เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๓ พ.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

มันมีศรัทธาความเชื่อ ถ้าเรามีศรัทธาความเชื่อในศาสนา เห็นไหม นั้นถ้ามีศรัทธาความเชื่อ เพราะเขามาตรวจสอบ เพราะเขาไม่เชื่อถือนะ เพราะเขาไม่เชื่อถือ เขากลัวโดนหลอก เห็นไหม โลกนี้กลัวโดนหลอก ทุกคนอยากทำบุญมาก ทุกคนอยากเจอของจริงมาก แต่มันไม่เจอของจริงนะสิ

เพราะโลกนี้เป็นเรื่องของหลอก เราก็หลอกตัวเราเอง เห็นไหม ว่าเราเป็นชาวพุทธๆ เดี๋ยวสิ ดูสิ โลกปัจจุบันนี้ชาวพุทธคือชาวพุทธอะไร ชาวพุทธแต่ไปสนใจเรื่องจิตวิญญาณ เห็นไหม เรื่องจิตวิญญาณนะ เรื่องผีเรื่องสาง เรื่องอย่างนั้น เรื่องศักดิ์สิทธิ์ เห็นไหม ความศักดิ์สิทธิ์นะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ได้อภิญญา ๖ นะ หูทิพย์ ตาทิพย์ต่างๆ อย่างนี้ความเป็นทิพย์ เวลาสิ่งที่เป็นอภิญญา ๖ อภิญญา เห็นไหม

อภิญญาในสมัยปัจจุบันนี้ ดูสิ หูทิพย์ ตาทิพย์ เราก็ทำได้ เพราะวิทยาศาสตร์มันเจริญขึ้นมา แต่สิ่งนี้มันของชั่วคราว ชั่วคราวทั้งนั้นเลย แต่อริยสัจเป็นความจริงนะ ทุกข์นี่มันเกิดจริงๆ เวลามันดับไปมันดับจริงๆ แต่ของเรามันดับไม่จริง ทุกข์ก็ไม่จริง ดับก็ไม่จริง ทุกข์ไม่จริงนะ ถ้าทุกข์จริง มันอยู่กับเราตลอดไป เห็นไหม มันอนิจจังไง คำว่าไม่จริงคือมันอยู่ชั่วคราว เกิดกับเราชั่วคราว แล้วก็ดับชั่วคราวอยู่ในหัวใจตลอดไป

แต่ถ้าเราเห็นทุกข์จริงๆ มันดับจริงๆ แล้วทุกข์จะเกิดไม่ได้หรอก ทุกข์นี่เกิดไม่ได้เลย มันเป็นความจริง ความจริงเป็นสัจจะ อริยสัจจะ เราเห็นจริงไง เพราะเราเห็นทุกข์จริงๆ เราเห็นเหตุให้เกิดทุกข์จริงๆ แต่เราไม่เห็นกัน เราไปเห็นผลของทุกข์ เวลาเจ็บปวด นั่งร้องไห้กัน รำพึงรำพันกัน มันผลของทุกข์ กิเลสมันมาถ่ายขี้ไว้ในหัวใจแล้ว แล้วมันก็ไปแล้ว เพราะเหตุมันสัมผัสแล้วมันเจ็บปวดแสบร้อนแล้ว แล้วก็หายไปแล้ว แล้วเราก็มาคร่ำครวญว่าทุกข์ๆๆ

เราไม่เห็นทุกข์เลย เราเห็นผลของทุกข์ แต่พระอริยเจ้าเห็นเหตุแห่งทุกข์ เห็นผลของทุกข์กับเห็นเหตุแห่งทุกข์ต่างกัน เห็นผลของทุกข์เพราะเราคร่ำครวญ เพราะเราทุกข์ เราคร่ำครวญแล้วว่าเรานี่เป็นความทุกข์ เห็นไหม นี่มันเป็นอดีต แต่ถ้าเป็นอนาคตล่ะ สิ่งที่เป็นอนาคตยังไม่เกิดขึ้นมา เหตุเห็นไหม เหตุกับผล อดีต-อนาคต ปัจจุบันล่ะ?

