เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ ก.ย. ๒๕๔๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาศาสนาสอน เห็นไหม สอนง่ายๆ มากนะ ดูเด็กๆ มันยังเข้าใจเลย “ละชั่ว ทำดี” นี่ ละความชั่ว ทำความดี สอนง่ายมากเลย แล้วเด็กมันรู้ด้วย เวลาเด็กๆ มันว่า เห็นไหม สูบบุหรี่ก็เป็นความผิด อะไรก็เป็นความผิดนะ เด็กๆ มันจะเข้าใจเลย ถ้าเห็นผู้ใหญ่ทำผิดนะ ผิดแล้วๆ แต่ผู้ใหญ่ทำไมไม่รู้เหมือนเด็กล่ะ

นี่เวลาสอนสอนง่ายๆ แต่ทำไม่ได้เลย ทำไม่ได้เพราะอะไร พอเวลาเราโตขึ้นมาความรับผิดชอบมันมีเหตุมีปัจจัย ความรับผิดชอบแล้วจริตนิสัยนะ เวลาในสังคมประเทศไทยเรา เวลาเขามาท่องเที่ยว เห็นไหม วังกับวัด เวลาเราสร้างวัดสร้างวากันนะ เราสร้างสิ่งที่ว่าวิจิตรพิสดารเพราะอะไร เพราะว่ามันสร้างมานะ มันอ่อนช้อยไง ศิลปวัฒนธรรมออกมาจากหัวใจ

เวลาเราเสพศิลปะกัน เห็นไหม เพื่อให้หัวใจนี่อ่อนโยน เวลาเด็กของเรา เราเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เด็กๆ หัวใจของมันจะอ่อนโยน ถ้าอ่อนโยนนะ มันไม่แข็งกระด้าง มันไม่ทำลายกัน เห็นไหม คนที่จิตใจแข็งกระด้าง คนที่ทิฐิมานะ เพราะอะไร เพราะหัวใจมันไม่ได้เสพศิลปะ

เวลาเราสร้างวัดสร้างวากัน นี่มันเป็นเรื่องของศิลปะ เป็นความฝึกฝนให้หัวใจเราอ่อนโยน ถ้าอ่อนโยนนะ คนอ่อนโยน คนเข้มแข็ง คนเป็นคนดีก็มี เป็นคนทำความผิดก็มี สิ่งนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจ ถ้าเป็นเรื่องของหัวใจนะ การสร้างอย่างนั้นมัน...เหมือนภาชนะ เวลาเราจะทานข้าวกัน ภาชนะ เห็นไหม ยิ่งชาววัง โอ้โฮ..วิจิตรพิสดารเลยนะ ต้องแกะสลัก ต้องเซรามิค ต้องสวยงามมาก

นี่ก็เหมือนกันนะ สิ่งนั้นมันเป็นเปลือกๆ ไง มันเป็นบรรจุภัณฑ์นะ มันเป็นหีบห่อของศาสนา เวลาหอไตรนะ ตัวหอไตรนะ พระไตรปิฎก เห็นไหม เรากราบไหว้กัน เวลาพระเจ้าตากฯ กู้ชาติขึ้นมา สิ่งนี้พม่าเผาหมดเลย ต้องเก็บหอมรอมริบกันมานะ เวลาพระของเราหนีเข้าป่ากัน แตกกระซานฉานซ่านเซ็นไปก็เอามา

ดูลังกาสิ ลังกาเวลาเป็นเมืองขึ้นของเขานี่ จนเหลือเณรองค์สุดท้ายนะ เวลาจะบวชพระ สยามวงศ์ก็เอาพระจากเรานี่ไปบวช เพราะบวชพระขึ้นมาต้องสงฆ์ยกเข้าหมู่ไง สงฆ์ต้องเป็นผู้ญัตติจตุตถกรรมขึ้นมาเป็นสงฆ์ เห็นไหม กว่าจะรวบรวมจัดเก็บข้อมูลได้

ศาสนธรรมคือคำสั่งสอนไง เวลาพระเรานี่มันก็เหมือนภาชนะอันหนึ่ง เพราะพระภิกษุเป็นผู้ดำรงศาสนา ถ้าดำรงศาสนาด้วยหัวใจ มันเหมือนกับภาชนะนั้นมันมีอาหารไง ความรู้สึกของใจนะ ละชั่วทำดี ละชั่วทำดีมาจากไหนล่ะ?

