เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๗ ก.พ. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เลี้ยงกาย เราปากกัดตีนถีบกันอยู่นี้ทำอะไร ก็หาอาหารนี่แหละ หาปัจจัยเครื่องอาศัย แล้วพอมาจะปฏิบัตินี่นะเราก็ไปห่วงกัน ทุกคนจะมาถามเลยล่ะ มาอยู่ที่นี่จะได้กินกี่มื้อ ได้ทำอย่างไร เขาจะห่วงกันหมดเลย เห็นไหม เพราะเราเห็นแต่รูปธรรม รูปธรรมนะสิ่งที่เป็นวัตถุนี่มันมีอายุใช้งาน ชีวิตเรานี่ก็มีอายุใช้งาน มันมีอายุใช้งาน ๓๐,๐๐๐ กว่าวันเห็นไหม อายุใช้งานนี่ เราใช้แต่งานนี่เราทำแต่สิ่งที่ปรนเปรอมัน

แต่เราไม่คิดหัวใจเลย หัวใจนี่ไม่มีอายุใช้งานนะ มันจะอยู่คงที่ตลอดไป ดูสิ ทางยุโรปเขาไม่เชื่อว่ามีการเกิดและการตาย หัวใจมันอยู่คงที่ตลอดไป เพราะมันไม่เคยที่บุบสลายของมันได้ มันจะคงที่ แม้แต่มันจะทุกข์ยากขนาดไหน ตกนรกอเวจีขนาดไหน มันหมดวาระของมันมันก็เวียนขึ้นมาอีก นี่หัวใจไม่มีอายุการใช้งานนะ มันจะอยู่อย่างนี้ตลอดไป เพียงแต่ว่าคนเห็นหรือไม่เห็นเท่านั้นเอง แล้วมันจะหมุนเวียนอยู่สภาวะแบบนี้

แต่เวลาประพฤติปฏิบัติเท่านั้น เห็นไหม เวลาสิ้นสุดของความทุกข์แล้วนี่มันก็ไม่มีอายุใช้งาน เพราะมันคงที่ของมัน นิพพานคงที่ นิพพานมีอยู่ไง สิ่งที่เป็นนิพพาน จิตนี้มันคงที่ จิตมันมีอยู่ มันไม่มีอายุใช้งานนะ มันจะเวียนตายเวียนเกิดอย่างนี้ตลอดไป ถ้ายังไม่มีการทำให้ถึงที่สุดการสิ้นทุกข์ของมัน แต่ถ้ามันไม่สิ้นสุดของมัน มันจะต้องเวียนตายเวียนเกิดไปอย่างนี้ เห็นไหม แล้วเราไปห่วงแต่ข้างนอกไง ใช่ มันเป็นค่าน้ำใจ

การเสียสละทานเป็นค่าน้ำใจนะ การแสดงออกไง ไปวัดไปวาไม่อยากไปมือเปล่า เราอยากมีอะไรติดไม้ติดมือไป สิ่งที่ติดไม้ติดมือไปมันการแสดงออกค่าของน้ำใจ แต่ถ้าเรามีค่าน้ำใจอยู่แล้วนะ เรามาแล้วเราตั้งใจจริง เราตั้งใจของเรานะ เราประพฤติปฏิบัติของเรา อันนั้นจะเป็นประโยชน์มากกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลยนะ ภิกษุอยู่ไกลเรา อยู่ถึงสุดฟากตะวันตกนะ แต่ทำเหมือนเรา ปฏิบัติเหมือนเรา เหมือนอยู่ใกล้เรา จับชายจีวรอยู่เลยนี่ อยู่ด้วยกันนี่แต่ไม่ปฏิบัติตามกัน ไม่ทำตามกัน เห็นไหม เหมือนอยู่ห่างไกลมาก

นี่ก็เหมือนกัน มีค่าน้ำใจ เห็นไหม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ที่ไหน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ท่านบอกอยู่ที่ใจนะ รวมลงหนึ่งอยู่ที่ความรู้สึก ความรู้สึกคือพุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ความรู้สึกคือพุทธะ พุทธะคือผู้รู้ นี่ในศาสนาเรานี่พุทธะคือผู้รู้ พุทธะคือความสว่างไสว คือความผ่องใส พุทธะ เห็นไหม

