เทศน์เช้า

ไก่กับไข่

๑ ก.ย. ๒๕๔๔

 

ไก่กับไข่
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๔
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

การประพฤติปฏิบัติธรรม ความเห็นของเรากับความเห็นของธรรมมันขัดกัน ถ้าความเห็นของเรา เราคิดว่าเราปฏิบัติธรรมแล้วเราทำของเราได้ เราว่าพยายามทำ พยายามประพฤติปฏิบัติเพื่อจะให้มันปล่อยวาง ปล่อยวางเข้ามาเลย ๆ เห็นไหม

ไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกัน ไก่กับไข่นี่ ถ้าเราเห็นไก่เกิดก่อน เราอยากได้ไก่ เราไปจับไก่ได้เลย ไก่นี่เราจับได้เลย ที่ไหนมันก็จับได้ แต่จับไก่นี่มันเป็นไก่ของเขาฟักมา ไก่ของคนอื่นเขา

ไข่ เห็นไหม ถ้าเราจะเริ่มเลี้ยงไก่ของเรานี่เราจะต้องฟักไข่ของเราเอง ถ้าเราฟักไข่ของเราเอง นี่ทำสัมมาสมาธิไง ทำความสงบเข้าไปถ้าเราจะฟักไก่ของเรา เราจะเลี้ยงไก่ เราจะทำของเราขึ้นมา นี้ถ้าอย่างนี้ไข่เกิดก่อน เห็นไหม ไข่เกิดก่อนไก่ หรือไก่เกิดก่อนไข่นี่ มันเป็นวิวัฒนาการมาของมัน

แต่ปัจจุบันนี้ถ้าเราจะเอาไก่เกิดก่อน เอาไก่เกิดก่อนคือเราจะใจร้อนไง เราใจร้อนเราอยากได้ผลขึ้นมานี่เราจะเห็นไก่ เราจะซื้อไก่ไว้แลกเปลี่ยนไก่เข้ามา จะซื้อจะเปลี่ยนแลกไก่เข้ามาก็แล้วแต่ ไก่นี้เป็นของใคร? ไก่นี้เป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะนี้เป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่แล้วใช่ไหม มันมีอยู่แล้วโดยดั้งเดิม แล้วเราไปจับมาเลย มันไปยึดเอาของคนอื่นมาเป็นของของเรา มันถึงแก้ไขกิเลสของเราไม่ได้

นี่ถ้าเราจะปล่อยวางความเห็นของเรา ปล่อยวางภายใน เราทำเพื่อความปล่อยวาง มันปล่อยวางด้วยความหินทับหญ้า หินทับหญ้ากดเอาไว้เฉย ๆ ถ้ามันกดเอาไว้เฉย ๆ นั่นน่ะไก่เกิดก่อนไข่ ถ้าไก่เกิดก่อนไข่นี่มันจะเป็นอย่างนั้น มันจะเป็นความเห็นว่า มันไม่ได้ชำระกิเลสได้ตามความเป็นจริง มันกดเอาไว้ แต่เราไม่เข้าใจ เราเข้าใจว่ามันเป็นธรรมไง เราเข้าใจว่ามันเป็นการชำระกิเลส เราเข้าใจว่า แต่ถึงจุดหนึ่งแล้วเรารักษาไว้มันก็จะมีความสุขอยู่กับเรา แต่ถึงต่อไปนี่พอมันมีอะไรกระทบเข้า หรือว่ามันเสื่อมไป มันจะรู้ผลของมันว่าอันนั้นน่ะไม่ใช่ แต่ที่มันใช่อยู่นี่เพราะว่า

๑. มันหลง

๒. มันรักษาความสงบของมันไว้

แต่ถ้าเราจะทำของเราขึ้นมา เราต้องพยายามทำความสงบเข้ามา เราต้องหาไข่ของมัน เราต้องฟักไข่ของเราขึ้นมา ถ้าเราฟักไข่ของเราขึ้นมาได้ เราจะสามารถเริ่มต้นทำความสงบได้ เราภาวนาได้ เรายกขึ้นวิปัสสนาได้ ถ้ายกขึ้นวิปัสสนาได้ ทำตามความเป็นจริงของเรา นี่เราเลี้ยงไก่ของเราเอง

ความคิดนี้ไม่ใช่เรา เวลาเทศน์กันน่ะว่าความคิดนี้ไม่ใช่เรา ความเห็นนี้ไม่ใช่เรา แต่ขณะที่ปฏิบัตินี่มันเป็นเราทั้งหมดเลย สัจจะความจริง ความเห็นนี้ไม่ใช่เรา ความคิดนี่ไม่ใช่เราหรอก มันเกิดดับ ๆ มันไม่ใช่เรา แต่เพราะความเห็นผิด ถ้าเราจะไปเอาไก่ก่อน มันก็เหมือนกับไปยึดว่าความเห็นนี้ไม่ใช่เรา ความเห็นนี้ไม่ใช่เราเลย แล้วเราก็ปล่อยวางเลย ปล่อยวางแบบที่หินทับหญ้านั่นปล่อยวางแบบนี้ ปล่อยวางว่าไม่ใช่เราแล้วก็ปล่อยเลย ๆ ไม่ใช่เรา ๆ ไม่ใช่เรานี่มันเหมือนกับไปจับไก่เขามา มันไปจับไก่เขามาแล้วมันกดไว้เฉย ๆ

