เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ ส.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ผู้ที่เคยปฏิบัติ ผู้ที่เคยเข้าวัดป่าเขาจะเข้าใจเรื่องธุดงควัตรไง ธุดงควัตรนะ พระธุดงค์กรรมฐานหมายถึงธุดงค์ ๑๓ เช่น ถือผ้า ๓ ผืนเป็นวัตร ไม่มีผ้าอาศัย ถ้ามีผ้าอาศัยคือผืนที่ ๔ ขาดธุดงค์ เห็นไหม ถือผ้า ๓ ผืนเป็นวัตร ถือบังสุกุลเป็นวัตร บิณฑบาตเป็นวัตร ต้องบิณฑบาต

พระจำพรรษาปีนี้ ๑๐ องค์ แต่ปัจจุบันนี้อดอาหาร ๒ องค์ เห็นไหม แล้วบางทีอดอาหารทีครึ่งวัด อดอาหารเพื่ออะไรล่ะ เวลาอดอาหารขึ้นมา อดอาหารขึ้นมาเพื่อจะเร่งความเพียรไง เวลาเรากินอาหารมาก เวลาเรานั่งภาวนากัน ทำไมเรานั่งแล้วไม่สงบ เรานั่งแล้วมันไม่ลง การอดอาหารนี่เป็นอุบายวิธีการ อุบายวิธีการเพื่อจะให้มันเบาลง เห็นไหม นี่บิณฑบาตเป็นวัตร ถ้าไม่ฉันก็ไม่บิณฑบาต ถ้าจะฉันต้องบิณฑบาต เห็นไหม พระธุดงค์ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าไม่บิณฑบาตคือไม่ฉันไง จะยังไงก็ไม่ฉันถ้าเราไม่ได้บิณฑบาต ไม่ได้เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เห็นไหม สัมมาอาชีวะ

ถ้าสัมมาอาชีวะเลี้ยงชีพชอบๆ เลี้ยงชีพ เลี้ยงร่างกายนี้ เราเลี้ยงอาหารนี้เราก็บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง แล้วก็การปฏิบัติ เห็นไหม เลี้ยงหัวใจชอบ พยายามทำให้ชอบ ความคิดให้ถูกต้อง นั้นคือการบิณฑบาตเป็นวัตร แล้วก็ถืออาสนะเดียวเป็นวัตร นั่งฉันแล้วถ้าลุกจากอาสนะจะไม่ฉันอีก ถ้าทางภาคกลางเขาว่าถือเอกา แต่ถ้าไปดูธุดงควัตร เห็นไหม อาสนะเดียว ภาชนะเดียว อะไรเข้ามาก็ใส่บาตรหมด มีภาชนะเดียวไม่มีภาชนะสอง ถ้ามีภาชนะสองขาดธุดงค์ เห็นไหม

ธุดงควัตรนี้เพื่ออะไร ธุดงควัตร ๑๓ นะ จนไม่นอนกัน เมื่อคืนมีโยมมาภาวนาไม่นอนกัน ถือเนสัชชิกัน เห็นไหม เวลาเรานี่เราต้องนอนต้องกินต้องนอนเพื่ออะไร เพื่อดำรงชีวิตของเราไป แต่ในการฝืนทวนกระแส เห็นไหม ถือเนสัชชิไม่นอน ถือเอาอิริยาบถยืน นั่ง เดิน ไม่นอน ถ้านอนหมายถึงหลังแตะพื้นนี่ขาด ธุดงควัตรอยู่อย่างนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ อาหารที่ตามมานี้ถึงเป็นภัตรตามมา เห็นไหม ไม่รับภัตรที่ตามมา เพราะการถือธุดงค์นี้เพื่อเป็นการขัดเกลากิเลสไง เพื่อเป็นการขัดเกลากิเลสนะ

แต่กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรม มันหอมทวนลมไง ผู้ที่ทำดีจริง ทำประพฤติปฏิบัติจริง ยิ่งพยายามมักน้อยสันโดษ มันก็จะมีมา ลาภสักการะมันเป็นแบบนั้น แต่ต้องไม่ติดมันนะ ถ้าเราไปติดมัน เห็นไหม เวลาเราไปติดมันทำไมคฤหัสถ์เขามีผมนะ เขามีความเป็นอยู่ของคฤหัสถ์ เขานุ่งเสื้อผ้า ทำไมเขาสละสิ่งนี้ได้ล่ะ แล้วเราสละผม สละคิ้วใช่ไหม เราโกนผม โกนคิ้ว โกนทุกอย่างเลย โกนเพื่อประกาศตนว่าเป็นผู้เสียสละ แล้วทำไมมาติดสิ่งที่โยมเขาสละออกล่ะ

