เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๗ พ.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

มันขาดจิตใจสาธารณะ คนเรานะถ้ามีจิตใจสาธารณะ มันจะเห็นผลประโยชน์ของสาธารณะ ทุกคนจะเห็นจิตใจของตัวเองก่อนไง ทุกคน เห็นไหม ว่าเรานี่เป็นใหญ่ เรานี่จะได้อะไรก่อน เราห่วงแต่ตัวเราเอง มันเลยหาแต่ผลประโยชน์กันไง แล้วผลประโยชน์ เราจะได้ผลประโยชน์อะไร

ดูสิ เวลาสิ่งที่เป็นประโยชน์ แผ่นดินดูสิ ถ้าเป็นแผ่นดินของเรา ต้องเป็นของเรา แล้วแผ่นดินเราต้องอิงกับแผ่นดินของใคร แผ่นดินเราจะตั้งอยู่ลอยๆ เป็นไปได้ไหม บ้านเราทุกอย่างเป็นไปลอยๆ มันเป็นไปไม่ได้

แต่! แต่คนเขาไม่ได้คิดตรงนั้น เพราะอะไร คิดว่าต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เห็นไหม คนว่าเอาตัวรอดเป็นยอดคน เอาตัวรอด เอาตัวรอด ถ้าเป็นโดยธรรมนะ เอาตัวรอด อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ เอาตัวรอด เห็นไหม นั่งสมาธิภาวนาขนาดไหน เอาตัวรอด เอาตัวรอดเอาที่ไหนรอด?

เวลาเราไปคุยกับพวกภาวนาไม่เป็นน่ะ “ชำระภพชาติทีคะ..” ชำระภพชาติทีคะเหรอ..?

ชำระภพชาติที่ไหน? ชำระภพชาติที่ทะเบียนบ้านมึงเหรอ? ชำระภพชาติชำระกันที่ไหน? ภพชาติอยู่ที่ไหน? มันไม่เคยเห็นภพชาติเขาเลย พูดเป็นแต่นกแก้วนกขุนทองนะ ทำลายภพชาตินะ จะได้ไม่มาเกิดมาตาย แล้วภพชาติอยู่ที่ไหน? สัญชาติเหรอ? ภพที่เกิดเหรอ?

ภพชาติมันอยู่ที่ภวาสวะเว้ย ภพชาติมันอยู่ที่หัวใจนี่ หัวใจตัวจิตปฏิสนธิที่มันไปเกิด ไอ้เกิดมานี่ชั่วคราวนะ ไอ้นั่งๆ อยู่นี่ชั่วคราวทั้งนั้น เพราะอะไร เพราะมันเกิดมาชั่วอายุคนหนึ่ง แต่ไอ้ใจตัวนี้มันมีอยู่ตลอดไป ภวาสวะตัวนี้ จิตมันมีตลอดไป มันจะเกิดตายตลอดไปนะ ไม่มีวิธีการทำลายได้ ถ้ามันทำลายได้ เราจะไม่กลัวผีกันหรอก เพราะอะไร เพราะตายแล้วมันก็สูญ

แต่นี่ไอ้ตัวจิตออกจากร่างไป ไอ้ผีตัวนี้เวลาออกไปมันก็เป็นผีตัวใหม่ ถ้ามันทำบุญกุศล มันก็เป็นเทพ เป็นเทวดา เป็นอะไรสูงๆ เพราะมันขึ้นไป แต่ถ้ามันทำลายหมดล่ะ เราทำลายภพชาติหมดเลย ทำลายภพชาติมันทำลายที่นี่ จิตต้องสงบเข้ามาก่อน เห็นไหม เห็นฐานของจิต เห็นความคิด ความคิดมันคิดมาจากไหน? เวลาคิดนี่มาจากไหน? บุญกุศลมาจากไหน? จริตนิสัยมาจากไหน?