ถ้าปัจจุบันของเรานี่ ตรงนี้ ถ้ามีศรัทธามีความเชื่อมันจะย้อนกลับมาตรงนี้ เพราะเราไม่เชื่ออะไรเลย เราไว้ใจอะไรไม่ได้เลย ไว้ใจตัวเองก็ไม่ได้ ไว้ใจสิ่งต่างๆ ก็ไม่ได้ เราถึงต้องเปิดทางให้ใจเราออกก้าวเดินไง ถ้าใจเราออกก้าวเดิน เห็นไหม อริยสัจมันเคลื่อนตัวนะ

อริยสัจคืออะไร? อริยสัจนะคือสัจจะความจริง ดูว่ามรรคๆ เราว่าเรามรรคกัน เวลาเราว่ามรรค เห็นไหม สัมมาอาชีวะ เราประกอบชีพชอบต่างๆ มันเป็นมรรคของคฤหัสถ์ ถ้ามรรคอย่างนั้นเป็นมรรคนะ สัตว์มันเลี้ยงลูกมันก็เป็นมรรค สัตว์มันเลี้ยงลูกมัน มันก็ดำรงชีวิตเผ่าพันธุ์ของมัน เห็นไหม สัตว์มันก็ดี มันทำถูกต้องไหม ถูกต้องของมัน แต่มันเป็นสัตว์ใช่ไหม แล้วเราเป็นมนุษย์ เราประกอบสัมมาอาชีวะจากภายนอก สัมมาอาชีวะนี่เลี้ยงอะไร สัมมาอาชีวะนี่เลี้ยงอาชีพ เลี้ยงเพื่อสังคมของโลก แต่เวลามันทุกข์ สัมมาอาชีวะอันนั้นต่างหากล่ะ ถ้ามรรคเกิดเกิดอย่างนี้ไง เกิดถ้าจิตมันสงบเข้ามา เห็นอาการของใจ

เวลามันเสวยอารมณ์ ความคิดไม่มีมันมาจากไหน ความคิดมันคิดดับไปแล้วมันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เกิดๆ มาจากไหน ทุกข์เหตุนี่มันเสวยอารมณ์นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเยาะเย้ยมารนะ “มารเอย เธอเกิดจากความดำริของเรา”

ความดำริก่อนความคิดนะ เกิดจากความดำริ ถ้ามา เวลาจะคิดอะไร ดำริอะไร เห็นไหม ดำริ พลังงานมันเกิด พลังงานมันไป มันเข้าไปสัมผัสกับอะไรมันก็เป็นพลังงานตอบสนองมาอย่างนั้น เห็นไหม จิตก็เหมือนกัน พลังงานมันตอบสนองอะไร ตอบสนองกับความคิดของเรา แล้วความคิดมันเกิดดับเกิดดับ อย่างนี้มันไม่ใช่เกิดมาในชาติปัจจุบันชาตินี้หรอก

ที่เราเจ็บปวดแสบร้อนนี้เกิดจากชาติปัจจุบันนี้เพราะอะไร เพราะมันการพลัดพราก ความไม่พอใจนี่ทำให้บีบคั้นหัวใจเรา แต่มันเคยเกิดเฉพาะชาตินี้เหรอ? ถ้ามันเกิดชาตินี้ ทำไมเรามีความสนใจ มีความพอใจกับสิ่งต่างๆ ที่เราประสบล่ะ บางอย่างประสบแล้วถูกใจมาก บางอย่างประสบแล้วผลักไสตลอดไป เห็นไหม มันเป็นจริตนิสัย

