เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๑ ส.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาน่าสงสารนะ พอเราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาจะเห็นคุณค่าของชีวิตเลย ชีวิตของเรา เห็นไหม ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แล้วความมีโรคกับไม่มีโรคใครไปแสวงหาได้ล่ะ? มันมาจากผลบุญผลกรรมใช่ไหม? ดูสิดูอย่างอากาศ เวลาไข้หวัดนกขึ้นมา นี่สัตว์ตัวหนึ่งที่มันติดเชื้อเขาฆ่าหมดเลยนะ เขาฆ่าหมดเลยเพื่ออะไร? เพื่อไม่ให้มันปล่อยเชื้อ เพื่อไม่ให้มันระบาด

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ว่าร่างกายของเรามันมีภูมิต้านทานไหม? มีภูมิต้านทานหรือไม่มีภูมิต้านทานมันเกิดมาจากอะไรล่ะ? ก็เกิดมาจากเรานี่แหละ เราดูแลรักษาของเราเอง แล้วถ้าคนไม่เข้าใจล่ะ? เราเกิดมามีบุญวาสนาขนาดไหน ไปเกิดในประเทศ ในสถานะที่เขามีอย่างนั้น มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น นี่เวรกรรมเป็นอย่างนี้ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะ คนเราทำบุญกุศลหรือทำบาปอกุศลมา คำว่าทำบาปอกุศลนี่มันมาไง

ดูสิดูอย่างพระจักขุบาล เห็นไหม พระจักขุบาลนี่นะ คนที่จะมีอำนาจวาสนาเป็นพระอรหันต์นะ แล้วนี่ถือธุดงควัตรไม่นอน เนสัชชิกไม่นอน หมอหยอดยาบอกว่า “ถ้าไม่นอนต้องตาบอดแน่นอน” จะตาบอดอย่างไรก็ยอม แต่พอตาบอดขึ้นมาหัวใจสว่าง แล้วเวลาเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา พระไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ? กรรมไง กรรมตัวเองเคยเป็นหมอเหมือนกัน เคยเป็นหมอยาแล้วรักษาคนไข้ ทีนี้คนไข้เป็นเศรษฐี แล้วแบบว่าตระหนี่มาก นี่พอบอกว่ารักษาหายจะให้อะไร? ก็สัญญากันว่าจะให้ค่ารักษาขนาดนั้นๆ

เพราะเศรษฐี พอเวลามันเป็นไข้ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ตาบอดใครก็อยากตาสว่างทั้งนั้นแหละ พอรักษาไปหมอก็รู้นี่ พอหยอดตาไปนี่ตาเริ่มเห็นฟ้าฟาง แล้วหมอไปถามว่าเป็นอย่างไร? อู๋ย ยังไม่ดีขึ้นเลย นี่หมอรู้แล้วว่าโกหก ก็เลยหยอดอีกทีหนึ่งบอดไปเลยไง นี่เพราะอะไร? เพราะความตระหนี่ เรื่องของกิเลสทั้งนั้นแหละ บาปกรรมอันนี้มันสร้างมา นี่จะบอกว่าโลก พอตายแล้วไปเกิดเป็นพระจักขุบาล นี่กรรมอันนั้นมันตามมา แต่ด้วยสร้างบุญมา สร้างอะไรมาถึงมาเป็นพระอรหันต์ได้ เป็นพระอรหันต์ยังต้องตาบอดเลย

นี่พูดถึงการแข่งขันกันทางร่างกายนะ การแข่งขันคือการว่าเราเกิดมานี่ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นี้เรื่องของร่างกายนะ แต่เรื่องหัวใจไม่มีใครเลยที่จะปลอดพ้นไปจากความเป็นโรค ไม่มีเลยนะ เว้นไว้แต่พระอรหันต์เท่านั้น ถ้ามีพระอรหันต์ เชื้อของหัวใจมันมีตลอดไป ทุกคนมีมากมีน้อย เห็นไหม นี่ร่างกายจะอุดมสมบูรณ์ จะเข้มแข็งขนาดไหน จะอ่อนแอขนาดไหน แต่ถ้าหัวใจมันเข้มแข็งขึ้นมา หัวใจมันเป็นที่มันชำระล้างกิเลสออกไปแล้วนะ มันอยู่ได้ทั้งนั้นแหละ มันเข้าใจเรื่องสภาวะแบบนี้ไง

นี่จากเรื่องของภายนอก เรื่องของวัตถุ เรื่องของความรู้สึก เรื่องของนามธรรม รูปธรรม แล้วร่างกายของเรามันมีพร้อม เรามีทั้งร่างกายเป็นรูปธรรม หัวใจเป็นนามธรรม เวลาโลกเขาเป็นรูปธรรม เป็นเรื่องของวัตถุ เรื่องของสิ่งต่างๆ เรื่องของแร่ธาตุต่างๆ แล้วคนก็ไปพึ่งพาอาศัยเขา นี่สิ่งนี้อำนวยความสะดวก สิ่งที่อำนวยความสะดวก คนมีบุญกุศลสิ่งนี้เป็นเครื่องประดับทั้งนั้นแหละ แต่เครื่องประดับ ถ้าเป็นธรรมนะ

ดูสิเวลาเราถือธุดงควัตรกัน เป็นพระแล้วนะ บวชพระแล้ว นี่พระธุดงค์อยู่แล้ว ฉันมื้อเดียวอยู่แล้ว แต่เวลาเข้าพรรษายังถือธุดงค์เข้าไปอีก นี่ขัดเกลาเข้าไป บีบคั้นเข้าไป บีบคั้นเข้าไปให้เป็นการขัดเกลากิเลส แต่ถ้าเราเป็นทางโลก เห็นไหม เรามีวัตถุขนาดไหน เราต้องไปแบกรับมัน ต้องรักษามัน ต้องดูแลมัน ยิ่งเป็นความทุกข์เข้าไปใหญ่นะ ความทุกข์แต่คนมันพอใจไง คนพอใจมันก็เป็นความสุข แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนา คนที่เป็นบุญกุศล สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์ ใช้เป็นประโยชน์ได้

คนเรา เห็นไหม ดูสิพวงมาลัย ถ้าคนมีมาก ดอกไม้มีมาก จะร้อยพวงมาลัยขนาดไหนก็ได้ ดอกไม้มีน้อย จะร้อยเป็นพวงมาลัยอย่างไรให้มันสวย ให้มันงาม การร้อยพวงมาลัยใครเป็นคนร้อยใช่ไหม? นี่ดอกไม้เปรียบเหมือนทรัพย์สมบัติ แต่การร้อยพวงมาลัย คนจะจัดพวงมาลัยนั้น จัดดอกไม้ให้มันเข้าที่เข้าทางให้สวยงามขนาดไหน? เป็นประโยชน์กับเราหรือไม่เป็นประโยชน์กับเรา หรือถ้าไม่ร้อยเลยมันก็กระจัดกระจายอยู่อย่างนั้น

นี่ก็เหมือนกัน บุญกุศลเกิดขึ้นมาจากเรา ใจของเราถ้าหัวใจมันปรารถนา มันมีการกระทำขึ้นมา เห็นไหม นี่ข้าวของเงินทองมันเปรียบเหมือนดอกไม้ที่เราเอาไปทำประโยชน์กับเรา แต่ถ้าไม่เป็นประโยชน์กับเรา เราทิ้งไว้มันก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับใครเลย บูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ดอกไม้ก็มีนะ ในสมัยพุทธกาลได้บุญกุศล

การบูชา การสละทานไง การสละทานเพื่อฝึกหัวใจ เพราะโดยธรรมชาติของใจมันยึดมั่น ความยึดกับความตระหนี่ถี่เหนียว พอยึดแล้วมันมีความตระหนี่ถี่เหนียว ยึดทุกดวงใจ เพราะคำว่าเป็นโรคใจ โรคใจมันมีอยู่แล้ว มันเป็นสมบัติของมัน มันต้องยึดมั่นถือมั่นโดยธรรมชาติของมัน เพราะยางเหนียวเป็นธรรมชาติของมัน แต่การฝึกฝนล่ะ? การได้ฟังธรรม นี่การได้ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เห็นคุณเห็นโทษ เห็นไหม ถ้าเห็นแต่คุณของมัน เราแสวงหามันโดยไม่ลืมหูลืมตานั่นก็เป็นโทษอันหนึ่งนะ แต่ถ้าเราขาดแคลนมันก็เป็นโทษอันหนึ่งนะ เราขาดแคลน เราไม่มีเครื่องอาศัย

การขาดแคลนหรือการอุดมสมบูรณ์ นี่อันนี้มันการกระทำมา เรื่องของกรรม ถ้ากรรมดี กรรมชั่วนะ กรรมดี มันดีให้ผลเรา มันต้องให้ผลถึงวันหนึ่งจนได้แหละ ให้ผลของเรานะ เพราะถึงที่สุดแล้วมันต้องให้ผลของเรา แต่ถ้ากรรมมันมาถึงให้ผล นี่ไงคนเราเกิดมามันถึงบอกว่าลุ่มๆ ดอนๆ ไง ชีวิตของเรามันไม่ราบรื่นตลอดไปหรอก ถ้าชีวิตของเราไม่ราบรื่นไป เราต้องมีธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจไง ต้นไม้นะมันถึงฤดูกาลที่มันไม่ออกดอกออกผล แต่เขามีน้ำมีอะไรเลี้ยงชีวิตมันก็ยังเลี้ยงได้ใช่ไหม?

