ข้อวัตร
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ถาม–ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๗
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ถาม : เรื่อง “เห็นสองมหาโจร”
เนื้อความที่ลูกจะเล่าถวายหลวงพ่อมีความยาวเกิน ส่งไม่ได้ ลูกจึงขออนุญาตตัดเป็นสองครั้งนะคะ ขอขมาหลวงพ่อด้วยเจ้าค่ะ
ตอบ : ไม่ได้ เราจะตอบไปพร้อมกันเลย ถ้ามันเนื้อหาสาระ กรรมฐานเขากระชับแล้วเอาเนื้อหาสาระ เขาถามคำเดียว ถ้ามันยืดเยื้อเยิ่นเย้อมันเป็นมารยาสาไถยทั้งนั้นน่ะ
ฉะนั้น มีคนถามปัญหามาเยอะแยะ มีคนเขียนมานะ บอกเลยนะว่าเขาสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เขาอธิบายมาขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ ขั้นที่ ๓ ขั้นที่ ๔ ส่งมาให้เรา เราทิ้งถังขยะ เขียนมาอย่างนู้นอย่างนี้นะ มันจะเขียนมาให้เรายอมรับ เขียนมาน่ะเขียนมาเถอะ
ถ้าเวลาประพฤติปฏิบัตินะ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก มันรู้จำเพาะตนแล้วมันเป็นสัจจะเป็นความจริง
ไอ้นี่ก็เหมือนกัน “ลูกเล่าถวายหลวงพ่อมีความยาวเกิน ส่งไม่ได้ จึงขออนุญาตตัดเป็นสองครั้ง” คือสองคำถาม ฉะนั้น เราจะตอบเป็นคำถามเดียวไปเลย แล้วเราจะตอบให้มันจบสิ้นไปเลย ฉะนั้น เวลาตอบให้จบสิ้น
คำถามคือประสบการณ์การประพฤติปฏิบัติ ฉะนั้น ประสบการณ์การประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้ว เวลาปฏิบัติขึ้นมาถ้ามันเป็นข้อเท็จจริง มันเป็นข้อเท็จจริง ถ้าข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว มันแค่ส่งข้อความเขาก็รู้แล้ว จะเขียนให้มันเยิ่นเย้อให้มันเป็นนวนิยายธรรมะ โอ้โฮ! มันบอกถึงว่าไม่ใช่ลูกศิษย์กรรมฐาน
กรรมฐานเขาถามคำเดียวเท่านั้นแหละ คำเดียว ตอบคำเดียว จบหมดเลย แล้วมันกระชับ พอมันกระชับขึ้นมาแล้วมันจบไง
แต่ถ้ายืดเยื้อเยิ่นเย้อ อันนี้เขาต้องขึ้นศาล เดี๋ยวต้องมีทนายแก้ต่าง เดี๋ยวทนายจะตีให้พยานหลักฐานจบไปเลย อันนี้ถ้าจะเขียนถามปัญหาธรรมะให้เขียนอย่างนี้
แล้วถ้าถาม เห็นมหาโจรสองครั้ง สองครั้งเพราะว่าเขามาปฏิบัติที่วัดสามวัน พอปฏิบัติที่วัดสามวัน เวลาเขาบอกว่า เวลาเขากวาดตาด กายมันขยับ แต่จิตมันรู้ตลอดเวลา เป็นสมาธิ ใจสังเกตสิ่งต่างๆ จึงเป็นอุบายสู้กับกิเลส
นี่พูดถึงข้อวัตรปฏิบัติไง เวลาข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์ ท่านวางข้อวัตรปฏิบัติไว้เป็นเครื่องอยู่ของใจๆ นี้เป็นเครื่องอยู่ของใจ
เราจะทำนวกรรม จะกวาดตาด ผู้ที่มาอยู่วัดอยู่วา ถ้าเป็นฆราวาส พระเขาจะพึ่งพิงอาศัยบ้าง อาศัยบ้างให้พรากของเขียว ให้จัดสิ่งบางอย่างให้เข้าที่เข้าทาง นี่เขาอาศัยบ้าง ถ้าอาศัยบ้าง เราจะทำสิ่งใดเราก็สังเกต มีสติ สังเกตความรู้สึกนึกคิด นี่สังเกตความรู้สึกนึกคิด นี่เป็นเครื่องอยู่ของใจไง
เวลาพระบวชใหม่ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านให้มีข้อวัตรปฏิบัติก็เพราะเหตุนี้ไง เวลากิเลสมันรุนมันแรงนะ เวลากิเลสมันดิบๆ
ถ้ามันเป็นฆราวาส ฆราวาส หมายถึงว่า เราเป็นปุถุชน มันคิดโดยข้อเท็จจริง มันคิดโดยวิทยาศาสตร์ก็คิดโดยความคิดเรานี่แหละ มันแยกไม่ออกหรอกอะไรเป็นโลกอะไรเป็นธรรม
แต่เวลาพูดน่ะพูดเป็นนิยายธรรมะ โอ๋ย! พูดปากเปียกปากแฉะ อันนั้นเป็นโลกียะ อันนั้นเป็นโลกุตตระ อันนี้มันแยกความคิดเป็นกองๆ ไง เราก็เป็นอย่างนี้เป็นเรื่องโลกียะ เรื่องโจร ถ้าเราไปคุยเรื่องบัณฑิตนี่เรื่องธรรม
