เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o ธ.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระ ตรงกับวันรัฐธรรมนูญ เวลาวันพระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา วางธรรมวินัยนี่เป็นรัฐธรรมนูญของพระ

ธรรมวินัย เห็นไหม แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางวินัยไว้นี่ แล้วมันเป็นประโยชน์ขึ้นมาเพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาพระ ๖๑ องค์ รวมทั้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยนี่ พ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ แล้วเวลามาเทศน์เอาชฎิล ๓ พี่น้องได้อีกพันกว่า นี่เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้นเลย

คำว่าพระอรหันต์ เวลาเผยแผ่ธรรมไป ธรรมมันอันเดียวกันไง มันไม่มีสูงไม่มีต่ำ มันไม่มีแตกต่างหลากหลาย มันเป็นสัจธรรมอันเดียวกัน รัฐธรรมนูญที่คนเข้าใจ ที่หัวใจเป็นธรรม หัวใจที่เป็นสาธารณะจะมีความเสมอภาค จะมีความเห็นอกเห็นใจกัน จะมีความเผื่อแผ่กัน เพราะทุกคนปรารถนาความสุขทั้งนั้น

ทุกคนทุกข์มานะ เกิดมาทุกข์เราก็ปรารถนาความสุข เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดกับพระยสะ และบริวารของพระยสะอีก ๔๕ รวมกับพระปัญจวัคคีย์

“เธอทั้งหลายพ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ เธอจงอย่าไปซ้อนทางกัน”

บุคลากรที่ไปซ้อนทางกันมันเสียผลประโยชน์มาก ถ้าเธอแตกกันไปมันจะได้กว้างขวางออกไป นี่โลกเขาเร่าร้อนนัก เขาต้องการธรรมวินัยนี้ เขาต้องการสิ่งที่เป็นที่พึ่งอาศัย เพราะอะไร เพราะเวลามาเทศน์เอาชฎิล ๓ พี่น้องได้อีกพันกว่าแล้วเป็นพระอรหันต์ทั้งนั้นเลย ผู้ที่เข้าใจถึงสัจธรรม เวลาออกไปแล้วจิตใจมันเป็นธรรม

แต่วันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญ นี่เวลากว่าจะได้รัฐธรรมนูญมาได้เพราะอะไร เพราะความเข้าใจคนมันมืดบอด ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาในวัฏสงสาร ปรารถนาเป็นพุทธภูมิ นี่จิตใจปรารถนาดีมาก ปรารถนาสิ่งต่างๆ เห็นไหม

พระเวสสันดรต่างๆ ขณะชาติสุดท้ายเป็นพระเวสสันดร สละนะเพราะปรารถนาโพธิญาณ สละลูกสละเมีย สละทุกอย่างเลย นี่สละไปมันเจ็บไหม? มันเสียดแทงใจไหม? เวลาเขามาขอลูก นี่ชูชกได้ไปต่อหน้าแล้วตีต่อหน้าเลยนะ นี่ขนาดชักดาบเลยล่ะ มันทนไม่ไหวแต่ก็พยายามอดทนเอา เห็นไหม บอกว่านี่เพราะว่าท่านยังมืดบอดอยู่

แล้วในปัจจุบันนี้เวลาเราต้องการความเสมอภาค ด้วยความคิดว่าปรารถนาดีกันทุกคน วันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญ คือว่าวันที่ว่าเมืองไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก แล้วคนมันรู้เท่าไม่ถึงกัน เห็นไหม นี่เราธุดงค์ไปนะ คนโบราณ คนในป่าในเขา เขาว่ารัฐธรรมนูญนี่เป็นพ่อของพระยาพหลฯ เขาว่ารัฐธรรมนูญเป็นคนนะ นึกว่าคลอดลูกได้นะ ในป่าในเขาเขาคิดกันอย่างนั้น