ละชั่วทำดีมันมาจากหัวใจ ละชั่วทำดีนะ สิ่งใดเกิดขึ้นมันเกิดขึ้นมาจากที่ไหนก่อนล่ะ เกิดขึ้นจากความคิด เกิดขึ้นจากความต้องการ เกิดขึ้นจากความสุขความทุกข์ในหัวใจ ถ้ายิ่งมีความทุกข์ เห็นไหม ถ้ามีความทุกข์ เรายิ่งเครียดนะ เรายิ่งหมักหมมนะ ย้ำคิดย้ำทำนะ ผลถึงที่สุดนะ มันถึงทำลายชีวิตตัวเองได้เลย เพราะมันทนไม่ไหว

แต่ถ้ามันมีการผ่อนคลายล่ะ เห็นไหม ความทุกข์เกิดที่ไหน เกิดที่ใจ ใจนี่มันตึงเครียดมาก พระพุทธเจ้าสอนให้ผ่อนคลาย เห็นไหม การเสียสละ การเปิดออก การกักเก็บไว้มันเป็นสิ่งที่ทำให้ของเสีย ถ้าเรามีการถ่ายเท

การถ่ายเทหรือการสละทาน มีเจตนา ความเจตนานะ ถ้ามันกักเก็บไว้ มันหมักหมมไว้ในหัวใจ มันจะมีแต่ของเน่าเสีย ถ้าการถ่ายเทออก การเจตนาออก การเสียสละออก เห็นไหม มีการฝึกฝนไง เริ่มต้นสละทานเป็นการฝึกฝน ฝึกฝนให้เราได้ฝึกหัด ให้เราได้ฝึกหัดนะ เสียสละออกไปสิ่งนั้น

เวลาในสมัยพุทธกาล ทุคตะเข็ญใจเขามีอาชีพไถนาของเขา สิ่งที่เขาไถนา เขารับจ้างไถนา สิ่งนี้เป็นความทุกข์ความจนของเขา แต่เวลาพระสารีบุตรออกมาจากสมาบัติ เห็นไหม อาหารที่มาพอดีนะ ถวายพระสารีบุตรไป พระสารีบุตรฉันอาหารนั้นเสร็จให้อนุโมทนา แล้วเวลาทุคตะเข็ญใจลงไปไถนา ก้อนดินกลายเป็นทองคำหมดเลย

นี่พูดไปบอกว่าเป็นบุคลาธิษฐาน มันเป็นความจริงนะ ความจริงมันเป็นอำนาจวาสนาของเขา เป็นการเสียสละของเขา ถ้าการเสียสละอย่างนี้ มันได้ผลตอบแทนอย่างนั้น แต่การเสียสละของเรามันฝึกฝนที่ใจ อริยทรัพย์มันสำคัญกว่าทองคำนะ ทองคำนี่ ใจนี่เป็นหนึ่ง ใจนี้เป็นเพชร ใจนี้เป็นทองคำ นี่เป็นการแสดงเปรียบเทียบทั้งนั้นล่ะ เพราะอะไร?