มันเกิดที่เดียวกันนั่นแหละ มันก็เป็นความคิดเหมือนกันนั่นแหละ แต่ถ้ามีข้อวัตรปฏิบัติๆ จิตใจเราอยู่ที่งานนั้น อยู่ที่เหตุการณ์นั้น ถ้าอยู่ที่งานนั้น อยู่ที่เหตุการณ์นั้น มันอยู่โดยจดจ่อ พอจดจ่อขึ้นมามีสติมีปัญญานะ เดี๋ยวเถอะถ้ามันฉุกคิดได้จะเห็นประโยชน์มันมากมาย นี่ไง เป็นเครื่องอยู่ของใจ เครื่องอยู่ของใจเพราะอะไร
เพราะเอ็งยังทำสมาธิไม่เป็น เอ็งทำความสงบของใจไม่เป็น เอ็งทำสิ่งใดขึ้นมาไม่ได้หรอกถ้าเอ็งทำสมาธิไม่เป็น เอ็งทำอะไรไม่เป็น
เวลาปัญญามันเกิดขึ้นๆ ไอ้นี่มันภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากข้อวัตรปฏิบัติ นี่จากข้อเท็จจริง ถ้าข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงแบบปุถุชน ข้อเท็จจริงแบบว่ากิเลสมันหนาไง กิเลสมันหนาก็ปุถุชนคนหนา คนหนามันก็ต้องอาศัยการเคลื่อนไหว เคลื่อนไหวเพื่อจะหยุด เคลื่อนไหวเพื่อหยุดคิดไง
นี่ก็เหมือนกัน เคลื่อนไหวในการตีตาด เขาบอกว่าเวลาเขากวาดวัด โอ้โฮ!มันมีสติมีปัญญา
พอสติปัญญามันขึ้น นี่ไง เครื่องอยู่ของใจๆ ไง แล้วเครื่องอยู่ของใจ ถ้ามีสติปัญญา วัตรปฏิบัติกิจของสงฆ์ ๑๐ อย่าง กวาดลานเจดีย์ วัจจกุฎีวัตรคือวัตรในห้องส้วมห้องน้ำ ขัดถู ขัดขึ้นมาเพื่อให้เราอยู่กับเห็นข้อเท็จจริงไง
พระ บิณฑบาตมาแล้ว จัดอาหารใส่บาตรแล้ว ก่อนจะฉันอาหารต้องปฏิสังขาโย ปฏิสังขาโยอาหารในบาตรนั้น ว่าของนี้ได้มาอย่างใด ของนี้มันเป็นของชั่วคราว ของนี้มันจะบูดจะเน่า ร่างกาย ปัจจัยเครื่องอาศัย อาศัยของบูดเน่าเพื่อดำรงชีวิต สิ่งที่เป็นอาหารนี้ของชั่วคราว ‘ปฏิสังขา โยนิโส’ มันก็เป็นการพิจารณาอาหาร นี่ไง เครื่องอยู่ไง กิจวัตรไง
นี่ก็เหมือนกัน ไปวัดไปวา ข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติเขาให้ทำให้เป็นเครื่องอยู่ของใจ ไม่ใช่ทำมาเพื่อเป็นอิทธิพล ทำมาเพื่อบีบบี้สีไฟ ทำมาเพื่อจะเหยียดหยาม ทำมาเพื่อจะย่ำยีคนอื่น ทำโดยกิเลสไง
เราจะบอกว่า เวลาข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมามันเป็นข้อเท็จจริง มันเป็นข้อวัตรปฏิบัติ มันเป็นพิธีการปฏิบัติ แต่ปฏิบัติเป็นสัมมาทิฏฐิถูกต้องชอบธรรม ข้อวัตรปฏิบัตินั้นเป็นเครื่องอยู่ของใจ คือใจมันจะสงบระงับเข้ามาเพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงว่ากิเลสมันแลบอย่างไร
ความไม่พอใจ กิเลสมันชักจูงไง มันน้อยเนื้อต่ำใจร้อยแปด เพราะใจมันหนา กิเลสมันหนา มันพึ่งพาอะไรไม่ได้ พุทโธก็พุทโธไม่ได้ ทำสิ่งใดไม่ได้ก็ให้อยู่กับข้อวัตรปฏิบัติไง
แต่คิดไปทางวิทยาศาสตร์ทางโลก บวชมาเป็นพระ เป็นนักปฏิบัติไปอยู่วัด วันๆ ไม่ทำอะไรเลย มีแต่กวาดตาดอยู่นี่ มาทำข้อวัตรปฏิบัติ ก็จะมาภาวนา จะมาเป็นพระอรหันต์ ทำไมต้องมาทำข้อวัตรปฏิบัติ
ข้อวัตรปฏิบัตินั่นน่ะเป็นการฝึกหัดเบื้องต้น ฝึกหัดให้ใจมันปล่อยวางความคิดที่มันไปแบกหาม ความคิดที่มันไปรวบยอดมาว่าเป็นตัวเป็นตนแล้วมันก็ทุกข์มันก็ยาก
เวลาเรามาอยู่วัดอยู่วาเราเป็นนักปฏิบัติ มาบวชเป็นพระนี่เป็นพระ แต่เวลาคิดมันคิดแบบที่ก่อนที่บวชพระ มันคิดแต่เรื่องโลกๆ มันคิดไปข้างนอก
การฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้นให้ใจอยู่กับข้อวัตร ให้ใจอยู่กับที่ ให้ใจอยู่กับการเคลื่อนไหวนี้ ถ้าใจอยู่กับการเคลื่อนไหว นี่ไง เครื่องอยู่ของใจๆ ไง