ความคิดแตกต่างหลากหลายอย่างนี้ ได้รัฐธรรมนูญมา นี่ความปรารถนาดีของผู้ปกครอง ความปรารถนาดีของชนชั้นปกครองต่างๆ แต่ชนชั้นที่เวลาปกครองมันรู้ไม่ได้ มันรู้ไม่เท่าทัน เห็นไหม นี่มันก็เลยมีการฉีกทำลายกันมหาศาลเลยรัฐธรรมนูญนี่

ความเสมอภาค เสมอภาคของใคร เสมอภาคของคนมีกิเลส เสมอภาคของคนที่กดขี่ข่มเหงคน เสมอภาคฉันต้องได้ประโยชน์ไง ถ้าฉันไม่ได้ประโยชน์ไม่เสมอภาคนะ ถ้าฉันได้ประโยชน์ถึงจะเสมอภาค

แต่พระอรหันต์มีอย่างนั้นไหม พระอรหันต์นี่จิตใจที่เป็นพระอรหันต์ เห็นไหม เธอทั้งหลายพ้นจากบ่วงที่เป็นโลก คือลาภสักการะต่างๆ

พ้นจากบ่วงที่เป็นทิพย์ คือการเกิดในวัฏสงสาร เป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม มีฤทธิ์มีเดชนี่บ่วงที่เป็นทิพย์ มันเป็นความทิพย์ มันเป็นทรัพย์สมบัติจากนามธรรมที่เรามีฤทธิ์มีเดช ไม่ติดมันไง เห็นไหม ไม่ติดบ่วงที่เป็นทิพย์และไม่ติดบ่วงที่เป็นโลก

แต่ถ้าเราเป็นปุถุชนล่ะ นี่ถ้าเป็นจิตใจสาธารณะนะ ผู้ที่ปกครองดีมันก็มีประโยชน์มาก แต่ก็ปกครองได้ยากเพราะอะไร เพราะประชาชนสิ่งต่างๆ ปัญญาการศึกษามันไม่เท่ากัน ถ้าปัญญาการศึกษาไม่เท่ากัน สิ่งที่มันต้องใช้ เห็นไหม ดูสิ ทางตะวันตกเขาได้มาด้วยการเรียกร้องของเขา เขาได้มาโดยสังคมของเขา เขาตกผลึกของเขามา เขารู้เท่าทันกันหมด แต่ของเราประชาธิปไตยนะ พูดประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องฉันได้

ทีนี้ว่าสังคมเราเป็นสังคมอุปถัมภ์ก็ถูก แต่คำว่าอุปถัมภ์นี่อุปถัมภ์จากพ่อแม่จากลูกมันจะผิดไปตรงไหน นี่คนปรารถนาดี จากพ่อแม่ จากผู้ใหญ่ที่อุปถัมภ์กับลูกมันก็อุปถัมภ์ได้ แต่อุปถัมภ์ที่เป็นประโยชน์เป็นธรรม ถ้าอุปถัมภ์ต่างคนต่างอุปถัมภ์มันก็ต้องอุปถัมภ์ทั้งนั้นล่ะ

นี่เวลาพูด เห็นไหมทั้งระบบเศรษฐกิจก็เหมือนกัน ดูสิ ต้มยำกุ้งเวลาธนาคารของเราล้มต้องปล่อยให้ล้มเลย เวลาของเขาจะล้มเขาปล่อยให้ล้มไหม? เขาไม่ยอมปล่อยหรอก

นี่โดยความรู้สึกมันก็อันเดียวกันนั่นแหละ แต่โดยกฎหมายโดยกำปั้นใครใหญ่กว่ากัน นี่พูดถึงประชาธิปไตย พูดถึงว่ารัฐธรรมนูญ เรื่องทางโลกมันก็อย่างว่ามันมีสูงมีต่ำ มันมีของมันต่างๆ เห็นไหม