คนคิดดีคนคิดชั่ว คนมีจริตนิสัยที่ดี คนมีจิตใจเป็นสาธารณะ เพราะอะไร เพราะมันสร้างบุญกุศลมา พระโพธิสัตว์สร้างบุญกุศลมาเพื่อใคร ก็เพื่อสัตว์โลก เห็นไหม เพื่อบุญกุศล รื้อสัตว์ขนสัตว์ ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ไปแบกเขาเหรอ? รื้อสัตว์ขนสัตว์เอาเทคโนโลยีมาขนไปเหรอ?

มันไม่ไปหรอก รื้อสัตว์ขนสัตว์คือธรรมะไง รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยธรรมไง นี่มรรคญาณ รื้อสัตว์ขนสัตว์เพราะสัตว์มันสัตตะผู้ข้อง จิตเป็นผู้ข้อง จิตมันข้องเขาแล้วจิตมันก็ไปแสวงหาที่เกิด จิตมันทำลายตัวมันเองก่อน เห็นไหม มันเห็นแก่ตัว มันทำลายตัวมันเองก่อน แล้วมันทำลายตัวมันเอง มันเอาตัวรอดได้ไหม ไม่มีรอดเลย แต่ผู้เสียสละอย่างเรานี่ผู้เสียสละ เราเสียสละของเราออกไป ถ้าเราเสียสละ เราเสียสละเพื่ออะไร?

ถ้าเสียสละไป สังคมก็มีร่มเย็นเป็นสุขขึ้นมา ที่ดินของเรา ทรัพย์สมบัติของเรามันก็ปลอดภัย ถ้าเราเห็นแก่ตัว ทรัพย์สมบัติของเรามีมากขนาดไหน ดูสิ มีโกดังเก็บสินค้าขนาดไหนก็แล้วแต่ ถ้าเขาอดอยากนะ เดี๋ยวเขาก็ทลายหมด มันเป็นไปไม่ได้หรอก อำนาจรัฐเป็นผู้ปกครองไว้ อำนาจรัฐ อำนาจจะมั่นคงหรือไม่มั่นคง มันอยู่ที่เป็นธรรมด้วย

ถ้าเป็นธรรม ใจเราเป็นธรรมขึ้นมา ถ้าใจเป็นธรรม เห็นไหม คนมันมีคิดอย่างนั้น ไม่ทุกข์ไม่ยาก ไม่อดไม่อยาก ถ้าคนไม่เคยทุกข์ไม่เคยยาก จะไม่เคยเห็นสิ่งนี้เป็นประโยชน์เลย แต่ถ้าคนเคยทุกข์เคยยากมา เราก็ทุกข์ยากมาก่อน แล้วทุกข์ยากเฉพาะภพชาตินี้เหรอ?

เวลาทุกข์ยากขึ้นมา ดูสิ ในสมัยพุทธกาล พระอรหันต์ที่ร่ำรวยมหาศาล พระสีวลีนี่ร่ำรวยมหาศาลเลย ดูสิ พระอะไรที่ฉันไม่เคยอิ่มแม้สักมื้อเดียว เห็นไหม พระอรหันต์เหมือนกัน ทำไมไม่เหมือนกันล่ะ? ก็เพราะการสะสมมานี่ไม่เหมือนกัน การเสียสละ การหัวใจที่กว้างขวางไม่เหมือนกัน เห็นแก่ตัวไง ทำแต่ตัวเอง เห็นไหม ที่ว่าพระอรหันต์ที่ว่าไม่เคยฉันอิ่มเลย เพราะอะไร เพราะเวลาไปบิณฑบาตมาก็เห็นแต่บาตรของตัว ทำอะไรก็ทำแต่ของตัวไง ไม่คิดถึงสังฆะ ถึงสิ่งส่วนรวม

ถ้าคิดถึงสังฆะ ถึงส่วนรวม ดูสิ พระสีวลีเคยเสียสละ เป็นหัวหน้าผู้เสียสละ ทำอะไรเป็นผู้เสียสละ แล้วผลตอบสนองกลับมา ทานเป็นผลตอบสนองกลับมา แล้วก็บอกไม่เชื่อ สิ่งแล้วทำแล้วเชื่อวิทยาศาสตร์ เห็นไหม ทำดีได้ดีมีที่ไหน ก็ทำกันอย่างนี้ ดูสิ เวลาทำสร้างกรรมขึ้นมา มันจะมีกรรมมาจากไหน ไม่เชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรม ก็เรื่องแต่การหายใจอยู่ในปัจจุบันนี้

