เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๑ ต.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

เดี๋ยวมาเช็คกันใหม่ ว่าโรงทานนี่ถ้าใครจะจองต้องมาจองกับเรา ถ้าโรงทานนะ เป็นข้าว ๑๐ โรง ก๋วยเตี๋ยว ๑๐ โรง น้ำ ๑๐ โรง จบ.. เพราะเรามากินเพื่อดำรงชีวิตเท่านั้นเอง ต่อไปโรงทานใครจะจองกับใครไม่ได้ แล้วปีนี้เป็นปีสุดท้าย โรงทานจะไม่มีการจอง ต่อไปนี้วัดเป็นผู้เลี้ยง ทุกอย่างจะเป็นที่เราหมด ใครจะมาแทรกอะไรไม่ได้แล้ว

เพราะไปเห็นอย่างนั้นแล้วมันเศร้าใจ เราไปเดินนะ เวลาพระเอาโรงทานกันมา พระก็อู้ฮู.. แบกกันโครมคราม แบบว่ามันอึกทึกคึกโครม จนมันเป็นเรื่องโลกๆ มันเป็นงานของโลกกันจนเกินไป แล้วเราก็ไปกัน แล้วไปสนุกครึกครื้นกัน ไปกินไปอยู่กัน อู้ฮู.. สนุกครึกครื้นมาก ใช่เราก็เห็นใจอยู่ แต่ถ้ามันเป็นภาระแบกหามกันไปหมด

เวลาหลวงตาท่านปฏิบัติสมัยก่อนนะ แม้แต่เก้าอี้ในวัดท่านยังไม่ให้มีเลย ท่านบอกว่า มันเป็นการสะดวกแต่เรื่องของร่างกาย เห็นไหม เรื่องเก้าอี้ เรื่องต่างๆ ที่ใครเอาไปวางไว้ในทางจงกรมนะ ท่านบอกว่าคนภาวนาคนนี้ไม่เอาไหน คนภาวนาคนนี้ เริ่มภาวนาก็เอาเก้าอี้มารองรับ จะนั่งตามสะดวกสบายแล้ว อำนวยความสะดวกสบายกับร่างกาย แต่หัวใจมันไม่เข้มแข็งไง หัวใจต้องเข้มแข็ง ฉะนั้นทำสิ่งใด พวกนี้ต้องไม่เอาเข้ามาใกล้เลย

ย้อนมาที่โรงทาน นี่สมัยก่อนมีอะไรก็วัดเลี้ยงทั้งนั้นแหละ สมัยที่เราอยู่บ้านตาดนะ โยมนี่กินอาหารก้นบาตรทั้งนั้นแหละ พระบิณฑบาตมา พระฉันแล้ว พระเหลือแล้ว โยมก็ทานข้าวกันต่อไป แล้วพอมันมากเข้าๆ ก็เป็นโรงทานๆ โรงทานเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นโรงทานว่า ใครต้องเอาอาหารดิบอาหารดีมาอวดกันอะไรกัน ต่อไปนี้ไม่มี เอ็งไม่มีหน้าที่รับผิดชอบจดโรงทานให้ใครอีกแล้ว โรงทานต้องมาขอเราคนเดียว

ถ้าเป็นอาหารหลัก เป็นข้าว จะข้าวอะไรก็ได้ เป็นก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวอะไรก็ได้ เป็นน้ำ น้ำอะไรก็ได้ เท่านั้นพอ เป็นขนมจีน เป็นอะไรก็ได้ เป็นอาหารหลัก แล้วอาหารต่อไปที่จองๆ ไว้นะ บอกยกเลิกหมด! ยกเลิกหมด ต่อไปนี้วัดเป็นคนเลี้ยง แล้วโรงทานนะ เดี๋ยวถ้ามันเป็นของหลัก เราจะอนุญาตเป็นเจ้าๆ ไป