เราไปติดสิ่งนั้นเอง เห็นไหม นี่ลาภสักการะถ้าเราไปติดลาภสักการะ เราจะเอาตัวเองรอดไม่ได้เลย นี่เวลาหลวงตาท่านมาเยี่ยมนะ ท่านบอกเลย มันเหมือนนะ เหมือนเนื้อนาบุญ เห็นไหม เนื้อนาเวลาเขาไถหว่านไป เขาไถหว่านลงไปที่นาแล้วเขาได้ข้าว เขาได้สิ่งต่างๆ เขาเก็บเกี่ยวไป เห็นไหม นามันได้อะไร ได้แต่เศษข้าวที่ตกอยู่นั้น ได้แต่ฟางข้าว ภิกษุเป็นเนื้อนาบุญของโลก ภิกษุถ้าเป็นเนื้อนาบุญของโลกเขาหว่านดำลงไปแล้ว เขาจะได้ประโยชน์ของเขาหรือเปล่า ถ้าเขาได้ประโยชน์ของเขา เห็นไหม เขาได้ข้าว เขาได้สิ่งต่างๆ เป็นประโยชน์ของเขา

นี้ก็เหมือนกัน บุญกุศล เห็นไหม กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรมที่มันหอมทวนลมไปไง ทวนลมอย่างนั้นมันถึงเป็นสภาวะแบบนั้น สิ่งนี้เราต้องยอมรับ มันจะมีความลำบากบ้าง มีความขัดข้องบ้าง การขัดข้อง ถ้าเราไม่มีการขัดข้อง เห็นไหม ถ้าพูดถึงมีอุปสรรคถ้าเราไม่เข้มแข็งเราจะผ่านอุปสรรคนั้นไปไม่ได้เลย เราจะทำอะไรก็แล้วแต่มันจะมีอุปสรรค เห็นไหม อุปสรรคแม้แต่การทำงานก็มีอุปสรรค แล้วการประพฤติปฏิบัติเราจะเอาสะดวกสบายนะ กิเลสมันคิดมันคิดเข้าข้างตัวมันเอง เราปล่อยวางแล้ว เราจะสะดวกสบายแล้ว

เราปล่อยวาง จะต้องปล่อยวางไง ปล่อยวางแบบนอนจมไง นอนจมจนไม่ได้สิ่งใดเลย เราต้องฝืนทวนกระแสมันจะมีความขัดข้องบ้าง ความอะไรบ้าง บ้างเพื่ออะไร เพื่อ เห็นไหม การขัดใจคือการขัดกิเลส เราอยากเห็นกิเลสมาก เวลากิเลส เห็นไหม มันต้องการสิ่งต่างๆ มันต้องการแสวงหาของมัน มันดิ้นรนของมัน ทำไมเราไม่ฝืนมัน ถ้าเราฝืนมันนี่หัดฝืนมัน เราฝืนมันเริ่มจะหัดฝืนตั้งแต่ตรงนี้ไง ตรงมีขอบมีเขตมีการจำกัดมัน มีธรรมมีวินัยเข้าไปบังคับมัน บังคับมันแล้วต้องประพฤติปฏิบัตินั้น นี่ไง ปฏิปทาเครื่องดำเนิน เห็นไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมไว้นี่เครื่องดำเนิน ปฏิปทาเครื่องดำเนินหมายถึงถนนหนทาง เห็นไหม เครื่องบินถ้ามันบินอยู่แล้วไม่มีสนามบินมันจะร่อนลงได้ยังไง ไม่มีสนามบินร่อนลง เห็นไหม มันก็ไปร่อนลงบนถนน มันต้องไปชนกับรถนะ รถเขาวิ่งอยู่บนถนน สนามบินไม่มีทางลงก็ต้องไปเสี่ยงลงที่นั่น เห็นไหม นี่ก็เหมือนกัน ข้อวัตรปฏิปทาคือเครื่องดำเนินเพื่อให้เครื่องบินนั้นลงได้ เป็นถนนหนทางเพื่อจะให้เราประพฤติปฏิบัติได้ ปฏิปทาเครื่องดำเนินมันถึงเป็นความสำคัญไง ธรรมวินัยมันสำคัญตรงนี้ไง