ถ้าพูดอย่างนี้มันเป็นความคิดเด็กๆ มันเป็นความคิดแบบผู้ที่ยังไม่รับผิดชอบไง ลองเราโตมีครอบครัวขึ้นมาสิ ลองมีพ่อมีแม่ที่พูดแล้วไม่รู้เรื่องสิ มีลูกมีหลานที่พูดกันไม่เข้าใจเลย ทำไมเป็นอย่างนี้ เราพูดดีขนาดนี้ เราพยายามสร้างแต่สิ่งที่ดีขนาดนี้ ทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย?

นั่นล่ะกรรมมันจะให้ผล ถ้าเห็นกรรมมา มันจะเข้าใจเลยล่ะ เวลากรรมมันให้ผลขึ้นมา เราจะไม่รู้อะไรเลย เห็นไหม เพราะเป็นอจินไตย เวลากรรมมันให้ผลนะ สิ่งที่ทำมา สิ่งที่ทำมามันจะให้ผลสิ่งที่ดี ถ้าสิ่งที่ดี ใจเราจะพัฒนาตลอดไป แล้วพัฒนาจากภายนอก แล้วพัฒนาจากภายใน

ภายนอกพัฒนา ดูสิ สัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ ครูบาอาจารย์เป็นสัปปายะ สัปปายะคือสิ่งที่ทำสะดวกสบายที่เขาไม่ขัดขวาง เขาไม่มาต่อต้านเรา เขาจะเปิดทางให้เราสะดวกสบายมาก สิ่งที่สัปปายะจากภายนอก แล้วกิเลสมันเป็นสัปปายะไหม ในหัวใจเรามันจะทำสะดวกสบายไหม มันไม่เป็นสัปปายะเลยเพราะมันมีแรงกีดขวางอยู่ในหัวใจของเรา แล้วใครมันกีดขวางเราล่ะ?

ไม่มีใครกีดขวางเรา เรานั่งอยู่ในอาสนะของเรา เราทำงานของเรา ใครกีดขวางเรา ก็ไอ้หัวใจเรานี่มันกีดขวางเรา ไอ้หัวใจที่มันขัดแย้งอยู่ในใจ หัวใจที่มันไม่พอใจ หัวใจที่มัน.. นี่มันขัดแย้งเรา เห็นไหม มันเป็นสัปปายะไหม สัปปายะภายนอก เห็นไหม บุญกุศลจากภายนอก เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์

“อานนท์ เธอบอกเขานะ ที่เป็นวัตถุทาน สิ่งนี้มันเป็นอามิส ให้ปฏิบัติบูชาเป็นทานอันประเสริฐ”

แล้วทานอันประเสริฐ เวลาทำบุญเห็นไหม แล้วนั่งสมาธิได้บุญอะไร ดูสิ เอาข้าวปลาอาหารมาถวายพระนี่บุญกุศลมหาศาลเลย แล้วนั่งสมาธิไม่ทำอะไรเลย มันจะบุญมาจากไหน?

บุญมหาศาลเลยเพราะอะไร เพราะสิ่งที่เราทำบุญกุศลกันอยู่นี้ ใครมันพามา หัวใจมันพามาใช่ไหม ถ้าไม่ศรัทธา ไม่มีความเชื่อ ไม่คิดถึงครูบาอาจารย์ของเรา ไม่มีความคิดถึง ไม่มีศรัทธา มันจะเอาอาหารมาได้ไหม? อาหารนี่มันมาไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีหัวใจดึงมันมา

แล้วเวลานั่งสมาธิ เห็นไหม เราจะทำอะไรก็ได้ เรานั่งของเรา หัวใจที่มันต้องแสวงหาสิ่งที่มันแสดงออก การสละทานมันจะแสดงออกของน้ำใจ แล้วเวลาเราควบคุมตัวเราเอง ควบคุมตัวมันเองเลย ควบคุมตัวใจเลย แล้วตัวใจมันสงบขึ้นมา มันจะมีบุญไหม?