ถ้าเป็นอาหารหลักนะ เป็นอาหารหลักคืออาหารที่เรากินเพื่อดำรงชีวิตนี้ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นที่เอามาเพื่อสนุกครึกครื้นกัน เพื่อมาเล่นกัน แล้วพระก็เป็นขี้ข้า ถึงเวลาแล้วก็ต้องกางเต้นท์ให้ ถึงเวลาแล้วต้องจัดโต๊ะให้ ถึงเวลากว่ามึงจะเข้ามานะเที่ยง เย็นรถยังไม่ได้ออกเลย เวลามา “ก็มาโรงทานน่ะ มาช่วยวัดนะ วัดต้องบริการนะ” คืนหนึ่งแม่งยังไม่ออกเลย

ยกเลิกหมด!! ยกเลิกหมดแล้ว ต่อไปนี้ไม่มี ทุกอย่างวัดเป็นคนเลี้ยง วัดเป็นคนจัดการ ใครที่จองไว้ยกเลิกหมด แล้วเดี๋ยวค่อยมาดูกันใหม่ มาดูกันใหม่

นี่ไง เพราะอะไร เพราะความเห็นของโลก โลกเป็นใหญ่ โลกเป็นใหญ่ใช่ไหม มาวัดผิดตรงไหน เอาอาหารมาเลี้ยงคนเป็นความดี มันผิดตรงไหน มันเป็นความดีงามทั้งนั้นแหละ แต่หลวงตาท่านพูดนะ “กิเลสมันบังเงา” เราทำดีขนาดไหน ความดีของเรา เห็นไหม กิเลสของเรา นี่เราทำดีแล้วไง แต่ดีของใครล่ะ

ถ้าดีของเด็กนี่นะ เด็กๆ เยอะมาก ใหม่ๆ เวลาเราให้นี่เด็กจะไม่กล้าเอา พอเด็กมันกล้าเอาแล้วนะ เดี๋ยวดูสิ “ยาคูลท์เอ็งกับยาคูลท์ข้า ของใครดีกว่ากัน” ได้ยาคูลท์แล้วมันดีใจ มันเต้นเลยนะ มันพอใจ พอมันทำอะไรดี ตบมือให้มันมันดีใจแล้ว ความดีเด็กๆ ไง

นี่ไง ทาน ศีล ภาวนา เรื่องระดับของทาน มันเป็นเรื่องของอันหนึ่ง เห็นใจนะเรื่องของทาน ถ้าไม่มีเรื่องของทานเลยเราจะฝึกอย่างไร ต้นไม้มันต้องมีเปลือก มีแก่น มีกระพี้ ไม่มีเปลือกให้ฝึกหัดเด็กใหม่เลย เด็กใหม่มันจะเข้าวัดได้อย่างไร เรื่องระดับของทาน เราพาลูกหลานมาฝึกใช่ไหม ลูกหลานมาวัดมาวา ประเคนพระ ถวายของพระ ไม่เก้อไม่เขิน เห็นพระแล้ว “แม่ทำอย่างไร หนูเคยทำ หนูเคยถวายพระ หนูเคยไปวัด หนูทำได้” เห็นไหม เราฝึกเด็กได้ แต่มันเป็นความดีของเด็กๆ เรื่องระดับของทาน

เรื่องระดับศีล ลูกศิษย์หลวงตา ถ้าเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาจริงๆ นะ จะนั่งอยู่ไกลๆ แล้วก็เงียบ เวลาหลวงตาท่านไปไหนท่านรำคาญมาก ท่านบอกว่า “ก็ลูกศิษย์ เห็นหน้ากันก็รู้กัน” ไม่ใช่ลูกศิษย์แล้วพอหลวงตาเดินไปไหน วิ่งเข้ามาดักหน้าดักหลัง จะกราบหน้ากราบหลัง ท่านก็ล้มน่ะสิ

