เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓๑ พ.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันสำคัญทางศาสนา วันนี้วันวิสาขบูชา เห็นไหม วันวิสาขบูชาเป็นวันเกิด วันตรัสรู้ วันปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวันสำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เป็นวันสำคัญของเราหรือเปล่า? ถ้าเป็นวันสำคัญของเรา เราได้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง? เราได้ประโยชน์อะไรนะ

มันมีความสำคัญทุกวัน เพราะอะไร เพราะเราต้องหายใจทุกวัน เราต้องกินทุกวัน วันสำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม (เอาเด็กออกไปก่อนสิ ใครอุ้มไปทีสิเด็กน่ะ อุ้มออกไปข้างนอก บอกให้เด็กให้ดูให้หน่อย เพราะเวลาเทศน์มันไม่ได้หรอก ดูให้นอนอยู่เฉยๆ กับดูไว้ ดูเราควบคุมเอาเอง เราควบคุม เด็กน่ารัก น่ารักเวลามันเป็นเด็กๆ แต่เวลานี้มันเป็นเวลาที่ว่าเราจะฟังธรรมกัน เออ.. เดี๋ยวค่อยว่ากัน มันเป็นวรรคเป็นตอนไง เป็นวรรคเป็นตอน)

วันสำคัญทางพุทธศาสนานะ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา มันแก้ไขกิเลสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน เห็นไหม เป็นผลประโยชน์ เป็นวันสำคัญทางศาสนา เป็นวันสำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ววางศาสนาไว้

แล้วเราเกิดมามีบุญกุศลต่างหาก เราถึงมาเจอไง เรามาเจอศาสนาพุทธ เรามานับถือศาสนาพุทธ แล้วศาสนาพุทธสอนว่าอย่างไร พุทธศาสนา เห็นไหม ถ้าไม่มีเจ้าชายสิทธัตถะ ไม่ตรัสรู้ในวันนี้ เห็นไหม เป็นวันมหัศจรรย์ มหัศจรรย์เพราะอะไร?

เพราะเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก็เกิดแบบเรา นี่เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วมีกิเลส มีตัณหาความทะยานอยากเหมือนกัน พ่อแม่ต้องการให้เป็นกษัตริย์เหมือนกัน แต่เพราะสร้างมาเป็นพระโพธิสัตว์ อย่างพวกเรานี่ถ้าได้เป็นกษัตริย์ ได้สมบัติมหาศาล เราจะมีความสุข เราจะนอนจมอยู่กับสมบัตินี้ เราจะนอนจมกับโลกียะ สุขทางโลก

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สุขทางโลกก็มี จะเป็นกษัตริย์อยู่แล้ว แต่เวลาออกไปชมสวน เห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย มันสะเทือนใจ เห็นไหม พอสะเทือนใจน่ะ ออกค้นคว้าอยู่ ๖ ปี แล้ววันนี้วันตรัสรู้ขึ้นมา การที่ตรัสรู้ สมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสำคัญตรงนี้ สำคัญตรงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาเพราะอะไร เพราะทรมานตนอยู่ ๖ ปีนะ ทรมานตนอยู่คือว่าพยายามค้นคว้าหาทางออกอยู่ ๖ ปี ลองผิดลองถูกมากับเขา ๖ ปี สุขทางโลกก็เคยประสบมาแล้ว สุขทางฌานโลกีย์ก็เคยสุขมาแล้ว

เห็นไหม เข้าสมาบัติได้ มีความสุขมาก เข้าฌานสมาบัติได้นี่ว่าสิ่งนี้เป็นความสุข โลกนี้ว่าง ว่างหมดเลย แต่เวลามันคลายออกมาแล้วมันก็เป็นธรรมดา มันเป็นเรื่องของโลกๆ คือปกตินี้ แต่เวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา อาสวักขยญาณชำระกิเลสนี่ ตรัสรู้ธรรมอันนี้ สิ่งนี้เป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ววางธรรมไว้