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าหัวใจถ้ามันลุ่มๆ ดอนๆ นะ นี่เวลาวิกฤติขึ้นมาต้องการคนกล้าหาญนะ เวลาคนกล้าหาญ คนผ่านวิกฤติขึ้นไปได้ นี่ผ่านสิ่งนั้นไปได้ ถ้าเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นมา เรามีความเข้มแข็งของใจ เราจะผ่านวิกฤติอันนี้ไปได้ ถ้าเราอ่อนแอนะเราก็อ่อนแอ ยิ่งตรอมใจนะ ความตรอมใจใครเป็นคนเอามาให้ล่ะ? ความสุขความทุกข์ในหัวใจใครเป็นคนเอามาให้ เราทั้งนั้นนะเป็นคนแสวงหามา เราทั้งนั้นเป็นคนคัดเลือกมา เราคัดเลือกมา เห็นไหม

คำว่าคัดเลือก เพราะอะไร? เพราะมันไม่ใช่เรา รูป รส กลิ่น เสียงเป็นเรื่องภายนอก ดูสิเสียงมันอยู่ข้างนอก ทุกอย่างอยู่ข้างนอกหมดเลย วัตถุก็อยู่ข้างนอกหมดเลย แล้วของเราล่ะ? หัวใจของเรามันอยู่ข้างใน เพียงแต่ว่าเราไม่เข้าใจตัวเราเองไง เราไม่เข้าใจความต้องการของใจ เราไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดูสิเวลาคนมาประพฤติปฏิบัติ นี่แม้แต่ถือศีล ๘ ก็ว่าอดข้าวเย็นๆ นี่เริ่มเป็นความทุกข์แล้วนะ แล้วเราฉันมื้อเดียว ฉันมื้อเดียวหรือ? แต่เวลาพระเรานะ เวลาฉันมื้อเดียวแล้วเรายังนั่งโงกง่วง

นี่สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์กับเรา แต่ในการประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม ถ้าธาตุมันเข้มแข็งขึ้นมามันจะทับหัวใจนะ ถ้าทับหัวใจเวลานั่งก็โงกง่วง เราก็ต้องผ่อน การผ่อนมันหิว มันกระหายไหม? ไอ้เรื่องการหิวกระหายมันเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องธรรมดาเลยนะ แต่เราเห็นโทษของมันไง เห็นโทษขณะที่เรานั่งภาวนานี่มันโงกง่วง แต่ถ้าเราผ่อนอาหารขึ้นมาแล้วมันนั่งได้ มันได้ประโยชน์มากกว่า นี่เห็นคุณเห็นโทษ เห็นประโยชน์อันสูงกว่า เห็นประโยชน์อันละเอียดกว่า เห็นประโยชน์อันลึกกว่า ประโยชน์ของหัวใจ แล้วความสุขอันนี้

นี่ความสุขทางโลกนี่นะเขามีเงินมีทอง เขาหาของเขาได้ แต่ความสุขของใจนะ จะมีเงิน มีทองมากน้อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ เขาหาไม่ได้นะ หาไม่ได้ ซื้อหาไม่ได้ ถ้าซื้อหาไม่ได้ต้องเป็นผู้ทำเอา จะมั่งมีศรีสุขขนาดไหน จะทุกข์จนเข็ญใจขนาดไหน เวลาภาวนาก็ภาวนาเหมือนกัน นั่งขัดสมาธิเหมือนกัน หาทรัพย์จากภายในเหมือนกัน ถ้าหาทรัพย์จากภายใน เวลาจิตมันสงบขึ้นมามันเป็นความมหัศจรรย์