ในมหายานเจอพุทธะให้ฆ่าพุทธะก่อน ถ้าไม่ฆ่าพุทธะนะนั้นคือตัวพญามาร มารเพราะอะไร เพราะความสว่างเป็นอวิชชา จิตผ่องใสคืออวิชชา จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้หมองไปด้วยอุปกิเลส จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้เป็นผู้ข้ามพ้นกิเลส จิตเดิมแท้มันเป็นผู้ข้ามพ้นกิเลส มันไม่ใช่ตัวธรรม ถ้าตัวธรรมปฏิสนธิคือจิตดวงนี้ จิตดวงนี้ปฏิสนธิจิตแล้วมันจะเกิดตายเกิดตาย เวียนตายเวียนเกิดอยู่อย่างนี้

พอเวียนตายเวียนเกิด เราไปอยู่ที่ตัวเวียนตายเวียนเกิด เราไม่เข้าใจถึงตัวที่ลึกเข้าไปอีก เห็นไหม ตัวที่ลึกเข้าไป นี่ความสว่างไสวมันคู่ความเศร้าหมอง ความว่างคู่กับความไม่ว่าง จริงๆ แล้วนิพพานมันพ้นออกไปจากความว่าง พ้นออกไปหมดเลย แต่ในการสื่อสมมุติกันไง ว่าเป็นความว่างเป็นความว่าง ความว่างมันไม่มีสิ่งใดขัดแย้งกับความรู้สึกอันนั้น ความรู้สึกอันนั้นเพราะอะไร เพราะมันไม่มีตัวตน ไม่มีภวาสวะ ไม่มีตัวภพ ไม่ไปมีเจ้าของ ไม่มีผู้รับรู้ ไม่มีผู้รับรู้แล้วรู้ได้อย่างไร ไม่มีผู้รับรู้แล้วมันจะรู้สึกไปได้อย่างไร นี่ไม่มีผู้รับรู้ ไม่มีสิ่งต่างๆ แต่มันรู้ตัวมันเอง เห็นไหม ไม่รู้กระทบ ไม่รู้ถึงสิ่งที่การแสดงออก

แต่ในปัจจุบันนี้มันเป็นการแสดงออก แสดงออกคืออารมณ์ คือความรู้สึก สิ่งที่ความรู้สึกมันแสดงออก แสดงออกมาจากไหน ความรู้สึกมันก็เกิดดับ เกิดดับมันเกิดจากพลังงาน ตัวพลังงานคือตัวอะไร คือตัวใจ ตัวใจคืออะไร ตัวใจคือตัวอวิชชา นี่สิ่งที่มันย้อนไป ถ้าเราย้อนกลับมาที่เรา เห็นไหม เราประพฤติปฏิบัติของเรา ตรงนี้ นี่น้ำใจมันอยู่ที่นี่ เรามันวัดกรรมฐานนะ วัดกรรมฐานเรื่องภายนอก เรื่องพักอาศัยเราก็อาศัยมัน เวลาทุกข์ยาก เห็นไหม ทุกข์ยากเพราะอะไร

เวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดนะ ธรรมะจะเกิดในที่ทุกข์ที่ยาก ที่ทุกข์ที่ยากเพราะอะไร เพราะมันไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยนี่ทำให้นอนใจ พอนอนใจมันก็นอนจม นอนจมมันก็นอนอยู่คากิเลสแล้วก็ว่าปฏิบัติกัน นี่เราอำนวยความสะดวกกันตลอดเวลานะ จะอำนวยความสะดวกกันเพื่อจะให้ปฏิบัติง่าย มันไม่ง่ายหรอก แต่ถ้าเราตัดทอนมัน ขัดเกลา เราขัดเกลา ถือธุดงควัตรเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส ขัดเกลาตรงไหนล่ะ ขัดเกลาตรงที่ไม่สนใจมัน ไม่สนใจหรอก อยากอย่างไรก็ไม่ได้ ไม่ได้สมความปรารถนา ถ้าไม่ได้สมความปรารถนา

ความปรารถนาคืออะไร คือความอยากได้ ความอยากได้คืออะไร ความอยากได้คือตัณหา ตัณหามาจากไหน ตัณหามาจากใจ แล้วเราขัดเกลามัน สิ่งใดที่มันต้องการเราตัดทอนมัน ถึงต้องอดนอนผ่อนอาหาร เวลาเราอดนอนผ่อนอาหารมันประโยชน์อะไร ถ้าอดนอนผ่อนอาหารมันเป็นประโยชน์ คนทุกข์คนยากเขาไม่มีจะกินเขาเป็นพระอรหันต์หมดแล้ว เขาอดของเขาเขาอดเพราะความจำยอม เขาอดเพราะเขาไม่มีจะกิน เพราะกรรมของเขา

