เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๙ พ.ค. ๒๕๕๓

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาเรามาปฏิบัติธรรม เราคิดว่าพอได้ปฏิบัติแล้วเราก็ได้ทำคุณงามความดี แต่คุณงามความดี มันยังมีมากไปกว่านี้อีก เวลาเราสวดมนต์ เห็นไหม ความดีที่ยิ่งๆ ขึ้นไปกว่านี้ยังมีอยู่ ความดีระดับนี้มันใช่ความดีไหม ใช่ เป็นความดี ถ้าเป็นความไม่ดีเขาก็อยู่กันทางโลกของเขา โลกของเขา เขาก็ว่าเป็นความดีของเขา แล้วเขาก็บอกว่าเขามีคุณงามความดีมาก เพราะอะไร เพราะเขาช่วยสร้างสรรค์โลก แต่ไอ้พวกที่ไปวัดไปวานี่เป็นไอ้พวกที่ไม่เอาไหน ไอ้พวกที่ไม่สู้สังคม ไอ้พวกที่จนตรอกจนมุมแล้วไม่มีทางไปก็ไปอยู่วัดอยู่วา นี่ความดีของเขา เขาคิดของเขาอย่างนั้น

แต่ถ้าความดีของเราล่ะ ถ้าเรามาอยู่ มาประพฤติปฏิบัติแล้ว ความดีที่จะเพิ่มมากขึ้นไปมันต้องมี ไม่ใช่ไหลลงต่ำ มันจะไหลลงไปเรื่อยๆ ดูสิ เวลาเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราเกิดมาโดยเป็นตัวตนของเรา แต่เวลาเราประพฤติปฏิบัติเราทำคุณงามความดี เราก็ทำแค่เฉพาะส่วน ถ้าทำเฉพาะส่วนมันแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก การทำเฉพาะส่วน เช่น สติ เช่น ทำสมาธิ เช่น ทำให้เกิดปัญญา มันเป็นการทำเฉพาะส่วน แต่เป็นเฉพาะส่วนเพื่อจะพัฒนาให้มันเข้มแข็งขึ้นมา เพื่อพัฒนาให้มันดีขึ้น ไม่ใช่พัฒนาให้มันเลวลง ถ้าพัฒนาให้เลวลง สิ่งใดที่เกิดขึ้นมาแล้วมันจะเลวลง คำว่าเลวลง เห็นไหม เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้ว ภาวนาไปแล้วจิตเสื่อม เป็นสมาธิแล้วก็เสื่อม จิตเสื่อม เพราะเหตุใด จิตเสื่อมเพราะไม่มีสติ จิตเสื่อมเพราะไม่มีการบำรุงรักษา พอได้สิ่งใดขึ้นมาแล้วก็เห่อเหิมทะเยอทะยาน เห่อเหิมทะเยอทะยานขึ้นไปมันก็เป็นเรื่องของกิเลสตัณหาทะยานอยากทั้งนั้น

แต่ด้วยความทะยานอยากใช่ไหม แค่ความเป็นเฉพาะส่วนมันก็ทำได้ “ทุกอย่างเรามีความรู้ เราทำเรื่องส่วนตัวของเรา เฉพาะส่วนเราทำได้” แต่ถ้าเข้าไปในสังคม สังคมเขาจะยอมรับไหม สังคมเขาไม่ยอมรับความเห็นของเราหรอก เขาต่อต้านด้วย นี่มันความเห็นเฉพาะของเรา มันไม่ใช่ของสังคม กว่าสังคมจะตกผลึกขึ้นมาจนเป็นความเห็นของเขา สังคมมันตกผลึกเป็นประเพณีวัฒนธรรม อันนี้มันอยู่ที่อำนาจวาสนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้นำ

ถ้าผู้นำวางรากฐานเอาไว้ วางรากฐานศีลธรรมจริยธรรมเอาไว้ แล้วเราก็บอกกันว่าจะถนอมรักษา จะรักษาศาสนา จะช่วยกันทำสังคายนา ก็โม้กันไปทั้งนั้น คิดแต่จะทำ แต่ตัวเองทำอะไร ศาสนามันอยู่ที่ไหน เวลาทำสังคายนาเวลารื้อค้นขึ้นมา รื้อค้นขึ้นมาทำไม รื้อค้นขึ้นมาเก็บไว้ในตู้ แล้วคนจะดีจะเลวนี่อีกเรื่องหนึ่ง แต่ธรรมะอยู่ในตู้ สังคายนามา พิมพ์หนังสือขึ้นมาเป็นโกดัง เอาไว้เผาตัวเอง เผาตัวเองให้มันตายไป แต่คุณงามความดีมันอยู่ไหน ตัวศาสนามันอยู่ไหนล่ะ นี่ไงต่างคนต่างจะรักษาศาสนา จะเผยแผ่ธรรม เรานี่แหละสติปัญญาของเรานี่แหละ เราเกิดมาโดยปฏิสนธิจิต เกิดมาโดยตัวตนของเรา เราเกิดมาเต็มๆ ในตัวตนของเรา