ถ้าจิตเคยสงบนะมันสุขมาก สุขจริงๆ ความสุขจริงๆ เราไม่เคยสัมผัส ว่าสุขจริงๆ สุขอย่างไรสุขจริงๆ แล้วสุขนี้มันไม่อยู่กับเราตลอดไป มันอยู่ชั่วคราวๆ เพราะอะไร? เพราะกว่าเราจะแสวงหาขึ้นมาได้สภาวะแบบนั้น มันถึงต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา ศีลคือความปกติของใจไง ให้จิตมันมีรากมีฐาน มีความปกติของมัน ถ้ามันทำอะไรมันก็ทำได้ง่าย ถ้าศีลเราไม่ปกติ เห็นไหม ศีลเราไม่ปกติมันเกิดจากไหน? เพราะใจเรามันไม่ปกติ

ศีลคือความปกติของใจ แล้วใจมันผิดปกติ เห็นไหม ผิดปกติมันก็ดิ้นรน มันก็เดือดร้อน ความดิ้นรนของใจนั่นแหละ นี่มันผิดศีล ถ้าผิดศีล มโนกรรมไง ถ้ากรรมอันนี้มันเกิดขึ้นมามันผิดศีล นี่เชื้อมันเกิดแล้ว เชื้อโรคมันเกิด แล้วเชื้อโรคมันเกิดขึ้นมาแล้ว นี่มันยิ่งระบาดในหัวใจ มันยิ่งมากขึ้นไป เราถึงชักฟืนออก ชักฟืนออก ชักสิ่งที่ว่ามันเป็นความผิดออกจากใจ เห็นไหม ศีลก็บริสุทธิ์ขึ้นมา พอศีลบริสุทธิ์ขึ้นมา นี่ความปกติของใจ

อธิศีล อธิศีลมันไม่มีการเสวยอารมณ์เลยนะ การเสวยอารมณ์ เห็นไหม “มารเอย เธอเกิดจากความดำริของเรา เราจะไม่ดำริถึงเจ้าอีกเลย” ความดำริอันนี้มันเป็นมาร แล้วนี่อธิศีลไง คือมันปกติจนไม่เสวยอารมณ์ ถ้าเสวยขึ้นมามันเป็นจิตอัตโนมัติ มันจะรู้ทันตลอดไป เห็นไหม นี่อธิศีล ความสะอาดบริสุทธิ์จากภายใน นี่ถ้ามันปกติจากภายใน ถ้าปกติแล้วถ้าเราเริ่มวิปัสสนา เรามีกำลังของเราขึ้นมา วิปัสสนาเข้าไป มันจะไปชำระตรงนี้ มันจะไปแก้ไขที่ว่าโรคของใจ

โรคของกายมันเป็นเรื่องปกติ เพราะธรรมดาคนเกิดมาต้องตายหมด แต่ใจไม่เคยตาย เพียงแต่เปลี่ยนวาระ เกิดเป็นมนุษย์ก็เปลี่ยนวาระของมนุษย์ อะไรก็เปลี่ยนเป็นวาระนะ เป็นวาระ แต่ขณะที่เป็นวาระเราก็ไม่ต้องการพลัดพราก แล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอก นี่มันต้องพลัดพรากนะ เราเกิดมาชาติหนึ่ง แล้วมันต้องตายแน่นอน คนเกิดมาไม่มีใครอยู่ได้ตลอด ต้องตายไป แต่ขณะคนตายดีและตายไม่ดีล่ะ? เกิดมาก็เกิดมาโดยบุญกุศล มนุษย์สมบัติเป็นอริยทรัพย์ เพราะอะไร เราได้ทำคุณงามความดีของเรา มีกฎหมายรองรับนะ

เกิดเป็นต่างๆ เกิดแน่นอน เราเกิดแน่นอน เพราะอะไร? เพราะสัตว์มันก็มีชีวิตเหมือนเรานี่แหละ มันก็มีจิตวิญญาณเหมือนกัน แต่มันสถานะของสัตว์ เห็นไหม แล้วเวลาผู้ที่มีอภิญญา เวลาภาวนาไปมันสื่อความหมายได้ ดูสิเวลาหลวงปู่มั่นอยู่ที่ถ้ำสาลิกา มดมันเดินมา แล้วหลวงปู่มั่นทำข้อวัตรอยู่ มดมันคุยกันนะ “หลบเร็ว! หลบเร็ว! พระกรรมฐานเขาทำข้อวัตร” ทำไมมดมันรู้? นี่หลวงปู่มั่นรู้วาระจิต มดมันบอกกันเองนะ “เราหลบให้ดีนะ พระกำลังกวาดวัดอยู่ เราอย่าไปขวางทาง” มดหัวหน้ามันสั่งลูกน้องมัน