นี่วันนี้วันรัฐธรรมนูญ แต่เราก็พอใจนะ ถึงมันจะเป็นแค่กติกาใช่ไหม แต่ทำให้พวกเรานี่เสมอภาค แต่ถ้าไม่มีกติกาอย่างนี้ นี่สังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ถ้ากษัตริย์เป็นธรรม สิ่งต่างๆ เป็นธรรมมันก็เป็นประโยชน์ไป

นี่พูดถึงรัฐธรรมนูญ เห็นไหม รัฐธรรมนูญของโลก รัฐธรรมนูญของธรรม ถ้าเป็นธรรม.. นี้เป็นธรรม ธรรมกับโลกมันอยู่ด้วยกัน

วันนี้วันพระด้วย วันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วเผยแผ่ธรรม วางธรรมวินัยไว้ให้เราก้าวเดิน แล้วนี่สังคมชาวพุทธตั้งแต่สมัยก่อนที่เป็นประชาธิปไตย มันก็เป็นสังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็มีการปกครองกันมา แล้วทำไมต้องการเป็นประชาธิปไตย.. ธรรมะไง ยุติธรรม !

นี่เวลาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมนี่แล้วเป็นธรรมของใคร ถ้าเป็นธรรมของใคร เห็นไหม ความดีของใครต่างๆ อันนี้เป็นเรื่องของโลก แต่ถ้าเป็นความดีของเราล่ะ สุขทุกข์เป็นของเราเราปรารถนาสิ่งใด เวลาเราเกิดมาในโลกเราปรารถนาความสุขของเรา เราต้องการความร่มเย็นเป็นสุข ถ้าความร่มเย็นเป็นสุข นี่อันนี้อำนาจวาสนาบารมีมันแข่งกันไม่ได้ ใครทำมา เห็นไหม

ดูสิ ดูเชาว์ปัญญาของคน ดูต่างๆ ของคน นี่พันธุกรรมทางจิตมันย้อนกลับไป ถ้าย้อนกลับไปรู้ได้อย่างไร ใครรู้ได้อย่างไร นี่รู้ได้อย่างไรหรือรู้ได้ไม่อย่างไร เราปฏิเสธขนาดไหนความจริงก็คือความจริง ข้อเท็จจริงเป็นข้อเท็จจริงอย่างนั้น ถ้าข้อเท็จจริงอย่างนั้น ถ้าเรามีอำนาจวาสนาเราจะคิดถึงนะ คิดถึงสมบัติ

สมบัติของโลกคือปัจจัยเครื่องอาศัย สมบัติของใจคือสมบัติของคุณงามความดี สมบัติของความร่มเย็นเป็นสุข อย่างเช่น เราทำความผิดพลาดสิ่งต่างๆ ไว้ นี่หัวใจเราเองมันจะมีความรับรู้ของมัน มันไม่ปกติของมัน แต่ถ้าหัวใจเราสะอาดผ่องแผ้วล่ะ เราไม่มีสิ่งใดในหัวใจเลย

นี่พูดถึงความหมักหมม ความสะอาดบริสุทธิ์ในหัวใจนะ แต่ถ้าเวลาพูดถึงการประพฤติปฏิบัติเข้าไปล่ะ แล้ววิธีการของมันล่ะ เราถึงจะต้องมองตรงนี้ เรามองตรงนี้ว่าสมบัติของเรานี่เป็นสมบัติของเรานะ ความดีความชั่วของคนอื่นเป็นของคนอื่น ความดีความชั่วของเราเป็นของเรานะ แต่สังคมมันมีมันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา

ถึงว่าธรรมะเก่าแก่ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา มันมีของมันเป็นธรรมชาติของมัน เรามีจุดยืนมากพอขนาดไหน เราทำความดีขนาดไหน ความเข้าใจของเขาเขาก็นินทาเป็นธรรมดา เราทำชั่ว แต่ถ้าเขาเข้าใจผิดด้วยกระแสสังคมเขาว่าเป็นคนดีก็ได้