ขณะที่เราประพฤติปฏิบัติก็จำเพาะส่วน เห็นไหม ดูสิ เวลาเดิน เราต้องอาศัยเท้า เท้านี่มีประโยชน์กับเรามาก เท้าทำให้เราเคลื่อนไหวได้ จะกินข้าวก็อาศัยมือ เว้นแต่คนที่มือด้วน คนมือด้วนแขนด้วนเขาใช้เท้าตักอาหารแทนมือ เพราะอะไร เพราะเป็นความจำเป็นของเขา เหมือนกัน ถ้าเราประพฤติปฏิบัติของเรา เราทำของเราได้ทุกส่วน เราจะใช้ส่วนใดเพื่อประโยชน์กับเรา เราใช้ได้ทั้งนั้น เราใช้ได้รอบตัว แม้แต่ศีรษะของเรา เรายังใช้โขกได้ เรายังใช้เป็นอาวุธของเราได้ สิ่งต่างๆ มันจะใช้เป็นอาวุธของเราได้ ถ้าเราฝึกฝนของเรา เราจะเข้าใจการประพฤติปฏิบัติของเรา การประพฤติปฏิบัติของเรามันต้องพัฒนาขึ้นมา

นี่มันเรื่องของโลก เราอยู่กับโลก สิ่งปลูกสร้างทั้งหมด สร้างอยู่บนแผ่นดิน แผ่นดินก็เรื่องของโลก มันเป็นโลก เป็นภวาสวะ เป็นภพ เป็นแผ่นดิน แต่เราอาศัยเขาอยู่ แต่เราก็ไม่ได้อยู่กับเขาตลอดไป แผ่นดินยังอยู่ เราตายไปแล้วแผ่นดินก็ฝังซากศพเรา แต่จิตเราไปไหน โลกมันก็อยู่ของมันอย่างนี้

แล้วเราก็บอกว่าโลกเป็นใหญ่ ใครมาก็ต้องโอ๋ โอ๋ก็บ้านมึงสิ บ้านใครบ้านมัน ก็จะมาขัดเกลากิเลส ถ้าจะมาขัดเกลากิเลสเราก็ต้องขัดเกลาสิ เราไม่ต้องไปโอ๋ใครหรอก ใครจะไป ใครจะมามันเป็นผลของวัฏฏะ มันเรื่องของเขา มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรของเราเลย เรื่องของเราคือ เราต้องดูแลใจเรา เอาใจเราขึ้นมา เราจะมีหลักมีเกณฑ์ของเราขึ้นมา ถ้ามีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา ไอ้เรื่องอย่างนั้นมันก็เรื่องภายนอก ไอ้ที่มาโอ๋กันอยู่นี้มันคือเขาหลอกใช้ ถ้าโอ๋แล้วเราไปกินเหยื่อเขา เขาก็โอ๋ พอเขาเหยียบหัวได้นะ เขาจะเหยียบจมดินไปเลย แล้วเขาจะเอาตัวเขาเข้ามาเป็นใหญ่ เพราะอะไร เพราะเราไปเห็นโลกเป็นใหญ่ไง

ถ้าเราเห็นธรรมเป็นใหญ่ เรามีจุดยืนของเรา เรามีหลักการของเรา หลักการของเราก็คือศีลธรรม ข้อวัตรปฏิบัติ กติกาของที่นั่น ดูสิ วัตรปฏิบัติที่ไหน ที่นั่นก็เป็นที่นั่นต้องเป็นอย่างนั้น ใครเข้ามาก็ต้องปรับตัวเองเข้ามาสู่ข้อวัตรปฏิบัติอันนั้น ไม่ใช่ว่าเข้ามาวัดแล้วจะเอาข้อวัตรปฏิบัตินั้นมาสู่ตัวเอง ตัวตนเป็นใหญ่ใช่ไหม โลกเป็นใหญ่ใช่ไหม

