เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๕ มี.ค. ๒๕๕๓

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๓
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันทำงานกับวันราชการเขามีวันหยุด เราก็มีวันพระวันโกน เห็นไหม ให้คนมีชีวิต ต้นไม้ ดูสิ มันแห้งแล้ง เขาต้องลดน้ำมัน ขาดน้ำต้นไม้ก็ตาย ชีวิตของคนมันต้องกินอาหาร แต่หัวใจมันกินอะไร นี่วันพระวันโกนเพื่อสิ่งนี้ วันพระวันโกนเพื่อรดน้ำพรวนดินต้นไม้ เรารดน้ำพรวนดินหัวใจของเรานะ

นี่เขาว่า ดูสิ ทุกคนเกิดมาตามธรรมชาติมันเป็นสิทธิของความมีชีวิต แต่เราเขียนรัฐธรรมนูญกันเห็นไหม สิทธิของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ต้องมีความคุ้มครองกัน เพราะมนุษย์มันเบียดเบียนกัน สิทธิของความเป็นมนุษย์ เพราะอะไร เพราะคนเพิ่งมาเห็นไง

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้ง ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้วเห็นไหม ไม่มีชนชั้น ไม่มีวรรณะ คนเราไม่ได้ดีเพราะการเกิด คนเราดีเพราะการกระทำ คนเกิดมาเกิดสูงเกิดต่ำก็แล้วแต่ ทำคุณงามความดีอันนั้นมันจะเป็นประโยชน์กับเราเห็นไหม การกระทำเป็นความจริงกับเรา การกระทำ นี่ทำเห็นไหม เราก็เห็นแต่ความเปลือกๆ การทำกันจากข้างนอก สิ่งที่เป็นการกระทำจากข้างนอก สิทธิความเป็นมนุษย์เห็นไหม

สิทธิของการลมหายใจล่ะ มีสิทธิมันก็ต้องมีหน้าที่ แล้วสิทธิการเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์มีสิทธิเห็นไหม มนุษย์ทำสิทธิอะไรก็ได้ แต่หน้าที่ของมนุษย์ล่ะ ถ้าปอดบวม ปอดชื้น ปอดหายใจไม่ได้ ปอดไม่เป็นปกติ มันก็หายใจเข้าไม่ได้ เราไม่มีอาหารการกินความเป็นมนุษย์ของเรามันจะทรงอยู่ได้ไหม ความเป็นมนุษย์ สิทธิความเป็นมนุษย์ แต่หน้าที่การงานหาปัจจัยเครื่องอาศัยไม่ได้พูดถึงเลย

ความเป็นหน้าที่ของเรา หน้าที่การเป็นมนุษย์เห็นไหม สิทธิมันมี แต่หน้าที่ของเราล่ะ นี่พูดถึงความเห็นของโลกๆ นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ วางไว้ตั้งแต่ ๒,๐๐๐ กว่าปีนะ ดูสิ ในพระพุทธศาสนา ในสิทธิมนุษยชนเขายกย่องมากว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ผู้หญิงบวชนะ

ผู้หญิงบวชเป็นนางภิกษุณี สมัยโบราณ ผู้หญิง ผู้ชาย สิทธิต่างๆ แตกต่างกันมาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สิทธิมาตั้ง ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว ทางโลกก็เพิ่งมาขอสิทธิความเท่าเทียมกันได้ไม่กี่สิบปีนี้เอง ความเห็นของโลกเห็นไหม พูดถึงสิทธิความเป็นสิทธิหน้าที่ต่างๆ เรียกร้องกัน

แต่สิทธิของตัวเองล่ะ ตัวเองเอาความสุขให้กับตัวเองไม่รู้จักสิทธิหน้าที่ของตัวเอง สิทธิหน้าที่ของตัวเองในความเห็นของเราเห็นไหม เราหลอกตัวเอง เราเอาเปรียบตัวเอง เราเบียดเบียนตัวเอง เบียดเบียนด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก คาดไปหมด หวังไปหมด ตัณหาล้นฝั่ง ล้นแต่ความคาดหมาย แต่มันไม่เป็นความจริงสิ

ถ้าเป็นความจริงนะ เราจะทำอย่างไรให้มันเป็นความจริงกับเราขึ้นมา เราจะตั้งสติอย่างไร งานจากข้างนอกนะ งานของเรา ปัจจัยเครื่องอาศัย หน้าที่การงานเราต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง คนดีๆ เพราะมีหน้าที่มีหน้าที่การงานของเรา เราทำหน้าที่ของเรา นี่คนดีเขาดูกันที่นั่น ดูกิริยา ดูมารยาท ดูความประพฤติ ดูความขยันหมั่นเพียร นี่หน้าที่อย่างนี้หน้าที่เพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนะ

แต่หน้าที่ของใจล่ะ ความดีของใจ ความสงบของใจ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ที่มันทุกข์อยู่นี้เพราะมันฟุ้งซ่าน มันขาดตกบกพร่อง มันหิวกระหาย มันอยากจะช่วยตัวมันเอง คาดไปหมด หวังไปหมด จะทำคุณงามความดีอย่างนั้น จะนั่งประพฤติปฏิบัติอย่างนั้น มรรคผลนิพพานจะเป็นอย่างนั้น มันไปตะครุบเงาหมดเลย เพราะมันไม่เป็นความจริง

ถ้าเป็นความจริงนะ ดูสิ ทางโลกเขาเห็นไหม เขาไปร้านอาหาร เขาจะสั่งอาหารอะไรกินก็ได้ แต่ในทางธรรมเราจะแสวงหา ศีล สมาธิ ปัญญา จากที่อื่นไม่ได้เลย มันจะเกิดขึ้นมาจากการกระทำของเรา เราต้องมีการกระทำของเรา เราต้องสงวนรักษาของเรา เราต้องฟื้นฟูของเราเห็นไหม เกิดขึ้นมาจากเราเอง หน้าที่จากข้างนอกมันแสวงหา มันเป็นธุรกิจ มันเป็นการค้า มันเป็นหน้าที่การงาน มีผลตอบสนองต่อกัน

การทำคุณงามความดีของใจ มันเป็นความดีของใจ มันสงบสงัดเข้ามาในหัวใจของมัน ถ้าหัวใจมันสงบสงัดเข้ามาเห็นไหม นี่หน้าที่ เวลาเรียกร้องสิทธิ์เรียกร้องกันน่าดูเลย เรียกร้องสิทธิ์ว่าเราเป็นมนุษย์ สิทธิความเสมอภาค เราต้องได้ต่างๆ สิทธิความเสมอภาคนี่นะ มันเป็นวิทยาศาสตร์ที่เราคิดกัน

แต่ความจริงในทางธรรมะ มันมีกรรมเก่ากรรมใหม่ มันมีเวรมีกรรม มีความชอบ ความไม่ชอบ มีจริต มีนิสัย มีมุมมอง มีความเห็น มันแตกต่างหลากหลาย ความแตกต่างหลากหลายคนก็ปรารถนาความสุขเหมือนกัน แต่ถ้าความสุขได้ประสบความสุขอันนั้น มันแล้วแต่มุมมองที่มันพอใจ มันก็มีความสุขของมันใช่ไหม

แต่เวลามาเป็นจิตสงบมันเป็นสากล ทุกอย่างคนจะมีจริตนิสัยอย่างไร ถ้าทำความสงบของใจเข้ามา ก็คือประตูเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ถ้าไม่มีจิตสงบขึ้นมานี่ เราจะไม่เข้าไปสู่ประตูนั้น เราจะเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ของเราได้อย่างไร ผลประโยชน์ของเรามันอยู่ในหัวใจของเราเห็นไหม

ผลประโยชน์มันตักตวงเอาจากหัวใจของเรา ถ้ามันค้นคว้า มันกระทำขึ้นมา มันเกิดขึ้นมานะ แต่เราไปศึกษาจากข้างนอกเห็นไหม นี่ธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นมรรคเป็นผลของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา บอกแนะวิธีของเรา บอกแนะวิธีให้พวกเรา แล้วให้เราไปประพฤติปฏิบัติเราขึ้นมา ถ้าเราแสวงหา เราก็ทำของเราขึ้นมา มันจะเป็นประโยชน์แก่ผลประโยชน์ของเรา เกิดจากการกระทำของเรา มันเป็นปัตจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นสิ่งที่เรารื้อค้นขึ้นมาจากใจของเราเห็นไหม

วันพระวันเจ้า เราแสวงหาของเรา ทำบุญกุศลก็เพื่อจิต ทำสิ่งใดก็เพื่อจิต เพื่อความรู้สึกของเรา ความสุขความทุกข์อันละเอียดมันอยู่ในหัวใจของเรา ถึงที่สุดนะ เวลามันภาวนาไปแล้วมันจะลุเห็นผลของมัน ผลมันเกิดที่นี่ เวลาจิตมันสงบมันสงัดขึ้นมาเห็นไหม เรามีความสุขจะอยู่ที่ไหนก็มีความสุข ความสุขของเราเกิดจากที่นี่นะ

แต่ความสุขเกิดจากอามิส ความสุขเกิดจากการแสวงหาจากข้างนอก มันเป็นความสุข สุขแบบโลกไง นี่โลก.. กามคุณ ๕ กามคุณมันเป็นคุณกับการดำรงชีวิต แต่เป็นโทษกับผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ เราถึงถือพรหมจรรย์ ความถือพรหมจรรย์ จิตหนึ่งเดียว มันเป็นพรหมจรรย์ของมัน พรหมจรรย์นี้เราต้องรักษา รักษาเพื่อเรานะ พรหมจรรย์เพื่อพรหมจรรย์ รักษาไว้ไม่ใช่อวดกับใคร รักษาไว้ไม่ใช่เพื่อใคร รักษาไว้เพื่อตัวเองเห็นไหม