ลูกศิษย์นะ ถ้าเป็นลูกศิษย์หลวงตาจริงๆ เห็นหลวงตา สาธุ นั่งอยู่นู่นยกมือไหว้ทีหนึ่ง โอ้โฮ.. หลวงตาเห็นนะ นี่ลูกศิษย์เรา สงบเสงี่ยม นั่งอยู่เป็นที่เป็นทาง ไม่ดักหน้าดักหลัง ไม่เฮฮาเหมือนตลาด ตลาดนะ งูกินหางไง แม่งูเอ้ย วิ่งกันเป็นพรวน อันนี้ก็เป็นพรวน ดักหน้าดักหลัง คนเฒ่าคนแก่มันจะไปได้อย่างไร เห็นไหม ศีลมันไม่ปกติ

ถ้าศีลปกติ เรามีศีลของเราปกติ.. ศีล สมาธิ มีสมาธิยิ่งดีใหญ่ นี่ความดีมันมีเยอะแยะไป เราไปวัดไปวา เห็นไหม วัดไหนที่มันมีศีลธรรม คุณธรรม เข้าวัดนะครูบาอาจารย์ท่านรู้นะ เข้าไปในวัดนี่รู้เลยว่าพระที่นี่เป็นอย่างไร แล้วเข้ามาในวัดนะ โอ้โฮ.. ครึกครื้นนะ อึกทึกคึกโครมนะ วัดนั้นใช้ไม่ได้ นี่เข้ามาวัดเรานะ ใครมาถาม

“ที่นี่มีพระเท่าไหร่”

“ในพรรษา ๒๒”

“ไม่เห็นพระซักองค์ ไม่เห็นพระซักองค์”

นี่วัด สงบเสงี่ยม อยู่ในเขตของใครของมัน แล้วไม่คลุกเคล้า ไม่คลุกคลีกัน ไม่คลุกคลีกัน มันก็รักษาจิตใจกัน เมื่อวานไปบ้านตาด เห็นไหม นี่มีอันหนึ่งหลวงตาเขียนไว้

“ดีใด ก็ไม่เท่ากับตนดี ชั่วใด ก็ไม่เท่ากับตนชั่ว”

ดีใด ก็ไม่เท่ากับตนดี.. ดีใดเท่ากับเราดีไม่ได้ นี่เวลาเราอยู่ปกติของเรานะ ดีเรา เห็นไหม เราทำสมาธิของเรา เราทำใจของเรา เราเอาใจของเราไว้ในอำนาจของเรา เราอยู่ที่ไหนเราอยู่ได้นะ อยู่โคนไม้ก็อยู่ได้ อยู่ที่ไหนก็สุขสบายไปหมดนะ

เราไม่ดี ไปอยู่ในห้องแอร์นะเย็นเฉียบเลย อู้ฮู.. เป็นเกร็ดน้ำแข็งเลยนะ หัวใจมันเต้นร้อนมาก เราไม่ดี ไปอยู่ในที่ดีขนาดไหนเราก็ไม่ดี ถ้าเราดีนะ อยู่ที่ไหนมันก็ดีจริงไหม

ชั่วใด ก็ไม่เท่ากับเราชั่ว.. ชั่วแล้วเราเก็บความชั่วไว้ขนาดไหนนะ มันก็ชั่วอยู่ในหัวใจเรานั่นล่ะ นี่มันคือความชั่วของเรานั่นล่ะ ใครจะชั่วเท่ากับความชั่วของเรา เห็นไหม

“ดีใด ก็ไม่เท่ากับเราดี ชั่วใด ก็ไม่เท่ากับเราชั่ว”

ฉะนั้นให้กลับมาดูที่เรา ถ้ากลับมาดูที่เรา ตรงนี้สำคัญ ทีนี้ถ้ามันปล่อยไป มันปล่อยไปเรื่อยๆ ไปแล้วสะเทือนใจมาก จะอะไรก็แล้วแต่ ไม่พ้นกลับมาที่แบงก์อย่างเดียว ทุกคนก็จะว่าหาเงินให้หลวงตา หาเงินให้หลวงตา สาธุ จริงๆ ท่านก็บอกหาเงินให้หลวงตา แล้วท่านก็รู้ เวลาท่านพูด เห็นไหม ใครจะมาเสนอโครงการอะไร “จะทำอะไรก็ทำเถอะ ทำเพื่อความดีของเรา”