แล้วเรานี่มาทำนะ ร่มธงในศาสนาพุทธ เราเป็นชาวพุทธ เกิดในร่มธงของศาสนา เกิดในร่มธงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถ้าเป็นวันสำคัญทางศาสนาเราก็ให้เราตื่นตัว เราคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม เหมือนกับเราคิดถึงพ่อถึงแม่เรา ถ้าพ่อแม่เราเสียชีวิตไปแล้ว เราทำบุญกุศล อุทิศส่วนกุศลให้พ่อให้แม่

แต่นี้เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้เป็นวันสำคัญ แล้วอุทิศให้ใคร ในเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมไปแล้ว อุทิศให้ใคร อุทิศมันเป็นแรงจูงใจไง แรงจูงใจให้เราทำบุญกุศล อุทิศเพื่อเราไง “พุทธะ” พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวันสำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่วันสำคัญของเรายังไม่มี

วันสำคัญของเรา.. ทุกข์ร้อนไหมทำบุญน่ะ เวลาทำบุญของเราเพื่ออะไร เพื่อปรารถนาความสุข แล้วมันสุขไหม มันสุขมันสุขชั่วคราว เพราะมันสุขโดยอามิส สุขด้วยโลก สุขด้วยการเสียสละ สุขด้วยสิ่งตอบสนอง แต่ความสุขจริงๆ..

ดูสิ ดูอย่างว่าสุขในโลก สุขในฌานโลกีย์ เห็นไหม ถ้าทำจิตสงบขึ้นมามันก็มีความสุขในฌานโลกีย์ แม้แต่ความสุขในฌานโลกีย์ เราก็ยังไม่ได้พบ ไม่ได้สัมผัส ถ้าเราสัมผัส จิตมันสงบเข้ามา แล้วถ้าเกิดปัญญาเข้ามา นี่สมบัติของเรานะ สิ่งที่สมบัติของเรา เห็นไหม ในป่าใหญ่.. ในป่าใหญ่จะมีต้นไม้นานาพันธุ์ มันมีตั้งแต่พืชพันธุ์ ตั้งแต่สมุนไพร ตั้งแต่ต้นไม้ใหญ่

นี่ก็เหมือนกัน ในสังคมของชาวพุทธเรา ตั้งแต่เริ่มเด็กๆ ขึ้นมา เห็นไหม เราต้องเริ่มตั้งแต่ระดับทานของเขาก่อน ให้เขาสนใจในศาสนาก่อน ถ้าเขาสนใจในศาสนา ศาสนาอยู่ที่ไหน? ศาสนาอยู่ที่ตู้พระไตรปิฎกเหรอ?

ศาสนาอยู่ที่กลางหัวอกเรา นี่พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ใครเป็นคนรู้สุขรู้ทุกข์? ใครเป็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย?

คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายจากภายนอกเป็นเรื่องของสังคม เป็นเรื่องของวัฏฏะ เป็นเรื่องของสิ่งที่สัมผัสกันมา ความเกิดความแก่ของหัวใจของเราล่ะ เห็นไหม ศาสนาอยู่ที่นี่ ศาสนาไม่อยู่ในตู้พระไตรปิฎก เห็นไหม ศาสนาอยู่ที่นี่ ประเพณีวัฒนธรรมห่อหุ้มไว้

“ประเพณีวัฒนธรรม” ในป่าใหญ่ เห็นไหม ต้นไม้ต่างๆ ห่อหุ้มปกให้ป่าชุ่มชื้น แต่ต้นไม้ที่เป็นต้นไม้แก่น ต้นไม้ที่เป็นประโยชน์ในป่าใหญ่นั้นมันมีกี่ต้น ในสังคมของชาวพุทธของเราเหมือนกัน ถ้าไม่สนใจในศาสนา เห็นไหม วันนี้วันสำคัญทางศาสนา ก็ชักนำให้เรา..

หนึ่งปีจะทำบุญกัน ๓ วันเหรอ? วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วัน.. อย่างนั้นเหรอ? หนึ่งปีหายใจแค่ ๓ หนได้ไหม? เราจะหายใจอยู่ตลอดเวลา อาหารน่ะกินอยู่ตลอดเวลา เห็นไหม

จิตนี่มันทุกข์อยู่ตลอดเวลา มันมีความต้องการ มีความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ว่าเรื่องของเด็กๆ เห็นไหม เราให้สิ่งที่มันต้องการ สิ่งที่มันปรารถนา จะมีความสุขของเขา เราเป็นคนโตขึ้นมา เราเป็นวัยรุ่นขึ้นมา เราต้องมีการศึกษา เราต้องมีอาชีพของเรา เห็นไหม อาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ปัจจัยเครื่องอาศัย

ปัจจัยเครื่องอาศัยจากภายนอก เห็นไหม ร่างกายได้อาศัยสิ่งนี้เป็นที่ดำรงชีวิต แล้วหัวใจล่ะ หัวใจมันจะอาศัยอะไรล่ะ? หัวใจมันอาศัยอะไร?

นี่ศาสนาสอนเรื่องของความรู้สึก ศาสนาสอนเรื่องของหัวใจ เพราะหัวใจนี่มันเกิด มันแก่ มันเจ็บ มันตาย มันเวียนเกิด เวียนแก่ เวียนตาย ในวัฏฏะ เห็นไหม แต่ตัวมันเองไม่เคยเกิด ไม่เคยแก่ ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยตาย เพราะมันมีสภาพเดิมของมันคงที่อยู่อย่างนั้นตลอดไป ตลอดไปนะ!

เขาบอก “สอนอย่างนี้ไม่ได้ มันเป็นฮินดู มันเป็นสิ่งที่มีอยู่” เห็นไหม

ฮินดูมันอยู่คงที่แล้วมันแปรสภาพไม่ได้ แต่ในศาสนาของเรา ศาสนานี่มันอนัตตา สิ่งที่แปรสภาพ เห็นไหม สิ่งที่แปรสภาพเรื่องของกิเลส เรื่องอนัตตามันแปรสภาพ ไม่มีการคงที่ เห็นไหม ไม่มีการคงที่คือว่ามันเวียนตายเวียนเกิด แต่ถ้าเวลาปฏิบัติธรรมรู้แล้วมันเป็นอกุปปธรรม อฐานะที่แปรสภาพ มันคงที่ไหม มันคงที่แบบตัวมันเองไง ใครเป็นพระเจ้า ใครเป็นผู้รับรู้

เวลาเทวดามาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “นรก สวรรค์ มีไหม? เทวดามีไหม?”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “เธออย่าถามอย่างนั้นเลย อย่าว่าแต่มีหรือไม่มี วิธีการ เหตุยังมีเลย” เห็นไหม

ดูสิ เราทำแหล่งน้ำสาธารณะประโยชน์กันน่ะ ไปเกิดเป็นพระอินทร์ เห็นไหม สุธรรมศาลาอยู่ที่ไหน? อยู่บนสวรรค์นี่ใครเป็นคนไปสร้างไว้? สิ่งที่เกิดขึ้นมามันเป็นสภาวะแบบใด เห็นไหม ที่ว่าไม่เคยเกิด ไม่เคยแก่ ไม่เคยตาย มันมีแปรสภาพตลอดไป

แต่เวลาธรรมของเราหมุนเข้ามาจากภายใน ที่ย้อนกลับมาทำลายกิเลส ถ้าหัวใจมันมีอยู่ เห็นไหม นิพพานมีอยู่ จิตมีอยู่ การเกิดการตายมีอยู่ แต่การกระทำเป็นอย่างไร เห็นไหม สิ่งนี้มันวิปัสสนาเข้ามา นี่สมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดตรงนี้นะ

เทวดา อินทร์ พรหม เวลาฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม เวลาครูบาอาจารย์ของเรา มาฟังธรรมครูบาอาจารย์เราเพราะอะไร เพราะอริยสัจ เห็นไหม อริยสัจไง สิ่งที่ประเพณีวัฒนธรรมมันเป็นเรื่องของการชักจูงเข้ามาหาศาสนา ความชักจูงเข้ามาหาหัวใจของเรา ความชักจูงเข้ามา ความชักจูงเข้ามานะ จากภายนอกนี่ย้อนกลับ เห็นไหม สูงสุดสู่สามัญ