ทำบุญร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับทำสมาธิขึ้นมาได้หนหนึ่ง เพราะความบริสุทธิ์ของที่ถือศีลมันบริสุทธิ์เฉยๆ ไง เราทำความสะอาด เห็นไหม เราทำความสะอาดร่างกาย นี่สะอาดหมดเลย แล้วประเดี๋ยวเหงื่อไคลมันก็ไหลออกมา เห็นไหม นี่ความบริสุทธิ์ของศีล ศีลความปกติของใจ แต่มันไม่ได้ทำสิ่งที่ขับเคลื่อนออกมาจากในหัวใจ นี่มันยังมีอยู่

ถ้าทำสมาธิ สมาธิต้องสะอาดเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง เพราะถ้าไม่มีสมาธิ มันจะสงบเข้ามาไม่ได้ ถ้าไม่ชำระกิเลส กิเลสไม่สงบตัวลง จิตนี่สงบไม่ได้หรอก มันต้องฟุ้งซ่าน ธรรมชาติของมัน ธรรมชาติของพลังงาน ธรรมชาติของความคิด ธรรมชาติของธาตุ มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น แสดงตัวอย่างนั้น นี่คือธรรมชาติของมัน

แล้วพอธรรมชาติของมัน แล้วกิเลสมันก็ไสเข้าไป กิเลสมันบวกเข้าไป มันเป็นรหัสเข้าไป ทุกข์ๆๆๆ เลย แล้วถ้าธรรมะวนเข้ามา มันทำสมาธิหนหนึ่ง เห็นไหม ศีลกับสมาธิต่างกันอย่างไร?

นี่ปกติของใจ ความปกติอย่างนี้มันปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นสมาธิน่ะจิตตั้งมั่น เอ๊าะๆ เลยนะ เพราะเนื้อหาของสมาธิมันเอ๊าะขึ้นมา มันถึงหนองอ้อ เอ๊าะๆ นี่คือสมาธิ ว่างๆ ว่างๆ ไม่ใช่สมาธิ ว่างๆ ว่างๆ คืออาการของใจ ใจรู้ว่าว่าง สร้างอารมณ์ว่าว่าง สร้างความว่างขึ้นมาแล้วก็ว่างๆ ว่างๆ

ไม่ใช่สมาธิ! มันหลอกกัน มันหลอกว่าว่าง มันไม่ว่างหรอก มันไม่เอ๊าะ มันไม่ถึงหนองอ้อ แล้วว่างแล้วสงสัยด้วย “เป็นอย่างไรครับ ว่างๆ อย่างนี้ไงครับ”

ถ้าว่างๆ ถามทำไม?! น้ำตาลเราเป็นคนลิ้มรสเอง ต้องถามไหมว่าหวานหรือไม่หวาน ถ้าจิตมันเป็นสมาธิ ทำไมต้องมาถาม? ที่มันถามเพราะมันไม่เป็นสมาธินะสิ แต่มันไปเข้าใจกันว่าเป็นสมาธิ เห็นไหม

นี่จิตไม่ตั้งมั่น จิตตั้งมั่นขึ้นมาแล้วย้อนกลับมาวิปัสสนา เห็นไหม สิ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างนี้มันเกิดมาจากไหน ถ้าไม่เกิดมาจากทาน พระโพธิสัตว์นะ เสียสละขนาดนั้นใช่ไหม ถึงจะมีปัญญาขึ้นมารื้อสัตว์ขนสัตว์ แล้วเรานี่สาวก สาวกะ เกิดมาในศาสนาพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดมาได้ทำบุญกุศลของเราไหม

แล้วนี่ภาวนาจะได้อะไร ภาวนานี่ได้บุญมากเลย! ภาวนานี่! คนทุกคนเป็นคนดีหมด เห็นไหม ดูสิ มีจิตใจเป็นสาธารณะ ผู้ที่คุมนโยบาย ดูเราเกิดขึ้นมา เห็นไหม กษัตริย์ที่เป็นทศพิธราชธรรม เราจะมีความสงบร่มเย็นในสังคม เห็นไหม ผู้นำที่ดี ผู้นำที่ดีจะทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข แล้วถ้าหัวใจ ผู้นำที่ดีคือหัวใจของเรา หัวใจเรามันคิดก่อน หัวใจทำก่อน ถ้าหัวใจที่ดี มันจะมีอะไรผิดพลาดล่ะ?