สิ่งที่เป็นจริตนิสัยคือการเกิดการตายแล้วมันสะสมมา การสะสมมา ดูเมล็ดพันธุ์พืชสิ เมล็ดพันธุ์ เห็นไหม ที่เมล็ดพันธุ์ที่เข้มแข็ง เมล็ดพันธุ์ที่อ่อนแอ เวลาอ่อนแอ ปลูกไปในดินน้ำต่างๆ ที่ไม่สมบูรณ์ มันจะไม่เกิดเลย ถ้าเข้มแข้ง มันยังเกิดได้บ้าง เกิดแล้วมันจะโตไม่โตเป็นเรื่องของมัน

จิตก็เหมือนกัน จิตถ้ามันพัฒนามา เห็นไหม เราสละทาน เราได้ฟังธรรม คนที่มีปัญญาได้ภาวนาพุทโธ พุทโธนี่ คนจะมีปัญญา คนได้สละทาน เห็นไหม เกิดขึ้นมาจะมีโภคทรัพย์ คนที่ถือศีลบริสุทธิ์ผุดผ่อง เกิดมาจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ จะมีชีวิตยืนยาว เพราะอะไร เพราะเราได้สั่งสมเมล็ดพันธุ์พืชอันนี้มาไง จิตของเราเราได้พัฒนามันมา เราได้สะสมของเรามา ใครทำมาได้อย่างนั้น ได้อย่างนี้มันได้อนิจจังนะ ได้แต่ผลของวัฏฏะ วัฏฏะคือมันหมุนไปตามวัฏฏะนี้ คือจิตมันเกิดมันตายไปตามวัฏฏะนี้ เห็นไหม นี่ความจริงอริยสัจจากภายใน เห็นไหม

ดูความเชื่อของเขา เขามาทดสอบพระว่ามันจะเป็นอย่างไร จะได้ธรรมจริงๆ ไหม จะเห็นสัจจะเป็นจริงไหม จะโดนหลอกไหม นี่ต้องตรวจสอบกันก่อนเพราะความเชื่อของเขา นี่คือศรัทธานะ ศรัทธาความเชื่ออย่างนี้เป็นความเชื่อดึงเราให้มาสนใจในศาสนา ศรัทธาแก้กิเลสไม่ได้ แต่ไม่มีศรัทธาเราจะไม่สนใจเรื่องศาสนาเลย เพราะเราไม่เปิดใจไง การเปิดใจของเรา เปิดเพราะอะไร?

ตุ่มนะ ตุ่มหรือภาชนะที่คว่ำไว้ เห็นไหม ฝนตกแดดออกขนาดไหนมันจะไม่ได้อะไรเลย เพราะมันปิดภาชนะ มันคว่ำลง มันจะไม่ได้สิ่งใดๆ เลย ถ้าหงายภาชนะขึ้นมา เห็นไหม ฝนตกแดดออก มันจะมีน้ำฝนเข้าไปตกในภาชนะนั้นบ้าง

หัวใจก็เหมือนกัน ถ้าเราเปิดขึ้นมา คนนอนหลับ คนไม่สนใจในศาสนา ศาสนาจะรุ่งเรืองขนาดไหน ฝนตกแดดออกนี่เขามีความเพลิดเพลินกัน เขาทำไร่ทำนากัน จนผลตอบสนองเขามหาศาลเลย เราคว่ำภาชนะของเราไว้ เราไม่รู้อะไรเลย เราไม่สนใจอะไรเลย เราเก่ง เราดี เราแน่ เราชอบ เรายอดเยี่ยม เห็นไหม เราก็เป็นกบในกะลาในบ้านของเรา เราจะไม่สนใจสิ่งใดๆ เลย