เราต้องการทำบุญกุศลเพื่ออะไร เพื่อหัวใจของเรา พอถึงที่สุดแล้ว ทำบุญกุศลมากขนาดไหน ถ้าการจะพ้นกิเลสต้องนั่งสมาธิ ต้องชำระก่อน

เราไปโรงพยาบาล เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปโรงพยาบาลกัน แล้วเราไม่เคยรักษาโรคกันเลย มันรักษาของเรามันไม่หาย เห็นไหม นี่ก็เหมือนกัน ถ้าย้อนกลับมาในหัวใจของเรา มันต้องย้อนกลับมารักษาที่ใจของเรา ถ้ารักษาที่ใจของเรา อริยสัจเกิดที่นี่

เทวดา อินทร์ พรหม มีอำนาจวาสนา เห็นไหม ไปเกิด ดูสิ ดูเวลาเป็นเทวดา มีฤทธิ์มีเดชไปทั้งหมดเลย แต่ฤทธิ์เดชมันออกมาจากไหนล่ะ ออกมาจากหัวใจดวงนี้ ออกมาจากสิ่งที่สาธารณะ ที่เขามีฤทธิ์มีเดชของเขานี่มันเป็นทิพย์ แต่เวลาอริยสัจน่ะเขาไม่รู้ ไม่รู้เพราะอะไร เพราะพลังงานส่งออก

เหมือนเราเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีเงินมหาศาล เราใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเรา ใช้จ่ายไปก็มันเป็นเงินข้างนอก เห็นไหม คนจนก็มีเงิน ๑ บาทเหมือนกัน เศรษฐีถ้าเงิน ๑ บาทก็มีค่า ๑ บาทเหมือนกัน ไปใช้จ่ายก็เหมือนกัน แต่หัวใจที่ใช้จ่ายนี่ไง หัวใจที่ผู้รักษานี่ไง หัวใจที่เป็นคนใช้จ่ายเงินนี่ไง ใช้จ่ายเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์นี่ไง

ใจก็เหมือนกัน ความคิด กิริยาภายนอกนี่มันออกมาจากใจทั้งหมดเลย แล้วถ้าใจนี้มีคุณธรรม สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์มหาศาล ถ้าใจไม่มีคุณธรรม มันก็ทับถมหัวใจของเรา เห็นไหม ถ้ามันทับถมหัวใจของเรา มันเหยียบย่ำมา เหยียบย่ำมาใครเป็นคนทุกข์กับมัน สิ่งนี้มันเป็นเรื่องของสมบัติโลกๆ เห็นไหม นี่สุขทางโลกที่เขาหากันไง ถ้าสุขทางธรรม เราย้อนกลับมาที่นี่

เราเป็นผู้เสียสละ เห็นไหม เสียจากทาน ทานเห็นไหม สมบัติจะเกิดตรงนี้ เราไปวัดไปวากัน วันนี้วันสำคัญทางศาสนา ไปวัดไปวาเพื่อฟังธรรม ฟังธรรมก็ให้รู้จักตัวเราเอง ทำทานมา เสียสละมานี่ สิ่งที่เสียสละออกไป เห็นไหม สิ่งนี้เป็นทาน เป็นทานขึ้นมาแล้วมีศีล มีศีลคือปกติของใจ เห็นไหม ใจอยู่ที่ไหน เห็นไหม พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สมบัติของเราอยู่ที่นี่

สมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานวันนี้ด้วย วันนี้วันเกิด วันตรัสรู้ วันปรินิพพาน แล้วก็เอาสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอานนท์ถามเลย

“สิ่งที่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. เมื่อไหร่ กาลหมดมรรคหมดผลในศาสนา?”

