เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ มี.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันพระ วันพระต้องทำให้ใจวิเวก ใจวิเวกเห็นไหม กายวิเวก เรามาอยู่ในวัดกันแล้วกายวิเวก แต่ใจไม่วิเวกนะ ถ้าใจวิเวกนะจะมีความสุขมาก แต่ถ้าใจวังเวง ใจทุกข์ใจยากจะไม่มีความสุขเลย ถ้าใจวิเวกเห็นไหม เราต้องควบคุมใจของเราได้ ใจวิเวก คำว่าวิเวกมันสงบของมัน มันเห็นคุณค่าของความสงบนะ แต่เพราะเราไม่เห็นคุณค่าของความสงบเห็นไหม สร้างวัดก็ต้องให้เป็นตลาดนะ จะต้องมีคนมาคอยดูแล จะต้องมีคนมาคอยส่งเสีย จะต้องให้คนมีคนมาหา วุ่นวายมาก ใครจะดูแลจะไม่ดูแลน่ะเรื่องของเขา ไม่จำเป็นเลย

ครูบาอาจารย์ของเรานะ ไม้กระบอกอันเดียวเท่านั้นลงไปอาบน้ำก็เอาน้ำขึ้นมาด้วย หาอยู่หากินกันด้วยลำแข้งทั้งนั้น มันพออยู่ได้หรอก ไม่ต้องจำเป็นให้ใครมาดูแลโอ๋จนเป็นเฒ่าทารก โตกันไม่ได้เลย ฉะนั้นถ้าวิเวกมันต้องวิเวกจริงๆ สิ ไอ้นี่ปากวิเวกแต่คลุกคลีกันมั่วกันไปหมดเลย มันไม่วิเวกแล้ว มันวิเวกแต่ปาก วิเวกแต่ตำรา แต่ใจมันไม่วิเวก ถ้าใจวิเวกนะมันเห็นแล้วมันรำคาญ มันรำคาญนะ มันรำคาญเพราะอะไร? เพราะใจมันวิเวกมันอยู่คนเดียวยิ่งมีความสุขมาก เราอยู่คนเดียวมีความสุขมากเลย แต่ถ้าใจมันวังเวงนะยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งทุกข์นะ ถ้าอยู่หลายๆ คนมันปลอบประโลมกันมันจะมีความสุขมาก มันมีคนคอยช่วยเหลือเจือจานกัน แต่อยู่คนเดียวกลัวแต่จะทุกข์จะยากเห็นไหม

แต่ถ้าใจมันวิเวกมันจะทุกข์ยากที่ไหน มันก็กินแค่มื้อเดียวเท่านั้น มันก็แค่อะไร อะไรพอเป็นประทังชีวิตไป ประทังชีวิตนะ เวลานักบวชเราก็แค่หยอดล้อเกวียนเท่านั้น อะไรพอได้ก็ได้ทั้งนั้นล่ะ ไม่จำเป็นจะต้องเลิศเลอไปกับเขา ใช่ไหม เวลาพูดถึงเรื่องกิน พระเห็นแก่ปากเห็นแก่ท้องธุดงค์ไม่ได้ พระเห็นแก่ปากแก่ท้องจะออกวิเวกไม่ได้ พระเห็นแก่ปากแก่ท้องเห็นไหม เห็นแก่ปากแก่ท้องมันอิ่มหนำสำราญของมัน แต่กิเลสมันจะพองตัวนะ กินอิ่มนอนอิ่มกิเลสตัวใหญ่มาก ถ้าขัดเกลามันเห็นไหม ธุดงควัตรขัดเกลากิเลส