นี่หลวงปู่มั่นรู้วาระจิต มันมีความรู้สึก มันมีความคิด มันมีทั้งนั้นแหละ ทีนี้มันเกิดสถานะอย่างนั้นก็เรื่องของเขา เรื่องของเขาเพราะเขามีกรรมของเขา วาระของเขา เห็นไหม พระโพธิสัตว์ก็ยังเคยเกิดสภาวะแบบนั้น ถ้าเราเกิดขึ้นมา นี่เวลาเกิด วาระของจิตมันเกิดเป็นวาระๆอย่างนั้นแหละ ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ อริยทรัพย์ อริยสมบัติเพราะอะไร? เพราะอะไร? เพราะมันมีปัญญา มันมีสมอง นี่มันเจือจานกันได้ ถ้าเราไม่มีทิฐิมานะจนเราไม่ยอมรับความช่วยเหลือของใคร เขาจะช่วยเหลือเราได้ไหม มันเป็นทิฐิมานะ เห็นไหม ทิฐิของเรา ทิฐิความเห็นผิดของเรามันจะขัดแย้งกับความเป็นจริง ขัดแย้งกับธรรม

ขัดแย้งกับธรรมนะ ถ้าเราทำให้มัชฌิมาปฏิปทามันจะเข้ากลมกลืนกับธรรม ถ้าเข้ากลมกลืนกับธรรม เห็นไหม เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรม แล้วใจเป็นธรรมขึ้นมา เห็นไหม มันชำระของมันขึ้นมา มันสะอาดบริสุทธิ์ นี่จิตใจเข้มแข็ง คนเราป่วยไข้ แล้วหายจากป่วยไข้ ฟังสิ คนป่วยไข้ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมันทุกข์ยากไหม? แล้วหายจากไข้ขึ้นมา จิตก็เหมือนกัน ถ้ามันป่วยไข้ขึ้นมา เวลาสมุจเฉทปหานมันทำอย่างไร?

นี่อริยทรัพย์จากภายในมันมีเหตุมีผลของมันนะ ไม่ใช่มาลอยๆ หรอก ในโลกนี้ไม่มีของฟรี แล้วลอยมาเองไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นมา ขณะจิตที่มันเปลี่ยนจากปุถุชนเป็นกัลยาณปุถุชน เปลี่ยนจากโสดาปัตติมรรคเป็นโสดาปัตติผล การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้มันสมุจเฉทปหาน มันมีการกระทำของมัน มรรคสามัคคีรวมตัวแล้วสมุจเฉทปหานขาดออกไปอย่างไร? นี่การป่วยไข้ หายเจ็บป่วยไข้ขึ้นไป เป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป จนถึงที่สุดสะอาดบริสุทธิ์ หายป่วย ถ้าจิตหายป่วยนะ เห็นไหม จิตหายป่วยพ้นออกไปจากกิเลสทั้งหมด แล้วจิตมันไปไหนล่ะ? จิตมันมีของมันเป็นสภาวะแบบนั้น ความป่วยไข้มันแสดงอาการ

ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนะ นี่จิตอะไรมันมาเข้า แล้วถ้าไม่มีเข้า ทำไมพระอนุรุทธะตามเห็นตลอดไป เห็นไหม เพราะความถนัดของพระอนุรุทธะ ถ้าคนถนัด นั่งอยู่เฉยๆ มันเห็นไปหมดเลย ถ้าคนไม่ถนัด ต้องพยายามทำขึ้นมาให้เป็นได้ ฝึกฝนได้ ทำได้ แต่ทำแล้ว เหมือนหน้าที่การงาน เราอยู่เฉยๆ เรามีความสุขไหม? แล้วเราขยับไปทำงานมันต้องอาบเหงื่อต่างน้ำไหม?

นี่ก็เหมือนกัน จิตถ้ามันออกมามันต้องอาบเหงื่อต่างน้ำไง มันอาบเหงื่อต่างน้ำ มันต้องมีการกระทำ มันต้องมีการบริหารของมัน จิตมันมีอยู่อย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาปรินิพพานจิตก็มีอยู่ เวลาจิตมันหายป่วยไข้แล้วมันเป็นสภาวะแบบนั้นไง มันเป็นสภาวะที่พ้นออกไปจากสถานที่ พ้นออกไปจากต่างๆ พ้นออกไปจากที่มารจะตามได้ทัน นี่ถ้าจิตหายป่วยไข้เป็นสภาวะแบบนั้น