แล้วเวลามันบิดพลิ้วไง “ไอ้นี่เป็นงานของเทศกิจ ไอ้นี่งานของเทศบาล”
ไอ้นั่นวิชาชีพเขานะ เขามีหน้าที่กวาดขยะ เขามีหน้าที่ทำความสะอาดเมือง ต้องคารวะเขาด้วย เพราะเขาทำให้เมืองสะอาด แล้วเป็นอาชีพเขา
แต่ของเรา เราเป็นพระ เราเป็นพระ เราอยู่ในอาวาส เราเป็นนักปฏิบัติไปอาศัยวัดเขาอยู่ ถ้าวัดเขามีกติกาอย่างนี้ เราก็ทำอย่างนี้ มันเป็นการฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้น
ทีนี้ถ้าเป็นการฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้นโดยสัมมาทิฏฐิมันก็เกิดปฏิกิริยาที่คำถามนี้เขียนมาไง จิตมันเป็นอย่างนั้น จิตมันเห็นมหาโจร จิตมันพิจารณาของมัน
เห็นไหม ถ้าทำโดยความถูกต้องชอบธรรม ไปอยู่วัดอยู่วา การตีตาด การรดน้ำต้นไม้ การทำเพื่อวัดเพื่อวา เพราะมันเป็นที่สาธารณะ มันเป็นสมบัติของสงฆ์ มันเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา มันเป็นสมบัติของสำนักพุทธแห่งประเทศไทย แล้วเราไปอาศัยอยู่ไง
ทีนี้อาศัยอยู่ เราก็จะฝึกหัดปฏิบัติหัวใจของเรา เราไม่ใช่มดแดงเฝ้าพวงมะม่วง เราไม่ใช่คนงาน เราไม่ใช่คนใช้ที่จะไปดูแลวัด เราฝึกหัดใจของเราต่างหาก แต่อาศัยการเคลื่อนไหวนั้นเป็นการฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้น โดยเป็นข้อวัตรปฏิบัติเป็นเครื่องอยู่ของใจ การฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้นเพื่อจะควบคุมดูแลหัวใจ
แล้วใจเป็นนามธรรมๆ แล้วมันเกิดขึ้นมาอย่างไรล่ะ
ถ้าพอมันรู้มันเห็นขึ้นมา เห็นไหม ไปอยู่วัดสามวัน เวลากวาดวัดไง ทำงานเวลามีสติปัญญา ทำงานแต่ข้างนอก ไม่ทำงานข้างใน
มันเคลื่อนไหวแล้วมันจะบอกไง ฉะนั้น เวลาถ้ามันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา มันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมามันก็เป็นประสบการณ์ของจิตไง
นี่พูดถึงการตีตาดนะ การตีตาด การรดน้ำต้นไม้ ถ้าเรามีสติปัญญากับมันไง
อภิธรรม เหยียดหนอ รู้หนอ ยุบหนอ พองหนอ เขาก็เพื่อจะให้มันรู้อยู่กิริยานั่นแหละ ไอ้นี่เราตีตาด เราทำงาน เราก็อยู่กับงานนั้น ถ้าไม่ให้กิเลสมันมาแทรกไง
“ทำอยู่คนเดียว ไม่มีใครสนใจเลย”
อ้าว! ก็เราสัมมาทิฏฐิ เราเคารพพระพุทธเจ้า ข้อวัตรปฏิบัตินี้เป็นธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้นมันก็ต้องฝึกหัดปฏิบัติเพื่อกิริยาความเป็นอยู่ของเรานี่แหละ กิริยาความเป็นอยู่ของเราให้มันถูกต้องชอบธรรม ให้อยู่ในศีลในธรรม สมณสารูป
แล้วเครื่องอยู่เครื่องอาศัย เห็นไหม เวลาธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ สุขอนามัย ภิกษุห้ามฉันของเป็นเดน ภิกษุต้องรับประเคน นี่ป้องกันอะไร
เราเป็นนักบวชไง ความเป็นอยู่ เริ่มต้นความเป็นอยู่ ถ้าเป็นพระ เป็นนักบวช เป็นนักปฏิบัติ แล้วปล่อยให้ที่อยู่อาศัยสกปรกโสโครก โรคภัยไข้เจ็บมากมาย โควิดนี่มาหมดเลย นี่นักบวชในพระพุทธศาสนาหรือ
นักบวชในพระพุทธศาสนา เริ่มต้นก็สุขอนามัยไง ก็ศีลธรรมนี่ไง ก็ข้อวัตรปฏิบัตินี่ไง นี้คือการฝึกหัดปฏิบัติเบื้องต้นโดยความเป็นสัมมาทิฏฐิถูกต้องชอบธรรม แต่กิเลสมันไม่ชอบ มันดิ้นมันรน เราถึงทำให้มันอยู่กับข้อวัตรปฏิบัตินั้น ข้อวัตรปฏิบัติถึงมีคุณค่า
นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ท่านทำๆ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านรู้จักกิเลสดี แล้วกิเลสมันปลิ้นปล้อนขนาดไหน บวชพระมานี่ แหม! เป็นเทวดาเชียว มือไม้อ่อนหมด ทำอะไรไม่เป็นทั้งนั้นน่ะ ต้องมีคนอุปัฏฐาก
แล้วถ้าบวชมาเริ่มต้นล่ะ นี่ไง หงส์ไง ออกมาจากโบสถ์ ศีล ๒๒๗ สมบูรณ์แบบไง แล้วออกมา ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา ศึกษาค้นคว้าแล้ว แล้วทำหรือไม่ แล้วทำก็ทำแต่กิเลสมันจะพาทำ มันบิดพลิ้วไปหมดไง
ฉะนั้น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น กองทัพธรรมๆ ท่านถึงได้ฟื้นฟูขึ้นมา ข้อวัตรปฏิบัติๆ ให้เห็นแล้วมันชื่นใจ เข้ามาในเขตวัด เออ! วัดสะอาดสะอ้าน เข้าไปในส้วม โอ้โฮ! ส้วมดูแลอย่างดี นี่ไง มีข้อวัตร วัดไม่ร้างไง มีพระและมีข้อวัตร ถ้าเป็นที่ปฏิบัติมีผู้ที่มาปฏิบัติแล้วเขาเคารพธรรมและวินัย เขาจะฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นตามความเป็นจริงของเขา
นี่พูดถึงว่าการตีตาด เขาเขียนถึงว่า เวลาเขาตีตาดแล้วเขาเกิดสติเขาเกิดปัญญา เขาเกิดมาร้อยแปด แล้วมันยืดเยื้อยาวมาก
มันเป็นวิธีปฏิบัตินะ ถ้าคิดออกเป็นทางโลก ปฏิบัติพอเป็นพิธี ถ้าเป็นทางธรรม วิธีปฏิบัติ แต่ปฏิบัติให้หัวใจมันสูงส่ง แล้วถ้าหัวใจมันสูงส่งแล้วมันเห็นคุณค่า ทำนวกรรม ทำหน้าที่การงานเหงื่อไหลไคลย้อยแต่ภูมิใจ เราทำเพื่อให้ใจหยุดนิ่ง เราทำเพื่อสัมมาสมาธิ เราทำเพื่อใจสงบ
แต่ถ้าเป็นเทศกิจเทศบาล เขาเป็นอาชีพเขา เขาทำเพื่อดำรงชีพ แต่ขณะเขาทำดำรงชีพ เราจะต้องคารวะเขาเพราะเขาทำให้บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน นั่นก็วิชาชีพเขา
แต่ของเรา เราทำตามธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำเป็นหน้าที่ เป็นการกระทำที่เราอยู่อาศัย ที่เราอยู่อาศัยสะอาดสะอ้าน แล้วสถานที่เป็นสัปปายะ แล้วหัวใจเป็นสัปปายะ แล้วพอความเป็นสัปปายะ การประพฤติปฏิบัติมันถึงเป็นสัมมาทิฏฐิความถูกต้องชอบธรรม ถ้าความถูกต้องชอบธรรม ทำเพื่อหัวใจดวงนี้ ทำเพื่อการฝึกหัดปฏิบัติธรรมของเรา แล้วถ้าจิตสงบแล้วนะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเวลาแล้วออกตรวจวัดตรวจวาไปเห็นพระป่วย พระไม่ดูแลกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ไปอุปัฏฐากดูแลพระป่วยนั้น พอลงไปดูแลพระป่วย ไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เช็ดอะไร โอ้โฮ! พระเข้าไปช่วยเต็มเลย นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา เป็นพระอรหันต์ ท่านยังอุปัฏฐากดูแลพระ
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าจิตใจคนเป็นธรรมมันเห็นคุณค่า แล้วช่วยกัน ร่วมมือกันทำ ไม่กีดไม่ขวาง ไม่แรด เอากรณีนั้นน่ะจะทำอย่างนั้นๆ จะไปชักจูง จะไปจ้างบริษัทเข้ามาทำความสะอาด
เอ็งกลับไปบ้านมึงไป เอ็งกลับไปเถอะ ที่นี่เขาเป็นสัมมาทิฏฐิเป็นความถูกต้องชอบธรรม แล้วมันเป็นวิธีปฏิบัติเบื้องต้นเพื่อความสงบสุขของใจ ถ้ามันสงบสุขของใจ นี่ไง สัมมาทิฏฐิ ความถูกต้องชอบธรรม มันเข้ากันได้ มันอยู่กันได้ มันร่วมมือกันได้ มันไม่กีดไม่ขวาง ไม่วางยา ไม่แกล้งใครทั้งสิ้น จบ
ถาม : เรื่อง “สัญญานำหน้า”
ตอบ : นี่คำถามเหมือนกัน เขียนมาเป็นสองหน้า หน้าหนึ่งเขาว่ามันเป็นสัญญา มันเกิดสัญญา มันรู้มันเห็นอะไรของมันไง แล้วมันปล่อยนี่มันเป็นสัญญา นี่ข้อที่ ๑.