ท่านพูดด้วยนะ ถ้าใครเป็นคนคิดดี ใครเป็นคนริเริ่มที่ดี ท่านต้องการตรงนี้ ความคิดความริเริ่มของเราเป็นคนดี คนดีมันดีอยู่ที่หัวใจ มันริเริ่มทำสิ่งที่ดีๆ ถ้าเราบอกให้พ่อแม่สั่ง ให้ครูบาอาจารย์สั่งว่าต้องทำอย่างนี้ๆ นี่ดีอย่างนั้นมันดีอันดับรองลงมา ดีเพราะมีคนคอยดูคอยแล แต่ดีของเรามันดีที่สุด ดีของเราเพราะเราคิดโครงการสิ่งใดเพื่อตอบสนองครูบาอาจารย์ของเรา

แต่! แต่อย่าให้ลูกศิษย์เราเดือดร้อนนะ คิดโครงการแล้วอย่ามาเบียดเบียนนะ เพราะลูกศิษย์ของหลวงตา ส่วนใหญ่แล้วนะลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์เรา สิ้นเดือนก็ถวายประจำเดือนกันอยู่แล้ว แล้วผู้ที่มีฐานะเขาก็โอนให้เป็นประจำเดือนอยู่แล้ว เราก็เห็นว่าคนนี้ลูกศิษย์หลวงตา คนนี้ลูกศิษย์หลวงตาเนาะ คนนี้ลูกศิษย์ครูบาอาจารย์เรานะ ทำอะไรก็จะไปเสนอโครงการเขา เขาก็ถวายหลวงตาอยู่แล้ว

นี่พระเราไม่คิดกันตรงนี้ไง พอคิดโครงการอะไรก็จะว่าช่วยกันนะ ช่วยกันนะ พวกเราก็บอบช้ำกันมานะ เวลาท่านพูดนะ หลวงตาเวลาท่านเผดียงท่านพูดอย่างนี้ ท่านบอกว่านี่เวลาคนไปถวายท่านเยอะๆ นะ ถวายท่านบ่อยๆ ท่านบอกว่า “เงินทองมันหายากนะ มันไม่ใช่น้ำใช่ท่า ตักเอาที่ไหนก็ได้ เงินทองหามาแล้ว ให้มันก็ต้องรู้จักสมควรให้”

ที่พูดอยู่นี้ ที่เผดียงอยู่นี้ เวลาพูดอยู่นี่พูดถึงคนที่มันตระหนี่ถี่เหนียว พูดถึงคนที่มีแล้วมันไม่ให้ คนที่มีแล้วมันไม่ให้ คนที่มีแล้วเขาไม่ให้ เขาเสียผลประโยชน์เขา ไม่เสียประโยชน์ที่ผู้พูดนะ ประโยชน์ของเขา เขาได้ของเขา เห็นไหม เราเสียสละสิ่งใดออกไป เจตนาผู้ที่เสียสละออกไปนี่มันได้

“ดีใด ไม่เท่ากับเราดี” เราเป็นคนเสียสละ เราเป็นคนทำดี นี่เราได้ดี แต่ครูบาอาจารย์ท่านเผดียงเพื่อเตือนคนนั้น แต่ถ้าคนไหนเป็นคนดีอยู่แล้ว พอครูบาอาจารย์พูด มันก็สะเทือนใจก็อยากจะให้อีกๆ นะ เวลาคนให้บ่อยๆ ท่านจะพูดบ่อย เห็นไหม ท่านบอกว่า

“เงินทองไม่ใช่น้ำไม่ใช่ท่านะ มันหายาก ทำก็ต้องรู้สมควรแก่ทำด้วยว่าเรานี่มีกำลังแค่ไหน ทำเท่านั้นก็พอ ที่พูดอยู่นี้พูดถึงคนที่มันไม่ทำ เพราะคนที่มันตระหนี่ถี่เหนียวมันเยอะ”