ลองหงายภาชนะเราขึ้นมา ฝนตกแดดออกเราได้ความร่มเย็นไปกับเขา สังคมมีความร่มเย็นเป็นสุขของเขา เราได้ความร่มเย็นเป็นสุขกับเขา เห็นไหม ลองหงายภาชนะของเราขึ้นมา พอลองหงายภาชนะขึ้นมา เราจะได้สิ่งตอบแทนจากศาสนาที่ศาสนาเจริญรุ่งเรือง เจริญรุ่งเรืองที่ไหน เจริญรุ่งเรืองในหัวใจของครูบาอาจารย์นะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ เราว่าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ ต้นโพธิ์มันตรัสรู้ได้ไหม มนุษย์ต่างหากไปตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ หัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างหากที่ตรัสรู้ขึ้นมาในใจดวงนั้น เห็นอริยสัจจากภายใน เห็นไหม เห็นเหตุแห่งทุกข์ เห็นวิธีการกำจัดทุกข์ เห็นกระบวนการของมรรคญาณที่มันหมุนไป เห็นไหม มรรคญาณที่หัวใจที่มรรคญาณนี้ ธรรมจักร ธรรมจักรหมุน หมุนที่ไหน?

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักฯ ไปแล้ว เห็นไหม เทวดา อินทร์ พรหมส่งข่าวต่อๆ ขึ้นไป จักรนี้เคลื่อนกลับไม่ได้ เคลื่อนกลับไม่ได้เพราะมันเป็นเหตุเป็นผลไปแล้วไง เพราะใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมไปแล้ว มันจะเคลื่อนกลับมาได้อย่างไร

อริยสัจเกิดจากใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรรคญาณได้ทำลายกิเลสอันนั้นสิ้นไปแล้ว แล้วบอกวิธีการ วิธีการที่แสดงธัมมจักฯ เป็นวิธีการต่างหาก มันจะย้อนกลับได้อย่างไร จะไม่มีใครสามารถย้อนกลับจักรอันนี้ได้อีกแล้ว เพราะจักรอันนี้ได้ทำลายกิเลสในหัวใจองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแล้ว แล้วจักรนี้เคลื่อนมา แล้วในหัวใจของเรา นี่ธรรมจักรอย่างนี้ อริยสัจเป็นความจริงอย่างนี้

นี่ศาสนาเกิดที่นี่ ศาสนาเกิดที่ในหัวใจของผู้ที่รู้จริงไง ถ้ารู้จริงออกมาเป็นสัจจะความจริง เพราะอะไร เพราะมันไม่มีสิ่งต่างๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมในหัวใจดวงนั้น เพราะหัวใจมันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้าหัวใจดวงนั้นมีเล่ห์เหลี่ยม หัวใจดวงนั้นมันมีอวิชชาอยู่ มันพร่องอยู่ มันมีความพร่องอยู่ มันมีสิ่งที่เจือปนอยู่ในนั้น ออกมาจะเป็นความทุจริต ไม่มากก็น้อยมันต้องออกมาโดยธรรมชาติของมัน

ในเมื่อสิ่งที่มีอยู่ ดูสิ น้ำของเรา น้ำมันไหลไปจากแหล่งน้ำ เห็นไหม มันผ่านไปที่สารพิษ มันผ่านไปสถานที่ต่างๆ มันต้องมีสารพิษเจือปนไปในน้ำนั้น ในเมื่อหัวใจมีอวิชชาอยู่ ความคิดที่ไหลออกมาจากหัวใจดวงนั้น มันต้องผ่านอวิชชาอันนั้นมา มันจะบริสุทธิ์ไปได้อย่างไร มันบริสุทธิ์ไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าแหล่งน้ำนั้นสะอาด แล้วทางไหลไปที่ไม่มีสารพิษเจือปนอยู่ แหล่งน้ำ น้ำนั้นสะอาด เห็นไหม

นี่มันไหลออกไป มันเป็นความที่ดำริออกมาจากใจดวงนั้น ใจดวงนี้พาเกิดพาตายไง นี่สิ่งที่ว่าศาสนาตอบสนองที่ไหน ศาสนาตอบสนองที่ว่าจิตนี้มาจากไหน จิตนี้เกิดอย่างไร จิตนี้ดำรงชีวิตอย่างไร ตายแล้วจิตนี้ไปไหน มันจะเวียนไปตามวัฏฏะ เห็นไหม วัฏฏะมันจะวนไปอย่างนั้น ตอบสนองได้อย่างนี้นะ