มันต้องให้ธรรมเป็นใหญ่สิ ถ้าธรรมเป็นใหญ่มันคืออะไรล่ะ ธรรมวินัย เหตุและผลรวมลงเป็นธรรม เรื่องโลกๆ มันก็เป็นเรื่องของโลก มันมีมาอยู่อย่างนี้ โลกธรรม ๘ เป็นธรรมะเก่าแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสบกับเรื่องอย่างนี้มามหาศาลแล้ว เรื่องสรรเสริญเยินยอนี้ โลกมันมีมาแต่เก่า ของเดิมๆ แล้วจะไปตื่นเต้นอะไรกับมัน ไร้สาระ ใครจะติเตียน ใครจะติฉินนินทาด่าว่าอะไรก็เชิญตามสบาย แต่ขอให้เราทำอยู่ในหลักเกณฑ์ของเรามันก็พอแล้ว เพราะเราอยู่ในหลักเกณฑ์ของเรา เขาถึงติฉินนินทาใช่ไหม แต่ถ้าเราเป็นคนเลวทราม ใครมันจะมานินทามึง เพราะมันเลวทรามอยู่แล้วไม่ต้องไปนินทา เพราะมันเลวทรามในตัวมันเอง แต่ที่เขานินทานั้นเขานินทาใคร เขานินทาคนที่มีบารมีธรรมใช่ไหม เขานินทาคนที่สังคมยอมรับใช่ไหม เขาถึงนินทา แต่ถ้าเราไม่มีคุณธรรม เขาจะนินทาเราไหม

ลมปาก โลกธรรม ๘ มันเป็นของเก่าแก่ ไม่ต้องไปสนใจหรอก เพราะอะไร เพราะของเรามีความจริงอยู่ เพราะของเรามีคุณธรรมอยู่ มันถึงมีติฉินนินทา มันถึงมีโลกธรรม ๘ มีแรงเสียดสี แต่ถ้าเราเลวนะ ไม่มีใครมามองหรอก หันหน้ามามองยังไม่หันเลย หันหน้าไปทางอื่นสูดอากาศบริสุทธิ์ดีกว่า หันหน้าไปสูดอากาศที่มันเหม็นๆ ใครจะหันหน้าไปสูด

มันดีในตัวเราไง มันดีที่เรา มันดีที่การประพฤติปฏิบัติของเรา มันดีที่หัวใจของเรา ถ้ามันดีนะ แต่ถ้ามันไม่ดีล่ะ ดูสิ หลวงตาท่านพูดประจำ ใจของคนนี่มหัศจรรย์มาก ทำให้ดีก็ดีได้สุดยอด ทำให้เลวก็เลวได้สุดๆ ที่มันทำลายล้างกัน เห็นไหม อะไรที่ทำร้ายกันอยู่นี่ มันก็มาจากใจนั่นล่ะ มันมาจากความคิด มันมาจากการวางแผน มันมาจากการเห็นแก่ตัว มันมาจากความมักมาก มันมาจากความอยากใหญ่ มันทำร้ายเขาหมดเลย

แต่ถ้ามันมีคุณงามความดีล่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ดูพระโพธิสัตว์สิ เสียสละชีวิตนะ แม้แต่เป็นสัตว์ เป็นหัวหน้าลิง เวลาลูกน้องโดนเขาจะฆ่า ไปถึงหน้าผาแล้วไปไม่ได้นี่ ทอดตัวลงเลย เท้าข้างหนึ่งจับหน้าผาข้างนี้ มืออีกข้างหนึ่งจับหน้าผาข้างโน้น ให้ลูกน้องทั้งหมดเหยียบบนร่างนี้ไป ไปให้หมด แล้วเหลือเราเอาตัวรอดของเราเอง ถ้าหัวใจมันดี มันเสียสละได้แม้แต่ชีวิตของเขา เพื่อประโยชน์กับสังคม เพื่อประโยชน์กับโลก ถ้าใจมันดีมันเสียสละได้ทั้งนั้น แต่ถ้ามันเลว เห็นไหม มันดีมันเลวมันอยู่ที่ใจเรา แล้วไปตื่นเต้นอะไรกับรอบข้าง เขามาแล้วก็ไป ชีวิตเรามาแล้วก็ไป แล้วมันมีอะไรล่ะ มันมีอะไร มันไม่มีอะไร เราถึงไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งสิ้น