เพราะสิ่งที่เป็นวัตถุนะ มันเป็นวัตถุ มันไม่ใช่เป็นความรู้สึก เพราะวัตถุนี่มันย่อยสลายไปอีกสสารหนึ่งได้แต่มันย่อยสลายอีกภพหนึ่งไม่ได้ แต่หัวใจมันไปได้นะ หัวใจนี่ ดูสิ เวลาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เห็นไหม เวลาพระเจ้าสุวรรณสาม ที่ว่าเอาพ่อเอาแม่ไว้บ่าซ้าย หาบพ่อหาบแม่ไง ถ้าเอาพ่อเอาแม่ไว้นะ บ่าซ้ายและบ่าขวา ให้ขับถ่ายอยู่ในบ่าของเรา เราพยายามดูแลรักษา เห็นไหม เลี้ยงในภพชาตินี้นะ

แต่ถ้าเราเปิดตาพ่อเปิดตาแม่ได้นะ พาแม่ไปวัด พาแม่ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ เพราะอะไร เพราะสมบัติอันนี้แม่จะเอาจากหัวใจไป เพราะอะไร เพราะเจตนาไง เปิดออกมาจากหัวใจไง พอเปิดออกมาจากหัวใจ หัวใจมันเปิดมีเจตนาออก เห็นไหม การกระทำนั้นเกิดมาจากไหน เกิดมาจากใจ ใจเป็นคนกระทำ บุญนั้นมันเข้าอยู่ที่ใจ

เวลาเทวดามาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ “พระอินทร์มีไหม?”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “เธออย่าถามพระอินทร์มีหรือไม่มีนะ เหตุที่ให้เกิดพระอินทร์เรายังรู้เลย” เหตุให้เกิดเป็นพระอินทร์เพราะอะไร? เพราะได้ทำสาธารณะประโยชน์ เห็นไหม ได้ทำแหล่งน้ำ ได้ทำถนนได้ทำหนทางอย่างนี้ นี่เหตุให้เกิดพระอินทร์เพราะทำสาธารณะ

แต่ของเราจะทำของเราเองไง เรามีความตระหนี่ถี่เหนียว เราทำอะไรเพื่อเราๆๆ แต่ผู้เป็นหัวหน้าเพราะอะไร เพราะเกิดเป็นเทวดา ทำเพื่อเราเราก็ไปเกิดเป็นบุญกุศล เราทำของเราดีก็ไปเกิดเป็นของเรา เราก็เป็นผู้ใต้ปกครองของเขา แต่ผู้ที่เขาเสียสละกับสาธารณะให้กับผู้อื่น เวลาเขาไปเกิดเป็นเทวดา เขาไปเกิดเป็นปกครองเรา เพราะเขาเสียสละออกมาให้บุคคลอื่นไง การเสียสละอย่างนี้มันเข้ามาที่ใจ

ถ้าเปิดตาพ่อเปิดตาแม่คือเปิดตาหัวใจนะ ไม่ใช่เปิดตาเนื้อหรอก ตาเปลือกอย่างนี้ไปให้หมอก็เปิดได้ แต่ตาของใจไง ทิฐิมานะ เห็นไหม ห่วงมาก พ่อแม่นี่ห่วงลูกมาก อยากให้ลูกเจริญรุ่งเรือง อยากให้ลูกมีความสุข แล้วก็อยากให้ทำธุรกิจ อยากให้ทำแต่การงาน แต่เวลาลูกเครียด ลูกมีความทุกข์ ลูกทุกข์ทำไมไม่เข้าใจล่ะ?

แต่ถ้าลูกมีความสุขในหัวใจนะ มีศึกษาเข้ามา มีความเข้าใจในหัวใจ จิตใจผ่อนคลาย จิตใจมีความสุขในหัวใจ แล้วก็พาพ่อพาแม่มาเพราะอะไร เพราะทองกับเพชรมันเป็นวัตถุ มันอยู่ในโลกนี้ มันไปไหนไม่ได้หรอก แต่เวลาเราตายไป บุญกุศลนะมันไปกับเรา มันไปกับจิตดวงนี้ จิตดวงนี้มันพัฒนาไป มันไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม นั่นมันเป็นเรื่องการหมุนเวียนในวัฏฏะ ในเรื่องของบุญกุศล

