เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓ ก.ย. ๒๕๔๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

“กุสลาธรรมา อกุสลาธรรมา” เห็นไหม พวกเราทำมา เราทำของเรามา เราถึงได้สภาวะแบบนี้ เราได้สภาวะแบบนี้ นี่เป็นบุญกุศลนะ แต่ถ้าเรามองไปทางโลก คนเขาไม่ได้ทำบุญเหมือนเราเลย เขาอยู่ไปประสาของเขา ทำไมเขามั่งมีศรีสุข เราไปมองว่าเขามั่งมีศรีสุข นั่นนะเขาทำของเขามา ถ้าเขาไม่ทำของเขามา จะเป็นสภาวะแบบนั้นไม่ได้ แต่เวลาเขาทำของเขามา มันเป็นอดีตมา

แล้วในปัจจุบันนี้ ดูสิเวลาคนเกิดมา จะสูงจะต่ำขนาดไหนแล้วแต่ มันมีบารมีนะ คนที่มีฐานะแต่คนไม่เชื่อถือก็มี คนที่มีฐานะคนเชื่อถือก็มี คนทุกข์คนจนคนเชื่อถือศรัทธาก็มี คนไม่เชื่อถือศรัทธาก็มี นี่บุญกุศลสร้างมาแบบนี้

ดูสิเวลาเราทำงานกัน พอสิ้นเดือนเรารับเงินเดือนกันมา บางคนใช้ไม่พอใช้นะ บางคนใช้เหลือ เห็นไหม เพราะอะไร เพราะรู้จักประหยัด ในปัจจุบันนี้มันดีหรือไม่ดีไง รับเงินเดือนเท่ากัน เพราะอะไร เพราะว่าทำงานหน้าที่การงานเสมอกัน รับเงินเดือนไม่เท่ากันแต่เรารู้จักใช้จ่าย เรารู้จักประหยัด เห็นไหม มีธรรมะ ธรรมะในหัวใจในปัจจุบันนี้ไง

แล้วในปัจจุบันที่มี นี่สุคโต ถ้าปัจจุบันสุคโต อนาคตนี่ไปดีแน่นอน แต่ถ้าปัจจุบันมันทุกข์มันยาก แล้วพอมันทุกข์มันยาก มันทุกข์มันยากมาจากไหน มันทุกข์มันยากมาจากการกระทำของเรานะ ดูสิเราเกิดมาเป็นมนุษย์ การกระทำของเราเป็นประสาโลกๆ นะ แล้วเวลาเราออกประพฤติปฏิบัติ เวลาประพฤติปฏิบัติมันเข็นครกขึ้นภูเขานะ คนที่ปฏิบัติง่ายก็มี คนที่ปฏิบัติยากก็มี แล้วพอปฏิบัติแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จแล้วนะ ดูพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล ดูพระสีวลีสิ ลาภมหาศาลเลย

พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลบางองค์ ดูอย่างพระอัญญาโกณฑัญญะเราสิ พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นสงฆ์องค์แรกของโลกนะ นี่สังฆะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นพระสงฆ์องค์แรกของโลก เอาหลานบวชได้องค์เดียว แต่หลานก็เป็นเอตทัคคะด้วย แต่พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่ในป่าตลอดชีวิตเลย นี่เป็นพระอรหันต์ แต่อยู่กับสัตว์ อยู่กับป่าตลอดไป เห็นไหม นี่อำนาจวาสนา

พระสารีบุตร เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา ภิกษุที่มีกิเลสเต็มหัวใจ บอกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ลำเอียง ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ลำเอียงนะ ต้องตั้งพระอัญญาโกณฑัญญะหรือตั้งปัญจวัคคีย์องค์ใดองค์หนึ่งเป็นอัครสาวกข้างขวาเพราะอะไร เพราะบวชครั้งแรก ๕ องค์ เอหิภิกขุนี่ ๕ องค์ต้องตั้งองค์ที่เป็นมา เห็นไหม นี่เรามองในภาพปัจจุบันไง

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่พูดถึงเป็นธรรม เป็นธรรมเพราะอะไร เพราะอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เขาทำของเขามา พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะนี่ ในสมัยอดีต เห็นไหม เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เห็นความเป็นไป นี่ปรารถนาจะเป็น แล้วก็สร้างบุญญาธิการมา มันสร้างมาอย่างนั้น มันทำมาอย่างนั้น นี่ “กุสลาธรรมา อกุสลาธรรมา” เราทำของเรามา

แล้วในปัจจุบันนี้ ถ้าเรามีจุดยืนของเรา ดูสิ ดูสิ่งเร้าในโลกสิ สิ่งเร้าในโลกมันจะดึงเราออกไปตลอดเวลา แม้การกระทบจากภายนอกนะ การกระทบจากภายนอก รูป รส กลิ่น เสียง เห็นไหม ดูสังคมเขาเป็นไป แล้วเราก็สู้เขาไม่ได้ เพราะอะไร เราชนส่วนน้อยไง ประชาชนส่วนน้อย เห็นไหม คนไปวัดไปวา คนถือศีลธรรมมีส่วนน้อย แต่สังคมจะอยู่ได้ ถ้าสังคมทุกสังคมต้องมีคนดีในสังคมนั้น ถ้าสังคมนั้นไม่มีคนดีเลย สังคมนั้นอยู่ได้อย่างไร?

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราเป็นคนดีของเรานะ คนดีของเรา ดูสิ เราไปตามถนนหนทาง เห็นไหม เรามองไปสังคมสิ เราเห็นสังคมเขาทำกัน เขาเบียดเบียนกันได้อย่างไร? เขารังแกกันได้อย่างไร? เขาคิดทำอย่างนั้นได้อย่างไร?

คนดีมันเห็นแล้วมันสลดสังเวชไง แต่คนกระทำอยู่มันไม่รู้ตัวเลยนะ มันบอกมันทำอย่างนั้นเป็นความดีของเขา เห็นไหม คนที่ทำอย่างนั้น คนที่หยาบอย่างนั้น เขาทำของเขาอย่างนั้น นี่สังคมเป็นสภาวะแบบนั้น แต่เราเป็นคนดี เราเป็นคนดีของเรา เรามองสังคมอีกอย่างหนึ่ง เราทำของเราอีกอย่างหนึ่ง เราถึงมีหัวใจไง

การไปทำบุญกุศลนี่มันทำเพื่อใคร ก็ทำเพื่อใจเรานะ ทำเพื่อใจ เวลาทำบาปอกุศล เห็นไหม กิเลสมันทำให้เขาดิ้นรน เขาต้องการแสวงหาของเขา เขาหาของเขาเป็นสมบัติของเขา เขาว่าสมบัติของเขานะ เขาว่าๆ แต่ไม่เป็นความจริงเลย เพราะถ้าเขาตายเดี๋ยวนั้น สมบัติก็เป็นมรดกของโลก เป็นสมบัติของโลก ไม่ใช่ของเขาเลย เวลาจิตนี้ตายไป จิตมันสร้างบุญสร้างกรรมมา กรรมนั้นติดตัวไป

นี่ก็เหมือนกัน เราทำบุญนะ ความดีของเรา ทำเพื่อใครๆ ก็ทำเพื่อเรานี่ เราทำเพื่อเรา สิ่งที่เป็นเรื่องของโลกๆ สมบัติหรือเรื่องแร่ธาตุต่างๆ มันจะอยู่ในโลกนี้ แล้วมันจะไม่มีประโยชน์เลย ดูสิ ดูอย่างพวกแร่ธาตุต่างๆ มันอยู่ของมันตามประสาของมัน เห็นไหม ดูเราไปซื้อพลังงาน ไปซื้อน้ำมันดิบ ซื้อเขามาใช้ เราก็ไปซื้อของเขามา เอาของเขามาใช้ ใช้ไปเพราะเราต้องมีเงินทุน มีเงินมีทองไปซื้อเขามา นี่ก็เหมือนกัน เราไปซื้อเขามา มีคนบริหารจัดการไง แร่ธาตุต่างๆ มันอยู่ธรรมชาติของมัน ไม่มีใครบริหารจัดการมัน มันก็อยู่ของมันสภาวะแบบนั้น

แต่เพราะเจตนาของเรา จิตของเรามันอยากทำบุญกุศล มันแสวงหามันมา แล้วมันเอาสิ่งนี้ออกมาเป็นเครื่องแสดงออกของน้ำใจ เครื่องแสดงออกของใจดวงนั้น ใจดวงนั้นทำคุณงามความดี กรรมดี ทำบุญกุศล บุญกุศลจะตกลงที่ไหน ตกลงที่ใจ เพราะใจเป็นคนเริ่มต้นความคิด ใจเป็นคนกระทำ

“กุสลาธรรมา” เขาทำของเขามาอย่างนี้ เขาจะทำของเขามา ในปัจจุบันเขาโดนสิ่งเร้าขนาดไหน เขาคิดความชั่วของเขา เขาคิดเบียดเบียนของเขา นี่มันเรื่องของเขา แต่เขามีโอกาสของเขาเพราะสิ่งนั้นเขาทำมา

ในหัวใจของเรา เห็นไหม เรื่องกระแสจากภายนอก สิ่งเร้าจากภายใน เห็นไหม เวลากิเลสของมัน ทุกคนต้องอยากสะดวกอยากสบาย ดูการประพฤติปฏิบัติสิ เวลาประพฤติปฏิบัติเพราะอะไร เพราะเราเชื่อนะ เราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกนะ “วิมุตติสุข” สุขที่ไม่ต้องอาศัยใคร ไม่ต้องแอบอิงใคร สุขที่ไม่ต้องอาศัยเลย สุขที่ไม่ต้องอาศัยอารมณ์ความคิด สุขที่ไม่ต้องเอาสิ่งเร้าในหัวใจมาเร่งเร้ามัน มันสุขโดยตัวมันเอง แต่มันต้องผ่านขันธ์ ๕ ผ่านปัญญา ผ่านความรู้สึกอันนี้เข้าไป

ถ้าเราผ่านขันธ์ ๕ ผ่านปัญญาเข้าไป ผ่านสัญญาเข้าไป มันจะเป็นความสงบ มันไม่สงบเพราะอะไร เพราะมันฟุ้งซ่าน ฟุ้งซ่านมาจากไหน อาการของใจไม่ใช่ใจ เรามานั่งกันอยู่นี่ เราใส่เสื้อผ้าอย่างไร เราใส่อาภรณ์อย่างไร ทำไมภิกษุนั่งอยู่บนอาสน์สงฆ์นี่เรียกพระล่ะ ทำไมเรานั่งอยู่หน้าทำไมเรียกโยมล่ะ นี่เพราะอะไร?

เพราะสิ่งนี้อาการของใจ เครื่องแสดงออกจากภายนอก สมมุติสงฆ์ เห็นไหม บวชกับอุปัชฌาย์มา อุปัชฌาย์ยกขึ้นในหมู่สงฆ์ นี่ห่มผ้าเหลืองก็เป็นพระ เราไม่ได้บวช เรานุ่งขาวห่มขาวนี่ก็เป็นชีพราหมณ์ เวลาเราอยู่ในเพศฆราวาส เราก็เป็นฆราวาส เห็นไหม นี่อาการของใจ สิ่งที่มันไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นอาภรณ์ของร่างกายเรา เราใส่ปัจจัยเครื่องอาศัย

อารมณ์ ความรู้สึก ขันธ์ ๕ ก็เหมือนกัน มันไม่ใช่ใจ มันเป็นอาการของใจ เห็นไหม สัญญา เดี๋ยวจำได้ เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวคิดได้ เดี๋ยวก็ลืม ปัญญาเดี๋ยวคิดดีเดี๋ยวคิดชั่ว เห็นไหม สิ่งนี้ได้ใหม่ๆ โอ้โฮ..สุขมาก พอใจมาก พอมันเบื่อนะ มันอยากผลักไสนะ แต่เวลามันรักมันหลงของมัน โอ้โฮ..สิ่งนี้ประเสริฐขึ้นเลย นี่อาการของใจ อย่างนี้ทำไมฟุ้งซ่าน นี่สิ่งเร้าจากภายนอก

“สิ่งเร้าจากภายนอก” กระแสสังคม กระแสความติฉินนิทา โลกธรรม ๘ จะทำให้เราทำความดีได้ยาก สังคมจะเป็นอย่างนั้นๆ นะ เพราะอะไร เพราะมันจะเสื่อมไปข้างหน้า ทรัพยากรหมดไปๆ เพราะอะไร เพราะคนใช้สอยมันมาก คนใช้สอยทรัพยากรมากมันก็ดึงสิ่งนั้นไปใช้

แต่ที่ผู้จรรโลง ดูสิ ดูอย่างในหลวง ท่านพยายามสร้างของท่าน พยายามเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้คนมีอยู่มีกิน สิ่งที่เป็นหลักของสังคม สิ่งที่เป็นคนดีก็จะจรรโลงสังคม คนที่มันแสวงหา มันเอาผลเอาประโยชน์ของมัน มันก็ลักเอาเปรียบของมันไป นั่นประสาของมัน

แต่ถ้าเราทำโดยยั่งยืนของเรา เราก็ทำตามหน้าที่เรา เราทำธุรกิจของเรา แต่เพราะเราทำเพื่อให้มันถูกต้องตามศีลธรรมจริยธรรม แล้วมันได้มาโดยธรรม เห็นไหม อันนี้มันเป็นปกติของการเกิดมามีหน้าที่การงานของเรา อันนี้เป็นชาวพุทธที่เกาะศีลเกาะธรรมไว้

แล้วสิ่งเร้าจากภายนอก สิ่งเร้าจากภายในนะ แต่หัวใจมันต้องการสะดวกของมัน มันต้องการทำของมัน มันต้องการได้ผลของมัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าอย่างนั้น มันคาดหมายไปหมดเลย สิ่งเร้าด้วย แล้วพลิกกลับมาเป็นศัตรูกับการปฏิบัติไง

เวลาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นแผนที่เครื่องดำเนิน เวลาอ่าน เวลาดำเนินแล้ว เวลาจะปฏิบัติต้องวางไว้ ต้องให้เป็นความจริงไง ถ้าแผนที่นะ พิกัดก็ต่างกัน เพราะพิกัดเท่าไหร่นะ แผนที่เล็กหรือใหญ่ขนาดนั้น พิกัดของเขา

แต่ในพื้นที่ความเป็นจริงเป็นอย่างไร พื้นที่ความเป็นจริงในหัวใจเป็นอย่างไร ความคิดเป็นอย่างไร กว่าจะเอาศัพท์ เห็นไหม รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เวทนาเป็นอย่างไร ความรู้สึกเป็นอย่างไร กว่าจะรู้จักศัพท์ กว่าจะเป็นพิกัดเอาเข้าไปในแผนที่นั้น ไอ้นี่มันก็เป็นความสับสน เป็นความยุ่งยากพอสมควรอยู่แล้ว แล้วเราก็ยังไปเอาสิ่งนั้นมาทำลายเราอีก ว่าธรรมจะเป็นสภาวะแบบนั้น สภาวะแบบนั้น..

ถึงต้องวางไว้ไง วางเอาไว้ พิกัดนี่นะมันเป็นสูตรสำเร็จ มันเป็นสัดส่วนแน่นอน แต่เวลาประพฤติปฏิบัติไม่เป็นอย่างนั้นเลย ดูสิ ดูลูกเรานะ ลูกเรากี่คน นิสัยเหมือนกันไหม เราหาวัตถุอันหนึ่ง ของเล่นอันหนึ่งให้ลูกเราเล่นกัน มันชอบเหมือนกันไหม บางคนก็ชอบอย่างนี้ บางคนก็ชอบอย่างนั้น มันจะแย่งกันสิ่งที่มันพอใจ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาปฏิบัติไปต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนั้น...ไม่เป็น! เพราะอะไร เพราะมันอยู่ที่จริตนิสัย อยู่ที่สติ วันนี้สติดี วันนี้มีอารมณ์ความรู้สึกดี นั่งภาวนาไปจะภาวนาง่าย วันนี้มีส่วนกระทบมารุนแรง วันนี้มีคนติฉินนินทามามาก เวลานั่งไปจิตมันจะฟุ้งซ่านมาก เห็นไหม มันไม่มีสูตรสำเร็จ มันเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ประสบการณ์ ชำนาญในวสี ชำนาญในการกระทำนะ นี่สิ่งเร้าจากภายใน

สิ่งเร้าจากภายในมันทำให้เราเข้ามาถึงการประพฤติปฏิบัติ มันก็แสนยากอยู่แล้ว แล้วปฏิบัติไป มันยังเป็นจริต เป็นนิสัย เป็นกิเลสนะ เป็นอวิชชา เป็นความเห็นผิดของใจ มันจะต่อต้าน เอาธรรมะนี่มาหลอกลวง ว่าเป็นสภาวะแบบนั้น สวมไง เป็นกรอบสำเร็จสวมไปที่ใจ แล้วมันไม่ใช่!

เพราะว่ามันเป็นการคัดลอกไง มันไม่เป็นความจริง มันไปคัดลอกมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไม่ทำของเราขึ้นมาเอง เราไม่สามารถคำนวณได้ คำนวณขึ้นมาจะเป็นสมบัติของเรา ถ้าคำนวณได้ สรุป จบ จบก็เป็นความสงบ เห็นไหม ความสงบของใจเข้ามาเรื่อยบ่อยครั้งเข้าๆ เป็นเอกัคคตารมณ์ เป็นจิตตั้งมั่น

จิตตั้งมั่นนี่ “กุสลาธรรมา” ทำได้แค่ไหนก็รู้แค่นั้น เห็นไหม พอทำขึ้นไป ปัญญามันจะเกิด มันจะเข้าไปทำลายของมัน นี่วิมุตติสุข ที่ว่าสุขที่ไม่อิงใครเลย เห็นไหม ไม่อิงสิ่งเร้าในหัวใจ ไม่อิงความรู้สึกไง ไม่อิงความรู้สึกในหัวใจ เพราะความรู้สึกนี่เป็นอาการของใจไม่ใช่ใจ แล้วตัวใจ ตัวความรู้สึก ความเป็นธาตุ เป็นภวาสวะของมัน เข้าไปทำลายตรงนั้น ถ้าตรงนั้น มันพ้นจากตรงนั้นไป นี่วิมุตติสุข

เกิดจากไม่ต้องอาศัยแอบอิงสิ่งใด ไม่ต้องสิ่งใดๆ เลย เห็นไหม เทวดา อินทร์ พรหม เวลาเป็นเทวดาเขากินอาหารอะไร วิญญาณาหาร เวลาเป็นพรหมกินอะไร ผัสสาหาร ขนาดร่างกายเป็นทิพย์ ไม่มีร่างกายเลยมันยังเป็นผัสสาหาร วิญญาณาหาร แล้วเวลาเป็นมนุษย์ขึ้นมา เวลาวิญญาณาหาร อารมณ์ที่มันเร่งเร้า สิ่งเร้าในหัวใจนี่ก็หลงมัน

แล้วไม่ใช่มันเป็นเทพนะ เทพ เห็นไหม เทวดาเป็นเทพ เทวดาเป็นมาร ถ้าเป็นอารมณ์แต่เป็นมาร มารก็ดึงไป ธรรมะไง เป็นธรรมๆๆ มันดึงไปนะ เสียเวลานะ นี่สุคโต ในปัจจุบันโดนหลอก แล้วพรุ่งนี้จะดีได้อย่างไร ในปัจจุบันไม่เป็นสุคโต ในปัจจุบันโดนหลอก มันอยู่ในความหลง แล้วมันจะเป็นความจริงไปได้อย่างไร มันเป็นความจริงไปไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่าผัสสาหาร วิญญาณาหารในหัวใจมันหนุนออกไป

แต่ถ้าทำความสงบเข้ามา เราปล่อยอย่างนี้เข้ามาหมดเลย ปล่อยผัสสาหาร ปล่อยวิญญาณาหาร มันเป็นความสุขสงบของมัน มันปล่อยวางตัวมันเองได้ ขณะที่ความสงบ ที่ว่าจิตสงบ จิตกับกายนี่แยกออกจากกันโดยธรรมชาติได้ ธรรมชาติด้วยพลังของสมาธิ ไม่ได้เป็นธรรมะเลย ถ้าเป็นธรรมะขึ้นมา มันใช้วิปัสสนาญาณของมันเข้าไป มันใคร่ครวญเข้าไป ใคร่ครวญนะ เหมือนเราว่ายน้ำเป็น เราลงน้ำเมื่อไหร่ เราตกน้ำ เราลงน้ำ เราเล่นน้ำอะไรก็แล้วแต่ เราจะประคองตัวเราได้

จิตถ้ามันทำลายกิเลสแล้วนะ มันจะเป็นปัจจุบันตลอด มันจะรู้ทันตลอด มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะไปติด มันเป็นไปไม่ได้! เหมือนคนว่ายน้ำเป็น จะให้ว่ายน้ำไม่เป็น ให้จมน้ำอยู่ มันเป็นไปไม่ได้!

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าปัญญามันเกิด แต่ถ้าเป็นสมถะมันเป็นไป เหมือนกับเราลงไปเล่นน้ำ แล้วเราใช้ห่วงชูชีพอะไรประคองตัวไว้ สมาธิเป็นอย่างนั้นไง เวลามันปล่อยมันปล่อยอย่างนั้น มันปล่อยชั่วคราวๆ ฉะนั้นเราถึง เห็นไหม เวลาเจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนกับพวกอาฬารดาบส เวลาเป็นสมาบัติต่างๆ นี่ไม่ใช่ธรรมๆๆ แต่เราไปติดกัน

นี่สิ่งเร้า สิ่งเร้าละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ นะ ละเอียดจากเล็กน้อย จากสังคมโลกที่เราจะกุสลาธรรมา เราทำของเรามา ใครจะว่าใครจะติฉินนินทามันเรื่องของเขา เราจะทำดีของเราว่ะ เราทำเพื่อใจของเรา แล้วถ้าเรามีกุศลขึ้นมานะ เราประพฤติปฏิบัติได้เพราะอะไร

เพราะนะ ดูสิ ชีวิตเรานี่ เราเห็นตั้งแต่เกิดจะตายมา เราก็ทุกข์ขนาดไหน แล้วมันจะเวียนตายเวียนเกิดไปอย่างนี้ แล้วเราทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์กันแล้วว่า โลกต่อไปข้างหน้ามันจะเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งนะมันจะปรับสภาพของมัน แล้วพระศรีอริยเมตไตรยจะมาเกิดนะ นั่นยังอีกล้านๆๆๆ ปี มันยังเป็นไปอีกไกลนัก

ฉะนั้น ในปัจจุบันนี้เราเกิดมาเราพบธรรมโอสถ และถ้าเรามีความสามารถ งานภายนอกนี่แสนยาก ทำมาหากินนี่ก็ทุกข์พอแรงอยู่แล้วนะ ในการปฏิบัตินะ ทุกข์กว่านั้นหลายเท่านักเพราะอะไร เพราะต้องเอาชนะตนเอง เอาชนะสิ่งเร้าในหัวใจ เอาชนะทุกอย่างเลย

ฉะนั้น มันต้องดัดแปลง มันถึงต้องกุสลาธรรมาไง ต้องมีจริต ต้องมีนิสัย ต้องมีความหมั่นสังเกต ทำไมอย่างโลกเขา เห็นไหม เขาเห็นคนทำผิดทำไม่ดี เขายังฉุกคิดได้ เขายังสลดสังเวชได้ เวลาธรรมะมันเกิด มันจะเกิดสิ่งที่ว่าเราไปหลงตัวเอง เราไปหลงความเห็นจากภายใน มันจะสลดสังเวชมากนะ

นี่เราว่าคนอื่นทำลายเรา คนอื่นทำลายเรา.. ไอ้ความคิดเรามันทำลายเรานี่ เราไม่รู้เลย เราไม่รู้เลยว่าความคิดมันทำลายเราตลอดเวลา เราไปเห็นการทำลายของความคิด มันเศร้าใจ เศร้าใจแล้วมันใช้วิปัสสนาของมันปล่อยวางๆ จนกว่ามันขาดไปนะ เห็นไหม นี่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดตรงนี้ไง เกิดตรงนี้ กุสลาธรรมา ทำดีมา ในปัจจุบันก็ทำดี ทำดีจนใจมีที่พึ่ง ทำดีจนใจไม่ต้องเวียนตายเวียนเกิด นี่เป็นสมบัติของเรา เอวัง