“๒. ขณะที่นั่งพักอยู่เฉยๆ ไม่ได้พิจารณาอะไรเลย เห็นร่างกายแล้วเป็นปัจจุบันของผมตลอด พอผมมองเห็นที่แขนขวาก็หาย แขนขวานั้นก็หายไป พอมาแขนซ้าย แขนซ้ายก็หายไป ว่างหมด มองส่วนหน้าอก หน้าอกก็หายหมด”
เริ่มต้นเขาบอก การประพฤติปฏิบัติมันเป็นสัญญา
สัญญาคือพยายามพิจารณาด้วยความมุมานะไง ด้วยความมุมานะ สิ่งนั้นมันเป็นการฝึกหัดประพฤติปฏิบัตินะ แต่เวลานั่นเขาว่ามันเป็นสัญญา เพราะว่ามันเจริญแล้วเสื่อม
นี้เวลาปฏิบัติไป ปฏิบัติเป็นข้อที่ ๒. ขณะที่นั่งอยู่นะ พอเริ่มต้น พอพิจารณา พิจารณาที่ร่างกายเป็นปัจจุบัน มันหายๆ มันแว็บหายไปเลย
ตั้งสติไว้ สิ่งใดที่เกิดขึ้น การประพฤติปฏิบัติเริ่มต้น ยากคราวเริ่มต้นปฏิบัตินี้ คราวเริ่มต้นปฏิบัตินี้จิตใจเรามันยังไม่มีมาตรฐาน เริ่มต้น ศีล สมาธิ ปัญญา
ศีลคือความปกติของใจ ถ้ามีศีลมีธรรมของเรา ใจมันเป็นปกติ ที่มันผิดปกติมันผิดศีล ผิดศีลเพราะมันกายกรรม วจีกรรม มันออกนอกลู่นอกทางไป
ฉะนั้น เวลาความคิดมันไวมันก็ไปร้อยแปด เราก็ต้องตั้งสติไว้เพื่อความสงบระงับเข้ามา ถ้ามันรู้มันเห็นไปเห็นร่างกาย ไปเห็นสิ่งใดแล้วมันเป็นสัญญาๆ มันก็คิดมันก็จินตนาการของมันไป
ทีนี้เวลาฝึกหัดปฏิบัติไปๆ พอมันมีพื้นฐานของมันบ้าง นี่มันเข้าข้อที่ ๒. ไง พอมีพื้นฐานของมันบ้าง พอว่า ไอ้นั่นมันเป็นสัญญา เวลามันพิจารณา เวลามองแขนซ้ายก็หาย แขนขวาก็หาย มองหน้าอกก็หาย มองตัวเองก็หาย ไม่มีอะไรเลย นี่เป็นวิปัสสนา
ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น
แขนซ้ายแขนขวาหายมันก็เป็นอาการของใจทั้งนั้น ถ้ามันเป็นอาการของใจทั้งนั้น เพราะเริ่มต้นต้องมีความปกติสุขก่อน ศีลมีรั้วรอบขอบชิด ศีลคือความปกติของใจ พุทโธๆ สมาธิมันลึกกว่านั้นไง
ไอ้ที่ว่า มองนู่นก็หาย มองนี่ก็หาย
เวลาคนจะเป็นลมหายหมดน่ะ ดาวนี่เต็มไปหมดเลย แล้วจิตมันมหัศจรรย์นัก จิตนี้ถ้าไม่ภาวนามันก็สร้างแต่ความทุกข์ให้ พอเริ่มจะภาวนามันก็มีอุปสรรคไปร้อยแปด เวลามันจะหลอกมันจะล่อ นู่นก็วูบวาบสว่างไสวรู้เห็นไปหมดเลย มันไม่มีเหตุไม่มีผลน่ะ
ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ
คนที่มีอำนาจวาสนานะ เขาไม่เชื่อถึงความรู้เห็นของตน เขาต้องพิสูจน์ เป็นสมาธิ สมาธิจริงๆ หรือ แล้วเวลาถ้ามันคลายออกมามันอยู่โดยปกติมันทุกข์แค่ไหน เวลาเข้าสมาธิมันเข้าอย่างไร เวลาออก ออกอย่างไร
เริ่มต้นนะ สมถกรรมฐาน ถ้าจิตมันมีกำลัง จิตมันตั้งมั่น ถ้าจะย้อนไปเห็นกาย จะยกขึ้นสู่วิปัสสนา ทำไม่เป็น
ไอ้นี่นั่งอยู่เฉยๆ เลย คิดถึงแขนขวา แขนขวาก็หาย คิดถึงแขนซ้าย แขนซ้ายก็หาย คิดถึงหน้าอก หน้าอกก็หาย แล้วนี่มันคืออะไรครับ
อาการของใจทั้งนั้น อยู่ที่อำนาจวาสนาของแต่ละบุคคลมีวาสนามากน้อยขนาดไหน ถ้าคนมีวาสนานะ น่าเห็นใจมากคนที่ประพฤติปฏิบัติ เราพูดมาตั้งแต่ต้นตั้งแต่ไหนแต่ไรมา อยากให้ประชาชน อยากให้ชาวพุทธได้ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติ เวลาฝึกหัดประพฤติปฏิบัตินั่นเป็นสมบัติส่วนตน
ใครจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทางการแพทย์ ถ้าออกกำลังกาย สุขภาพกาย ร่างกายแข็งแรง มันจะไปประหยัดงบประมาณ มันจะไปประหยัดผู้ที่จะเข้าไปโรงพยาบาล บุคลากรในระบบสาธารณสุขเขาจะได้มีเวลาพักฟื้นบ้าง แล้วคนที่ร่างกายแข็งแรงเขาก็จะชราคร่ำคร่าไปโดยความสมวัยของเขา นั่นให้ร่างกายแข็งแรง
พระพุทธศาสนาให้จิตใจของคนเข้มแข็ง ให้จิตใจของคนมีหลักมีเกณฑ์ ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ไง เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นรัตนตรัย เป็นที่พึ่งที่อาศัย