ขัดเกลากิเลสคือชักออกๆ ยิ่งชักออก เห็นไหม ครูบาอาจารย์ผ่านวิกฤติมาอย่างนี้ทั้งนั้น เวลาจิตใจมันตก จิตใจมันเสื่อม สมาธิเสื่อม เวลามันฟุ้งซ่านขึ้นมานะ ผ่อนอาหาร ผ่อนอาหาร ผ่อนอาหารเข้าไปร่างกายมันเริ่มขาดอาหารไป มันไม่มีโอกาสได้คิดเรื่องอื่นหรอก ทีนี้ร่างกายอาหารก็เต็มท้อง นอนก็นอนจนเป็นหมู แล้วก็คิดแต่เรื่องทางโลกกัน มันไม่ยอมย้อนกลับเข้ามาในหัวใจของตัวเอง ถ้าทุกอย่างมันขาดแคลนหมดเห็นไหม ชีวิตนี้มันวิกฤติแล้ว มันจะต้องตายแล้ว มันจะย้อนกลับมาที่เรา เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วยเห็นไหม คิดถึงแต่เขาไปหมด คิดถึงเขาเพราะอะไร? เพราะห่วงอาลัยอาวรณ์ไปหมด แต่ถึงที่สุดนะมันก็ต้องห่วงตัวเอง ห่วงตัวเองนะ ไม่มีใครรักเรามากกว่าตัวเองหรอก แต่ความรักตัวเองมันซ่อนไว้ แล้วมันก็ไปห่วงอาทรคนอื่นหมดเลย ถ้าใจมันยังเป็นกิเลสอยู่นะ

แต่ถ้าใจเป็นธรรมเห็นไหม ธรรมเหนือโลก รื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์รื้อกันที่ไหน รัฐบาลเขารื้อสัตว์ขนสัตว์ เขาแจก เห็นไหม ดำรงชีพ คนสูงอายุเห็นไหม เขาแจกเงินนะ เขาแจกเงินเพื่อจะช่วยเหลือเจือจานกัน แล้วผู้สูงอายุทุกข์ไหม มันทุกข์มาก เราพยายามคิดว่าจะช่วยกัน ๆ ช่วยมันก็เป็นปัจจัยเครื่องอาศัย มันเรื่องภายนอก มันเป็นการแสดงออกของน้ำใจ ถ้าเรามีน้ำใจนะ เราแสดงออกน้ำใจ ถ้าน้ำใจเราเต็มเปี่ยมเราไม่แสดงออก มันอยู่ในหัวใจเรา มันมีความเมตตา มีความกรุณา สิ่งนี้มันคิดถึงกัน หัวใจนะ คนเรานะเรื่องเจือจานกันข้างนอกมันอีกเรื่องหนึ่งนะ เรื่องของค่าน้ำใจสำคัญมาก คิดถึงห่วงหาอาวรณ์กัน เห็นไหม

มิตรแท้ มิตรแท้ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยนะ แต่ห่วงอาลัยอาวรณ์กัน มิตรแท้นะ เขาคิดถึงกัน เขาช่วยเหลือเจือจานกันด้วย เขาเตือนภัยกัน มิตรแท้ ไม่เห็นหน้ากันก็เป็นมิตรแท้ได้ แต่นี่มันคลุกคลีกัน คลุกคลีจนเสียหายไปหมด ถ้าเป็นทางโลกจะคลุกคลีเสียหายไปหมดเลย แล้วมาก็จะตื่นเต้นไปกับเขานะ ยิ่งคนมาพะเน้าพะนอมันจะว่าวเชือกขาดเลย ไปสุดกู่เลยนะ

โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ โลกนี้พร่องอยู่เป็นนิจ โลกนี้ไม่เคยเต็ม ทุกอย่างพร่องอยู่เป็นนิจ มันเต็มไม่ได้ หัวใจเราตัณหาความทะยานอยากล้นฝั่งยิ่งเต็มไม่ได้ใหญ่เลย ใครจะเจือจานขนาดไหน ใครจะมาช่วยเหลือขนาดไหนมันยิ่งล้นฝั่งเห็นไหม แต่ถ้าเราหาของเราเอง เรารักษาของเราเอง สิ่งนี้มันจะเป็นประโยชน์กับเรา เราเห็นคุณค่าของเราเองเห็นไหม ยิ่งจิตมันเข้าในที่สงบให้มันสงบมาให้ได้นะ

ดูสิ เวลาถือศีล ๘ เห็นไหม ไม่ให้นอนที่สูง ไม่ให้ฟังดนตรี ไม่ให้ฟังอะไรเห็นไหม ไอ้พวกนี้มันเป็นอบายมุข สิ่งนี้เป็นอบายมุข เครื่องพนันขันต่อนี่อบายมุข สิ่งนี้เป็นอบายมุข อบายๆ มันจะเป็นอบายมุข มันจะไปสู่อบายเห็นไหม แต่ถ้าเราไม่ไปกับโลกเขา สิ่งที่โลกเขาจะพาเราไปอบายกันนะ เขาบอกจะมาช่วยเหลือเจือจานกัน เขาจะดึงเราลงไปอบายนู่นน่ะ เราไม่ต้องไปอบายกับเขา เราถือพรหมจรรย์ของเรา ศีล ๕ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีลของเราให้บริสุทธิ์ผุดผ่องของเรา มันจะขาดเหลือเจือจานมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ใครทำมานะมันจะสภาวะแบบนั้น คนถ้าทำบุญกุศลมา มันจะไปซุกอยู่ในถ้ำไหนนะมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ถ้าคนไม่ทำอะไรเลยไปอยู่กลางตลาดเขาก็ไม่สนใจหรอก ไม่มีใครเขามาดูแลหรอก เห็นไหม

อย่าคลุกเคล้ากัน อย่าคลุกเคล้ากันจนมันเป็นเรื่องโลกๆ ไป เป็นเรื่องโลกๆ ไปนะ เรามาวัดแล้วต้องให้ได้เป็นวัดจริงๆ ขอให้เป็นวัดจริงๆ เถิด นี่ทำไปพอประมาณ มัชฌิมาปฏิปทาสมควรแล้วเท่านั้นพอ สิ่งนั้นพอ เพราะเราพยายามสร้างของเรา เราทำของเราเพื่อจะให้จบนะ คนคิดว่าเราบ้าการก่อสร้างนะ นกมันต้องมีรวงมีรัง ถ้าเราไม่มีการก่อสร้างนะ นู่นก็ขาดแคลน นี่ก็ขาดแคลน คนนั้นก็จะให้ คนนั้นก็จะให้ มันจะวุ่นวายไปหมดเลย แต่ถ้าเราทำของเราจบแล้วนะ จบแล้วนะ แค่นี้พอนะ ใครจะมายุ่งไม่ได้เลย เพราะอะไร? เพราะรวงรังแค่อาศัยเท่านั้น

เราเน้นกันเรื่องการประพฤติปฏิบัตินะ ถ้าการประพฤติปฏิบัติเราต้องเอาใจเราออกสู่ความสงบสงัด ถ้าความสงบสงัดมันจะเห็นของมัน ดูสิ เวลาของเรา เราไม่เห็นความผิดพลาดของเรา เห็นไหม คนถ้าเห็นความผิดพลาดของตัวเองนะ มันจะมีการแก้ไข เวลาเราอยู่ที่ความสงบก็ดูความผิดพลาดของตัวเอง ใจนี้พร่องอยู่เป็นนิจไหม? น้ำล้นฝั่งไหม? ชีวิตนี้มันคืออะไร? เกิดมาแล้วมันจะเป็นไปไหน? เกิดมาแล้วอยู่ชั่วคราวนะ เราบอกชีวิตเรานี่ยืนยาวมาก ประมาทมากนะ

ดูสิ ดูฟอสซิลเห็นไหม ดูสิ ไดโนเสาร์นี่สี่ห้าสิบล้านปี เขาไปเจอที่ออสเตรเลียฟอสซิลของมนุษย์ล้านปีนะ แล้วบอกบุพเพนิวาสานุสติญาณมาจากไหน? มนุษย์นี่เกิดมาจากไหน? ถ้ามันมีจริงนี่ทำไมไม่มีซากฟอสซิลเลย มี แต่ฟอสซิลของมนุษย์เขาเผาเขาทำลายกัน มันไม่เหมือนสัตว์ไง สัตว์ที่มันเป็นฟอสซิล เห็นไหม มันมีขนาดไหนมันมีของมันนะ เป็นล้านๆๆ ปีนะ สี่สิบห้าสิบล้านปีนะ ไม่ใช่สองพันห้าร้อยปีนี้หรอก เป็นล้านๆๆ ปีเห็นไหม แล้วมันก็เวียนตายเวียนเกิด แล้วเราเกิดมาชั่วร้อยปีมันเล็กน้อยมาก ร้อยปีนะ ชั่วร้อยปีถ้าเราไม่ขวนขวายของเรา เราไม่จริงใจกับเรา เราจะเอาอะไรติดไม้ติดมือไป มีโอกาสนะ เปิดโอกาสให้เราได้มีการกระทำ

อริยทรัพย์ ทรัพย์จากภายใน ทรัพย์จากหัวใจที่มันพัฒนามานี่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ตัดแต่งใจเลย ถ้าใจมันตัดแต่งให้ดีขึ้นมามันจะเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราไม่ตัดแต่งใจตั้งแต่บัดนี้นะ มันเป็นไปตามกระแส มันก็ไหลไปตามกระแส เก็บไว้หมักหมมไว้มันจะเน่าเสียไป เน่าเสียไปนะ ของเน่าเสียไปมันเน่าเสียไปเพราะมันเป็นวัตถุ แต่หัวใจมันไปตามกิเลส กิเลสมันไปกดให้ต่ำตลอด แล้วมันเน่าเสียไหม มันไม่เน่าเสียหรอก มันจะเกิดตายตลอดไป แล้วมันจะทุกข์ยากตลอดไป แล้วเวลาทุกข์ขึ้นมา เกิดขึ้นมานี่ ทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้นก็ทำมาอย่างนี้ เป็นอย่างนี้เพราะทำมาอย่างนี้นะ จะเศรษฐีกุฎุมพีขนาดไหนก็แล้วแต่ไม่จำเป็น จำเป็นว่าใจเราพ้นจากทุกข์ได้ไหม ถ้าใจเราพ้นจากทุกข์ได้นะ

ดูสิ มันเป็นสมบัติโลก ไม่ใช่สมบัติเรา สมบัติข้างนอกมันจะมีประโยชน์อะไร สมบัติเราสิถึงมีความหมาย สมบัติเรามันไปกับเรานะ ถ้าสมบัติเราไปกับเรากิริยาแสดงออกมันจะรู้ คนมีธรรมนะเครื่องแสดงออก เรื่องกิริยานั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การแสดงออกของใจ เห็นไหม กุศลมันเป็นเมตตาค้ำจุนโลก มันมีแต่ความเมตตามันจะเป็นประโยชน์หมด อกุศล การแสดงออกว่าเป็นเมตตา แต่มันเมตตาเพื่อตน เมตตาเพื่อหมู่คณะ เมตตาผลประโยชน์ เมตตาผลประโยชน์ก็มี เมตตาเพื่อเมตตาก็มี เรามองโลกแง่ไหน เพราะสิ่งนี้มันเป็นเรื่องของธรรมะเห็นไหม

ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่ธรรมะของเรา ถ้าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราก๊อบปี้สิ่งนี้มาในหัวใจ มันไม่เป็นความจริงหรอก ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน เวลามันจะพิสูจน์ได้หมด สิ่งนี้เวลาพิสูจน์ได้หมดว่าจริงหรือไม่จริง ของจริงมันคือของจริงนะ ถ้าของไม่จริงนะเดี๋ยวมันแสดงตัวออกมาแน่นอน ออกมาแน่นอน เป็นธรรมชาติอย่างนั้น มันต้องออกมา ปิดไว้ไม่อยู่หรอก มันต้องแสดงออกเห็นไหม

เหล็กดีขนาดไหน สิ่งนี้มันต้องกัดกร่อนออกมาโดยธรรมชาติของมัน ใจถ้ามีกิเลสอยู่มันต้องแสดงออกวันยังค่ำ เพียงแต่ว่าเราเห็นว่าสนิมเป็นทองคำกันไง เราเห็นสนิมเป็นสิ่งที่ว่า ยิ่งเห็นเขาเล่นของเก่าเห็นไหม ยิ่งมีสนิมยิ่งเป็นของเก่ายิ่งมีคุณค่า เพราะความไม่รู้ไง ถ้าความรู้เขาเห็นแล้วเขาขยะแขยง สิ่งที่ขยะแขยงมันแสดงออกมาจากใจทั้งนั้นล่ะ