เวลาพูดท่านพูดถึงคนที่ไม่ทำใช่ไหม จิตใจของคนมีสูงมีต่ำใช่ไหม ไอ้ต่ำๆ นะไม่ใช่ว่าเรา..ไม่ใช่ว่าเรา.. ว่าคนนู้น คนนู้นน่ะ ไม่ได้ว่าเรานะ ไอ้คนจิตใจที่มันละเอียดใช่ไหม โอ๋ย.. มันสะเทือนใจ เวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดนะ มันก็พยายามจะหามาให้ไง ท่านก็บอกว่า พอ พอ เห็นไหม คนมันไม่เท่ากัน

นี่ก็เหมือนกัน ความดีนี่มันมีมากมายมหาศาล ฉะนั้นสิ่งที่เราปล่อยอย่างนี้ ถ้ามันปล่อยไปนะ.. นี่เด็กมาพูดไง “ก็มาวัด เห็นไหม อุตส่าห์มาตั้งไกลนะ โอ้โฮ.. พระเอ็ดได้อย่างไร โอ๋ย.. มาทำความดีนะ” ใช่ ความดีนะมันก็ดีของเขา แต่ถ้าอย่างที่ว่าดีโดยทาน ดีโดยศีล ดีโดยสมาธิ โดยภาวนา ภาวนานะนิ่ง นิ่งเพราะอะไร เพราะจิตมันนิ่ง

เมื่อวานไปนั่งกุฏินั้นเขาถามปัญหาเยอะมาก แล้วสุดท้ายนะเขาบอกว่าหลวงพ่อนี่นิ่ง เห็นนั่งแล้วไม่ลุกไปไหนเลย พอเรานั่งปั๊บ เราก็อยู่นั่นเลยนะ เขาบอกว่าหลวงพ่อนิ่ง เห็นไหม เพราะเขาเป็นนายทหาร ที่กุฏิที่ไปอยู่นั่นล่ะ พระที่เฝ้ากุฏินั้นเป็นนายทหาร เขาบอกได้ยินกิตติศัพท์มาพอสมควรแล้วล่ะ แล้วเมื่อวานเขาถามปัญหาภาวนา เขาบอกว่าพุทโธ พุทโธ แล้วเข้าไม่ได้ไง

เราก็เปรียบนะบอกว่า เรานี่นะจูงโคจูงวัว แล้วจะเอาเข้าคอกนี่ยากไหม โคตัวนั้นมันเป็นโคที่มันคึกคะนอง เราจะเอาเข้าคอกมันแสนยาก พุทโธ พุทโธ พุทโธ จะเอาใจเข้าคอก เอาใจเข้าสู่ความสงบ มันดิ้นรน มันแสนยาก มันไม่ใช่ของง่ายหรอก แต่เราต้องตั้งใจ ต้องทำ อธิบายให้เขาฟัง พอฟังเสร็จเขาบอก เออ.. หลวงพ่อนี่นิ่ง

เขาดูกันตรงนี้ เขาว่านิ่งไง ถ้านิ่งแสดงว่าใจมันมีหลักมีเกณฑ์ ถ้าใจมันไม่นิ่งนี่เราไม่นิ่ง เวลากิริยาเราเป็นอย่างนี้ แต่เวลานั่งที่ไหนแล้วนั่งเลย ไม่ลุกหรอก เขาบอกว่าหลวงพ่อนี่นิ่ง ไม่ไปไหนเลย แต่สุดท้ายเราก็ลุกออกมา

นี้พูดถึง เห็นไหม นี่ให้เป็นอย่างนี้ มันมีเหตุ ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของเอ็ง ใครที่มันจดจองไว้แล้ว เดี๋ยวมาดูกัน ที่จะให้อยู่คืออาหาร ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ของหนักๆ ให้ แต่ของที่มันเป็นของเล็กๆ น้อยๆ นะ ถ้าเราบอกว่าเราเป็นคนไม่มี เราเป็นคนทุกข์คนยาก.. คนทุกข์คนยากนะ ประเพณีไทย ข้าวหม้อแกงหม้อ ง่ายที่สุดเลย เดี๋ยวเราจะจัดโต๊ะกลางไว้ มีข้าวหม้อแกงหม้อมาถวายพระ พระก็ตักใส่บาตร ที่เหลือก็ทานอาหารกัน