ความดีความชั่วจากปากของคนอีกเรื่องหนึ่งนะ ความดีความชั่วจากสัจจะความจริงของหัวใจอีกเรื่องหนึ่ง แล้วความดีความชั่วของคนที่วุฒิภาวะที่สูงต่ำก็แตกต่างกันไป ดูสิ เห็นไหม เขาบอกว่าพระทำอะไรกัน พระมีแต่นั่งอยู่โคนไม้ไม่ทำอะไรเลย เดินไปเดินมา.. เดินไปเดินมาคนลองภาวนาดูสิ เวลาควบคุมใจมันยากเย็นขนาดไหน แล้วถ้ามันสุขขึ้นมาจริงๆ ล่ะ

สุขโดยอามิส เรามีสิ่งต่างๆ ประสบความสำเร็จเราก็มีความสุขของเรา สุขโดยจิตสงบของมัน โดยธรรมชาติของมันล่ะ สุขโดยธรรมชาติของมันแล้วมันหาวิธีไหนล่ะ แล้วกว่าจะสุข เห็นไหม สุขมันสุขได้อย่างไรล่ะ ผลไม้กว่ามันจะสุกมันต้องมีเกสร มันต้องแตกเป็นเมล็ดพันธุ์ มันถึงเป็นผลไม้อ่อนก่อนแล้วก็แก่ไปข้างหน้า แล้วก็กว่าจะสุกของมันไป

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเรารักษาหัวใจของเราล่ะ ใจมันจะเติบโตขนาดไหน นี่ว่าสุขๆๆๆ เราก็จินตนาการกันเอาเองว่ามันจะเป็นความสุขอย่างนั้นๆ แล้วพอเรามาประพฤติปฏิบัติก็ว่าเป็นความทุกข์ๆ มันต้องแลกมา ทุกอย่างต้องมีการลงทุนนะ.. เราเกิดเป็นมนุษย์ เห็นไหม เกิดจากพ่อจากแม่เราว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของเรา แต่มันก็มีเวรกรรมของเรามาด้วย ถ้าไม่มีเวรกรรมของเราจะมาเกิดได้อย่างไร มันต้องมีต้นเหตุสิ มันต้องมีเหตุที่มาที่ไป

นี่ก็เหมือนกัน ในการประพฤติปฏิบัติมันต้องมีเหตุของมันสิ มันต้องมีการกระทำของมัน มันต้องมีความเป็นจริงของมัน ดูสิ เราเป็นคนทำเอง เรามีปัญญาของเราเอง เราประกอบสัมมาอาชีวะของเราเอง สิ่งต่างๆ เราทำมากับมือเองเราจะไปสงสัยอะไรไหม

แต่ถ้ามันไม่มีเหตุไม่มีปัจจัยเลย แล้วมันมาจากไหนล่ะ ผลนี้มันมาจากไหน มันลอยมาจากฟ้าเหรอ สมาธิเป็นอย่างไร นี่ปัญญาเป็นอย่างไร แล้วปัญญาฆ่ากิเลสมันฆ่ากิเลสอย่างไร ยังไม่รู้จักปัญญาโลกปัญญาธรรมเป็นอย่างไร แล้วต่างๆ ไม่รู้จักสิ่งใดๆ เลย เห็นไหม

นี่พูดถึงความเสมอภาค ถ้าเข้าไปถึงจุดของหัวใจที่มันปฏิบัติไปถึงที่สุดแล้วนะ มันจะไปเสมอภาคที่นั่นไง เสมอภาค ภราดรภาพ คอมมิวนิสต์เขาบอกเลย “คอมมิวนิสต์คนแรกคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” พูดถึงเสรีภาพ พูดถึงความเสมอภาค แต่ความเสมอภาคมันเสมอภาคของหัวใจ ไม่ใช่เสมอภาคของเวรกรรมข้างนอกนี้

นิ้วคนเท่ากันไหม เราเกิดมานี่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไหม เราเกิดมาสิ่งต่างๆ มันเท่ากันไหม อำนาจวาสนาของคนเหมือนกันไหม แล้วมันจะเสมอภาคที่ไหนล่ะ ถ้าจะเอาความเสมอภาคของวัตถุไม่มีทาง !