แต่ถ้าเป็นลัทธิ เห็นไหม ศาสนาก็เท่านั้น พิธีกรรมทำกันไปเท่านั้น ศาสนาก็โลกๆ ไง ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อ เราต้องค้นคว้า ต้องพยายามค้นคว้าความรู้สึกจากหัวใจของเรา เพราะอะไร เพราะศาสนามันมีกระพี้ มีแก่น มีต่างๆ นี่ก็เหมือนกัน พิธีกรรมมันเป็นพิธีกรรม เห็นไหม ดอกไม้ พันธุ์ไม้ ถ้าเขามาร้อยเป็นพวงมาลัย มันจะสวยงามมาก ประเพณีวัฒนธรรมเป็นอย่างนี้ เรามาทำบุญกุศลกันเป็นประเพณีวัฒนธรรม

แต่นี่มันเป็นวัดป่า เห็นไหม ทำบุญกุศลเพื่ออะไร เพื่อกุศลเนื้อๆ ไง เพื่อความเป็นกุศล เพื่อความเป็นทานของเรา ไม่ต้องให้กิเลสมันมาแบ่งแย่งใคร แต่ถ้าทำเป็นพิธีกรรม กิเลสมันแบ่งไปครึ่งหนึ่ง จะทำบุญกุศลต้องมีคนมานับหน้าถือตา ต้องมีให้เขารับรู้ตอบสนอง เห็นไหม นี่กิเลสแบ่งครึ่งหนึ่ง

แหล่งน้ำที่มันไปในแร่ธาตุต่างๆ ในกิเลสมันมีมากมีน้อยขนาดไหนทำไป แต่ถ้าเป็นบุญกุศลจริงๆ นะ เราทำทิ้งเหวไง สละออกไปจากเรา ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เป็นบุญของเราหมดเลย ไม่ต้องให้มีใครรับรู้อะไรกับเรา ใจนี้รับรู้นะ เทวดา อินทร์ พรหมเขารับรู้เพราะอะไร เพราะมันเห็นสภาวะแน่นอน แต่ถ้าเราพยายามจะต้องมีให้กิเลสได้แบ่งกินไป เห็นไหม มันจะต้องมีสถานะ มีต่างๆ

สิ่งต่างๆ เป็นเรื่องโลก เรื่องของธรรมคือสัจจะความจริง ไม่มีใครรู้ เรารู้ ความลับไม่มีในโลกนะ โลกนี้ไม่มีความลับเลย ทุกอย่างจะเปิดเผยกับหัวใจของเรา ทุกอย่างจะเปิดเผยกับการกระทำของเรา เราจะอยู่ในที่ลึกลับขนาดไหน เราเป็นคนทำ เราจะรู้ของเราไปหมดเลย

นี่ศรัทธาความเชื่อทวนกระแส ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือทวนกระแส ทวนกระแสเข้าไปในหัวใจของเรา ทวนกระแสเข้าไปในถ้ำเสือ หัวใจนี่มันเป็นถ้ำ มันเป็นคูหา จิตนี้อยู่ในร่างกายของเรา เห็นไหม คูหา

ถ้าเข้าไปในคูหา หาถ้ำเสือ หาลูกเสือ ถ้าจะเอาเสือต้องเข้าถ้ำเสือ ถ้าจะยำกิเลสต้องเข้ามาในหัวใจของเรา แล้วเข้าไปทำลายถ้ำเสือ ไปล่อเสือออกมาแล้วมาทำลายมัน ทำลายเห็นชัดเจน เห็นไหม นี่คือการกระทำ เห็นชัดเจนมาก การกระทำจะต้องรู้จริง เห็นไหม รู้จริง เห็นจริง เห็นการกระทำไป

