เทศน์เช้า วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๔๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
วันนี้วันพระ เวลาเราไปวัดไปวาไปหาพระ พระเป็นสมมุติสงฆ์นะ เพราะว่าอะไร? พระนี่เราบวชพระก็ได้ พระสึกจากพระมาเป็นคนก็ได้ เราถึงว่าคน วันพระ พระที่ไหน? พระที่ข้างนอก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมและวินัยไว้ให้ไปศึกษาเล่าเรียนไง ถ้าศึกษาเล่าเรียนนี่หาพระที่ไหน? หาพระในหัวใจไง ถ้าใครหาพระในหัวใจเจอนะจะมีความร่มเย็นเป็นสุข
มนุษย์นี่อหังการมาก ความคิดว่าฉันยอดเยี่ยมมาก ฉันใหญ่โตมากครอบโลกธาตุนะ แต่คนที่คิดอย่างนั้นแพ้ภัยตัวเองหมดเลย แต่ถ้าคนที่ชนะตัวเอง เรานี่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เราเป็นส่วนหนึ่งนะ เพราะเราเกิดมาแล้วเรามีโอกาสได้สร้างคุณงามความดี เกิดมาเหมือนรถ รถคันหนึ่งมันต้องเสื่อมสภาพไป มันต้องหมดอายุของมันไป เว้นไว้แต่เขาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์
มนุษย์ก็เหมือนกัน เกิดมา ๑๐๐ ปี เหมือนรถคันหนึ่งเราจะใช้อะไร? ถ้าเราเกิดมา ๑๐๐ ปี รถของเรา เราซ่อมแซมรถของเราดี แล้วเราเติมน้ำมันอยู่ตลอดเวลา รถเราจะใช้ตลอดไป รถมันจะใช้แต่เฉพาะชาตินี้นะ แต่คุณงามความดีเหมือนน้ำมัน เราเติมทุกวันๆ ไป น้ำมันนี่มันไปที่จิต
ในมิลินทปัญหาเขาบอกว่า เวลาคนเรามาเกิดชาตินี้ก็ต้องรับกรรมๆ อย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย เพราะอะไร? เพราะเกิดมาชาตินี้กับชาติที่แล้วมันคนละคนกัน พระนาคเสนตอบว่า เหมือนกับต้นมะม่วง มะม่วงนี่เราปลูกที่ต้นมะม่วง มะม่วงเราเอาเม็ดมันไปปลูก ปลูกมะม่วงเกิดขึ้นมา แล้วมีโจรมาลักมะม่วงในต้นนั้นไป นี่เขาจะอ้างว่ามะม่วงลูกนี้มันไม่ใช่มะม่วงที่ปลูก นั้นเป็นไปได้ไหม? เขาบอกว่าเขาลักมะม่วงที่เป็นสาธารณะ ไม่ใช่ลักมะม่วงของคนที่ปลูก ทีนี้มะม่วงที่ปลูกที่มันเป็นสาธารณะก็จริงอยู่ แต่มันเกิดมาจากเม็ดมะม่วงนั้นใช่ไหม?
จิตก็เหมือนกัน จากชาตินู้นมาชาตินี้ไง นี่รถที่มันเติมน้ำมันไปๆ เติมน้ำมันไปคือสร้างคุณงามความดีไง เห็นไหม สร้างคุณงามความดีที่ไหน? ทำดีก็คือได้ดีนะ ในการประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม เวลาพระเรา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ปริยัติคือการศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติขึ้นมา ปฏิเวธ แล้วการทำทานล่ะ?
ทานนี่มันเป็นการทำทาน มันเป็นการสร้างศรัทธาไง แต่เวลาสร้างศรัทธา จะเอาความจริงขึ้นมามันต้องประพฤติปฏิบัติ ถ้าประพฤติปฏิบัติ ถ้าจิตสงบขึ้นมาทีหนึ่ง เติมน้ำมันหนหนึ่ง นี่เวลาเติมน้ำมันนะ น้ำมันเราไปที่ปั๊ม เปิดแล้วเติมได้เลย เราเสียตังค์เติมขึ้นมา น้ำมันก็จะเต็มขึ้นมา เข็มจะเต็มถังเลย แต่เวลาจิตสงบมันสงบได้ไหม? เวลาเราพยายามจะเติมความสงบ เติมธรรมะในหัวใจ มันเติมได้ไหม? เวลามีสติ เวลาเรามีความทุกข์ความยาก เวลาเรามีความทุกข์ในหัวใจ เราบอกว่าอย่างนี้ไม่ให้เต็ม
เหมือนถังน้ำมันเราพร่อง พอมีอากาศขึ้นมาความทุกข์ก็เกิดขึ้นมาแล้ว แล้วถ้าเติมน้ำมันเต็มขึ้นมามันไม่มีฟองอากาศ อากาศเข้าไปไม่ได้เพราะถังน้ำมันนั้นเต็มหมด เห็นไหม เวลาเกิดสมาธิขึ้นมาจิตมันอิ่มเต็มตลอดเวลา ความทุกข์มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ความทุกข์เกิดขึ้นมาไม่ได้เลย แต่เติมน้ำมันเต็มถังไปปั๊บ นี่เราใช้รถไปน้ำมันมันต้องใช้ไป มันต้องพร่องไปเป็นธรรมดา
นี่ก็เหมือนกัน ความสุขความทุกข์เป็นอนิจจัง ความเกิดดับๆ ความคิดเกิดดับๆ ในหัวใจ เกิดไปเกิดมาอยู่ตลอดเวลา ความคิดเกิดตายอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าเป็นภาคปฏิบัติมันจะมีตรงนี้ไง ศรัทธาความเชื่อเป็นบุญกุศลอันหนึ่ง บุญกุศลอันนี้ เวลาเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม เวลาเป็นเทพฝ่ายมาร เทพฝ่ายคุณธรรม เทพฝ่ายมาร เทพฝ่ายเทพ เทพคุณธรรม เพราะเขาสร้างคุณงามความดีด้วย เขาได้ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย เพราะเขาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาเขาเกิดขึ้นมาแล้วเป็นคนดี เพราะอะไร? เพราะมีการศึกษาเป็นวิชชา แต่ถ้าเป็นอวิชชา อวิชชานี่ไม่รู้อะไรเลย เป็นคนพาล แต่บังเอิญได้ทำบุญกุศลกับครูบาอาจารย์ ได้ทำบุญกุศล สร้างบุญกุศลไว้ เขาก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาเหมือนกัน แต่เขาเกิดเป็นเทวดาแล้วเขาเป็นคนพาลนะ เทวดาเขารบกัน เทวดาเขาแก่งแย่งกัน สังคมทุกสังคมมีคนดีและคนเลวปนกันไปตลอดเวลา
นี่ก็เหมือนกัน เวลาเขาสร้างคุณงามความดีอย่างนั้น นี่อามิสเป็นอย่างนี้ไง อามิสคือว่าการกระทำอย่างนี้มันเป็นเรื่องของทาน เรื่องของทานมันส่งผลขับเคลื่อนได้ เห็นไหม ดูสิโจรมันก็ใช้รถนี่ไปปล้น บัณฑิต ผู้ที่ทำคุณงามความดี เขาก็ใช้รถนี้ไปทำหน้าที่การงาน หน้าที่การงานเขาใช้พาหนะนำไป สิ่งที่พาหะนำไปก็คือบุญกุศลนี่ไง บุญกุศล เวลาประพฤติปฏิบัติไปแล้วมันถึงข้ามทั้งบุญและบาปไง นี่มันข้ามทั้งรถมันไม่เอาไปแล้ว รถไม่ต้องเอาไปหรอก จิตนี้มันไปได้ ความรู้สึกนี้มันไปได้ มันข้ามพ้นอันนี้ไป ถ้าไม่ข้ามพ้นอันนี้ไป แล้วข้ามพ้นข้ามพ้นอย่างไรล่ะ?
นี่คนดีคนชั่วอยู่ที่นี่ ถ้าเราว่าเราเป็นใหญ่ ทุกคนถ้ากิเลสมันเป็นใหญ่ รถมันเป็นรถสิบล้อมันขวางถนน มันชนเขาดะไปเลย นี่ก็เหมือนกัน เรานี้เป็นใหญ่ เรานี้เป็นใหญ่ ดูสิดูวัยรุ่นมองหน้ากันก็ไม่ได้นะ เดินเฉียดกันไปก็ไม่ยอมกัน มันเบียดเบียนตัวมันเองก่อนไง เพราะอะไร? เพราะมันหลงผิดไง รถของเรานะ ถ้าเราถนอมรักษาไปรถเราจะไม่เสียหายนะ ไปไหนรถเรายางก็ดี ทุกอย่างก็ดี จะไปได้ตลอดทาง รถเราไปเที่ยวชนไอ้นั่น ชนไอ้นี่นะ
นี่ก็เหมือนกัน เที่ยวไปทำลายคนนั้น เที่ยวไปทำลายคนนี้ มันก็ทำลายความรู้สึก ทำลายรถของเรา มันทำลายตัวเองแต่มันไม่รู้จัก รถของเราถ้ามันเอี่ยมสะอาดตลอดเวลา ทุกอย่างเครื่องยนต์กลไกมันดีไปหมด มันจะเดินทางก็สะดวกใช่ไหม? รถของเรายางก็รั่ว น้ำมันก็ไม่มี มันจะไปไหนรอดล่ะ?
นี่ก็เหมือนกัน เราเที่ยวไปกระทบกระเทือนคนนี้ นี่มันทำลายเราเองแต่เราไม่รู้ เราไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นการทำลาย เพราะอะไร? เพราะจิตมันบอกว่าเรานี้ใหญ่มาก เรานี้ใหญ่มาก เห็นไหม คนที่ใหญ่มาก คนที่ว่าอัตตาตัวตนมหาศาล คนนี้เป็นคนเลวมาก เลวมากตรงไหน? เลวมากที่ไปทำลายเขา แต่ถ้าเป็นทางโลก เขาบอกว่า คนต้องมีความกล้าหาญเพื่อการตัดสิน เพื่อโครงการต่างๆ ต้องทำให้ได้ อันนั้นกล้าหาญ
ความกล้าหาญมันมีสัมมากับมีมิจฉา ถ้าความกล้าหาญ เห็นไหม ดูสิดูพระโพธิสัตว์เวลากล้าหาญสละชีวิตก็ได้ ดูพระเวสสันดรสิ ช้างศึก ช้างต่างๆ สมบัติก็สละได้หมดเลย เสียสละได้ด้วยความกล้าหาญนะ กล้าหาญในจริยธรรมไง ยอมเสียสละ ยอมเสียสละแม้แต่ลูก แม้แต่เมีย ยอมเสียสละได้หมดเลย ทั้งๆ ที่มีอำนาจทำอะไรก็ได้ แต่ยอมสละ สละเพื่ออะไรล่ะ? สละเพื่อจะไม่ให้ตัวตนนี้มันใหญ่ขึ้นไป ปรารถนาพระโพธิสัตว์ ปรารถนาเป็นโพธิญาณ
เวลาออกประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา ชนะตนเอง ชนะตนเองแล้วมันไม่เป็นสิ่งที่ขวางโลก รถเราไปบนถนนนะจะไม่มีใครเห็นเลย เพราะอะไร? เพราะมันไม่มีตัวตนไง มันไม่มีมานะทิฏฐิ ไม่มีต่างๆ ในหัวใจ มันจะไปที่ไหนไม่มีใครชนมันได้ ไม่มีใครไปเห็นมันได้ แต่มันก็ไปกับเขาอย่างนั้น
สอุปาทิเสสนิพพาน พระอรหันต์ที่สิ้นกิเลสแล้ว จิตก็มีอยู่ แต่ไม่มีเจตนา ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่มีมานะทิฏฐิในหัวใจเลย สิ่งนี้มันจะไปชนกับใคร ไม่มีใครจะไปชนมันได้ เพราะมันไม่มีตัวตนให้ใครชน มันก็ไม่ชนเขา เขาก็ชนมันไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะมันไม่มีสิ่งต่างๆ อยู่ในโลกนี้ มันพ้นออกไปจากวัฏฏะเป็นวิวัฏฏะ มันจะไม่วนกลับมาในชาตินี้อีก ไม่มาเกิดมาตายในภพของมนุษย์อย่างเดียวหรือ? มันไม่เกิดตั้งแต่พรหมลงมานั่นแหละ เพราะว่ากามภพ รูปภพ อรูปภพ นี่วัฏฏะที่จิตนี้พาเกิดพาตาย
สิ่งนี้ถ้าธรรมะเข้ามาอย่างนี้ มันถึงว่าผู้ฉลาดฉลาดตรงนี้ต่างหาก ฉลาดตรงจุดเริ่มต้นของความคิดก่อน นี้เราโง่ เราหลง เวลาคิดขึ้นมาก็ว่าเรารู้ เราเก่ง เราฉลาด เราแน่ เรายอด มันทำลาย มันไปชนเขาแหลกเลย ก่อนที่มันจะชนเขามันต้องสร้างภาพขึ้นมา สร้างรถขึ้นมา ดูสิดูอย่างพระอรหันต์ไม่มีอะไรเลย ไม่มีรถ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าเวลาเราคิดขึ้นมา มันมีขึ้นมา มันประกอบขึ้นมา ประกอบเป็นรถ เป็นตัวถัง เป็นอะไรขึ้นมา ประกอบเป็นความคิดขึ้นมาไง พอประกอบเป็นความคิดขึ้นมามันก็มีแรงขับ แรงขับมันก็ทำไป
นี่การกระทำ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม นี่เกิดมโนกรรมก่อน เกิดความคิดก่อน มีความปรารถนาก่อน อยากทำก่อนมันถึงจะต่อไป ถ้าสิ่งนี้เราไปทำลายตรงนี้หมด นี่ปัญญารอบรู้ในกองสังขาร ปัญญาในศาสนาพุทธเราคือปัญญารอบรู้ในกองสังขาร ปัญญาคือรู้ทันความคิดของเรา ปัญญารู้เท่ารู้ทันความคิดของเราไปหมดเลย ปัญญารู้เท่ารู้ทันเรื่องของรถ เรื่องของการขับเคลื่อนไปตลอดเลย
สอุปาทิเสสนิพพาน สิ่งที่ขันธ์ ๕ ยังมีอยู่ ความคิดยังมีอยู่ แต่ตัวพลังงานตัวจิตนั้นไม่ใช่ขันธ์ ๕ ตัวพลังงานตัวจิตนั้นคือตัวธรรม ตัวธรรมคือตัวสิ่งที่พ้นออกไปเป็นวิมุตติธรรม วิมุตติธรรม มันถึงว่าผู้ฉลาดฉลาดตรงนี้ ฉลาดตรงที่ว่าไม่มีตัวตนจะไปเบียดเบียนใคร ไม่มีสิ่งต่างๆ ที่จะไประรานใคร แต่ในการประพฤติปฏิบัติอยู่มันต้องแข่งดีกันไปก่อน ขณะที่มรรคหยาบมรรคละเอียดอย่างนี้ ความวิสาหะ ความอดทนต่างๆ มรรค ๘ มันต้องพร้อม งานชอบ เพียรชอบ ทุกอย่างต้องเป็นความชอบ ความชอบอันนี้ต้องเป็นสัมมา สัมมาต้องมีความอดทน ต้องมีความกล้า ต้องมีสติ ต้องมีปัญญา
ขณะที่การทำงานอยู่มันจะเป็นรูปร่าง มันจะเป็นอะไรที่ว่ามันเป็นมานะทิฏฐิ มันเป็นอะไรก็ทำไปเถิด ทิฏฐินี้เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นความถูกต้อง เป็นการประพฤติปฏิบัติ มีครูบาอาจารย์คอยชี้นำต่างหาก เราไม่ต้องกลัวความผิดพลาดไปหรอก ทำไปเลย ทุ่มเทไปเลย ความคิดของเราขณะที่เป็นปัญญาขึ้นมานะ ให้ย้อนกลับมาในความคิด ย้อนกลับมารอบรู้ในกองสังขาร ไม่ใช่ความคิดออกไปเอาชนะคนอื่น
ความคิดชนะคนอื่น โลกเขาเป็นอย่างนั้น ดูสิเขามีพ่อมีแม่ของเขา เขามีสังคมของเขา เขาดูแลรักษากันอย่างนั้น เขาดูแลกันได้ มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบอะไรของเรา ดูนะเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย พ่อ แม่ ลูก หลานเจ็บไข้ได้ป่วยเจ็บแทนกันได้ไหม? พ่อแม่ก็ได้แต่ปลอบประโลมกัน เพราะลูกหลานก็ดูแลพ่อแม่ อันนี้มันเป็นสายบุญสายกรรมที่อาศัยกันไปเท่านั้นเอง แต่ทำแทนกันไม่ได้หรอก เจ็บแทนกันไม่ได้ ป่วยแทนกันก็ไม่ได้ ไม่ได้ทั้งนั้นเลย แล้วหน้าที่อะไรของเราไปแบกรับ?
ถ้าหน้าที่ของเราไปแบกรับ เพราะเราไปแบกรับเขา เราไปแบกรับเองต่างหาก เรานี่โง่ โง่เพราะความคิดของเรา รถของเรานี่มันโง่ แบกรับไป เห็นไหม มีรถคันไหนบ้างที่บรรทุกโลกนี้ได้? ดูสิดูรถใหญ่ขนาดไหน ความทุกข์ระหว่างที่เขาจะทุกข์ก็ไม่ได้มากขนาดนี้ แต่หัวใจมันทุกข์ได้นะ มันแบกโลกแบกทั้งหมดเลย แบกสามโลกธาตุนู่นแน่ะ แบกตั้งแต่เทวดา อินทร์ พรหมอยู่ในหัวใจ มันทุกข์ มันบ้าบอคอแตกขนาดนั้นนะไอ้ตัวตนเรา
นี่ใครบอกฉลาดๆ ฉลาดมาจากภายใน ฉลาดจากภายในนี่ปล่อยวางทั้งหมดเลย เห็นไหม เวลาจิตนี้พ้นออกไปจากกิเลสนะ นี่มันว่างครอบสามโลกธาตุ รถอะไรที่มันรู้ไปหมดเลย รถอะไรที่บรรทุกได้หมดเลย ในวัฏฏะ ในกามภพ รูปภพ อรูปภพนี่นะ ในวัฏฏะต่างๆ บรรจุอยู่ในจิตนี้ทั้งหมด จิตนี้ครอบคลุมทั้งหมดเลย ไม่อย่างนั้นจะเทศน์สอนเทวดา อินทร์ พรหมได้อย่างไร? จะเข้าใจต่างๆ ไปในเรื่องของวัฏฏะทั้งหมดเลย
นี่สิ่งต่างๆ ทำไมมันทุกข์ได้ล่ะ? เวลาที่เราจะแบกรับกันเราแบกเกือบตาย คิดเกือบตาย ชนะเกือบตาย เราจะทุกข์ไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่เวลาปล่อยวางสิ่งต่างๆ แล้วไม่มีเลย มันกลับทุกข์ได้มหาศาลเลย เห็นไหม นี่มันถึงเป็นผู้วิเศษไง มันถึงเป็นคุณงามความดีของใจไง นี่พระอยู่ตรงนี้ไง ถ้าวันนี้วันพระ เราทำตรงนี้ขึ้นมาจะเป็นประโยชน์กับเรา ประโยชน์กับเรานะ ประโยชน์กับเราคือการเสียสละ คือการปล่อยวาง ไม่ใช่พยายามจะรวบเข้าไปเป็นของเรา แล้วจะไม่ได้อะไรเลย เอวัง