แต่ถ้าเราออกประพฤติปฏิบัติจนมันเป็นอริยทรัพย์ขึ้นมานะ มันยิ่งประเสริฐกว่านี้อีก ในภาชนะนั้นนะ ในภาชนะ ในถาดสำรับอาหาร ถ้ามันมีอาหารไง คือมีศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในร่างกายของเรานี่มันมีหัวใจมีความรู้สึก ถ้าความรู้สึกนี้ เห็นไหม เวลาเราไปเห็นภาชนะมันจะสวยงามขนาดไหน แต่มันว่างเปล่านะ ไม่มีอาหารเลย

เราสร้างวัดสร้างวากัน ข้อวัตรปฏิบัติเราไม่สนใจเลย วัตรปฏิบัติคืออะไร กวาดลานเจดีย์ สร้างมาแล้วนี่เราต้องมีดูแลรักษา กิจของสงฆ์ ๑๐ อย่าง เห็นไหม กิจของสงฆ์ ๑๐ อย่างนี่นะ ในศาลาโรงธรรม ในโบสถ์ ในอาวาส เราต้องรักษา เราต้องทำความสะอาด นี่กิจของสงฆ์ ต้องกวาดลานเจดีย์ กิจของสงฆ์ทั้งนั้นนะ กิจของสงฆ์นี่กิจของที่นั่น

แล้วเวลาภาวนานะ เวลากิจย้อนกลับมาที่ใจ กวาดที่ไหน กวาดในหัวใจไง กวาดเศษขยะ กวาดความทุกข์ กวาดความยึดมั่นถือมั่นในหัวใจ ต้องใช้สติใช้สัมปชัญญะเข้ามากวาดจากภายใน เห็นไหม ข้อวัตรภายนอกมันจะย้อนกลับมาข้อวัตรภายใน

ถ้าข้อวัตรภายนอกมันดี ข้อวัตรภายในมันจะดีนะ เพราะอะไร เพราะคนมันจงใจไง เวลาเราทำงาน เห็นไหม ดูสิเราเวลาประกอบธุรกิจขึ้นมา ถ้ามันมีกำไรขึ้นมา มันมีผลประโยชน์ขึ้นมา โอ้โฮ..ชื่นใจมาก จะรีบขวนขวายทำเลย นี่ก็เหมือนกัน ถ้าหัวใจมันแช่มชื่นในธรรมไง มันเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม กิจ ๑๐ อย่างของสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รักษาสิ่งนี้นะ

พอมันรักษาออกไป เห็นไหม ลานที่มันสกปรกนะ ใบไม้เต็มเลย พอเรากวาดสะอาดหมด เราดีใจไหม? มันมีความสุขใจนะ เราได้ดูแลของสงฆ์นะ เทวดา อินทร์ พรหมเขาอนุโมทนาไปกับเรา ถ้าหัวใจมันกวาดแล้วมันมีความสุข เวลาเราเข้าไปในกุฏิ เราจะนั่งภาวนา เห็นไหม หัวใจมันก็มีความสุข เพราะอะไร เพราะมันเริ่มต้นมาดีไง

ในปัจจุบันนี้หัวใจมันพร้อมอยู่แล้ว มันเข้าไปดีนะ แต่เวลาของนั้นสกปรกหมักหมม ในวัดวาอารามสิ่งระเกะระกะเต็มไปหมดเลย มีแต่ความสกปรก เห็นไหม แล้วเราก็หลีกทางหน่อยหนึ่ง จะไปในกุฏิจะไปนั่งภาวนานะ มันก็ไปนั่งเศร้าหมองไง จิตก็ไปนั่งเศร้าหมองอยู่ในกุฏินั้นนะ เห็นไหม นั่งเศร้าหมอง สิ่งนั้นมันสกปรก สิ่งนั้นมันไม่สวยไม่งาม มันไม่รื่นเริงอาจหาญไง