เวลาครูบาอาจารย์ของเราที่ท่านปฏิบัติ หลวงตาพระมหาบัวเวลาท่านปฏิบัติของท่านไง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์รวมเป็นหนึ่ง รวมจาก ๓ รัตนะเป็นหนึ่ง พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มีวิปัสสนาชำระล้างกิเลส
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์รวมเป็นหนึ่ง เอโก ธมฺโม ธรรมอันเอกในหัวใจของท่าน มันวิวัฒนาการ มันพัฒนาการของมันเป็นชั้นเป็นตอนของมันขึ้นไปไง
ฉะนั้น เราเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ขอให้มีการฝึกหัดปฏิบัติให้จิตใจมีหลักมีเกณฑ์ จิตใจถ้ามันเข้มแข็งมีหลักมีเกณฑ์ กิเลสมันก็หลอกลวงเราได้น้อยลง กิเลสมันก็จะชักจูงเราไปได้ลำบากขึ้น แล้วเราก็มีความปกติสุขไง
นี่พูดถึงว่า หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทำความสงบของใจเราให้ได้ เราฝึกหัดปฏิบัติของเรา แล้วถ้าฝึกหัดปฏิบัติของเรา มันเป็นสมาธิ มันเป็นความปกติสุขจริงหรือไม่ แล้วถ้ามันเป็นแล้วมันจะแตกต่างกันว่า จิตที่ฟุ้งซ่าน จิตที่เป็นปุถุชนคนหนา กับจิตที่เป็นกัลยาณชนที่ทำสมาธิได้ มันมีสถานะแตกต่างกันอย่างใด
นี่ไง เวลาทางการแพทย์ สุขภาพร่างกายแข็งแรงมันประหยัดงบประมาณ มันทำให้บุคลากรทางสาธารณสุขไม่ต้องมีภาระมากจนเกินไป มันทำให้บุคคลคนนั้นชราคร่ำคร่าไปตามความสมวัย
จิต จิตชาวพุทธที่ฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตมันมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา ไอ้ที่เขียนมานี่มันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เรื่องอาการที่มันไปกับเขาทั้งนั้นน่ะ
ฝึกหัดปฏิบัติให้เราเข้มแข็ง ให้เราเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา เวลาเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา นี่ชาวพุทธ พระรัตนตรัย
นี่พูดถึงว่า “มองแขนซ้ายก็หาย แขนขวาก็หาย หน้าอกหายหมดเลย ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนครับ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในวันนี้ ขอถามท่านอาจารย์เมตตาแนะนำสั่งสอนผมด้วยครับ กราบขอบพระคุณ”
ไอ้นี่คืออาการทั้งสิ้น อาการทั้งสิ้น แล้วเราฝึกหัดของเรา
ทางโลกสุขภาพร่างกายแข็งแรงจากการออกกำลังกาย จากการฝึกหัด เราเป็นชาวพุทธ เราฝึกหัดปฏิบัติให้จิตใจเรามั่นคง สัมมาสมาธิคือจิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่น จิตที่มีกำลัง จิตที่มีกำลังไม่ให้กิเลสมันชักจูงลากจูงไป
แต่ชีวิตประจำวันเราก็ใช้ชีวิตประจำวันของเราโดยธรรมชาติ โดยความปกติของเรานี่แหละ แต่จิตใจเราดีงามโดยเรารู้ตัวเราเอง ไม่ทุกข์จนเข็ญใจลำบากลำบนไปกับเขา แล้วฝึกหัดปฏิบัติ ไอ้สิ่งที่ถามมาๆ มันเป็นอาการทั้งสิ้น จบ
ถาม : เรื่อง “นั่งสมาธิภาวนา”
ลูกนับถือศาสนาคริสต์และเพิ่งเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาได้ ๙ ปีแล้ว ได้ทำบุญหลายๆ วัดตลอด ๗ ปีนี้ จน ๒ ปีหลังลูกอยากจะภาวนาเจ้าค่ะ
ก่อนจะนอนได้พาครอบครัวเข้าห้องพระสวดมนต์ สวดเสร็จจะนั่งสมาธิ ตอนลูกนั่งสมาธิภาวนากำหนดลมหายใจเข้าว่าพุท เพ่งตรงปลายจมูกนิ่ง และจู่ๆ ลูกมีอาการหมุน แล้วลูกรู้สึกตกใจ แต่ลูกก็ไม่ทิ้งพุทโธ ยังมีสติ แล้วอาการหมุนก็หายไป อยากถามว่า ลูกมาถูกทางไหมเจ้าคะ
ตอบ : ถูก ถูกทาง ถูกทางในพิธีกรรม ถูกทางในศาสนพิธี ถูกในความเป็นชาวพุทธนับถือพระพุทธศาสนา เราฝึกหัดของเรา
เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา บอกว่า เคยไปทำบุญหลายๆ วัด เรามีเมตตาธรรม เราเจือจานสังคมเพื่อให้จิตใจเรามีความเมตตา ทาน ศีล ภาวนา
ระดับของทานๆ เรามีสิ่งใดที่จะเจือจานใครได้ เราเผื่อแผ่กัน
ระดับของศีล ศีลคือความปกติของใจ เราไม่ผิดในศีล ๕ แล้วไม่ผิดศีล ๕ เราต้องมีธรรม ๕ ปาณาติปาตาฯ เราไม่ทำร้ายใคร เราก็จะช่วยเหลือเจือจานเขา สิ่งใดเราไม่ผิดศีล ๕ แต่เราจะฝึกหัดธรรม ๕
นี่พระพุทธศาสนาไง ถ้าพระพุทธศาสนา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน พระพุทธศาสนา เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นรัตนตรัยพึ่งพาอาศัยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เวลาฝึกหัดๆ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ท่ามกลางหัวอกของเรา พุทโธคือจิตวิญญาณ คือพุทธะ คือปฏิสนธิจิตของเราเลย ฐีติจิต
ฉะนั้น เวลาฝึกหัดๆ เวลาในพระพุทธศาสนา ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ปัจจัตตัง รู้จำเพาะตน อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนๆ เราเท่านั้นเป็นคนที่ทุกข์เป็นคนที่ยาก เราเท่านั้นเป็นคนที่ฝึกหัดปฏิบัติ เราเท่านั้นที่จะพ้นจากทุกข์ เราเท่านั้นที่จะเสวยวิมุตติสุขๆ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุข หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นตอนที่ท่านอยู่เชียงใหม่ท่านสิ้นกิเลสนะ เวลาท่านเทศนาว่าการพระ ท่านบอก สั่งพระไว้เลย “อย่าบอกใครนะ อย่าบอกใครนะ ห้ามบอกใครทั้งสิ้น” เพราะอะไร เพราะท่านเสวยวิมุตติสุขในใจของท่าน คนอื่นเกี่ยวอะไรด้วย คนอื่นเกี่ยวก็ได้อาศัยท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ฉะนั้น ไปบอกใครมากน้อยแค่ไหน มันเชื่อไม่เชื่อมันเรื่องของเขา
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนาแล้วเราจะฝึกหัดปฏิบัติของเรา มันจะเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกเข้ามาถึงใจของเรา
ฉะนั้น เวลาเขาบอกว่าเขาเพิ่งมานับถือพระพุทธศาสนาแล้วฝึกหัดปฏิบัติ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ แล้วมันเกิดอาการหมุน
มันจะหมุนขนาดไหนนี่อาการ เวลาจิตที่มันเป็นไป จริตนิสัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ พระอรหันต์เอตทัคคะ ๘๐ องค์ จริตนิสัยแต่ละคนมันแตกต่างกัน แต่เวลาท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ท่านเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน ไอ้เราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมานะ เวลาปฏิบัติๆ เขาเอาใจปฏิบัติ
ฉะนั้น โยมทำถูกต้องไหม
ถูก เราสวดมนต์ทำวัตรแล้วเราฝึกหัด เวลามีอาการหมุน นั่นก็คืออาการแค่ประสบการณ์ครั้งเดียว เดี๋ยวถ้าทำไปมันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่เกิดขึ้นอีก เราก็พุทโธของเราไป
แต่เราเอาสุขภาพจิต เอาจิตใจที่เข้มแข็งไง เอาจิตใจที่เข้าใจชีวิต ถ้าเราเป็นชาวพุทธนะ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราถือพระพุทธศาสนาเป็นประเพณีวัฒนธรรม แล้วเราจะฝึกหัดปฏิบัติ ฝึกหัดปฏิบัติขึ้นมาให้พุทธะของเราแจ่มแจ้งขึ้นมา
คนเราเกิดมามีกายกับใจๆ แล้วถ้ามันไม่แจ่มแจ้งขึ้นมา เวลาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดทั้งเครียด ทั้งทุกข์ทั้งยาก มันไม่แจ่มแจ้ง ถ้ามันแจ่มแจ้งขึ้นมา เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตมันสงบระงับเข้ามา อาการอย่างนั้นจบหมด
ถ้าอาการอย่างนั้นจบหมด ฉะนั้น เวลาถ้าอาการอย่างนั้นจบหมดนะ นี่สัมมาสมาธิ ถ้าจิตมันสงบระงับ ถ้ามันเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง นี้เราจะเป็นชาวพุทธที่เราจะยกหัวใจเราสู่วิปัสสนา วิปัสสนามันจะเกิดภาวนามยปัญญา มันจะเข้ามาในปัญญา ๓ ในพระพุทธศาสนา
สุตมยปัญญาคือปัญญาศึกษาค้นคว้าเล่าเรียน นี่สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ปัญญาจากที่ว่าศึกษามาแล้วจินตนาการต่างๆ ขนาดไหนก็แล้วแต่ เวลาถ้าจิตมันสงบแล้ว ที่โยมฝึกหัดจะทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบระงับเข้ามา ถ้ามันยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้มันจะเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา ปัญญาเกิดจากจิต มันจะมหัศจรรย์ในจิตของตน นี่เวลามันจะแก้กิเลสไง