วันพระ เราวัดของเรา เรารู้ของเรานะ สันทิฏฐิโกมันเป็นความรู้จากหัวใจ จริงเป็นความจริง ปลอมเป็นความปลอม ถ้าเป็นสุภาพบุรุษปลอมต้องบอกว่าปลอม เข้าใจว่าจริงอยู่ แต่เวลาปฏิบัติไปแล้ว หรือการประพฤติปฏิบัติทำไมมันลังเลสงสัย ความลังเลสงสัยมันเรื่องกิเลสทั้งนั้น ถ้าเป็นความจริงนะจะไม่มีความลังเลสงสัยเลย จะไม่มี เอ๊าะ เอ๊าะ อะไรทั้งสิ้นเลย มันจะเข้าใจหมด มาถึงบางอ้อ อ้อหมด แล้วมันจะลบล้างได้ทั้งหมด ถ้าลบล้างได้หมด นี่ไงลบล้างเพราะอะไร? ลบล้าง การลบล้าง วิธีการลบล้างอย่างไร?

วิธีการนี่สำคัญมาก กิจจญาณนี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดเพราะว่าเหตุนี้ ครูบาอาจารย์เราเกิดมาเพื่อเหตุนี้ เพราะเกิดจากการกระทำของใจ ใจมีการกระทำของมัน ถ้าใจไม่มีการกระทำของมัน เวลากระทำผิดก็รู้ว่าผิด กระทำผิดเวลากระทำไปแล้วนึกว่าถูกเห็นไหม นึกว่าถูก เพราะว่าอะไร? เพราะความสัมผัสที่จิตมันไม่เคยเห็นความละเอียดอ่อนของใจ พอมันสัมผัสไปแล้วนึกว่าถูก แต่ถึงเสร็จแล้วสนิมมันต้องคลายตัวออกมา สนิมมันต้องกัดเหล็กเห็นไหม สนิมเกิดจากเหล็ก จริตเกิดจากใจ มันจะมหัศจรรย์ขนาดไหน แต่มันยังมีสนิมอยู่เดี๋ยวมันก็คลายตัวออกมาโดยธรรมชาติของมัน แล้วถ้ามันคลายตัวมันจะถูกได้อย่างไร มันต้องผิดสิ แต่ไม่ยอมรับกัน ไม่ยอมรับเพราะอะไร เพราะว่าขี่หลังเสือ พยายามดันทุรังกันไป ดันทุรังมันก็แสดงออกมามันก็เป็นอวิชชาทั้งนั้น มันเป็นอกุศล มันเป็นสิ่งที่ผลประโยชน์ของใจดวงนั้น เห็นไหม

แต่ถ้าเป็นธรรมนะ เป็นธรรม ธรรมเหนือโลก โลกเป็นสภาวะแบบนั้น ถ้าโลกเป็นสภาวะแบบนั้น คิดดูสิว่าโลกเป็นสภาวะแบบนั้น โลกเขาจะรู้เขาจะเข้าใจเรื่องธรรมไม่ได้ เขาจะเข้าใจเรื่องธรรมไม่ได้ ถ้าเขาเข้าใจธรรมเขาก็เป็นอริยบุคคลกันหมดแล้ว ฉะนั้นความที่เขาจะรู้กับเรามันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย เว้นไว้แต่เราฝึกฝนของเราขึ้นมา แล้วจิตของเราขึ้นไปจนถึงจุดนั้นถึงจะรู้ตามกันได้ สิ่งที่รู้ตามกันได้มันก็เป็นความจริง แต่ถ้าหวังจะให้เขารู้จะให้เขาเข้าใจเรา เป็นไปไม่ได้เลย โลกนี้เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เราจะให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปอย่างนั้น มันเป็นไปไม่ได้ นี่ไงเราถึงไม่เข้าใจไง ว่าธรรมแท้ๆ มันเหนือโลก เหนือจนเราไม่เข้าใจเลย แต่ถ้าวันใดเราประพฤติปฏิบัติขึ้นไปถึงจุดนั้นแล้วนะ เราจะซึ้งใจมากเลยนะว่ามันจะเป็นสภาวะแบบนั้น จะเป็นสภาวะแบบนั้นแน่นอน

แต่ในปัจจุบันนี้เราต้องตรวจสอบทดสอบใจของเราขึ้นไป พัฒนาของเราขึ้นไปเห็นไหม ให้มันเป็นความจริงขึ้นมา ให้มันเป็นความจริงนะ เพราะอะไร? เพราะเรายังมีลมหายใจเข้าและลมหายใจออกอยู่ เมื่อใดแผ่นดินกลบหน้าเมื่อนั้นเราจะหมดโอกาสนะ ถ้าเมื่อใดแผ่นดินกลบหน้า หมดโอกาสเพราะอะไร? เพราะเวลาตายไปแล้วมันเป็นเราไหม? ตายไปแล้วมันเกิดสถานะเป็นเทวดาก็เป็นเทวดาไปอีกสถานะหนึ่ง จิตดวงนี้แหละแต่เป็นคนอื่นไปแล้ว พอเป็นคนอื่นไปแล้วเขาจะคิดถึงปัจจุบันนี้ไหม? ปัจจุบันนี้เรายังคิดอยู่ เพราะอะไร? เพราะมันสืบต่อด้วยสถานะตั้งแต่เกิดมาจนจะตายไป แต่พอตายปั๊บมันเปลี่ยนสถานะทันทีเลย เป็นเปรต เป็นนรก เป็นอเวจี เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นมนุษย์อีกล่ะ ถึงเกิดเป็นมนุษย์อีกมันก็เป็นมนุษย์ที่ว่าไปเกิดในสังคมใด ประเทศอันสมควร เกิดในครอบครัวของใคร? ไปเกิดในสังคมอะไร? ไปเกิดในลัทธิศาสนาอะไร? มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเปลี่ยนแปลงสถานะหน่อยนะ มันก็ได้สังคมใหม่ขึ้นมา แล้วมันจะคิดว่าจะไปทำต่อๆ ปฏิบัติต่อๆ ปฏิบัติต่อมันเป็นเม็ดใน มันเป็นจริตนิสัย

เหมือนดูเด็กเห็นไหม เด็กบางคนมันจะใฝ่ศาสนา บางคนมันจะไม่ใฝ่ บางคนเข้ามาศาสนา เข้ามาศาสนาเพื่ออะไร? บางคนเข้ามาศาสนาเพื่อชำระกิเลสเห็นไหม เวลามันเป็นไปแล้วมันยังมีแตกแขนงไปอีก แตกย่อยไปอีกนะ นั่นจริตนิสัย

ในเมื่อแผ่นดินไม่กลบหน้า เราจะต้องพยายามของเรา เพราะเรามีสิทธิ เรามีหัวใจ หัวใจเป็นสิ่งที่เข้าไปสัมผัสธรรมะ สิ่งอื่นไม่มี กระดาษมันเป็นแค่พิมพ์ตัวอักษรเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดๆ เลย กระดาษพิมพ์ตัวอักษรไว้เฉยๆ คนไปศึกษามัน คนไปรู้มันมามันถึงซึ้งใจ เสียใจ เศร้าใจ แล้วใจนี้มันไปสัมผัสกับความรู้สึกปัจจัตตัง สมาธิก็สัมผัสกับใจ ปัญญาก็สัมผัสกับใจ ใจที่สัมผัสกับปัญญาขึ้นมา มันปล่อยวางอย่างไร? มันชำระอย่างไร? สิ่งนี้มันพัฒนาใจ มันตัดแต่ง ตัดแต่งใจให้เป็นของที่ดีขึ้นมาๆ จนเป็นประโยชน์กับใจดวงนั้น เห็นไหม

เกิดจากการวิเวกนะ เกิดจากเราไม่คลุกคลีในหมู่คณะ ไม่คลุกคลี แยกออกมาอย่าคลุกคลี ใครมาเป็นธุระปะปังจบแล้วให้แยกกันไป อย่ามาคลุกคลีกันจนเป็นภาระรับผิดชอบแล้วมันกระเทือนกันไปหมดเห็นไหม กระเทือนผู้ที่อยากจะวิเวก กระเทือนผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ มันต้องตั้งสติ ต้องมีสติตลอดเวลา แล้วเคลียร์ตลอดเวลา เคลียร์ออกไป เคลียร์ออกไป ต้องการการวิเวก ต้องการสถานที่ ต้องการการประพฤติปฏิบัติ เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกๆ คน เอวัง