แล้ววันนี้เป็นวันเข้าพรรษา เดี๋ยววันนี้พระจะอธิษฐานพรรษากัน แล้วพออธิษฐานพรรษาจะเริ่มตั้งกติกากับตัวเองไง ว่าจะทำอะไรบ้าง จะทำอย่างไร จะยกเว้นสิ่งใดบ้าง เห็นไหม นี่เริ่มต้นแต่เข้าพรรษาในประเพณีวัฒนธรรม เห็นไหม เดี๋ยวนี้เขาขึ้นป้ายไง พระชวนอดเหล้า ชวนอดบุหรี่ ชวนอดทุกอย่าง เห็นไหม นี่เป็นอบายมุข ในพรรษาทำไมเราอดได้ล่ะ เพราะอะไร เพราะเราตั้งใจทำคุณงามความดี แต่ในชีวิตของเราทำไมเราอดไม่ได้ล่ะ เราอดไม่ได้เพราะเราเป็นไปสภาวะแบบนั้นไง เราติดไปกับโลก เราปล่อยใจเราไง เราไม่มีขอบเขตไง

มันต้องมีหนักมีเบา ถ้าเวลาเข้าพรรษาขึ้นมาเราต้องมีการเข้าพรรษา พระแต่สมัยพุทธกาลเริ่มต้นไม่มีพรรษานะ ไปตลอดไป จนประชาชนเขาติเตียนไง ติเตียนไง ติเตียนเพราะในฤดูฝนเขาหว่านพืชไร่ของเขา แล้วพระไปเหยียบย่ำของเขา เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าช่วงนี้ช่วงที่ว่าโยมเขากำลังทำพืชไร่ของเขา เราจะต้องจำพรรษาไง จำพรรษาอยู่กับที่ให้เข้มแข็งให้หาข้อปฏิบัติเพื่อบังคับจิตใจตัว

บังคับจิตใจตัว เห็นไหม บังคับกิเลสคือบังคับเรา เห็นไหม ถ้ามีการบังคับเราศีล สมาธิ ปัญญา เวลาเราถือศีลๆ เราไม่ทำอะไรเลย เราไปถือศีล ศีลนี่ถ้าเธอถือศีลมันก็เหมือนกับวัตถุสิ่งหนึ่ง วัตถุสิ่งหนึ่งมันไม่เคยทำผิดเลยนะ รถนี่มันจอดอยู่เฉยๆ มันไม่ทำผิดอะไรเลย เราขับรถต่างหาก เราไปประสบอุบัติเหตุต่างหาก เราไปชนเขาต่างหาก เขาชนเราต่างหาก เห็นไหม

เราขับออกไป เราขับเคลื่อนไป เห็นไหม ถ้าเราถือศีล ศีลมันก็เป็นการปกติอยู่ มันก็เหมือนรถจอดอยู่เฉยๆ มันต้องมีธรรมด้วย ไม่ทำลายสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์ ต้องเมตตาสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์ เราต้องมีความเมตตา เราต้องให้ความเอื้อเฟื้อกับเขา เห็นไหม เราไม่ลักทรัพย์ เราก็ต้องแสวงหาทรัพย์ของเราขึ้นมา เราไม่ผิดลูกเมียเขา แต่ในครอบครัวของเรามันก็เรื่องธรรมชาติของคฤหัสถ์ไง ธรรมของคฤหัสถ์ผู้ที่ยังผู้ครองเรือนอยู่ สิ่งนี้มันไม่ผิดศีลเพื่อให้ความดำรงชีวิตอยู่ได้ไง

แต่เราถือศีล ๘ พรหมจรรย์ เห็นไหม แล้วศีล ๒๒๗ ขึ้นไป เรื่องอย่างนี้มันเป็นการบังคับขึ้นมาเลย มุสาไม่พูดปด เห็นไหม คิดผิดมันก็พูดปดตัวเองแล้ว ตัวเองคิดผิด ตัวเองหลอกตัวเอง เห็นไหม นี่ตั้งใจจะตั้งสัจจะว่าจะถือเนสัชชิ จะเดินจงกรม จะนั่งภาวนาทั้งคืนเลย ทำไปไม่รอด เห็นไหม นี่ผิดเสียสัจจะ ไม่มุสา ไม่ดื่มของสุราเมรัย นี่ถือศีลอย่างนั้นขึ้นมาแล้วเราต้องพยายามสร้างสมให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาด้วย นี้เวลาการอดอาหารมันจะไปสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแรงขึ้นมาได้อย่างไร

ถ้าร่างกายแข็งแรงนะ แต่หัวใจอ่อนแอ มันก็ไปไม่รอดนะ คนเราร่างกายอ่อนแอแต่หัวใจเข้มแข็งขึ้นมา เห็นไหม การเข้มแข็งขึ้นมาคือการฝึกใจขึ้นมาไง นี่วันนี้วันเข้าพรรษาแล้วพระเขาจะเริ่มประพฤติปฏิบัติ แล้วประเพณีวัฒนธรรมของชาวพุทธก็เหมือนกัน ในเข้าพรรษาเราจะเริ่มต้นทำคุณงามความดีของเราอย่างไร เราจะทำคุณงามความดีของเรา การประกอบสัมมาอาชีวะเราก็ต้องประกอบสัมมาอาชีวะไป แต่ในเมื่อเข้าพรรษานี้เราก็จะต้องนั่งภาวนาให้มากขึ้น เราจะสวดมนต์ให้มากขึ้น เราจะทำอะไรของเรานี่ การปฏิบัติบูชานะ

เวลาเราคนทุกข์คนจนบอกเราเป็นคนทุกข์คนยาก เวลาทำบุญๆ จะเอาอะไรไปทำ เราไม่มีสิ่งของที่ไปทำบุญกับเขา เราเป็นคนไม่มีวาสนา ไม่มีวาสนาแล้วไม่มีลมหายใจหรือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ เห็นไหม ตอนจะปรินิพพาน บอกว่าให้ปฏิบัติบูชา อามิสบูชาการให้ทานนี่เป็นทานอามิสนะ เป็นอามิสเพราะอะไร เพราะคนมันหยาบ เพราะคนมันหยาบสิ่งที่แสดงออกให้ใจมันมีความสุขมันหาได้ยากไง มันถึงต้องมีการสละออกไป มันถึงเป็นความสุขขึ้นมา เห็นไหม

แต่ถ้าในการปฏิบัติบูชา ปฏิบัติ...เราควบคุมใจของเรา เรามีศีลขึ้นมา เราไม่หลอกตัวเอง เราไม่ผิดศีลในหัวใจของเรานะ อธิศีลคือความคิดผิด ความคิดถูก เลี้ยงชีพชอบจากภายในนี่ แล้วเราตั้งสติของเราขึ้นมา ความสงบเข้ามา สงบเข้ามา เห็นไหม ปฏิบัติบูชา ความสุขที่ว่าไม่ต้องสละสิ่งใดเลย เพียงแต่สละกิริยาเท่านั้น กิริยาที่ว่าเราจะเคลื่อนไหวตามปกติของเรามานั่งสมาธิ เราทำของเราอย่างนี้จะทุกข์จนเข็ญใจไม่สำคัญ คนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิด คนเราไม่ได้ดีเพราะชาติตระกูล คนเราดีเพราะการประพฤติปฏิบัติ คนเราดีเพราะการขัดใจของตัว คนเราดีเพราะการขัดฝืนใจตัว ฝืนความกระทำของตัวเอง ฝืนเข้าไปให้ถึงจุดหัวใจนะ

คนดีดีเพราะการกระทำ คนดีเพราะกรรม เห็นไหม กรรม กรรมดี เวลาเกิดกรรมพาเกิด กรรมทำให้เราเกิดมาตลอดไป แต่ถ้าเรากรรมพาเกิดขึ้นมา เกิดมาแล้วเราจะทำมืดมาสว่าง สว่างไปมืดล่ะ คนทุกข์คนจนเข็ญใจลูกประสบความสำเร็จก็มี ลูกไม่ประสบความสำเร็จก็มี คนร่ำรวย คนเศรษฐี คนมีฐานะ ลูกประสบความสำเร็จก็มี เห็นไหม คนดี คนร่ำรวย คนเข็ญใจนี้มันไม่ใช่เป็นผลโดยความสุขในหัวใจ มันเป็นสิ่งที่ว่าอำนาจวาสนาบุญบารมีจากอามิส จากการทาน จากการสละ จากการกระทำของเราขึ้นมา เราเคยกระทำขึ้นมามันถึงมี

ถ้าเราไม่เคยกระทำขึ้นมา เห็นไหม เราจะเข้าธนาคารแล้วก็กด กดเงิน เห็นไหม ให้เงินออกมาได้ไหมถ้าเราไม่ได้ฝากไว้ เราไม่ได้ขอเครดิตเขาไว้ นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อเราไม่เคยปฏิบัติมา เราไม่มีบัญชีของเรา เราจะออกมาได้อย่างไร แต่ถ้าเรามีในบัญชีของเรา เห็นไหม มันออกมาได้ เราเบิกได้ เราใช้ได้ เราแสวงหาได้ เรามีเครดิตของเราได้

นี้ก็เหมือนกัน ถ้าใจเราดัดแปลงไปเดี๋ยวนั้น ธนาคารเราต้องไปฝากเขานะ เราต้องมีผู้รับมีผู้ให้ อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าใจของเราสิ่งบุญกุศลมันสะสมมาที่ใจ แต่มันเกิดจากใจเราทั้งนั้น ใจเราเป็นคนแสวงหา ใจเราคนกระทำแล้วมันก็ตกผลึกอยู่ที่ใจนั้น พอตกผลึกอยู่ที่ใจนั้น เห็นไหม ถึงจังหวะถึงโอกาสมันเป็นไป คนดีนะ ถึงที่สุดแล้วมันจะบุญกุศลมีการพาไป เห็นไหม

นี่ถึงว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์สำคัญที่สุด สำคัญตรงไหน สำคัญที่ว่าในเมื่อเรามีพระธรรม เห็นไหม เรามีศีล เรามีสมาธิ เรามีปัญญา มีศีลเวลาทำความผิด เห็นไหม เหมือนกับนะ ในพระไตรปิฎกบอกว่าก้อนหินถ้าเขาโยนลงแม่น้ำลงน้ำ มันจะจมน้ำทันที แต่ถ้ามีเรือรองรับล่ะ ก้อนหินนี่มันตกอยู่ในเรือ

ใจของเราก็เหมือนกันถ้ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันจะมีเรือรับ สถานะของความรองรับไง มีศีลนี้ไง มีศีลนี้ไง มีศีล มีความประพฤติปฏิบัติ มีบุญกุศลอันนี้รองรับไง ถ้ารองรับมันทำให้หัวใจนี้สว่าง จะทำอะไรมันมีสติมีสัมปชัญญะของมันขึ้นมา เราถึงต้องตั้งใจของเราขึ้นมา ตั้งใจเพื่อเราเอง เราต้องประพฤติปฏิบัติเอง

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งผู้มีปัญญา ศาสนาพุทธนี่ลำบากมาก จะทำอะไรเป็นเรื่องของกรรมของการกระทำทั้งหมด การกระทำแต่หยาบๆ เห็นไหม เด็กมันก็การกระทำ ประเพณีวัฒนธรรม เราอยู่เฉยๆ เราจะไม่ได้อะไรหรอก เกิดขึ้นมาแล้วต้องมีทาน มีศีล มีภาวนา ทาน ทานที่ไหน ทานที่เราพอใจ ศีลเกิดที่ไหน ศีลเกิดที่จากวิรัติขึ้นมาจากหัวใจของเรา สมาธิเกิดขึ้นมาจากไหน เกิดขึ้นมาจากเราตั้งใจทำของเราสงบขึ้นมา

แล้วปัญญาเกิดขึ้นมาจากไหนล่ะ ปัญญาที่ทำให้พ้นทุกข์ ทุกข์ๆๆ อยู่นี่ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะการเกิดไง เพราะมีเราเราถึงทุกข์ เพราะมีสถานะอันนี้ขึ้นมาถึงทุกข์ เพราะมีเรารับรู้โลกทั้งหมดถึงทุกข์ แต่ถ้าไม่มีเราล่ะ ไม่มีเรา เห็นไหม ไม่มีเราในตัวตนนะ แต่มันมีจิต ไม่มีเราแต่มีใจดวงนี้ ใจดวงนี้จะไม่มีการสูญสลาย ถ้ามีเราเพราะเรายึดมั่น แล้วเราก็ทุกข์ยากไปเพราะมันต้องทุกข์ไปกับใจดวงนี้

แต่ถ้าทำตัวตนของใจดวงนั้นหมดไป ใจก็มีไง ใจนี้ไม่สูญสลาย มันมีอยู่ในวิมุตติอยู่ มันมีของมัน มีความสุขของมัน เห็นไหม นี้คือการกระทำของเรา ในการแสวงหาของเรา เราแสวงหาตรงนั้น เวลาทุกข์ไม่ต้องบอกกันนะ เวลาให้หันหน้าเข้าหากันจะบอกว่าทุกข์นี่คุยกันได้ทั้งวันเลย ทุกคนทุกข์หมดเลย จะบอกว่าสุข เราก็บอกว่าเราไปเสพสุขตามประสาทางโลก แต่สุขเกิดจากการประพฤติปฏิบัติ สุขเกิดจากใจไม่มีใครเคยเห็นไง

ถ้าทำสมาธิขึ้นมาสุขเกิดจากใจ ของง่ายๆ ของอยู่กับตัว อยู่กับปลายจมูก อยู่กับลมหายใจเข้าออกนี่หาไม่เป็น แต่จะหาความสุขกับทางโลก พยายามแสวงหาทุกข์ทั้งนั้น แต่เวลาความสุขที่อยู่ปลายจมูก ความสุขอยู่กับตัวเราเอง ความสุขเกิดจากความสงบ เห็นไหม คนเขาบอกว่าการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการอยู่บ้าน การนอนอยู่ที่บ้านคือการพักผ่อนดีที่สุดไง เราพักผ่อน เราต้องแสวงหา เราต้องเที่ยวไปให้มันเหนื่อยให้มันยาก เห็นไหม แต่การพักผ่อนคือเราอยู่ในบ้านเรา แล้วเราพักผ่อนนอนในบ้านเรา สิ่งนี้เป็นความพักผ่อนที่ดีที่สุด

หัวใจก็เหมือนกันอยู่ในร่างกายของเรา ถ้าเราเจอหัวใจของเราแล้วเราประพฤติปฏิบัติหัวใจของเรา เราควบคุมใจของเราได้ มันพอใจไง อยู่ที่ไหนก็พอใจ อยู่บ้านเราก็พอใจ อยู่ที่ไหนก็มีความสุข มีแต่ความสุขไปทั้งนั้น ความสุขของดวงใจดวงนั้น เห็นไหม ความสุขของใจนั้นเหมือนกับร่มโพธิ์ร่มไทรไง นกกามันจะอาศัยเพราะอะไร เพราะไม่เบียดเบียนตน ถ้าต้นไม้ที่มีผลไม้มาก นกกามันกินผลไม้นั้นได้ ถ้าต้นไม้นั้นไม่มีผลไม้นั้นเลย นกกามันจะไปกินอะไรล่ะ

ใจที่ไม่เบียดเบียนตนแล้วมันเป็นธรรมอย่างนั้น แล้วเป็นประเสริฐอย่างนั้น มันเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรกับชาวพุทธของเรา ถ้าชาวพุทธเรามีที่พึ่งอาศัยอย่างนี้ มันจะทำให้เข้ามาหาความสุขจากตัวของเรา ความสุขจากตัวของเรา ความผิดของเราสำคัญที่สุด ความผิดความถูกของเรา ถ้าเราค้นคว้าเห็นความผิดความถูกของเรา เราค้นคว้านะ เราเห็นของเรา ทุกคนจะต้องเห็น ถ้าเราทำลายความผิดของเราในหัวใจทั้งหมด แม้แต่เราค้นคว้าใจของเราก็ไม่มีความผิด ใครมันจะค้นคว้าความผิดของเราได้ มันเป็นไปไม่ได้ เห็นไหม มันถึงอาจหาญถึงรื่นเริงในสถานการณ์ต่างๆ มันเป็นไปได้ ใจของผู้ที่มีความสุข เห็นไหม

วันนี้วันเข้าพรรษา วันที่เริ่มต้นทำคุณงามความดี เราจะตั้งกติกากับเราอย่างไร เราจะทำคุณงามความดีอะไร ให้ตั้งวันนี้นะ วันนี้วันเข้าพรรษา แล้วจะอยู่กันอีก ๓ เดือน ออกพรรษาแล้วจะเป็นวันมหาปวารณา ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมา เราจะตักเตือนกัน ตักเตือนกันเพื่อความดีต่อๆ ไป เพื่อให้ถึงที่สุดของความทุกข์ได้ เอวัง