“อานนท์ เธออย่าถามให้มากไปเลย เราเอาสมบัติของเราไปคนเดียวนะ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม”

ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนะ! ปฏิบัติไม่สมควรก็ปฏิบัติเป็นมิจฉา ปฏิบัติเป็นสิ่งที่เป็นโลกียปัญญา เพราะมันเป็นเรื่องของกิเลสของเรา แล้วเราไม่เข้าใจของเรามันก็ส่งออกไป เห็นไหม รู้ว่าว่างๆๆ ว่างกันไปตลอดเลย แต่หัวใจหมักหมม หัวใจมีแต่ความเศร้าหมอง แต่ว่าว่างๆ ว่างกันอยู่อย่างนั้น เห็นไหม

แต่ถ้ามันเป็นความจริงของเรา เห็นไหม ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าว่าง ไม่รู้อะไร แต่ตัวมันเองว่าง ตัวมันเองสะอาดบริสุทธิ์ เห็นไหม สิ่งต่างๆ เป็นเรื่องของโลกภายนอก แต่ตัวเองรู้เปล่าว่าว่าง ตัวเองรู้ว่ามันสะอาดบริสุทธิ์ ไอ้ว่างไม่ว่างมันเป็นเรื่องของการส่งออก แค่ว่างก็ออกมารับรู้ว่าว่างแล้ว แต่ตัวมันเองว่างมันพูดอะไรไม่ได้เลย มันอยู่ของมันในตัวของมันเอง

สิ่งนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ มันอยู่ในหัวใจของเรานี่ สมบัติของเรา “ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม” แล้วเราปฏิบัติ เห็นไหม เราพยายามศึกษาของเรา ศึกษาของเรานะ

นี่วันสำคัญทางศาสนา เรามีความเคารพ มีความกตัญญู เห็นไหม เรากตัญญูนะ องค์ศาสดาเป็นแบบอย่าง เป็นครูเอกของโลก เป็นครูของเรา เราเคารพบูชาตรงนี้ไง กตัญญูกตเวที เป็นชาวพุทธ เห็นไหม สังคมก็ร่มเย็นเป็นสุข สังคมพุทธกับสังคมต่างๆ สังคมวัตถุนิยมเขาก็ตื่นเต้นกันไป หาไปเถอะความสุข หาไม่เจอหรอก

สุดท้ายแล้วนะ ความสุขมันต้องแนบไป มันต้องมีใจมีส่วนรับรู้ด้วย ตัวใจส่วนรับรู้ด้วย อาหารของใจ แล้วใจอยู่ไหนก็ไม่รู้ ใจจะทำอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องตอบสนองมันให้มันมีความสุข ยิ่งตอบสนอง กิเลสมันหัวเราะเยาะตลอดไป ทะเลถมไม่เคยเต็มหรอก ทะเลถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ตัณหาความทะยานอยากล้นฝั่ง แล้วถมไม่เคยเต็ม แต่มีศีลเข้าไปจำกัดขอบเขตของมัน แล้วมีปัญญาคอยแยกแยะของมันขึ้นมา มันจะเป็นสมบัติของเรา เห็นไหม

วันนี้วันสำคัญทางศาสนา ให้ได้ความสำคัญของเราด้วย ความสำคัญของเราคือนาย ก นาย ข นาย ค นี่มีความสำคัญ ถ้ามีความสำคัญนะ จุดยืนของเราอยู่ที่นี่ โลกจะดึงเราไปไม่ได้ แก้ว แหวน เงิน ทอง สมบัติขนาดไหนไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวหรอก มันเป็นของชั่วคราว เราจะมีตำแหน่งสูงส่งขนาดไหนนะ เราต้องเกษียณ เราจะต้องพลัดพรากจากมัน

แต่คุณสมบัติของเรา รู้จักเรานี่สำคัญที่สุดเลย รู้จักตัวเรานี่ ย้อนกลับมาที่เรา ในหัวใจของเรา ย้อนกลับมาที่นี่ แล้วเราจะรู้จักเรานะ ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นเรื่องของหน้าที่การงาน ทุกอย่างมันจะเผาลนเราถ้าเราเผลอ ถ้าเรามีคนรู้จักตัวเอง รู้จักสัมมาอาชีวะ รู้จักสติ ตำแหน่งหน้าที่การงานจะเป็นประโยชน์กับเราเพราะอะไร?

เพราะพระอินทร์ปกครองต่างๆ นะ สิ่งที่เป็นปกครองสัตว์โลก เห็นไหม เราเป็นผู้มีอำนาจ เห็นไหม ผู้นำเป็นผู้นำที่ดี ผู้ปกครองเป็นผู้ปกครองที่ดี สังคมร่มเย็นเป็นสุข ใจเราเป็นใจที่ดี สัตตะคือผู้ข้อง ใจเราเป็นผู้ข้อง เรายังเกิดยังตายอยู่ อารมณ์เกิดวันร้อยอย่างพันอย่าง แล้วเราบริหารมัน เห็นไหม นี่ผู้นำ

ผู้นำคือพุทธะ คือหัวใจของเรา แล้วนำความรู้สึก ควบคุมอารมณ์ ควบคุมต่างๆ ควบคุมได้หมดเลย จัดการบริหารได้หมดเลย นี่ความสุขอยู่ที่นี่ นี่สมบัติของเรา ความสำคัญของศาสนาอยู่ที่นี่ ความสำคัญของศาสนา เห็นไหม วันสำคัญของศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไปทำวันวิสาขบูชา แล้วเราก็พยายามทำตัวเราเองให้เป็นวันสำคัญของศาสนาของเราด้วย พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราจะเป็นพุทธะเอง เราจะเป็นความรู้เอง เราจะมีความสุขเอง เราจะเข้าใจเอง แล้วไม่ตื่นเต้นไปกับโลกนี้เลย แล้วกลับมามอง เห็นไหม

ประเพณี อริยประเพณี ไม่ใช่ปฏิเสธประเพณีนะ ถ้าประเพณีวัฒนธรรม มันชักนำกันเข้ามาเพื่อบุญกุศล เพื่อความดีของเรา เพราะ! เพราะในป่าใหญ่ มันมีพืชพรรณต่างๆ กัน สังคมก็เหมือนกัน ความคิดก็เหมือนกัน วุฒิภาวะของจิตก็เหมือนกัน มีหยาบ มีละเอียด มีสูง มีต่ำ มากมายมหาศาลเลย แล้วขัดแย้งกัน ฟาดฟันกันด้วยความคิด แต่เวลาเข้าไปในศาสนา เรียบเรียงเป็นประเพณีวัฒนธรรมขึ้นมาแล้วมันจะสวยงาม มันจะเข้าที่ มันจะไม่มีการขัดแย้งกัน เห็นไหม เราถึงไปวัด

“บัณฑิต” อเสวนา จ พาลานํ ไม่คบคนพาล ให้คบบัณฑิต บัณฑิตคืออะไร บัณฑิตคือหัวใจที่เสียสละ บัณฑิตเป็นหัวใจที่รับรู้ถึงความรู้สึกของคนอื่น เป็นผู้ที่เข้าใจสังคม เห็นไหม บัณฑิตจะไม่บาดหมางกัน บัณฑิตจะให้อภัยกัน บัณฑิตจะคบกัน นี่มาในวัดในวา ผู้ที่ใฝ่บุญใฝ่กุศลเป็นผู้บัณฑิต คบบัณฑิต เห็นไหม อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา จะเสวนา จะคบบัณฑิต แล้วหัวใจเราจะเป็นความสุข หัวใจเราจะมีที่หมาย ไม่ว้าเหว่

ว้าเหว่นะ หัวใจว้าเหว่ หัวใจทุกข์ เห็นไหม ศาสนาให้รู้จักตรงนี้ สมบัติของเราไง สมบัติทางศาสนา สมบัติส่วนตนของเรานี่ เราเป็นชาวพุทธ แล้วให้เป็นเนื้อแท้ของความรู้สึก เนื้อแท้ของความสุข แล้วเราจะมีที่พึ่ง เอวัง