ถ้ามันรื่นเริงอาจหาญ เราทำความสะอาดจากภายนอกเข้ามา แล้วมันจะทำสะอาดจากภายในเข้ามา ภาชนะมันมีอาหาร ร่างกายมีจิตใจ ถ้าจิตใจทำคุณงามความดี เห็นไหม ละชั่ว ทำดี นี่ของง่ายๆ เลย แต่ทำยากมาก ทำยากมากเพราะอะไร เพราะเราไม่รู้อะไรดีแท้อะไรดีเทียมไง

เรื่องดีเทียมๆ เห็นไหม เริ่มแต่สละทาน แม้แต่การมาสละทานนะ เรามาทำบุญกุศลนี่แสนยากเลย กว่าจะมาได้ กว่าจะคิดนะ กว่าจะวางแผนนะ แล้วก็ไปนี่แสนทุกข์แสนยากเลยนะ สิ่งนี้ว่าทำยากนะ แล้วเวลาพระออกบิณฑบาตนะ การดำรงชีวิต ข้าวเปล่าๆ ก็ฉันได้ อะไรก็ได้ทั้งนั้น เพื่ออะไรล่ะ? ดำรงชีวิตไว้เพื่อความสงบสงัดไง เห็นไหม นี่ความเพียรชอบ

สิ่งที่ได้บิณฑบาตมา เห็นไหม กิเลสมันกินก่อนนะ อันนั้นดี อันนั้นไม่ดี “ภิกษุ! ก่อนฉันอาหารไม่ได้ปัจจเวกขณะ ไม่ได้พิจารณาอาหารก่อนฉันนี่เป็นอาบัติทุกกฏ”

เพราะอะไร เพราะกิเลสมันอยู่ในหัวใจใช่ไหม? ตามันกระทบ เห็นไหม อันนั้นดี หมายตาไว้เลยนะ เดี๋ยวต้องฉันอันนี้ก่อน นี่กิเลสมันกินก่อนนะ เรายังไม่ได้อาหารใส่ปากเลย กิเลสมันกินไปแล้ว แล้วถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ พิจารณาให้เห็นโทษไง

“การดำรงชีวิตนี้เหมือนหยอดล้อเกวียน” เกวียนเวลามันหมุนไป เสียงมันดังออดแอด เอาน้ำมันหยอดไว้เพื่อให้มันหล่อลื่นไป ชีวิตนี้ ถ้าอาหารที่เป็นสัปปายะ ฉันสิ่งใดแล้วนั่งไม่โงกง่วง ฉันสิ่งใดแล้วการปฏิบัติมันรื่นเริงอาจหาญ ฉันอะไรนี่ให้กิเลสมันกินก่อนนะ ต้องเอาอย่างนั้น ต้องเอาอย่างนั้นนะ พอฉันเสร็จแล้วนะ พุงป่องเลยนะ แล้วพอไปนั่งนะก็สัปหงก ตกภวังค์นะ

กิเลสมันกินก่อน แล้วเรายังไม่ได้กินเลย เห็นไหม นี่อาหารในภาชนะนั่นไง ธรรมในหัวใจไง ถ้าธรรมในหัวใจ มันมีสติสัมปชัญญะ รสชาติ เห็นไหม รสคือรส ความกระทบนะ อายตนะถึงอายตนะ แต่ที่เป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์ เห็นไหม เวลาปัจจเวกขณะ ปัญญามันจะเกิดอย่างนี้ไง มันเป็นขณะปฏิบัติ แม้แต่เริ่มก่อนจะฉันอาหาร เราก็ได้ข่มขี่กิเลสไว้ก่อน