ไอ้นี่หัวใจมันไม่ดี ผู้นำไม่ดี การคิด การประพฤติปฏิบัติในชีวิตถึงผิดพลาดไปหมดเลย การทำเอาแต่ความทุกข์มันเหยียบย่ำตัวเองหมดเลย เพราะอะไร เพราะผู้นำเราไม่ดี เพราะปัญญาเราไม่ดี เพราะจิตเราไม่ดี พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในหัวใจ เห็นไหม

ถ้ามีจิตใจสาธารณะ มันจะสร้างคุณประโยชน์กับ เห็นไหม กับประเทศชาตินี่มันเป็นเรื่องประเทศชาติ มันเรื่องข้างนอกนะ แต่ไอ้ภพชาติจากหัวใจนี่สำคัญกว่าอีก ประเทศชาตินี่ ๖๐ ล้านคน จิตดวงนี้เคยเกิดมาถึง ๖๐ ล้านหนไหม เลยอีก เห็นไหม เราเกิดๆๆ นี่มากกว่าคนในประเทศนี้อีก ถ้าเกิดตาย เกิดตายมาแต่ละภพแต่ละชาติที่สะสมไว้ในหัวใจ สิ่งนี้ถ้าเราเสียสละ เราทำของเรา จิตใจสาธารณะมันจะเป็นประโยชน์ แล้วประโยชน์กับเรา เห็นไหม

เกิดมาต่างคนนะ โลกนี้คือละคร เกิดมาชีวิตนี้ได้ชีวิตหนึ่ง ได้เกิดมาทำความดีกัน เกิดมาสะสมกัน เกิดมาดัดแปลงจิตใจให้เป็นพัฒนาหรือลบ ถ้าพัฒนาบวก บวกคือทำคุณงามความดี แต่ถ้าทำความเลวกับใจนี้ ใจนี้จะเป็นลบไป แล้วเราเกิดมามีโอกาสหนึ่ง ชีวิตนี้จะมาบวกหรือมาลบกัน มาลบแล้วมันก็จะเป็นไปเรื่อยๆ เห็นไหม จิตนี้ไม่เคยตาย ถ้าจิตนี้เคยตายนะ ความรู้สึกนี้ต้องไม่มี ตายแล้วแล้วกัน แล้วจะไม่มีการสิ่งที่ว่าถูกใจ สิ่งที่ขัดใจ สิ่งที่บางทีเห็นขัดใจมากเลย เพราะมันมีกรรมกันมา มันผลักไส นี่ตัณหา วิภวตัณหา

แต่บางทีเกิดขึ้นมา ทำไมถูกใจอย่างนี้มาก ถูกอย่างนี้นี่จริตนิสัย กรรมมันถึงชักนำไป ตัวกรรม ตัวความพอใจ ตัวความดูดใจนี่ล่ะมันทำให้เราทุกข์ยาก แล้วเราเข้ามาทำความสะอาดกับมัน ใจนี้สะอาดเข้ามาๆๆ จนเห็นของมันหมดนะ ชำระสะอาดทั้งหมด ไม่มีแรงดึงดูด

สิ่งที่ไม่มีแรงดึงดูดในโลกนี้เลยมันมหัศจรรย์ขนาดไหน ใจดวงนี้ไม่มีแรงดึงดูดของโลกเลย แล้วคิดดูสิ แล้วมันอยู่ที่ไหน มันต้องเป็นอย่างนี้ มันถึงจะเข้าใจเรื่องของจิตไง จิตที่มีแรงดึงดูดก็รู้ จิตที่สิ้นแรงดึงดูดก็รู้ จิตที่มีอยู่ก็รู้ จิตที่ทุกข์ก็รู้ จิตที่เกิดก็รู้ จิตที่ตายก็รู้ เอวัง