แล้วสิ่งนี้ ในเมื่อศาสนาเจริญในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เผยแผ่ธรรมมา เวลาพระโมคคัลลานะลงจากเขาคิชฌกูฏ เห็นเปรตตั้งแต่ขนหลุดออกไปกลายเป็นหอกเป็นหลาวทิ่มแทงขึ้นมา พระโมคคัลลานะหัวเราะ ยิ้มว่าสิ่งนั้นเจอแล้ว เห็นไหม ยังไม่บอก ไปพูดกันที่หน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก

“เราเคยเห็นมาตลอดเวลา แต่ยังไม่มีพยานหลักฐาน เราก็ไม่ยืนยัน แต่บัดนี้พระโมคคัลลานะเห็นใช่ไหม เราเห็นมาตลอดไป”

อริยสัจก็เหมือนกัน! ในเมื่อมันเกิดในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดในใจของพระสารีบุตร เกิดในใจของพระโมคคัลลานะ แล้วเวลาพูดสื่อสารมันต้องเหมือนกัน นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อครูบาอาจารย์หัวใจท่านเป็นธรรม แล้วถ้าเราปฏิบัติกัน มันถึงทันกันได้

ดูสิ เราเกิดมาในบ้าน เราเป็นเด็กมาก่อน เราเป็นผู้ใหญ่มาก่อน แล้วเราก็จะแก่เฒ่าไปก่อน ประสบการณ์มันรู้เท่าทันกันได้ รู้เท่าทันกันถึงที่สุดแล้วมันต้องเหมือนกัน การประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน การชำระกิเลสก็ต้องเหมือนกัน ธรรมเจริญเจริญอย่างนี้ไง เจริญในอริยสัจก็ต้องคืออริยสัจไง สิ่งต่างๆ ออกมาแล้วต้องเป็นอริยสัจ! ทำลายกิเลสได้เหมือนกัน! สิ้นสุดกระบวนการของกิเลสได้เหมือนกัน ความเหมือนกันอันนี้ตรวจสอบกันได้นะ ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การสนทนาธรรมเป็นมงคลอย่างยิ่ง ธรรมๆ อย่างนี้ไง ธรรมในหัวใจไง มันชำระล้างได้

เรื่องของโลกๆ นะ มันทำแทนกันได้ สิ่งต่างๆ ทำแทนกันได้ แต่ในหัวใจเราต้องประพฤติปฏิบัติของเราเอง เราจะสิ้นกิเลสของเราเอง เราจะรู้เท่าทันกิเลสของเราเอง เห็นไหม อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วตนนี่จะเป็นที่พึ่งของหมู่คณะ เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก เพราะอะไร?

เพราะมันเกิดที่นี่ ใจดับที่นี่ ใจดวงหนึ่งให้กับใจดวงหนึ่ง ใจดวงหนึ่งคือใจดวงนี้ที่มันหมุนเวียนอยู่นี่ แล้วใจดวงนี้มันดับได้ แล้วใจของสัตว์โลกทุกดวงใจเหมือนกันหมด แล้วจะดับได้เหมือนกันหมด ถ้าทำเข้าอริยมรรค เข้าทำถูกทางของเรา

ในศาสนาพุทธ เห็นไหม ทุกข์เกิด เหตุแห่งทุกข์ ทุกข์เกิด วิธีการดับทุกข์ แล้วมรรคญาณที่รู้เหตุแห่งการดับทุกข์ มันจะเกิดในหัวใจของบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่จำกัด เสมอภาค ทุกคนมีลมหายใจ ทุกคนมีความรู้สึก ทุกคนมีความทุกข์ เสมอภาคหมด ทุกคนมีโอกาสเท่ากันหมด แต่จะศรัทธาหรือไม่ศรัทธา จะทำหรือไม่ทำเท่านั้น เอวัง