ครูบาอาจารย์ท่านพูดนะ มนุษย์เกิดมามีค่าเท่ากัน ไม่ได้ดูถูกนะ ไม่เคยดูถูกมนุษย์ มนุษย์เกิดมามีกายกับใจ มีคุณค่าเท่ากันหมดนะ เพราะหัวใจมันเข้าถึงธรรมได้ทุกๆ คน นี่ไม่ให้ดูถูกกันอย่างนั้น เพียงแต่ให้เห็นผลบุญผลกรรม เขาทำบุญทำกรรมของเขามา เขาทำบุญกุศลเขามาเขาก็มั่งมีศรีสุขของเขา เขาทำกรรมของเขามาเขาก็เจอสภาพแบบนั้น เห็นไหม สิ่งนั้นมันเรื่องของกรรม เพราะเขาไม่มีความเข้าใจ เพราะเขาจนตรอกของเขา เพราะเขาอยู่ในสภาวะกรรมอย่างนั้น เขาพ้นจากภาวะนั้นไปเขาอาจจะร่ำรวยกว่าเราก็ได้

แต่ขณะที่เราเป็นพระภิกษุ เราเป็นนักบวช นักปฏิบัตินะ เรามี เรียกร้องก็ได้ ขอเอาจากไหนก็ได้ แต่เราไม่ทำ เห็นไหม มันเกิดที่ไหนล่ะ มันเกิดจากหัวใจ มันเกิดจากเจตนา เกิดจากการเราขัดเกลามัน พอเราขัดเกลา ใครเป็นคนคิด ก็จิตเป็นคนคิด ใครเป็นคนมีสติ จิตดวงนี้ทั้งนั้นเลย เพราะจิตดวงนี้มันมีเจตนา มีแนวคิด มันมีปัญญาไหม มันรู้สึกตัวมันไหม คือทำด้วยความรู้สึก ทำด้วยเจตนา ทำด้วยความเห็นของเรานี่ มันเข้าไปขัดเกลา เห็นไหม

แต่เขาไม่ทำด้วยความเห็นของเรา เขาทำความจำนนจากข้างนอก นี่สิ่งที่เขาอดเขาอยาก คิดว่าอดนอนผ่อนอาหารแล้วมันจะเป็นประโยชน์อะไร มันเป็นความทุกข์ทั้งนั้นนะ เป็นความทุกข์ มันเป็นการดัดแปลง มันเป็นการดัดแปลงใจนะ มันทำใจของเราให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใจเราเข้าที่เข้าทางเห็นไหม สิ่งนี้มันจะเห็น อายุการใช้งานของมนุษย์นะ ๓๐,๐๐๐ กว่าวันก็ต้องตายไป แล้วนี่อายุใช้งานก็ใช้งานเรื่องของร่างกาย แล้วหัวใจมันได้อะไรไปล่ะ ถ้าเราเห็นว่าอายุใช้งานเขาซ่อมแซม เขาบำรุงเขานะ นี่ร่างกายเป็นที่อยู่ของเรือนโรค มีโรคภัยไข้เจ็บมันอยู่กับเรานี่ แล้วเราก็ยังต้องถนอมรักษามันไป แต่ถนอมรักษาไปแล้วได้อะไรติดไม้ติดมือไป

แต่ถ้าเราดูหัวใจนะ ถ้าจิตมันลงเป็นสมาธิมันจะฝังใจมาก ทรัพย์อันนี้นะเงินทองซื้อไม่ได้ แล้วไม่มีแสวงหาได้ที่ไหน เราหาได้ที่หัวใจของเรา แล้วมันเกิดปัญญาขึ้นมา มันใคร่ครวญเข้ามา มันปล่อยวางเข้ามา แล้วจะเห็นนะ เห็นเลยว่าการศึกษาทางโลก นี่การศึกษาทางโลกนะ ต้องให้คณะกรรมการเขามอบปริญญาบัตรให้นะ แต่การศึกษาทางธรรม ธรรมะแต่งตั้งมันจะเกิดขึ้นมาจากใจ มันจะเป็นของมันเอง เป็นสันทิฏฐิโก แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งอยู่ต่อหน้าก็กราบเคารพบูชา แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เราไม่ได้ ทุกคนทำให้เราไม่ได้ เห็นไหม มันคงที่อย่างนี้ มันเป็นสมบัติของเราอย่างนี้ นี่มันอยู่ที่นี่ มันอยู่ในหัวใจของเรา ถ้าเราย้อนกลับมาที่นี่