กวาดขยะ กวาดให้มันโล่ง กวาดให้มันเตียน กวาดให้มันมีความสะดวกสบายกับการประพฤติปฏิบัติ แล้วเราไปนั่งประพฤติปฏิบัติมันจะสะดวกไหม? แต่ถ้าเราไม่ได้กวาดเลย หมักหมมจากภายนอกมา แล้วนี่ก็ทับถมมันเข้าไป แล้วเวลาจะไปนั่งก็ไปนั่ง โอ๊ย ฉันจะภาวนา ฉันจะเอาอริยทรัพย์ ทรัพย์จากภายในไง โยมอุตส่าห์มาถวายอาหาร มาจากที่ต่างไกล มาก็มีความลำบาก แล้วเราได้ฉันอาหารแล้ว เราจะปฏิบัตินะ มันไปกดถ่วง เห็นไหม

แต่ถ้ามันเป็นประโยชน์ ผู้ที่ประพฤติปฏิบัตินะ มันต้องเอาชนะใจของเราเอง คฤหัสถ์ผู้ที่มาสละทาน เห็นไหม นี่เป็นวัตถุ เปิดเจตนา เปิดให้ความสุขบุญกุศลเข้าหัวใจ เปิดอย่างนี้มันเป็นธรรม ธรรมออกมาโดยกิริยาภายนอก เวลาพระปฏิบัติเข้ามามันโดยกิริยาภายใน ความสะอาดจากภายนอก ความสะอาดจากภายใน

ถ้าความสะอาดจากภายใน มันยิ่งยับยั้งมันเป็นนามธรรม มันยิ่งยับยั้งยากใหญ่เลยเพราะอะไร เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน จะไปจับตรงไหน จะตั้งสติอย่างไร ถ้าไม่ได้ฝึกไว้ก่อนนะ เหมือนนักกีฬาเลย เห็นเขาเล่นกีฬากันนะ โอ้ฮูย.. สอนเขาได้หมดเลยนะ เวลาลงไปแข่งขันนะ แพ้ทุกทีเลยละเพราะทำไม่เป็น ทำไม่ได้หรอก เพราะไม่ได้ฝึกฝน ไม่มีประสบการณ์ เวลาแข่งกีฬาเข้าไป กว่าจะเป็นแชมป์ได้มันต้องมีคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้เขามีเทคนิคของเขา เขาผ่านประสบการณ์ของเขา เขานิ่งกว่าเรา เราเข้าไปนะ ตื่นเต้นไปหมดเลยเพราะเราไม่เคยทำ

นี่ก็เหมือนกัน กิริยาภายใน สิ่งที่เป็นความสกปรกภายใน สิ่งที่จะยับยั้งจากภายใน ถ้าภายในนะมันเป็นนามธรรม เราถึงต้องมีรักษาสิ่งนี้ไง เห็นไหม ทำดี ละชั่ว ดีดีจากที่ไหน ถ้าเราไม่รู้จักดี เราก็เริ่มต้นจากดีไม่ถูก ถ้ารู้จักดี เห็นไหม เริ่มต้นจากดี มีศรัทธาความเชื่อ ดีจากตัวเราไง

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดนี่เป็นอริยทรัพย์ เราเกิดมาแล้วเรามีโอกาส ถึงจะทุกข์ยาก ทุกข์จนเข็ญใจ ถึงจะประพฤติปฏิบัติมันจะยากขนาดไหน เราก็มีโอกาสกว่าคนอื่นนะ คำว่ามีโอกาส คนอื่นเขาไม่มีโอกาสเพราะเขาเผลอ เขาไม่รู้สึกตัวเลย เห็นไหม

เห็นเวลาสัตว์เขาเอาไปโรงฆ่าไหม เวลาสัตว์เขาเอาไปโรงฆ่านะ มันไม่รู้สึกตัวมันเลย เขาเอาสีปูนแดงขีดไว้เลยนะ ให้ฆ่าตัวนี้ก่อน ฆ่าตัวนี้ก่อน มันยังนอนไปเพราะมันไม่รู้สึกตัว จิตของคนที่ไม่เข้าใจตัวเอง มนุษย์ที่ไม่เข้าใจถึงเรื่องบุญกุศล ไม่เข้าใจเรื่องของหัวใจของเรา มันก็เหมือนสัตว์อย่างนั้นนะ มันใช้ชีวิตไปวันหนึ่งๆ มันไม่เข้าใจชีวิตของมันเลยนะ ว่าชีวิตของมันนะ มันจะเข้าโรงฆ่า คือมัจจุราชจะเอาเราไป มันยังไม่เข้าใจตัวมันเองเลย มันยังไม่สนใจเลย มันน่าสลดสังเวชไหม? มันน่าสงสารเขาไหม?