จิตของเรา ดูแลใจเรา ดูแลการประพฤติปฏิบัติของเรา เราก็อยู่ของเรานั่นแหละ มันไม่ใช่เห็นแก่ตัวนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นแก่ตัวไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียสละมา เห็นไหม ลูกเพิ่งคลอดนะ ลูกเพิ่งคลอดวันนั้น พ่อแม่ที่ใจเป็นสุภาพบุรุษ พ่อแม่ที่รักลูกมาก ลูกเพิ่งคลอดออกมา แล้วเข้าไปดูหน้าลูกไม่ได้ ดูสิ มันเจ็บช้ำน้ำใจแค่ไหน แล้วมันต้องไป ไม่ใช่ว่าโดนขับไล่ออกมานะ ตัวเองหนีเขาออกมา หนีบ่วงโซ่ทองคล้องใจ หนีโซ่ทองมา โซ่ทองนี่มันคล้องมา เห็นไหม ห่วงนางพิมพา ห่วงราหุล แต่ก็หนีออกมาด้วยหัวใจอันชอกช้ำ เพราะอะไร เพราะความรัก ความโหยหา แต่ต้องออกไปประพฤติปฏิบัติ ออกไปเพื่อเอาชีวิตนี้รอดก่อน

ถ้าเอาชีวิตนี้รอดไม่ได้ ตัวเองรอดไม่ได้ นางพิมพาก็รอดไม่ได้ สามเณรราหุลก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ พระเจ้าสุทโธทนะก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ อย่างนี้มันเห็นแก่ตัวไหม จะเอาอะไรมาเห็นแก่ตัว มีแต่การเสียสละ คนเห็นแก่ตัวมันมีแต่มาหลอกลวง สามเณรราหุลเกิดแล้วใช่ไหม โอ๋ รักมาก สามเณรราหุลรักมาก รักมากแล้วไง ไปหาพระเจ้าสุทโธทนะรักลูกมาก พ่อจะให้อะไรล่ะ ให้สมบัติใช่ไหม มันมีแต่หน้าไหว้หลังหลอก แล้วเวลาจะเสียสละก็บอกว่าเห็นแก่ตัว

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีจุดยืนของเรา เรามีคุณธรรมของเรา มันเห็นแก่ตัวตรงไหน เราจะคล้อยตามขี้ไหม เราเป็นผู้ใหญ่เราจะต้องสั่งสอนเด็ก เราเป็นผู้ใหญ่เราต้องมีจุดยืนของเรา ถ้าเราควบคุมเขาไม่ได้ เราสั่งสอนเขาไม่ได้ เขาเรียกว่า อุเบกขา ใช่ไหม มันเป็นกรรมของสัตว์ ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ตัวเราจะไม่เสียหลักการของเรา หลักการของเราต้องอยู่นะ หัวใจของเราต้องอยู่ ศีล สมาธิ ปัญญาของเราต้องอยู่ ถ้าใครดี ใครต้องการพึ่งอาศัย เขาจะได้ประโยชน์จาก ศีล สมาธิ ปัญญา จากหลักใจอันนี้ แต่ถ้าเขาเป็นคนพาล เขาจะไม่ได้พึ่งอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา สิ่งที่เป็นหลักใจอันนี้ เพราะเขาเข้าไม่ถึง เขาเข้าไม่ได้ แล้วศีล สมาธิ หรือแก่นธรรมอันนี้จะเคลื่อนตามเขาไปทำไม จะคล้อยตามเขาไปทำไม

เห็นไหม นี่ไง “บอกจะช่วยโลกจะแบกโลก ก็สอนฉันสิ ฉันเป็นคนทุกข์คนยากก็เมตตาฉันสิ” เมตตาตัวก่อน โคนันทวิสาล เห็นไหม ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน ถ้าตัวเองไม่ช่วยเหลือตัวเอง แล้วใครจะช่วยเหลือ โคนันทวิสาล เวลาใครดูถูก เวลาจะให้เขาไป เพราะฝึกมาดี ถ้าพูดด้วยการเหยียดหยามนะโคนันทวิสาลไม่ไปเลย สุดท้ายแล้วพอเขาแพ้พนัน เขาโดนยึดทรัพย์หมด เสียใจมาก โคนันทวิสาลบอกว่าจะแก้ตัวใหม่ แต่ต้องให้เจ้านายพูดด้วยคุณงามความดี ถ้าพูดด้วยคุณงามความดีจะลากไปได้หมดเลย เนี่ยโคนันทวิสาล ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน เทวดา อินทร์ พรหมจะช่วยเราต่อเมื่อเราช่วยตัวเองก่อน

เวลาเรานั่งสมาธิภาวนา เห็นไหม เวลาจิตเราสงบ เทวดา อินทร์ พรหมจะมาปกป้องดูแลเรา ดูแลเพราะอะไร ดูแลเพราะเขาได้บุญกุศลจากเราทั้งนั้น อยากได้บุญกุศล เขารู้ว่าอะไรคือบุญกุศลของเขา บุญกุศลคือจิตที่มันผ่องแผ้ว บุญกุศลอันนั้นคือการพ้นจากทุกข์ บุญกุศลคือหัวใจของเราที่มีความสุขนี้

แต่นี่มันก็เป็นบุญกุศลที่เขาเรียกว่า อามิส สิ่งที่เสียสละทาน เพราะอะไร เพราะเราหยาบ คนเราหยาบ เราเสียสละความรู้สึก เรายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องเสียสละด้วยวัตถุ เอาวัตถุนี้มาเสียสละกัน แล้วเสียสละมาเพื่ออะไร ก็เพื่อหัวใจ เพราะมันหยาบ มันยังทำใจไม่ได้ แต่ถ้ามันละเอียดขึ้นมาล่ะ ละเอียดขึ้นมา ก็ภาวนา

นี่ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ทานร้อยหนพันหนไม่เท่าถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง มีศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ามีสมาธิหนหนึ่ง มีสมาธิร้อยหนพันหนไม่เท่าเกิดปัญญาหนหนึ่ง เพราะปัญญานั้นมันจะทำให้ชำระกิเลสได้ ฉะนั้น เราทำทานร้อยหนพันหน ทำเป็นหมื่นๆ หน แล้วถ้ามีสมาธิขึ้นมาล่ะ ถ้ามีปัญญาขึ้นมา มันจะมีคุณค่ามากกว่าไหม แล้วเราเสียสละวัตถุกัน อู้หูย เสียสละมากนะ เอาสิบล้อเข้ามาดั้มป์เลย ๔-๕ คัน โกดังสินค้ามันมีมากกว่านี้ ไปดูท่าเรือคลองเตยสิ ท่าเรือคลองเตยมันจะทับมึงตาย มันเป็นวัตถุน่ะ ถ้าคนไปบ้ากับมันไปหลงกับมัน มันก็ไปตื่นเต้นกับมันไง

เราจำเป็นต้องใช้อย่างนั้นไหม เราจำเป็นจะต้องใช้มากขนาดนั้นเชียวหรือ เพราะไม่มีสิ่งใดเก็บไว้ได้เลย ทุกอย่างเป็นอนิจจังหมด อยู่ที่การบริหารจัดการของเรา ถ้าเราบริหารจัดการได้นะ แม้แต่วัตถุสิ่งของเล็กน้อย แต่เราบริหารจัดการให้ใช้ดำรงชีวิตของเราได้ตลอดไป แต่ถ้าของมีมากน้อยขนาดไหนแล้วเราบริหารจัดการไม่เป็น มันเน่าเสียหมด เพราะอะไร เพราะมันมีอายุของมัน วัตถุสิ่งใดมันก็มีอายุเท่าวัตถุสิ่งนั้น เวลาหมดอายุ มันก็ต้องเน่าสลายไปตามสิ่งนั้น

แล้วเราจะบริหารจัดการของเราได้อย่างไร เพราะเราสร้างของเราตลอดเวลา เห็นไหม ถ้าเราสร้างหัวใจของเราขึ้นมา เขาจะอาศัยเราได้ เป็นผู้ชี้นำ นี่ ธงชัย ไง ธงชัยของพระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ของเราเป็นผู้นำของเรา นำที่ไหนล่ะ จะนำกันลงวังน้ำวนใช่ไหม จะนำกันลงนรกอเวจีใช่ไหม หรือจะนำให้พ้นจากวังน้ำวน จะนำไปขึ้นสวรรค์ จะนำไปสิ้นภพสิ้นชาติ ถ้านำไปสิ้นภพสิ้นชาติมันไม่หวั่นไหวไง ไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรม ๘ ไม่หวั่นไหวไปกับลาภสักการะ

โมฆบุรุษตายเพราะลาภ อยากดัง อยากใหญ่ อยากให้คนนับถือ มันจะตายเกลี้ยง ตายเกลี้ยงเพราะอะไร เพราะเอาอกเอาใจเขาไง “โอ๋ กลัวเขาจะว่าคนนี้ไม่ดี” มึงอยากเป็นคนดี มึงก็โดนเขากระทืบ แต่ถ้ามึงเป็นความจริง เห็นไหม ต้องยืนอยู่บนสัจธรรมของเรา อยู่ในหลักธรรมของเรา หลักธรรมของเรามันเป็นสัจธรรม หลักธรรมมันมาจากไหนล่ะ มาจากปฏิสนธิจิต เราเกิดมาด้วยภพ เราเกิดมาด้วยองค์ประกอบที่ครบสมบูรณ์ ไม่ใช่จำเพาะส่วน

ในการประพฤติปฏิบัติจำเพาะส่วนกันก่อนเพราะอะไร เพราะเราอ่อนแอ เราทำของเราไม่ได้ เราไม่มีความสามารถพอ เราถึงต้องตั้งสติ เราก็ทำจำเพาะส่วนก่อน ยับยั้งก่อน สร้างฐานก่อน พอมีฐานมีรากขึ้นมา เราถึงสร้างองค์ประกอบขึ้นมา สร้างโครงสร้างขึ้นมา เห็นไหม เหมือนสร้างบ้านสร้างเรือน “โอ๋ย ถ้าสร้างบ้านสร้างเรือนนี่เป็นวิปัสสนึกนะ” ไม่เป็นความจริงหรอก เห็นไหม “ว่างไม่มีอะไรเลย ธรรมะไม่มีอะไรเลย เป็นนามธรรม ไม่มีหรอก” ไอ้ที่พูดกันอยู่นี่มันโม้ทั้งนั้น นั่นล่ะไม่เคยภาวนา อ่านพระไตรปิฎกค้นคว้าธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะคือความสงบเย็น สงบเย็นก็นึกให้มันสงบ แล้วมันก็เย็น ก็ควายไง ควายมันกินหญ้าเสร็จแล้ว มันก็นอนแช่น้ำอยู่นั่นน่ะ เดี๋ยวมันก็ไปกินหญ้าต่อ มันสงบแบบควาย

แต่ถ้ามันสงบแบบจริง มันจะเป็นความจริงของเราขึ้นมา มันจะเป็นจริงขึ้นมา มันต้องมีการสร้างฐาน มีสติ มีปัญญาขึ้นมา “สติก็เป็นสมมุติ โน่นก็เป็นสมมุติ สมาธิก็อนิจจัง ไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์อะไรเลย” นี่คือความคิดของเขานะ แต่ถ้าเรามีครูบาอาจารย์นะ พิสูจน์สิ ตั้งสติให้ได้ ทำสมาธิให้ได้ แล้วสร้างปัญญาให้ได้ แล้วปัญญาที่ขึ้นมานี้ มันจะเข้าใจตัวเราเอง

ถ้าเราไม่มีดี เขาจะไม่หันหน้ามามองเราหรอก แต่คำว่าดี ก็ไม่ใช่ติดดี ถ้ามีดี เอาดีเอาชั่ว ก็เหมือนกับเหยียบย่ำทำลายกัน ศาสนานี้ไม่ได้เหยียบย่ำทำลายกัน ศาสนานี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ แต่คนหยาบคนละเอียด คนหยาบนี้เราจะไปยุ่งกับเขาไม่ได้ มันเป็นภาระ มันเป็นเรื่องเดือดร้อน คนพาล คนหน้าด้านนี้ บัณฑิตเขาเบื่อนัก เราต้องไม่ใช่คนหน้าด้าน คนหน้าด้านเขาก็มาหน้าด้านกันอยู่อย่างนี้ แล้วเราก็ทนกันอยู่อย่างนั้น ทนอยู่กับคนหน้าด้าน มีหลักมีเกณฑ์สิ เราอยู่กับเรา ไม่ใช่เหยียบย่ำหรือดูถูกเหยียดหยามกันนะ ธาตุน่ะมันเป็นอย่างนั้น มันก็คือเป็นอย่างนั้น แล้วน้ำกับน้ำมันมันเข้ากันไม่ได้ ธรรมะมันเข้ากับกิเลสไม่ได้หรอก ธรรมะมันเข้ากับโลกไม่ได้ แต่ก็อยู่กับโลก อาศัยโลก ให้โลกมันร่มเย็นเท่านั้น แต่มันเข้ากันไม่ได้ เอาแต่อาศัยอย่างนั้น อึดอัดนะ แทบระเบิด ทนเอาฉิบหายเลย เอวัง