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจากภายนอกนะ แล้วความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจากภายใน แต่ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจากภายในเกิดเองไม่ได้ เป็นเองไม่ได้ ต้องมีการกระทำ เรามีความเชื่อ มีความเลื่อมใส แล้วเราเริ่มบุกเบิกทวนกระแสเข้าไปในหัวใจของเรา งานเขาทำกันข้างนอก บุกเบิกไปข้างนอก อันนี้บุกเบิกเข้าไปในคูหาของใจ บุกเบิกเข้าไปข้างในแล้วทำลายมันนะ ทำลายเชื้อ ทำลายอวิชชา ทำลายต่างๆ แล้วมันสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมา มันเกิดจากการกระทำของเรา แต่เรื่องของร่างกาย เรื่องจากภายนอกอยู่ที่บุญกุศล เห็นไหม

นี่พระสีวลีทำบุญมาก สละทานมามาก จะรวยด้วยลาภ พระที่ว่าเคยถวายยา เคยรักษา เวลาเกิดมาแล้วไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเลย ตั้งแต่บวชจนปรินิพพานนะ ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย นี่อยู่ที่การกระทำ เรื่องจากข้างนอกอยู่ที่การกระทำ กรรมของเรา บุญของเรา เรารักษาของเราไปเอง ถึงเวลาแล้วเข้มแข็ง จิตใจเข้มแข็งต้องผ่านวิกฤติอันนี้ไปได้

นี่เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง มันแปรสภาพของมันตลอดไป ถ้าไม่แปรไปทางที่ดี มันก็แปรไปทางที่มันหมดค่าของมันไป มันแปรอยู่แล้ว มันคงที่ไม่ได้หรอก ไม่มีอะไรคงที่ เพียงแต่หัวใจเราเข้มแข็งไป ตามแต่สภาวะกรรมที่จะให้ผลไป นี่เรื่องของโลกๆ ถ้าเรื่องของใจนะมันอยู่ที่การกระทำ เราต้องมีจุดยืนของเรา แล้วเราเดินของเราขึ้นไป มันจะเป็นผลประโยชน์ของเรา

นี่ทานจากภายนอก เราสละทานขึ้นมาเพื่อกำลังใจของเรา แล้วถ้ามีความเข้มแข็งขึ้นมา เราหาสมบัติของเราขึ้นมา อันนี้ต่างหากแก้ไข จากภายนอกก็คือเรื่องของวัตถุ เรื่องของปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัย เห็นไหม ความเป็นอยู่ในโลกนี้ ปัจจัยข้างใน ร่างกายนี้เป็นเครื่องอาศัยของจิต จิตนี้มันอาศัย ไปเกิดสถานะมันก็อาศัยไป เห็นไหม เครื่องอาศัยเท่านั้น แต่ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจขึ้นมา นี่ใจเรามีหลักมีเกณฑ์ ใจเรามีคุณธรรมของเราขึ้นมา สุขจากภายในไม่ต้องมีใครมารับรอง รับประกันทั้งสิ้น

สุขจากภายในนะมันเป็นปัจจัตตัง มันเป็นสันทิฏฐิโกจากใจดวงนั้น แล้วความจริงอันนี้มันประเสริฐ ถ้าความจริงอันนี้ ใจดวงใดมีความจริงอย่างนี้ ใจดวงนั้นจะเป็นผู้ชี้นำได้ ใจดวงนั้นเป็นผู้รักษาได้ ใจดวงนั้นมีความสุข ต้องมีความสุขก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุขก่อน เสวยวิมุตติสุขในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วรื้อสัตว์ขนสัตว์ นี่พวกเราเคารพเลื่อมใส ครูบาอาจารย์ถ้าเข้าถึงธรรมนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในหัวใจ มันจะซึ้งคุณอันนี้มาก

คุณอันนี้ใครเป็นผู้บุกเบิกมา ใครเป็นคนวางพินัยกรรมไว้ ใครเป็นความมรดกตกทอดมา แล้วเราก้าวเดินมาถึง เห็นไหม ดูเวลาพระบวชใหม่ บวชเข้ามานี่มาค้ำจุนศาสนา ในพรรษาหนึ่ง หรือเท่าไหร่ก็แล้วแต่ค้ำจุนศาสนา รักษามรดกธรรมไว้ รักษาสิ่งนี้ไว้ แล้วผู้สืบต่อๆ จนค้นคว้าขึ้นมาได้ในหัวใจดวงนั้นจะประเสริฐอย่างนี้ไง บุญกุศลเกิดมาจากคนดีทำดีร่วมกัน เอวัง