ถ้าเราสงสารเขา แต่เขากลับสงสารเรานะ เพราะอะไร เพราะคนเข้าวัดมีเท่าไหร่ หยิบมือเดียว แล้วคนที่ประพฤติปฏิบัติมีเท่าไหร่ เห็นไหม ศาสนาเสื่อมๆ ตรงนี้ไง เสื่อมตรงหัวใจของสัตว์โลกมันไม่สนใจ ทั้งๆ ที่เป็นชาวพุทธ มันว่าเป็นชาวพุทธๆ แต่มันไม่รู้จักเลยสิ่งใดเป็นความดี ดีที่ประเสริฐ สิ่งใดเป็นความดี ดีจริงไง ดีจริงของเรา

ถ้าดีจริงของเรา เอาอำนาจของเราไว้ในหัวใจของเรา ลองปฏิบัติเถอะ ถ้าเราปฏิบัติขึ้นมาได้นะ เป็นสมาธิเราก็เป็นของเราเอง เวลาปัญญาก็เกิดขึ้นของเราเอง แล้วเราจะไปสนใจใคร พระไม่ต้องสอนเราหรอก มนุษย์เรานี่ คฤหัสถ์นี่ดีกว่าพระอีกถ้าเราปฏิบัติได้ เพราะเป็นพระในหัวใจ เพราะเป็นพระจากใจของเรา ถ้าใจเราเป็นพระขึ้นมา พระจะสอนอะไรเรา เพราะเราเป็นพระอยู่แล้ว เพราะอะไร เป็นผู้ประเสริฐไง ใจเราประเสริฐอยู่แล้วมันจะเข้าใจของเราเอง

สมบัติอย่างนี้มีทุกคนไง นี่ศาสนาเจริญ ทำดี ละชั่ว ดีอยู่ที่ไหน เราก็ดูกันไปนะ ดีตำแหน่งหน้าที่การงาน ดีตรงนั้น ถ้าตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นอำนาจวาสนา ถ้ามันได้มาแล้ว เราเป็นคนดี บริหารจัดการที่ดี สังคมมีความสุข อันนั้นก็เป็นบุญกุศล อันนั้นเป็นสิ่งที่ดี

สิ่งต่างๆ นี่มันเป็นสมบัติกลาง มันมีแต่ว่าใจนี่เข้าไปบริหาร ใจนี่ดีหรือเลว เลวก็บริหารไปประสาเลวๆ ถ้าดีก็บริหารประสาดีๆ แล้วถ้ามันดีขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ อันนั้นเป็นเรื่องของสมบัติภายนอก สมบัติภายในของเราก็อยู่ที่จิตใจของเรา

การบริหารนี่มันแบบว่าโลกียปัญญา ปัญญาที่บริหารจัดการทางโลกเขา แล้วปัญญาบริหารจัดการโลกุตตรธรรม มันจะย้อนกลับมาในหัวใจของเรา มันจะเกิดได้ต่อเมื่อคนนั้นมีสติสัมปชัญญะ คนนั้นเห็นคุณค่าของชีวิต คนนั้นเห็นคุณค่าของใจ คนนั้นเห็นคุณค่าของธรรม คนนั้นกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะประพฤติปฏิบัติธรรมแล้วมันสัมผัสธรรม มันจะมีความสุขขึ้นมา แล้วมันจะซึ้งใจมากว่าเราเกิดเป็นชาวพุทธนี่มีอำนาจวาสนามาก เอวัง