ถ้าตัวเองรักษาตัวเองมันจะเป็นประโยชน์กับเราเห็นไหม “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ถ้าตนเข้าไปสัมผัสได้ตามความเป็นจริง ตนแสวงหาได้จริง อันนี้จะเป็นประโยชน์กับเราเห็นไหม สมบัติอันนี้ใครแย่งชิงเราไปไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองต่างๆ มันยังมีตกน้ำตกท่า มันจะเสียหายไปได้

แต่บุญกุศลสิ่งต่างๆ มันเป็นของเรา ไม่มีใครมาแย่งชิงกับเราได้เลย อันนี้บุญกุศลนะ แล้วนี่มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด บุญกุศลเรามีจิตกุศลว่าเราจะทำคุณงามความดีแล้ว ต่างๆ ได้ทำหมดแล้ว ได้ทำหมดแล้วแล้วมันได้อะไร เพราะมันไม่ทะลุเข้าไปเห็นไหม มันไม่ทุลุเข้าไปสู่ฐีติจิต ฐีติจิตนี่โลกียปัญญา เรื่องของโลก เรื่องของภพ เรื่องของความรับรู้ เรื่องของความแสวงหา เรื่องการแสวงรักษา

เรื่องการรักษา ถ้าเราทิ้งทั้งหมดเลยเห็นไหม พอเราทิ้ง เราไม่ต้องรักษา มันเป็นตัวของมันเอง แล้วพอมันถึงตัวของมันเอง มันทะลุเข้าไป ทะลุเข้าไปโลกุตตรปัญญา โลกุตตรปัญญามันทะลุเข้าไปในหัวใจ ไปฐีติจิต มันก็เข้าไปก้นบึ้งของหัวใจ จิตใต้สำนึก แล้วมันไปถอดถอนที่จิตใต้สำนึกนั้น

นี่ไง ปฏิสนธิวิญญาณ วิญญาณตัวเกิดตัวตาย วิญญาณตัวที่มันรับรู้ มันมีข้อมูลตั้งแต่อดีตชาติ ตั้งแต่การได้สะสมมาจากการเกิดและการตาย มันสะสมมา มันสะสมมาที่ไหน แล้วบาปอกุศลที่มันสะสมมามันเป็นกรรมเก่ามันอยู่ที่นั่น กรรมปัจจุบันนี้เราก็สร้างกรรมปัจจุบันนี้ กรรมดีมันจะให้ผลไปข้างหน้าเห็นไหม กรรมเก่ากรรมใหม่มันจะทับซ้อนกันไป

สิ่งที่ต่างๆ เราจะเอากรรมปัจจุบันนี้เห็นไหม อดีต อนาคตแก้กิเลสไม่ได้ ปัจจุบันนี้เท่านั้นแก้กิเลสได้ แต่ปัจจุบันนี้มันต้องทะลุเข้าไป ทะลุเข้าไปถึงจิตใต้สำนึก เข้าไปเปลี่ยนแปลงอุดมคติ เปลี่ยนแปลงความเห็นจากของใจ พอมันเปลี่ยนแปลงอันนี้เห็นไหม เวลามันถอดถอนขึ้นมานะ ใจเขาใจเรา คนจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จะเจือจานขนาดไหน เขาก็เจือจานเราได้แต่ปัจจัยเครื่องอาศัย

แต่ถ้าเราจะเจือจานใจของเรา มันอยู่จิตใต้สำนึก ถ้ามันทะลุเข้าไปเห็นไหม สิ่งต่างๆ เราต้องทำของเรา ถ้ามันทำของเราขึ้นมาเป็นประโยชน์กับเราขึ้นมาแล้ว สิ่งนี้เป็นประโยชน์มาก เรามีคุณค่านะ มีคุณค่าเห็นไหม

ครูบาอาจารย์ท่านพูดบ่อย สิ่งใดในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดมีค่ากว่าน้ำใจของมนุษย์ น้ำใจของมนุษย์เกิดจากฐีติจิต เกิดจากใจ นี่ถ้าเกิดได้มันรักษาใจของตัวเอง ทำใจมันคุณค่าได้แค่ไหน แก้วแหวนเงินทองสรรพสิ่งต่างๆ นี้เราอาศัยชั่วคราว บาปบุญนี้ก็อาศัยเป็นอามิสชั่วคราวเหมือนกัน แต่ชั่วคราวในวัฏสงสาร