การกระทำถ้ามองทางโลกมันเหมือนกับคนทุกข์จนเข็ญใจ แต่ถ้ามองทางธรรมนะ เห็นไหม โคนไม้นี่วิมาน เราอยู่เพื่อความสุขของเรา มันไม่มีเสียงนะ รูป รส กลิ่น เสียงเป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร รูป รส กลิ่น เสียงจากภายนอก รูป รส กลิ่น เสียงจากภายในไม่มีสิ่งใดๆ เลย ไปอยู่ในป่าระวังความคิดนะ คนอยู่คนเดียวให้ระวังความคิดของตัว ความคิดของตัวมันจะทำร้ายตัวเอง ความคิดของตัวคิดจนเราเสียใจ เราช้ำใจแล้วเราก็ทำร้ายตัวเอง ความคิดของเราทั้งนั้นนะ แต่ความคิดในแง่บวกล่ะ ความคิดในสิ่งที่ดีเห็นไหม ถ้าสิ่งที่ดีเกิดขึ้นมาจากไหน

ถ้าเกิดขึ้นมานี่ มิจฉา - สัมมา มิจฉาคิดทำร้าย คิดทำลาย สัมมา คิดก่อเกิด คิดสิ่งที่ดีขึ้นมา แล้วดีขึ้นมา เห็นไหม สมาธิธรรม ดูสิ เขาก่อเจดีย์ทรายนะ น้ำพัดขึ้นมานี่มันจะราบไปเลย แต่ว่าเราทำสมาธิขึ้นมานี่มันเป็นนามธรรมแท้ๆ เลย ทำไมมันอยู่กับเราล่ะ ทำไมมันฝังใจเราไปล่ะ แล้วเกิดธรรมขึ้นมา ดูสิ เพชร นิล จินดา ของมีค่าขนาดไหนมันอยู่ใต้กฎอนิจจังทั้งหมด เสื่อมสภาพทั้งหมด ไม่มีอะไรคงที่ ของในโลกนี้ไม่มีอะไรคงที่เลย

เว้นไว้แต่อริยภูมิ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์ นี่สิ่งนี้คงที่ ไม่มีใครทำลายมัน พ้นจากพญามาร พญามารมองไม่เห็น เห็นไหม พญามารตามสิ่งนี้ไม่ได้ ทำลายสิ่งนี้ไม่ได้ อยู่ที่ใจนี่ ใจทุกข์ๆ นี่ที่เรามาแสวงหากันนะแสวงหาที่นี่ ชีวิตเป็นอย่างนี้นะ ชีวิตนี่เกิดมาจากกรรม ใครจะสุขใครจะทุกข์แล้วแต่เราสร้างมาทั้งนั้นนะ เราเป็นคนทำของเรามาเอง ถ้ามันเกิดสภาวะใด นี่ของที่เราทำมาทั้งนั้นนะ ถ้าเราทำดีนะมันจะไม่เกิดสภาวะแบบนี้ มันจะดีไปตลอด

แต่ถ้ามันดีตลอดทำไมมันเกิดวิกฤตขึ้นมาบ้างเป็นบางคราวล่ะ เห็นไหม ดูสิ เวลาลดค่าเงินบาทนี่ใครสามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงมันได้ เป็นไปทั้งหมดเลย นี่สภาคกรรม เห็นไหม กรรมมันเกิดขึ้นมาเกิดร่วมกัน กรรมจากสิ่งแวดล้อม กรรมแบบสภาคกรรมของโลก กรรมของเรา กรรมต่างๆ เห็นไหม

แล้วในปัจจุบันนี่เราแยกออกมา แยกออกมาประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม ถ้าเราอยู่โคนไม้ อยู่ของเราเราแยกออกไปจากสังคม เราออกไปไปแบบนอแรด ครูบาอาจารย์ท่านไปแบบนอแรดนะ ไปแบบนอแรดเพราะอะไร เพราะไปแบบนอแรดมันจะเกิดความวิเวก มันจะเกิดการกระเทือนใจ ถ้าไปด้วยกัน ๒-๓ คนนะมันอุ่นใจ อุ่นใจคืออุ่นกิเลสไง กิเลสมันจะขี่คอ

แต่ถ้าไปคนเดียวไปเพื่อค้นคว้าหาเรา ถ้าค้นคว้าหาเราขึ้นมานี่ นี่ความกังวล ความวิตกกังวล ความกลัวต่างๆ เกิดจากใจทั้งนั้นนะ สิ่งนี้เกิดจากใจถ้าทำลายหมด มันไม่มี มันไม่มีหรอก สิ่งนี้เราสร้างภาพหลอกเราเองทั้งนั้นเลย แล้วถ้าเราทำลายหมดนี่สิ่งนี้มันจะเป็นปัจจัตตัง มันจะซึ้งในศาสนามาก ศาสนาที่เขาเห็นกันนะเป็นวัตถุ เป็นข้าวของ เป็นสิ่งที่เชิดชูศาสนา เขาเห็นเป็นวัตถุกันเขาชื่นชมกัน นี่ครูบาอาจารย์ท่านเศร้าใจทั้งนั้นนะ เพราะมันเป็นที่อยู่ของเราด้วย เป็นที่อยู่ของตุ๊กแกด้วย เป็นที่อยู่ของจิ้งจกด้วย เป็นที่อยู่ของนกด้วย มันเป็นที่อยู่ของใคร ใครเป็นเจ้าของมัน ไม่มีหรอก อาศัยชั่วคราวนะ

แต่หัวใจของเรานะ เราสร้างได้ เราทำได้ นี่อายุใช้งานของเรานะ ๓๐,๐๐๐ กว่าวัน ตั้งสติไว้ จะเอาอะไร ชีวิตนี่จะเอาอะไร จะทำอะไรติดมือเราไป ถ้าเราทำสิ่งที่ติดมือเราไป ชีวิตเราจะเป็นประโยชน์ เห็นไหม นี่อริยทรัพย์การเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์เกิดมามีธาตุ ๔ แล้วสัตว์มันก็เกิดมาเป็นเดรัจฉาน เห็นไหม แล้วเราเอาเนื้อของมันเป็นอาหาร เห็นไหม ธาตุ ๔ กินธาตุ ๔ ดินกินดิน นี่ร่างกายเป็นดินแล้วก็กินดินเข้าไป แล้วดินก็ไปส่งเสริมขึ้นไป อาหารก็ธาตุ ๔ เหมือนกัน เราต้องใช้ไฟ ต้องใช้น้ำ ทำให้เป็นอาหาร ธาตุ ๔ อาศัยธาตุ ๔ กินนะ ธาตุ ๔ อาศัยธาตุ ๔ ดำรงชีวิต หัวใจอาศัยธรรม

ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจเปลี่ยนมนุษย์นะ เปลี่ยนมนุษย์นะจากเป็นมนุษย์ ดูสิ ทำไมเทวดา อินทร์ พรหม ที่เราเคารพศรัทธากันนะทำไมมาฟังธรรมครูบาอาจารย์เราล่ะ ทำไมเขาเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ทำไมเขาไม่เข้าใจสิ่งต่างๆ เขามีแต่นามธรรม เขามีแต่เรื่องหัวใจนะ แล้วเขามีทิพย์ด้วย แต่ทำไมเขาต้องมาฟังธรรม นี่ไงถ้าเราทำของเราขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เราทำของเราเป็นปัจจุบันเดี๋ยวนี้ เพราะเรามีร่างกายและมีจิตใจ เรามีร่างกายจิตใจ เทวดาเขาเป็นทิพย์หมด เขาไม่มีร่างกาย เขาไม่ได้กินดิน เขากินทิพย์ เรากินดิน แล้วหัวใจกินธรรม

ถ้าเราทำของเราขึ้นมาได้มันจะเป็นโอกาสของเรานะ นี่ ๓๐,๐๐๐ กว่าวัน นี่เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันสะท้อนใจ สะท้อนใจมาก เห็นไหม นี่เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันเป็นธรรมชาติของมัน แล้วถ้าไม่ดูแลรักษามัน ปล่อยมันมันก็เสื่อมสลายไป แล้วหัวใจล่ะ หัวใจไปไหนๆ นี่ถ้าเรามีอย่างนี้ขึ้นมา เราทำของเราได้ เราตั้งสติของเราขึ้นมา ของอาศัยนะ ปัจจัยเครื่องอาศัยกับความเป็นจริงในใจของเรา เราอย่าไปตื่นเต้นกับมัน ไม่ตื่นเต้นไปกับมันหรอก

แต่เห็นแล้วมันปลงธรรมสังเวชไง มันสังเวชกับความเผอเรอของพวกเรา มันสังเวชกับการนอนใจ เราจะนอนใจกับชีวิต เราจะไม่ตื่นเต้นกับชีวิต ถ้าเราไม่นอนใจกับชีวิต เราจะเป็นความจริงของเรา เห็นไหม นี่มีสติสัมปชัญญะขึ้นมา อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ความมีธรรมในหัวใจนะ มันมีหิริ มันมีโอตตัปปะ มันมีความเกรงกลัว มันมีความละอายนะ หัวใจมันมีความละอายของมัน แล้วมันจะชุ่มชื่นในตัวใจของมัน เห็นไหม สุขก็สุขที่นี่ ไม่ได้สุขที่หาเครื่องปัจจัยอาศัย เครื่องปัจจัยอาศัยแค่ดำรงชีวิต เพื่อจะหาธรรมในหัวใจของเรา เอวัง