เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๘ ก.ย. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลากลืนกินสัตว์นะ เวลาเรามีสติสตัง เราต้องคิดถึงตัวเอง ถ้าคิดถึงตัวเอง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกหายใจเข้าและหายใจออกมีสติสัมปชัญญะอยู่ สิ่งนี้ชีวิตมีคุณค่ามาก ชีวิตมีคุณค่าต่อเมื่อเรามีสติอยู่ไง ถ้ามีสติอยู่ เราทำอะไร เรานับเงิน ถ้ามีสติ เรานับเงินถูก ถ้าเราขาดสติ ถ้านับผิด ต้องนับใหม่ นับใหม่

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราฝึกสติไว้แต่ชาติหนึ่งๆ เราจะสร้างสมให้จิตเรามีความเข้มแข็งไง ถ้าสมาธิเรา จิตเรามีความเข้มแข็ง เข้มแข็งทั้งจิตใจและเข้มแข็งทั้งร่างกาย ถ้าร่างกายเข้มแข็ง แต่จิตใจไม่เข้มแข็ง เราก็อยู่กับโลกเขาไป มันก็เป็นอย่างนั้น มันหมุนเวียนไปไง เหมือนกับพันธุ์พืช พันธุ์พืชไหนที่มันพิการ เขาจะคัดออกๆ เขาคัดพันธุ์เอาพันธุ์ดีๆ ทั้งนั้นเลย เพื่ออะไร? เพื่อให้ต้นพันธุ์มันแข็งแรง แล้วพืชผลมันจะสมประกอบไง

จิตเราก็เหมือนกัน ถ้าเราฝึกของเรานะ พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนดีมาก พ่อแม่พยายามสอนลูก สอนนี่มันสอนมาจากข้างนอกใช่ไหม แต่เราตั้งสติขึ้นมาจากภายใน ตั้งสตินะ แม้แต่ลมหายใจเข้าและลมหายออก แม้แต่มีสติหนเดียวดีกว่าคนที่อายุ ๑๐๐ ปีที่เผลอสติไป แล้วเราฝึกของเรา พุทโธๆ ตลอดไป แล้วทำไมเรายังไม่เห็นได้ดีขึ้นมาอีกล่ะ...ดี ได้ดีขึ้นมาเพราะอะไร เพราะเรารู้จักตัวเราเอง ถ้าเราไม่รู้จักตัวเราเอง สมบัติมันจะไว้ที่ไหนล่ะ

เวลาเราใส่แหวนนี่ใส่ที่นิ้วนะ คนเรามือขาด ไม่มีนิ้วใส่ อิจฉาคนอื่นนะ เพราะเราไม่ได้ใส่แหวนเพชร เห็นไหม ถ้าเรามีนิ้ว เราได้ใส่แหวนเพชร เรามีคอ เราได้ใส่สร้อยคอ ถ้าคนไม่มีคอ ไม่มีแหวนเพชร ไม่มีอะไรเลย จะใส่อะไร ถ้าไม่ได้ใส่ เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราฝึกจิตใจของเราให้มั่นคง เราพุทโธๆ ให้จิตเราเข้มแข็ง สมบัติมันฝังอยู่ที่ใจไง บุญกุศลฝังอยู่ที่ใจ ใจนี้ขับเคลื่อนไปโดยบุญกุศลขับเคลื่อนไป ถ้าเราสร้างบุญกุศลของเราอย่างนี้ วันพระนี่ปฏิบัติบูชา เวลาเราทุกข์นะ เราคนเข็ญใจ เราไม่มีสตางค์จะทำบุญกุศล

เขาทำกันเราก็อนุโมทนาทานกับเขาก็ได้ ในศาสนาพุทธของเรานี่ เพียงแต่ว่ากิเลสมันทำแข่งขันกัน ความแข่งขันกันนี่อำนาจวาสนาของอื่นใช่ไหม เวลาเขามีของเขา เขาแข่งขันของเขา เขาทำของเขาได้เพราะของเขามี ดูในสมัยพุทธกาลสิ กษัตริย์อยากทำบุญมาก แต่เขาไม่มีเวลา ให้ข้าทาสใส่บาตร ไม่ใช่ของมันนะ แต่มันใส่ด้วยศรัทธา ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นเดียวกัน แต่เจ้าของสมบัติ ไปเกิดเป็นเทวดา แต่ไม่มีสัตว์บริวาร เพราะอะไร เพราะให้เขาใส่บาตรให้ มีศรัทธามีความเชื่ออยู่ แต่เวลาไอ้คนใส่มันมีเจตนา มันมีความยิ้มแย้มแจ่มใส มันมีความสุขของมัน มันพาไปเกิดเป็นเทวดาชั้นเดียวกัน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของของเขานะ แต่เขามีเจตนา เขามีศรัทธา เขามีความเชื่อของเขา เขามีบริษัทบริวารเต็มเลย เป็นเทวดาชั้นเดียวกันเลย เทวดาอีกองค์หนึ่งเขามีบริวารของเขา แต่เทวดาอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีบริวาร เพราะอะไร เพราะเขาทำด้วยเจตนาไม่เต็มที่ไง นี่เจตนา เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน เราจะมากจะน้อยไม่สำคัญนะ สำคัญที่เจตนาของเรา ข้าวทัพพีเดียวหรือไม่มีเลย เราอนุโมทนาไปกับเขา แต่กิเลสมันทำไม่ได้ มันน้อยเนื้อต่ำใจ เห็นไหม กิเลสร้ายกาจนัก กิเลสทำลายตัวเราเองนัก สนิมในเนื้อเหล็ก สนิมในเนื้อเหล็กมันกัดกร่อนเหล็ก ความน้อยเนื้อต่ำใจของเรามันกัดกร่อนเรา

จะน้อยเนื้อต่ำใจไปทำไม ในเมื่อเขาก็มีลมหายใจเข้าลมหายออกเหมือนกัน เขาก็มีหัวใจเหมือนกัน เขาก็มีความรู้สึกเหมือนกัน เพราะอะไร เพราะความรู้สึกอันนี้มันเสมอกันไง ความรู้สึกอันนี้มันสุขมันทุกข์เสมอกันไง เสมอกันด้วยความสุขความทุกข์นะ เสมอกันด้วยญาติธรรมนะ เสมอกันเพราะเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน เพราะเรามีร่างกายมีจิตใจเหมือนกัน ต่างกันด้วยอำนาจวาสนาบารมีตรงไหนล่ะ

ตรงที่ว่าเวลาวิปัสสนา เวลาภาวนาไป บางคนนั้นทำมาก ขิปปาภิญญา ทำง่ายรู้ง่าย ทำยากรู้ง่าย ทำยากรู้ยาก ทำง่ายรู้ยาก นี่มันมีจริตมันมีนิสัย มันมีความเป็นไปในหัวใจนี้นะ ในหัวใจอำนาจวาสนาอันนี้มันต่างกัน แต่มีหัวใจเหมือนกัน มีภาชนะรองรับเหมือนกัน มีนิ้วไว้ใส่แหวนเพชรเหมือนกัน มีใจไว้ใส่ธรรมไง มีหัวใจ เราถึงต้องกำหนดพุทโธๆ ตั้งสติไว้ มันสำคัญตรงนี้ไง สำคัญที่เรามีนิ้ว เรายังไม่มีแหวนเพชร เราก็พยายามทำของเราเพื่อหาแหวนเพชรมาใส่นิ้วของเรา

นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อเรามีสติ เรามีใจของเรา เรารักษาใจของเรา ใจมันมีพื้นฐาน นี่ความคิดเกิดจากตรงนี้ เวลามีสติ มีสัมปชัญญะ ความคิดมันเกิด ความทุกข์มันก็เบาบางลง ความทุกข์มันก็ไม่รุนแรงนัก แต่ไม่มีสตินะ เวลามีความทุกข์มันเกิดขึ้น อารมณ์เกิดขึ้น มันกระชากลากไปนะ เหมือนกับพายุมันเกิดรุนแรงมากเลย ดูสิ พายุเกิดขึ้นมา มันพัดไป บ้านเรือนพังพินาศหมดเลย ชีวิตคนต้องตายหมดเลย แต่เวลาพายุอารมณ์มันเกิดขึ้นมา พายุอารมณ์เกิดจากใจของเรา มันพัดในหัวใจเราไม่มีเลยนะ ราบไปหมดเลย เหมือนกับฉุดกระชากลากไป ไปตามมัน สติอยู่ไหน

เห็นไหม นี่การฝึกสติ ฝึกเพื่อยับยังจิตใจของเรา ฝึกเพื่อพายุเกิดขึ้นมา เราก็หลบพายุได้ ถ้าพายุมันรุนแรง เพราะอะไร เพราะเราเป็นปุถุชน เราไม่สามารถจะยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติได้ แต่เราก็มีจุดยืนของเรา ถึงที่สุดแล้วเราก็ฟื้นฟูใจของเราได้ แต่ถ้าไม่มีจุดยืนเลย เวลาโกรธ เวลาเป็นไป เห็นไหม ดูสิ เวลาเขาย้ายถิ่นกัน เวลามีปัญหา เขาย้ายถิ่น เขาย้ายถิ่น เขาย้ายถิ่นไปเพราะอะไร เขาทิ้งถิ่นฐานของเขาไปเลย นี่เขาไม่มีหลักใจ

แต่เรามีหลักใจอยู่ มีถิ่นของเราอยู่ เรารักษาถิ่นของเราอยู่ เราฟื้นฟูของเราได้ นี่ถ้ามันล้มลุกคลุกคลาน มันก็ยังฟื้นฟูของมันขึ้นได้ นี่ถึงว่าพุทโธสำคัญอย่างนี้ไง ถ้าเรามีสติ พุทโธเรารักษาถิ่นของเรา สอง เรามีพุทโธของเรา พุทโธๆ นึกถึงพระพุทธเจ้า

นึกถึงพระพุทธเจ้าเราก็น้อยเนื้อต่ำใจนะ “ทำบุญกุศลมามหาศาลเลย พระพุทธเจ้าเราก็นึกถึงตลอดเวลา ทำไมพระพุทธเจ้าไม่ช่วยเหลือเราเลย”...ช่วยเหลือนะ ช่วยเหลือที่ให้เรามีสติสัมปชัญญะ เรารู้ว่าเราทุกข์ เรารู้ว่าเราทำแล้วเราทุกข์จนเข็ญใจ เราพยายามทำของเราแล้วมันยังเป็นทุกข์เป็นยากอยู่ ทุกข์ยากของเรานี่เรารู้ เห็นไหม เรารู้ เรามีนิ้วไง แต่แหวนเพชรนี่เราพยามยามหาของเราไป เพราะอะไร เพราะเราสร้างของเราขึ้นมา เปิดเงินในบัญชีสิ บ้างคนมีห้าบาท สิบบาท บ้างคนมีร้อยบาท พันบาท หมื่นบาท แสนบาท ล้านบาท เห็นไหม บัญชีคนไม่เท่ากัน

นี้ก็เหมือนกัน เราพยายามทำตรงนี้ บัญชีเราห้าบาท เราก็สะสมของเราไป บัญชีเราล้านหนึ่ง เราก็สะสมของเราไป เราสะสมของเราไป ถ้าเรามีล้านหนึ่ง เราก็เบิกล้านหนึ่ง เรามีสิทธิในล้านหนึ่ง มีห้าบาทก็เบิกได้ห้าบาท นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราทำบุญกุศล เราทำแล้วเราทำเล่า ทำไมบุญกุศลยังไม่เห็นไม่ตอบสนองสักที เพราะอะไร เพราะบัญชีเราเป็นแบบนี้ไง เรามีสิทธิเบิกได้เท่านี้ เพราะอะไร เพราะกรรมเก่าของเรา กรรมบุญกุศลที่เราสะสมมาไง

ถ้ามันมีกรรม มีอำนาจวาสนา เวลาพระอรหันต์เกิดขึ้นมา ดูสิ จูฬปันถก เวลามีฤทธิ์มาก ขนาดท่องคำหนึ่งก็ไม่ได้ แต่เวลาเป็นพระอรหันต์นี้มีฤทธิ์มาก จักขุบาลเป็นพระอรหันต์เหมือนกัน เดินกลับมายังต้องให้พระที่ไปปฏิบัติไปวิเวกกัน ๔-๕ องค์กลับมาก่อน ไปบอกให้ญาติพี่น้องว่าพระจักขุบาลเป็นพระอรหันต์แล้วตาบอด กลับไม่ได้ ต้องให้เอาหลานมาฝึกเป็นเณร ฝึกเป็นเณรแล้วก็ให้ไปจูงพระจักขุบาลกลับมา

นี่พระอรหันต์เหมือนกัน ขนาดเป็นพระอรหันต์นะ มีวิมุตสุขเหมือนกัน ยังไม่เสมอกันเลย ยังต่างกันด้วยอำนาจวาสนาบารมี ยังต่างกันอย่างนี้ แล้วของเรา เราต่างกันอย่างไร เราไม่ใช่พระอรหันต์ เราเป็นปุถุชนไง เราทำของเราขนาดนี้ เราก็เป็นคนที่เชื่อมั่นในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกให้เชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ให้เชื่อธรรม ให้เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเรื่องการกระทำ เรื่องกรรม เราทำมาของเราอย่างนี้ เราฝืนของเราอย่างนี้ เราพยายามให้มันผ่อนคลายไป ทุกข์ขนาดไหน เราต้องหลัก มีสติ แล้วยืนไว้ อย่าหลงใหลไปกับกิเลส

“ทุกข์ขนาดนี้ไม่เอาเว้ย ถอยดีกว่า ถอยดีกว่า”...ถอยดีกว่า ไปทุกข์ข้างหน้านะ ทุกข์กว่านี้นะ จะทุกข์ข้างหน้า เห็นไหม ดูสิ ดูเวลาคนเขาทุกข์คนเขาเข็ญใจสิ เขาทำความผิดพลาดเข้าไปติดคุก ออกจากคุกมาก็ทำซ้ำทำซาก ทำซ้ำทำซาก เขาก็เข้าไปติดคุก จนอยากอยู่ในคุกนะ อยู่ในคุกกับอยู่ข้างนอกต่างกัน เห็นไหม อยู่ในคุกสบายดี อยู่ในคุก อยู่สภาวะแวดล้อมอย่างนั้น เขาคิดกันอย่างนั้นก็ได้ อยู่ในคุกมีอาหารกินทุกวัน เราออกมาเผชิญชีวิต เราต้องแสวงหาอาชีพของเรา เราต้องหาอาหารของเรากิน มันทุกข์มียาก เข้าไปอยู่ในคุกดีกว่า

ถ้าใจมันท้อถอย มันเห็นสิ่งที่เป็นเรื่องของบาปอุกุศลเป็นเรื่องคุณงามความดีไง แต่เรื่องเป็นบุญกุศล เรื่องที่เราเป็นอิสระ เราจะทวนกระแสของเรา เรามีจิตใจของเรา เรารักษาจิตใจของเรา แล้วเราทวนกระแสของเราขึ้นไป มันจะไม่ทำไง มันจะปล่อยวาง มันจะไม่ทำ แล้วกรรมมันก็สะสมทับกับใจดวงนั้นไป ใจดวงนั้นก็น้อยเนื้อต่ำใจ ก็ถอยไปตลอด ถอยไปตลอด

เราถึงมีสติสัมปชัญญะ หนึ่ง เรารักษานิ้วของเรา รักษาใจของเรา รักษาหัวใจของเราให้มันมีจุดยืน แล้วให้มันทวนกระแสไป ทุกข์อย่างไรก็ทุกข์ เพราะอะไร เพราะว่าสภาวะแบบนี้มีคุณค่า มีคุณค่าเพราะเรามีสติมีสตังไง มีสติสัมปชัญญะนะ เรายืนของเราขึ้นมา ทุกข์ก็ทนเอา

แล้วพยายามฝืนไป เพราะอะไร เพราะเราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราระลึกพุทโธๆ เราเอาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่อาศัย เห็นไหม ที่พึ่งที่อาศัย คนเรามีพ่อมีแม่นี่มันอุ่นใจนะ คนเราสังเกตได้ไหม เวลาไปไหนกลับมานี่มีอะไรอยากฝากพ่อฝากแม่ คิดถึงคนแรกคือคิดถึงแม่ก่อน ถ้าใครมีความสุขก็คิดถึงแม่ก่อน ใครมีความทุกข์ก็คิดถึงแม่ก่อน ใครจะเผชิญภัยขนาดไหนก็คิดถึงแม่ก่อน คิดถึงแม่ก่อนตลอดไปเลย

นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อเรามีจิตใจของเรา เรารักษาใจ เราคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน เราคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม รัตนตรัยเป็นที่พึ่งของเรา แก้วสารพัดนึก แต่ในเมื่อใจของเรายังนึกไม่ได้ เราพูดด้วยความมั่นใจมากนะว่าถ้าคนถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่ผีหลอกไม่ได้ ถ้าเรามั่นใจในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ผีหลอกไม่ได้หรอก เพราะอะไร เพราะมันเข้ามาหาเราไม่ได้ แต่เพราะเราไม่จริงไง เราคิดแต่สักว่าไง เป็นชาวพุทธพูดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ก็พูดแต่ปากไง แต่ปากก็ว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ใจก็ “ผีมาหรือยังวะ ผีมาหรือยังวะ” มันวิตกวิจารณ์ไป มันไม่ออกมาจากใจ มันไม่จริง ความไม่จริงของเรา เราเป็นคนไม่จริงต่างหาก แล้วเราก็ไปโทษว่า “พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึกพึ่งไม่ได้ พึ่งไม่ได้”...พึ่งไม่ได้เพราะเราไม่เอาจริงไง

เราอยู่เมืองจันทร์นะ ลูกศิษย์ของพระกรรมฐาน สามพี่น้องเขาไม่มีครอบครัวนะ แล้วเขาทำการเกษตร เขาทำเงาะ รอบข้างเขาใช้สารเคมีฉีดกันหนอนกันหมดเลย แกใช้น้ำเปล่า เอาน้ำมนต์ มาอุโบสถ์นี่ก็ไปหา แล้วก็ให้ตั้งในน้ำมนต์นะ แล้วแกเอาน้ำเปล่าๆ ไปพรมต้นไม้ของแกนะ แล้วเงาะแกก็มีผล

เขาฉีดยาฆ่าแมลงเต็มไปหมดเลย รอบข้างนี่ สัตว์ แมลงนั้น เชื้อนั้นก็ต้องมาอยู่ที่สวนของเขาสิ ทำไมไม่อยู่ล่ะ? นี่เพราะความมั่นใจของเขา แล้วเราไปถามเขานะ เราไปหาเขาอยู่ เขาเป็นลูกศิษย์พระกรรมฐาน เขาจะนิมนต์พระไปฉัน ถามว่า “โยมทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”

“จริงๆ”

“แล้วโยมมั่นใจได้อย่างไร โยมไม่กลัวเหรอว่าเขาฉีดสารเคมี ไอ้พวกแมลงนี่มันต้องมาอยู่ในสวนของโยมหมดเลย”

“ถ้ามันจะหมดตัว ให้มันหมดตัวไป เพราะมั่นใจในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์”

แกเอาน้ำธรรมดานี่แหละไปพรมสวนของแก สวนเงาะแกนี่ แล้วผลไม้ก็เสมอเขา จะดีกว่าเขาอีกต่างหากด้วย คนอื่นต้องใช้สารเคมี ต้องใช้ตัวเร่งนะ แกใช้น้ำธรรมดานี่ น้ำมนต์ของเรานี่แหละ เพราะแกเชื่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราถึงมั่นใจไง ถ้าคนถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่ผีไม่หลอก แล้วมันจะทุกข์จะยาก ทุกข์ยากนี้เพราะกรรมของเรา จะไปโทษพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไม่ได้ เราสร้างของเรามาอย่างนี้

พระสีวลี ทำไมร่ำรวยมหาศาลล่ะ? เพราะท่านทำของท่านมา เวลาที่พระอรหันต์ที่ว่าฉันข้าวไม่เคยอิ่มเลย ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ นี่มันเป็นอย่างนั้น เพราะกรรมของเราเอง เราจะปฏิเสธไม่ได้หรอก เวลาทำ ทำไมเราทำล่ะ แล้วปัจจุบันนี้น้อยเนื้อต่ำใจมันก็จะทำอีก แล้วก็จะไปทุกข์เอาข้างหน้า ไปทุกข์เอาข้างหน้า แล้วทุกข์ปัจจุบันนี้ก็ปฏิเสธมัน ก็เราทำมาอย่างนี้นี่ คนเขามั่งมีศรีสุขเพราะเขาทำของเขามา แล้วถ้าเขามีสติ ปัจจุบันนี้เขาสร้างของเขาดีขึ้นไป เขาก็ไปดีของเขาอีก เราทุกข์จนคนเข็ญใจขึ้นมาก็ช่างหัวมัน เราก็ทำของเราขึ้นไป เราเชื่อไง เชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อใจของเรา เราทำใจของเราเพื่อเรา

วันนี้วันพระนะ เราตั้งใจของเรา ปรารถนาตั้งเจตนาให้มีศีลให้มีธรรม ให้มีการประพฤติปฏิบัติ ให้มีพุทโธในหัวใจของเรา ให้มีสติสัมปชัญญะ รักษาใจของเรา ใจคือนิ้ว แล้วหาแหวนเพชรมาใส่มัน ถ้าใส่มัน จะสวยงามตามประสาโลก เรามีเพชรคือธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเพชร มีทอง มีจินดาต่างๆ จะประดับใจของเรา ถึงที่สุดใจแล้วใจมันเป็นเพชรเอง มันไม่ต้องการสิ่งใดเลย มันมีความสุขของมันโดยวิมุตติสุขในใจดวงนั้น จะประเสริฐที่สุด เป็นเป้าหมายของเรา ถ้าเราทำถึงก็เป็นประโยชน์กับเรา

ถ้าเราทำไม่ถึง เราก็สร้างบารมีของเราไป เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างบารมีมา ๔ อสงไขยแสนมหากัป ยังสร้างมาได้ เรามีองค์ศาสดาเป็นที่พึ่ง ทำไมจะทำไม่ได้ ถึงต้องมีพุทโธ มีสติกับใจของเรา มีพุทโธนะ แล้วมีสติตลอดไป จะไม่เสียหาย ถ้าขาดพุทโธ ขาดสติ การประพฤติปฏิบัติสักแต่ว่าทำ แล้วจะไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะมันสักแต่ว่าทำ แล้วจิตมันจะส่งออกนะ

ถึงต้องมีพุทโธกับสตินี้ยอดเยี่ยมที่สุด ผู้รู้กับพุทโธนี่ยึดไว้ แล้วจิตมันจะพัฒนาขึ้นไปล้านเปอร์เซ็นต์ แล้วมันจะเป็นไปโดยธรรมชาติของมัน แล้วมันจะพัฒนาขึ้นมา จะเห็นจากใจดวงนั้นเป็นปัจจัตตังจัง เอวัง