แต่ถ้าเราเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกเห็นไหม แล้วถอดถอนนี่ สิ่งนี้ภวาสวะภพ ไม่มีสถานที่ ไม่มีข้อมูล ไม่มีสิ่งใดขับดันมันอีกเลย สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับเราเห็นไหม นี่สิทธิไง เรามองแต่สิทธิ ว่าสิทธิต่างๆ เราต้องมี เราต้องมี ต้องเป็น ต้องไปตามสิทธินั้น สิทธิมันมีตั้งแต่เกิด สิทธิเพราะอะไร เพราะมันมีกรรมเก่ามา กรรมดีมา เราถึงจะได้เกิดเป็นมนุษย์ การเกิด สิทธิการเกิด ลมหายใจก็เป็นสิทธิ มีสิทธิหน้าที่ของเราทั้งหมดเลย นี่รักษาของเรา

แต่ธรรมะมันเข้าไปถึงความลึกซึ้งกว่านั้น ความลึกซึ้งมันก็เป็นหน้าที่ เพราะเราต้องตั้งสติของเราเอง เราต้องทำสมาธิของเราเอง เราต้องใช้ปัญญาของเราเอง ถ้าเป็นสิทธิเรามีอยู่แล้ว เห็นไหมธรรมะเป็นธรรมชาติ ทุกอย่างมีอยู่แล้ว ความรู้สึกมีอยู่แล้ว หัวใจมีอยู่แล้ว ทุกอย่างมีอยู่แล้ว แล้วมันได้อะไรขึ้นมาล่ะ

เพราะอันนี้มันมาจากบุญกรรมของเรา ที่มันเกิดมาเป็นมนุษย์สมบัติ แล้วนี่สิ่งที่อริยภูมิ อริยภูมิเกิดจากใจนี่ มันเกิดจากอะไร เกิดจากความเพียรชอบ เกิดจากความวิริยะ เกิดจากความอุตสาหะ เกิดจากสติ เกิดจากปัญญา เกิดจากมรรค ๘ เกิดจากมัคโค ทางอันเอก ทางที่เราแสวงหา เราจะค้นคว้าของเราขึ้นมา

สิทธิและหน้าที่ เราเอาแต่สิทธิ แต่หน้าที่เราก็ว่าต้องเสมอภาค.. เสมอภาค แต่ทางธรรมนะ นิ้วเรายังไม่เท่ากันเลย เราให้เงินเท่ากันทั้งหมด คนหนึ่งพอใช้จ่ายเหลือเฟือ คนหนึ่งใช้ได้พอประมาณ อีกคนไม่พอใช้เห็นไหม นี่ให้เท่ากัน นี่สิทธิเท่ากันไง แล้วมันเท่าจริงหรือเปล่าล่ะ

มันเท่าไม่จริง เพราะความจำเป็นของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน คนเราจะใช้จ่ายมาก คนเราใช้จ่ายน้อยอยู่ที่จริตนิสัยที่มันฝึกฝนมา คนเราถ้ามีการประหยัดมัธยัสถ์ มีการเก็บหอมรอมริบ ของเขานี่เหลือเฟือ บางคนไม่พอใช้ บางคนใช้พอประมาณ บางคนเหลือเฟือเห็นไหม นี่สิทธิให้เหมือนกันก็ไม่เท่ากัน

เราจะบอกว่าให้เหมือนกัน เท่ากัน มันเป็นความคิดไง มันเป็นสิ่งที่ว่าโลกเขาเจริญ มันเป็นสิ่งที่ตกผลึกมาจากสังคม แต่ความจริงความละเอียดของใจมันจะลึกซึ้งกว่านั้น มันจะมีผลมากกว่านั้น ฉะนั้นเราถึงเข้ามาแก้ไขเรา ถ้าแก้ไขของเราได้ เรามีมุมมองของเราได้ เราจะรักษาของเราได้ เราอยู่กับโลกนี้มีความสุขนะ

เขามาให้เราเท่าไร เรารักษาได้เท่าไร เราใช้พอประมาณ เรายังเหลือเจือจานคนอื่นอีก เรามีความสุข.. ความสุขเพราะเราไม่ต้องแสวงหา ความสุขเพราะเรารักษาของเราได้เห็นไหม ความสุขอย่างนี้ความสุขจากปัจจัยเครื่องอาศัย ความสุขเกิดจากความสงบของใจ ความสุขเกิดจากปัญญาชำระกิเลส ความสุขจากใจที่เป็นธรรม มันจะเป็นสมบัติของเรา มันเป็นสมบัติของเรา เพราะเรามีสิทธิหน้าที่ เราทำตามหน้าที่ของเรา เราแสวงหาในหัวใจของเรา เราจะไม่รบกวนใครเลย เราจะไม่ยุ่งกับใครเลย เพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง