้าทำดีขึ้นมาเป็นสมาธิ ตบะธรรม.. ตบะธรรมก็คือไฟ คือพลังงานนี่แหละ คือตัวจิตนี่แหละ จิตคือพลังงานอันหนึ่ง แต่จิตมันมีอวิชชาครอบงำ กับจิตที่มีวิชชาครอบงำ แล้วใคร่ครวญมันเห็นไหม รักษาไฟของเรา รักษาพลังงานของเรา แก้ไขของเรา แล้วเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต เอวัง