วิปัสสนาเป็น

พระพุทธเจ้ากราบธรรม ทรงสอนอริยสัจ ท่านพระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต เมตตาตอบคำถามโดยเน้นให้ปฏิบัติ จิตนี้กลั่นมาจากอริยสัจ การปฏิบัติตามความเป็นจริง มรรคผลจะเกิดโดยข้อเท็จจริง โดยสัจจะความจริง เป็น ปจฺจตฺตํ สนฺทิฏฺฐิโก และจะเป็นอันเดียวกับปริยัติ โดยไม่ต้องเรียกร้องหามรรคหาผล

ธรรมอยู่ฟากตาย จะรู้ได้ด้วยภาคปฏิบัติเท่านั้น ปริยัติไม่อาจ รู้ธรรมได้ เรียนแล้วต้องปฏิบัติ รู้แล้วทำ และต้องทำจริงจังต่อเนื่อง ถ้ากิเลสอวดรู้ รู้แล้วหลง จะไปปฏิบัติตอนแก่ เป็นความประมาท การทำสมาธิหรือสมถะ ทำเพื่อวิปัสสนา เมื่อเห็นกิเลสให้ทำลาย ถ้าไม่เข้าสู่วิปัสสนา กิเลสอยู่ครบ หากเรียนแล้วไม่ปฏิบัติ กิเลสก็ยิ่งพอกพูน

รายที่มีการงานมากขึ้น ทำให้ปฏิบัติน้อยลง แล้วมีอาการป่วย พอกลับมาปฏิบัติ อาการก็ดีขึ้น เหมือนอาการขาดยา การปฏิบัติเป็นธรรมโอสถทำให้ดีขึ้นเป็นคติเตือน ต้องมีสติปัญญาแบ่งเวลามาทางธรรม มาปฏิบัติ รายที่พุทโธไม่ได้ ให้ฟังธรรมได้ การฟังธรรมเป็นภาคปฏิบัติอันดับหนึ่ง เมื่อจิตดีแล้วให้ฝึกพุทโธ หากจิตสงบหรือมีกำลังพอให้ฝึกหัดใช้ปัญญา ส่วนคำตอบ การนอนฟังธรรม และ ทุกข์ใจที่ย่าคอยตำหนิ ติเตียนหลาน ได้ข้อคิดคติธรรมที่มีประโยชน์มาก

การปฏิบัติแสนยาก แต่ไม่พ้นวิสัยมนุษย์ ต้องไม่ย่อท้อ ยอมทุกข์เพื่อพ้นทุกข์ ให้ปฏิบัติบูชา หากทำสมถะ - วิปัสสนาเป็นแล้ว กิเลสกับธรรมต่อสู้บนหัวใจจะสนุกเพลิดเพลิน เมื่อสิ้นกิเลสจะเป็นอกุปปธรรม เป็นศาสนทายาทธรรมสืบทอดพระศาสนาด้วยภาคปฏิบัติสืบต่อไป


ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

ร้องหามรรค

๑๙ มี.ค. ๒๕๕๙

ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

รู้แล้วทำ

๒o มี.ค. ๒๕๕๙

ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

กิเลสอยู่ครบ

๒๖ มี.ค. ๒๕๕๙

ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

อาการขาดยา

๒๗ มี.ค. ๒๕๕๙

ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

วิปัสสนาเป็น

๒ เม.ย. ๒๕๕๙