ดวงใจดวงใดไม่มีมรรค ดวงใจดวงนั้นไม่มีผล
ดวงใจ ดวงใจที่ฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ศีล สมาธิ ถ้าเกิดภาวนามยปัญญา ดวงใจดวงนั้นมีมรรค ๘ เวลาภาวนามยปัญญาที่มันเกิดขึ้นมันจะชำระล้างกิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจของตน มันมีเฉพาะในพระพุทธศาสนา
แต่เริ่มต้น เวลาเริ่มต้นปฏิบัติถูกต้องชอบธรรมแล้วแสดงว่า ทำวัตรสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิมันสมบูรณ์แบบในความเป็นอยู่ของชาวพุทธไง แล้วถ้าฝึกหัดๆ นี่ใจมันจะเป็นแล้ว
ไอ้อาการหมุนมันแค่อาการ แต่คำถามมันตอบจบหมดแล้ว
“แล้วจู่ๆ ลูกก็มีอาการหมุน แล้วรู้สึกตกใจ แต่ลูกก็ไม่ทิ้งพุทโธ ก็ยังมีสติอยู่ แล้วอาการหมุนมันก็หายไป”
มันจบไง มันไม่มีอะไรตอบ
มันหมุนติ้วๆๆ เลย สุดท้ายแล้วเขาก็มีสติอยู่กับพุทโธๆ นะ อาการหมุนติ้วๆ มันก็จางลงๆ แล้วก็หายไป แล้วโยมก็ยังเป็นปกติสุขอยู่ เห็นไหม แต่อาการนั้นน่ะมันทำให้เราตื่นเต้น อาการนั้นมันแปลกประหลาด
อาการนั้นถ้าเป็นทางโลก มันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะผิดปกติหรือเปล่า
ไม่ มันจะเข้าสู่จริตนิสัย มันจะสู่อำนาจวาสนา ถ้าวาสนา เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านบอกไว้ จิตที่คึกจิตที่คะนอง หลวงปู่มั่นเวลาท่านภาวนานะ พอจิตมันสงบ เห็นจิตท่านหรือตัวท่านขึ้นไปอยู่บนก้อนเมฆ ขึ้นไปเดินจงกรมบนอากาศ
ฉะนั้น ท่านนั่งอยู่ใช่ไหม สติสัมปชัญญะสมบูรณ์แบบไง ก็น้อมจิตดึงลงมา พอลงมา ถ้าเข้าสู่ร่างกายนี้มันลงบาดาลไปเลย อ้าว! ดึงขึ้นมามันก็ขึ้นไปเลย มันไม่อยู่ตรงกลาง มันไม่อยู่พอดี
เริ่มต้น เห็นไหม เวลาปฏิบัติเริ่มต้นจิตที่มีวาสนามันพิสดารขนาดนั้นน่ะ แต่ท่านก็ฝึกหัดจนควบคุมได้ เพราะสมถกรรมฐาน สมถกรรมฐาน สัมมาสมาธิ มันต้องเป็นพื้นฐาน แล้วการงานจะเริ่มต้นจากตรงนี้ แต่เวลามันไปนี่มันไปโดยจริตนิสัย
ฉะนั้น ย้อนกลับมาการหมุนๆๆ
หมุนก็คือหมุน อาการเฉยๆ แต่เรามีสติปัญญามันก็จะเป็นปกติสุข แบบคำถามไง จู่ๆ มันก็หมุนติ้วๆ เลยล่ะ แต่ไม่ตกใจ อยู่กับพุทโธ มีสติ แล้วอาการมันก็หายไป
ก็มันเป็นอาการ อาการคือเป็นอารมณ์หรืออาการความรู้สึก ร้อนหรือเย็น ลมพัดมาก็เย็น แล้วก็หายไป ร้อน อากาศร้อนก็หายไป อาการที่มันหมุนๆ ก็หายไป นี่อาการ มันเป็นคุณสมบัติของจิต
ถ้าตกใจมันก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น ถ้าตกใจนะ มันก็หมุนติ้วๆ ให้ตกใจใหญ่เลย แต่ถ้ามันไม่ตกใจ อยู่โดยปกติสุข เขาก็ต้องอยู่โดยปกติสุขด้วยสติ ด้วยคำบริกรรมพุทโธนี่ไง
เราพุทโธๆ คือคำบริกรรม คือจิตเกาะคำบริกรรม ถ้าจิตสงบมันก็ปล่อยคำบริกรรม มันสงบในตัวมัน ถ้ามีอาการ อาการก็เกิดจากจิต ถ้าเราตื่นเต้นไปกับอาการก็ลากไปเลย อาการก็จะเกิดมากขึ้นๆ เกิดอาการพิสดารให้เราตกใจตลอด แต่ถ้าเราเท่าทัน อาการมันหลอกเราไม่ได้มันก็จบ จบก็กลับมาเป็นปกติสุขไง
ฉะนั้น ฝึกหัดทำให้จิตมันสงบแล้วชำนาญในการดูแลรักษา นั้นสุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
เราเป็นชาวพุทธตามประเพณีวัฒนธรรมทำบุญทำกุศลแล้วฝึกหัดปฏิบัติ นี่ไง ตามประเพณีวัฒนธรรม นี่คือศรัทธาตามประเพณีวัฒนธรรม แล้วเราฝึกหัดปฏิบัติด้วย ถ้าฝึกหัดปฏิบัติเพื่อจิตดวงนี้ เพื่อให้พระพุทธศาสนาสมบูรณ์แบบ ทาน ศีล ภาวนา
แล้วใครภาวนาได้มากได้น้อยขนาดไหนจะเป็นอำนาจวาสนาเฉพาะจิตดวงนั้น ฝึกหัดปฏิบัติให้เป็นสมบัติของตน เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เอวัง