แต่ถ้าเอาความเสมอภาคของใจนะ พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล เห็นไหม พระนันทะเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรี๊ยะเลย แล้วพระอรหันต์บางองค์ค่อมก็มี ตัวเตี้ยก็มี แล้วรูปร่างลักษณะข้างนอกมันแตกต่างมากเลย แต่มันไปเสมอภาคกันที่หัวใจ เห็นไหม มันไปเสมอภาคกันที่เวลาภราดรภาพในหัวใจที่มันปล่อยหมดแล้ว มันเสมอภาคกันที่นั่น

เราเคยอยู่ในป่า เจอพวกสหายคุยกันมากเรื่องอย่างนี้ เขาบอกว่า “คอมมิวนิสต์คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

เราบอกว่า “ไม่ใช่ ! ไม่ใช่ !”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา นี่หัวใจเป็นธรรม.. คำว่าธรรม ความเสมอภาค ภราดรภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือสิ้นสุดแห่งทุกข์ จิตใจมันเหมือนกัน.. นี่ถ้าทำได้ แต่ถ้าเป็นโลก โลกมันเป็นเวรเป็นกรรม เป็นจริตนิสัย นี่พูดถึงรัฐธรรมนูญนะ

ธรรมวินัยนี้เป็นรัฐธรรมนูญของพระ นี่รัฐธรรมนูญ วันนี้วันรัฐธรรมนูญคือวันที่ประกาศให้พวกเรามีเสรีภาพเท่ากัน พวกเรามีหนึ่งคะแนนเสียงเหมือนกัน พวกเราเสมอภาคกัน อันนี้ก็เป็นเรื่องโลก แล้วเราก็ต้องคิดถึงว่าชีวิตเกิดมานี่เราเกิดมาในสังคมใด เกิดมาตกในสังคมที่มีความสุขความทุกข์ขนาดไหน อันนี้เกิดในประเทศอันสมควรนะ มันเป็นอำนาจวาสนา

เราเกิดในประเทศอันสมควร เกิดมาแล้วจากพ่อแม่ที่มีสัมมาทิฏฐิ จากพ่อแม่ที่ดีทำให้เราเป็นคนดีขึ้นมา นี่สิ่งนี้มันเป็นเรื่องบุญกุศลที่มา แล้วบุญเป็นอย่างไรล่ะ..

บุญ เห็นไหม กรรมดีกรรมชั่ว การกระทำนี่ กรรมทำให้เกิดการกระทำ การกระทำนั้นส่งผลเป็นวิบาก สิ่งที่ตกขึ้นมาเราถึงต้องตั้งสติไง ฝืนมัน ฝืนใจไว้ นี่มันอยากเป็น อยากไปของมันเราต้องฝืนไว้ ฝืนอะไร? ฝืนในศีลธรรม เพราะพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ถ้าเราฝืน ความดีของใครจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร

นี่ศีล ๕ การกระทำผิดปกติ เห็นไหม ดูสิปาณาติปาตา รังแกเขา จะเบียดเบียนเขานี่ผิดศีลหมดแหละ แต่ถ้าเราเมตตาเขา เราจุนเจือเขานี่สังคมจะสงบสุขเข้ามา สังคมมันจะดีขึ้นมา ดีเพราะเรา เราทำดีขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเรา นี่วันรัฐธรรมนูญมันจะมีคุณค่าขึ้นมา

รัฐธรรมนูญเป็นกระดาษ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในพระไตรปิฎกก็เป็นกระดาษ มันจะมีผลมีค่าขึ้นมาจากความศึกษา ความรู้จริงแล้วการปฏิบัติของเรา รัฐธรรมนูญจะมีค่าตรงนี้ คนจะเป็นตรงนี้ สุขทุกข์ของคนอยู่ที่นี่ กลับมาที่ใจของเราเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง