เทศน์เช้า วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
วันนี้วันวิสาขบูชา เป็นวันประสูตินะ เกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วก็ตรัสรู้ด้วย แล้วก็ปรินิพพาน เป็นเจ้าของพุทธศาสนา ความกตัญญูรู้คุณนะ เรากตัญญูรู้คุณพ่อแม่ เห็นไหม เป็นเครื่องหมายของคนดี อันนี้ก็เหมือนกัน เรากตัญญูกับองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าเป็นเครื่องหมายของคนดี แล้วเรากตัญญูกันที่ไหนล่ะ เรากตัญญูก็เพื่อเราไง
ศาสนาสอนลงที่หัวใจของมนุษย์ นี่เวลาเราว่าเราเป็นชาวพุทธ แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในตู้พระไตรปิฎก เราไม่เคยศึกษา เราไม่เคยเล่าเรียนเลย เราไม่เคยรู้นะ แม้แต่ว่าชาวพุทธเราต้องมีศีล ศีล ๕ เห็นไหม ถ้าเราไม่ดื่มสุรา เราไม่ฆ่าสัตว์ เราไม่เบียดเบียนกัน จะมีความสุขมาก ถ้าเราเป็นพ่อแม่ พ่อแม่ในบ้านนะ ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน ลูกๆ จะมีความสุขมาก แต่ถ้าพ่อแม่มีปัญหากัน ลูกจะมีความทุกข์มีความกังวลในหัวใจ
ถ้าศาสนาไม่อยู่ในตู้พระไตรปิฎก เห็นไหม ศาสนามาอยู่ในใจของเรา ถ้าศาสนามาอยู่ในใจของเรา เราต้องประพฤติปฏิบัติ เราเป็นชาวพุทธ นี่วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ถึงวางธรรมอันนี้ไว้ให้เราก้าวเดินไง เมืองไทยของเรานี่นะ สมัยสุโขทัยนี่ ๗๐๐ ปีเท่านั้นนะ ศาสนานี่ ๒,๕๐๐ กว่าปี แล้วเมืองไทยเรา ๗๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ปี ว่าอย่างนั้นเลย แล้ววางศาสนาไว้มั่นคงขนาดนี้ แล้วมันเป็นศีลธรรม เป็นจริยธรรม เป็นประเพณีของชาวพุทธ เห็นไหม นี่การให้อภัยกัน การมีความบาดหมางกัน การให้อภัยกัน ถึงจุดหนึ่งแล้วสังคมจะไม่เดือดร้อนเหมือนกับลัทธิศาสนาต่างๆ ที่เขาจะทำลายกัน เขาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทำลายเผ่าพันธุ์ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ นี่ความคิดของเขา เขาสอนกันอย่างนั้นได้อย่างไร
ในเมื่อเราชาวพุทธ เห็นไหม นี่การจะชำระล้างเผ่าพันธุ์ มันต้องชำระล้างเผ่าพันธุ์ในหัวใจของเราสิ เวลาเราทุกข์เรายาก นี่ศาสนาพุทธบอกให้ชนะตนเองให้ได้ การชนะตนเองสำคัญกว่าการชนะคนอื่น การชนะคนอื่นนะ เรามีกำลังกว่าเราก็ชนะเขาได้ เรามีกำลังกว่า เห็นไหม เรามีเทคนิคสูงกว่า เรามีกำลังมากกว่า มันก็ชนะเขาได้
สัตว์ก็เหมือนกัน สัตว์ที่มันตัวใหญ่กว่า มันก็รังแกตัวเล็กกว่า นี่มันใช้กำลังของมันไง สิ่งที่ว่าโลกเมื่อก่อนนั้นต้องใช้กำลังกัน เพราะโลกยังไม่เจริญ เห็นไหม ผู้ที่มีกำลัง ผู้ที่เป็นหัวหน้าต้องมีกำลัง ต้องมีปัญญา ถึงจะพาสังคมของเขาผ่านพ้นจากวิกฤติต่างๆ มาได้ แต่ที่ว่าการจะค้นคว้าหาตัวเอง เราจะใช้ปัญญาอะไรล่ะ ปัญญาของเราเกิดจากที่ไหน ถ้าธรรมไม่อยู่ในตู้พระไตรปิฎกนะ ถ้าธรรมอยู่ในตู้พระไตรปิฎก เราก็ไม่ศึกษา เราก็ไม่ค้นคว้า แล้วเราก็ไม่สนใจนะ เราเป็นชาวพุทธ เป็นชาวพุทธ แต่ว่าเราเป็นชาวพุทธ แต่พระพุทธเจ้าสอนอะไรก็ไม่รู้ สิ่งต่างๆ อะไรก็ไม่รู้ ชาวพุทธเรานี่เลินเล่อมากเลย
คนเขาอยู่ทางยุโรปนะ เขาพยายามศึกษา แล้วเดี๋ยวนี่เรื่องการสื่อสารมันไปได้เร็วมาก เขานี่เขามีพร้อมทุกอย่างนะ เวลาเขาหาของเขา ประเทศของเขานี่มันจะมีการมีสวัสดิการต่างๆ แต่เขาก็มีความทุกข์ของเขา เขาตอบตัวเองไม่ได้นะ ว่าชีวิตนี้คืออะไร ชีวิตนี้คืออะไร ความทุกข์นี้คืออะไร เกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาแล้วก็ต้องตาย ไปลำบากมาก คนเราใครๆ ก็ว่าไม่อยากเกิด แต่ชาวพุทธของเรานี่มี มีเกิดแล้วมีดับ มีถึงที่สุดแล้วด้วย เพราะเกิดดับอยู่ที่เรา ถ้าเราเข้าใจตัวเราเอง เห็นไหม
นี่เขาถึงมาแสวงหานะ เขาพยายามแสวงหาของเขา แต่เราอยู่ของเรา เราก็ว่าอยากจะมี อยากจะเป็นแบบเขา มันจะมีเป็นอย่างเขาไม่ได้หรอก เพราะอะไร เพราะภูมิอากาศมันก็ไม่เหมือนกัน ความเป็นอยู่ก็ไม่เหมือนกัน ความจำเป็นของชีวิตก็ไม่เหมือนกัน ความจำเป็นของชีวิตของเรา เราเป็นเมืองร้อน เราก็อยู่ความเป็นไปของเรา เราจะไปเอาเครื่องแต่งกายของเขา เอาความเป็นไปของเขามาเพื่อจะใช้ให้สังคมเป็นแบบนั้น มันเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันอยู่คนละภูมิประเทศ
แต่ถ้าเราเข้าใจของเรา นี่ศาสนาเกิดเกิดตรงนี้ไง เกิดขึ้นในประเทศอันสมควร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดแต่ชมพูทวีป เห็นไหม พระอรหันต์ต่างๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไปก็มาเกิดชมพูทวีป เกิดชมพูทวีปเพราะมันมี 3 ฤดู เห็นไหม นี่มันมีความเปลี่ยนแปลง มีความเป็นไปของสิ่งต่างๆ ให้เราค้นคว้าจะเข้ามาถึงไง ก็ว่ามันมีความเปลี่ยนแปลง เช่น พายุมา เช่น ถึงเวลาแล้งขึ้นมา เห็นไหม ต้องขวนขวายตลอดเวลา ต้องหาแหล่งน้ำไว้ เวลาหน้าแล้งเราได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ เราจะอยู่ถึงหน้าฝน เราจะหาอะไรไว้เพื่อเป็นไปของเรา
สิ่งนี้มันจะต้องแสวงหามาเป็นของเรา ถ้ามันแสวงหา เห็นไหม เพื่อดำรงชีวิตไง นี่ชีวิตมันจะขาดแคลน ชีวิตนี้พร่องอยู่เป็นนิจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าพร่องอยู่เป็นนิจนะ คนเราจะร่ำรวยมหาศาลขนาดไหน แต่มันก็ต้องการ ต้องการให้มากไปกว่านั้น ใจมันพร่องอยู่เป็นนิจ เห็นไหม นี่ความทุกข์มันเกิดจากตรงนี้ไง เราแสวงหาเพื่อความสุข เพื่อความสบาย เราว่าสิ่งที่เราแสวงหานะ มันจะบรรเทาความทุกข์ของเราในหัวใจ
มันบรรเทาได้แต่ร่างกายนะ ปัจจัย ๔ เครื่องอยู่อาศัย นี่เราทำบุญกุศลมาสิ่งนั้นมันก็จะได้มา ถ้าเราไม่ทำบุญกุศลของเรามานะ เราทำขนาดไหน มันก็ทุกข์ก็ยากไปอย่างนั้นนะ คนเรานะเกิดมาไม่เหมือนกัน เกิดมาเหมือนกัน คนเหมือนกัน ร่างกายมนุษย์ มนุษย์เหมือนกัน แต่หัวใจไม่เหมือนกัน โอกาสวาสนาก็ไม่เหมือนกัน นี้คือบุญกุศลไง
พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าบุญเด็กๆ เห็นไหม เริ่มการให้ทาน สิ่งที่เราทำไว้ เราจะได้สิ่งที่สมความปรารถนา เราทำไว้ไง คนเรานะ เป็นคนดั้งคนดี ศีลนี่หอมทวนลมไง เขาจะร่ำลือไป เห็นไหม นี่ถ้าเราเป็นคนดีของเรา เราดีของเราอย่างนั้น เราทำคุณงามความดีของเราอย่างนั้น เราจะทำอะไรก็มีคนช่วยเหลือไง มีคนช่วยเหลือ ตกทุกข์ได้ยากมันจะมีคนมาคอยช่วยเหลือเรา มีคนช่วยเหลือเพราะเขาเห็นใจไง คนนี้เป็นคนดี
แต่ถ้าเราเป็นคนเกเร เห็นไหม นี่ข่าวมันก็เป็นไป แล้วเราก็จะเป็นทุกข์เป็นยากแก่เรา นี่เราถึงบอกทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไง แต่เราไม่คิดอย่างนี้ไง เราคิดว่าเราต้องการแสวงหา ต้องการให้ได้อย่างเรา ของของเราขึ้นมา นี่มันถึงเบียดเบียนกันเพื่อจะได้อย่างเดียว แล้วนิสัยมันก็เป็นสภาวะแบบนั้น แต่ถ้าเรานะ เราเป็นคนดี สิ่งนี้มันจะไม่ได้ก็จริงอยู่ มันจะพลัดพรากไปก็จริงอยู่ แต่คนเขาจะช่วยเหลือเราได้ เพราะคนนี้เป็นคนดี เห็นไหม นี่ถึงว่าต้องมีศีลไง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าให้มนุษย์ทุกคนมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ถ้ามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มันจะเอาตัวรอดของเราได้ไง เรากตัญญูกตเวทีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วางธรรมไว้อย่างนี้ไง ให้สังคมมีความร่มเย็นเป็นสุขแล้วตกผลึกมา สังคมชาวพุทธเรา ยิ้มสยาม ยิ้มออกมาจากหัวใจ ยิ้มสยามนะ เขาให้ความยิ้มแย้มของเราขนาดนี้ ยิ้มแย้ม ข้างนอกมันจะขาดแคลนขนาดไหน เห็นไหม โลกเจริญส่วนหนึ่ง ธรรมเจริญส่วนหนึ่ง ธรรมคือหัวใจของเราชุ่มเย็น เห็นไหม ในหัวใจของเราชุ่มเย็น เรามีความเป็นไปของเรา นี้คือธรรมในหัวใจของเรา ถ้าใจของเราชุ่มเย็น โลกก็ชุ่มเย็น ธรรมก็ชุ่มเย็น เราจะพอใจสิ่งนั้น
ทุกคนแสวงหาอดีตนะ อดีตที่ผ่านมา เห็นไหม เมื่อก่อนเราเล็กๆ อยู่ กระแสน้ำต่างๆ ความเป็นอยู่ของภูมิประเทศมันจะมีความสุขความสบายมาก แต่เดี๋ยวนี่ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ มันจะเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ไปตลอด เพราะอะไร เพราะโลกนี้เป็นอจินไตย มันต้องแปรสภาพของมันเป็นอย่างนี้ คนจะเกิดมาเป็นอย่างนี้ เพราะสภาวะกรรมเป็นอย่างนี้ กรรมเป็นอย่างนี้นะ มันเป็นไป มันขับเคลื่อนไป
ดูสิ มันเจริญขึ้นมาขนาดไหน ข่าวสารจะเป็นไปขนาดไหน เราจะรู้ทันหมดเลย แล้วมันจะรู้ทันกัน แต่ก่อนความเหลื่อมล้ำกว่าจะเป็นไป มันไปได้ระยะทางไกลมาก ชีวิตของเราถึงมีโอกาสหายใจไง เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีเจริญมาก คิดเดี๋ยวนี้กดเดี๋ยวนี้ไปได้ทั่วโลกเลย สิ่งที่ทั่วโลกเขาจะรู้หมดทุกอย่าง ไปได้ทั่วโลก เห็นไหม
ชีวิตของเรา กาลเวลามันบีบคั้นเข้ามา บีบคั้นเข้ามา แล้วเวลาบีบคั้นเข้ามา เราแสวงหาต่างๆ ปัจจัย ๔ เครื่องอาศัย ชีวิตนี้มีเวลาว่างมาก นี่เพราะอะไร เพราะมันสะดวกสบายไปหมด แต่ก่อนเช้าขึ้นมาจะกินข้าวต้องตื่นตั้งแต่ตี ๔ ต้องหุงหาอาหาร เดี๋ยวนี้กดปุ่มอย่างเดียว กดปุ่มอย่างเดียว เวลามันเหลือเฟือจนเราทุกข์ไง นี่อยู่ไปทำไม ชีวิตนี้น่าเบื่อหน่ายมาก ความเบื่อหน่ายเห็นไหม นี่เพราะอะไร
เพราะไม่มีหลักใจ เพราะว่าธรรมนี้อยู่ในตู้พระไตรปิฎก ธรรมนี้ไม่อยู่ในหัวใจของเรา ถ้าธรรมนี้อยู่ในหัวใจ สภาวธรรมมันละเอียดอย่างนี้ ละเอียดเรื่องของตัวเราทั้งหมดนะ ทำไมต้องให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสอน เรื่องในตัวเรา ทำไมเราไม่รู้เรื่องในตัวเราเลย เรื่องความคิดของเรา เรื่องความทุกข์ยากของเรา เรื่องของเราทั้งนั้น เราต้องแก้ไขของเราได้ ความที่เราทำอะไร เราเก็บเป็นความลับ ความลับของเรา ความลับของเรา
ความลับมันมีที่ไหน ความลับไม่มีในโลกนะ เพราะเราคิดอย่างไร เราแสวงหาสิ่งใด มันเผาใจเรา ใครไม่รู้ได้อย่างไง ทุกคนเขารู้หมดว่าเราคิดอย่างไง มันทุกข์ยากขนาดไหน นี่สิ่งนี้เราต้องศึกษา ถ้าเราศึกษา เห็นไหม เราฝึกหัด ทาน ศีล ภาวนา เราไม่รู้สักแต่ว่าทาน ดูอย่างเด็กๆ สิ เด็กๆ เห็นไหม เวลามันศึกษา เวลามันอยู่กับสิ่งที่มีชีวิต จิตใจมันจะอ่อนโยน เห็นไหม จิตใจอ่อนโยน
เด็กเดี๋ยวนี้เล่นเกมตลอด จิตใจจะแข้งกระด้างมาก จะเอาชนะคะคานกันตลอด ถ้าได้ชนะมันจะได้รางวัล สิ่งที่ได้รางวัล เห็นไหม นี่เราเชื่อเขาไง เราเชื่อสิ่งที่ว่าเชื่อทางธุรกิจ สิ่งที่ธุรกิจเขาต้องเอาออกมาล่อตลอดไป
แต่ถ้าเรามีหลักใจของเรานะ สิ่งนั้นเราก็ต้องเรียนรู้ เด็กเดี๋ยวนี้ต้องเรียนคอมพิวเตอร์ ต้องเรียนภาษา เรียนภาษาเพื่อจะให้ทันเขา สิ่งที่ทันเขานี้มันก็เป็นสิ่งที่เรียนไง แต่หัวใจเรามันทุกข์มันร้อนล่ะ เรียนมาคนเก่งกับคนดี คนดีหัวใจมันดี คนเก่ง เห็นไหม เก่งแล้วก็โกง มันก็หมดล่ะซิ หมดนะ สิ่งที่เก่งแล้วก็โกง แล้วในโลกนี้มันจะพออะไรให้มันโกงล่ะ โลกนี่มันยังไม่พอใจเลย เดี๋ยวนี้เขาจะไปเกิดสงครามอวกาศ เห็นไหม นี่ต้องไปเอาสิ่งที่ต่างๆ เพราะหัวใจมันปรารถนา มันจะยึดครองไปทั้งหมด แล้วมันจะสมความปรารถนามันไหมล่ะ นี่ความเร่าร้อนอย่างนี้เผาใจไปตลอดนะ
แต่ว่าโลกเจริญ สิ่งที่เจริญนี้มันเป็นเรื่องว่าโลกนี้เป็นอจินไตย มันจะแปรสภาพของมันตลอดไป มันเจริญขนาดไหน เราก็อยู่ในโลก เราต้องเป็นไป นี้เป็นผู้ที่มีหน้าที่บริหารเพื่อการปกครอง แต่ในเรื่องศีลธรรมอยู่ในหัวใจของเรา ถ้าเราเป็นชาวพุทธ เรามีศีลธรรม เรามีความสุขของเรา สิ่งนี้สำคัญกว่า ถ้าทุกคนมีความสุขอยู่ เห็นไหม ประเทศนั้นจะมีความร่มเย็นเป็นสุขมาก ถ้าประเทศนั้นมีความร่มเย็นเป็นสุข เราก็มีโอกาสได้หายใจ เราอยู่ในประเทศอันที่ว่าไม่มีปัญหา เราจะมีความสุขของเรา นี่เกิดในประเทศอันสมควร
เวลาคนเขาไปเที่ยวเมืองจีนกันนะ ดูสิ คนเวลาวันหยุดของเขา คนเขาแน่นไปหมดเลยนะ เขาแย่งกันกินแย่งกันใช้ขนาดไหน มันเป็นสภาวะแบบนั้น แต่ของเรานี่สบายๆ ตลอดนะ นี่ทำอะไรก็เป็นชาวพุทธ คิดอย่างคนไทยคิดแบบสบายๆ ตลอดไป เพราะศาสนาสอนไว้อย่างนี้ ศาสนาสอนไง ถึงบอกว่าสมัยก่อนนะ บอกว่ามักน้อยสันโดษ จอมพลสฤษดิ์ห้ามสอน มักน้อยสันโดษทำให้คนขี้เกียจ นี่สิ่งที่ขี้เกียจอันนั้นมันเป็นนิสัยของคน คนขยัน คนก็มี
มักน้อยสันโดษคือว่ามันไม่เบียดเบียนกัน ไม่เอาเปรียบ เอารัดเอาเปรียบกัน แต่เวลาความขยันหมั่นเพียร ความเพียรชอบ พระเวลาบวชมาแล้ว เห็นไหม นี่ครูบาอาจารย์นะนั่งตั้งแต่หัวค่ำยันสว่างนี่ มันไปมักน้อยสันโดษตรงไหน ทำไมความเพียรมันเข้มแข็งขนาดนั้น เดินจงกรม ๗ วัน ๗ คืน เห็นไหม หลวงปู่ตื้อนั่งที่ ๗ วัน ๗ คืน ทำได้ขนาดนั้น อย่างนี้หรือมักน้อยสันโดษ อย่างนี้หรือขี้เกียจ ถ้าขี้เกียจเอาชนะกิเลสไม่ได้หรอก คนเราต้องขยัน ต้องขยันมากกว่ากิเลสนะ กิเลสมันคิดได้มากขนาดไหน เราต้องขยันมากกว่ามัน เพื่อจะยับยั้งมันให้ได้ในหัวใจของเรา
ถ้ายับยั้งในหัวใจของเรา เราจะมีความสุขของเราขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนมาอย่างนี้ เราถึงกตัญญูกตเวที เราจะเวียนเทียนนะ เราเวียนเทียนเพื่ออะไร เวียนเทียนเพื่อกตัญญูกตเวทีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคิดเรื่องของเราที่เราไม่รู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้แล้วสอนมา ๒,๐๐๐ กว่าปี อยู่ในตู้พระไตรปิฎก พยายามเปิดเข้ามาในหัวใจของเรา ถ้าเปิดไม่ได้ เราถึงทำทาน เห็นไหม
เราเวียนเทียน เราเวียนเทียนเคารพ รอบแรกให้คิดถึงพุทโธๆ ธัมโม สังโฆ เห็นไหม รัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นแก้วสารพัดนึกของเรา ถ้าเรานึกได้ เราทำได้จริงจะเกิดจากหัวใจของเรา ถ้าแก้วสารพัดนึกเรานึกไม่จริง เราสักแต่ว่าทำ ชาวพุทธทะเบียนบ้าน เราจะมีแต่ความเร่าร้อนในหัวใจ
ถ้าชาวพุทธเกิดจากใจของเรา เราจะมีความร่มเย็นใจของเรา เอวัง