ง่ายๆ ไง อย่าไปเอานู่นเอานี่มาแล้วมันวุ่นมาก ถ้าใครบอกว่าเราเป็นคนจนเนาะ เราไม่มีตังค์นะ ข้าวหม้อแกงหม้อไง ก็ข้าวหม้อเดียว หุงข้าวอยู่ทุกวันก็ข้าวหม้อนั้นแหละ ข้าวหม้อแกงหม้อร่วมกัน แล้วอะไรที่มันเป็นภาระ เป็นความผูกพัน เป็นหน้าที่ เราจะตัดออกหมด

ฉะนั้นตอนนี้พวกโรงทานนี่ออกไป แล้วเดี๋ยวต่อไปบอกเลย เอ็งต้องบอกเลย ต่อไปเอ็งไม่มีหน้าที่รับโรงทานใครอีกแล้ว โรงทานอยู่ที่เรา ทุกอย่างอยู่ที่เรา ต่อไปนี้วัดเป็นผู้ดูแล วัดเป็นผู้เลี้ยง แล้วจะจัดระเบียบใหม่หมดนะ ตึกเสร็จขึ้นมาแล้วจะจัดระเบียบใหม่หมด จะจัดระเบียบให้มันดีขึ้น แล้วพอจัดระเบียบ เห็นไหม จัดระเบียบขึ้นมาเพื่อพวกเรา เพื่อความเรียบง่าย เพื่อความดีงาม เพื่อความอยู่สุขสบาย

ธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกข้อเลย เวลาบัญญัติธรรมวินัย บัญญัติมาเพื่อข่มขี่พวกที่มันว่ายากสอนยาก เพื่อความอยู่สุขสบายของภิกษุที่มีศีล เพื่อประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ที่ยังไม่ศรัทธาได้ศรัทธา ผู้ใดศรัทธาแล้วให้ศรัทธามากยิ่งขึ้นไป ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติจะได้เข้าถึงธรรม

ธรรมวินัย พระพุทธเจ้าบัญญัติทุกข้อเลย ในพระไตรปิฎกพูดไว้อย่างนี้ ข่มขี่ไอ้พวกหน้าด้าน ไอ้พวกเก้อเขิน ไอ้พวกนี้ต้องข่มขี่มัน ต้องชื่นชมดีงามกับผู้ที่มีศีลมีธรรม ที่เขาอยู่ยิ่ง อยู่สุขสบายของเขา เพื่อให้เขาอยู่ได้สุขสบาย ธรรมวินัยเพื่อเหตุนี้ เห็นไหม แล้วก็ผู้ที่ไม่ศรัทธา พอเข้ามาในวัดแล้ว วัดนี่มีความคลุกเคล้า วัดมีแต่เรื่องธุรกิจ ให้เข้ามาแล้ว เออ.. ค่อยยังชั่วหน่อย

นี่เราจัดระบบของเราใหม่เนาะ ฉะนั้นเวลาทำอะไรขึ้นไปแล้วมันจะมีกระทบกระเทือน กระทบกระเทือนหมายถึงว่า กระทบกระเทือนความผูกพันของเรา เคยมี เคยได้ มันจะหลุดมือไปนะ แล้วเราจะจัดใหม่ แต่จะให้ช่วยกันดูแล เพราะเราเป็นลูกศิษย์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธฝากศาสนาไว้ที่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

ธรรมและวินัย เห็นไหม เราเป็นเจ้าของศาสนา เราช่วยกัน นี่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เป็นเจ้าของศาสนาด้วยกัน แล้วมีผิด ถูก หยาบ ละเอียด เราคุยกันเพื่อความสมาน เพื่อความดีงามของศาสนานะ แล้วพวกเราจะอยู่เย็นเป็นสุขเนาะ เอวัง