แต่ถ้าฟักไข่เข้ามา เห็นไหม มันไปแยกออก แยกที่ว่าเริ่มต้นความคิด มันคิดอย่างไร จับความคิดของตัวเองได้ ความคิดที่ว่าไม่ใช่เรานี่ มันเป็นสัจจะ มันเป็นธรรมของผู้ที่ผ่าน เป็นผู้ที่ทรงมรรคทรงผลแล้ว แต่ถ้ามันเป็นเรา เริ่มต้นน่ะมันเป็นเราทั้งหมด มันเป็นเรามันถึงว่าคิดขนาดไหนมันก็เป็นไก่ คิดอย่างไรก็เป็นไก่ มันจะฟักไข่ไม่ได้เลยเพราะมันฟักไข่ไม่เป็น คิดอย่างไรมันก็เป็นไก่ ความคิดมันถึงเป็นเรา จะไม่เป็นเราต่อเมื่อเราแยกแยะว่ามันไม่เป็นเราแล้ว

แต่ขณะปัจจุบันนี้มันเป็นเราร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เพราะอะไร? เพราะเรามีกิเลสตัวเชื่อม ตัณหาความทะยานอยากของเราเชื่อม ทุกอย่างนี้เป็นเรา ยึดมั่นว่าเป็นเราหมดเลย ฉะนั้นนี่ไอ้ตรงนี้ยึดไป เราว่าไม่ใช่ไก่ มันเป็นไข่ ๆ มันไม่ใช่ไข่ มันเป็นความเห็นของเราทั้งหมด มันถึงยึดมั่นถือมั่น มันถึงไม่เป็นไปตามความเป็นจริง

นี่เพราะความเห็นของเราไม่เข้าใจ เราเข้าใจว่ามันเป็นไข่ เราเข้าใจเราจะฟักไข่ แต่ทีนี้ว่ามันเป็นลูกไก่ออกมาแล้ว มันเป็นไก่มาแล้ว มันเป็นความคิดของเราแล้ว ถึงว่าถ้ามันไม่เป็นเราต่อเมื่อมันจะไม่เป็นเราจริง ๆ สิ ถ้ามันเป็นเรานี่เราต้องทำความสงบเข้ามา เห็นไหม ถึงต้องอาศัย ต้องทำไข่เข้ามาก่อน ต้องพยายามฟักไข่ คือว่าเวลาฟักไข่นี่ลูกไก่มันออกมาจากไข่ เราเห็นมัน เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน ความคิดที่มันเริ่มต้นออกมานี่ เราเห็นมัน เราจับต้องมัน เห็นไหม เราเลี้ยงความคิดของเราขึ้นมา เราคิดแต่ว่าความคิดที่ไม่ใช่เรานี่ เราจับต้องมันได้ แล้วเราวิปัสสนามันได้ เราจะแก้ไขมันได้ ถ้าแก้ไขมันออกไปนี่ มันถึงจะไม่ใช่เรา ถ้ามันจะไม่ใช่เรา มันต้องไม่ใช่เราต่อเมื่อเราเห็นตามความเป็นจริง แล้วแยกแยะออกเป็นวิชาการ เป็นมรรคอริยสัจจัง เป็นของเรา

แต่ถ้าเป็นของเรา นั่นน่ะเราเลี้ยงไก่ของเราขึ้นมา ถ้าไม่เป็นของเรานี่ เราไปยืมของเขามา ไปซื้อเทคโนโลยีของเขามา ไปเอาของเขามาแล้วย้อนกลับมา แล้วแก้ไขตัวเองไม่เป็นนี่ หินมันทับหญ้าไว้ มันเหมือนกัน มันคล้ายกันไง ถึงว่าถ้ามันไม่เป็นเรา จริงอยู่มันไม่เป็นเรา แต่มันเป็นเราก่อนไง มันจะไม่เป็นเราต่อเมื่อเราชำระล้าง เราแยกออกมันจะไม่เป็นเรา ถึงไม่เป็นเรา ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นเราตลอดไป ๆ เราจะทำขนาดไหนมันก็เป็นเรา

พอมันเป็นเรานี่มันถึงว่าเป็นโลกียะ สิ่งที่เป็นโลกียะนี่เป็นเรื่องของโลกเขา เรื่องของโลกเขาคือหมุนเวียนไปในความเห็นของมัน คือว่าเป็นวังวนเดิมของความคิด มันจะคิดอยู่อย่างนั้น ถ้าย้อนกลับขึ้นมา มันทวนกระแสมันย้อนกลับขึ้นมา นี่ถึงต้องไข่เกิดก่อน เราผู้ประพฤติปฏิบัติต้องไข่เกิดก่อนไก่นะ แล้วเริ่มต้นพยายามทำไป มันไม่ช้าหรอก มันกลับจะเร็ว ถ้าเราจะไปเอาไก่โตไก่โต้งมาเลย ตัวมันใหญ่แล้วมันเร็วนี่คิดว่าอย่างนั้นมันจะเร็ว มันกลับจะช้า ช้าเพราะอะไร? ช้าเพราะอันนั้นคือความผิดพลาดไง

ความผิดพลาดของเรา เราอย่างนั้นมานี่ มันจะไม่เริ่มต้นของเรา เราถึงพยายามทำความสงบเถิด ถ้าไม่มีความสงบนะ ไม่มีสัมมาสมาธิขึ้นมาก่อนน่ะ วิปัสสนามันจะไม่เกิดหรอก มันจะเป็นโลกียะ แล้วสุดท้ายแล้วที่ทำกันนี่ ใช้ปัญญาใคร่ครวญไปเลย ปัญญาใคร่ครวญไปมันเป็นปัญญาอบรมสมาธิทั้งหมด

นั่นน่ะมันเข้าไปหา ฟักนั้นคือการฟักไข่ แต่เราไม่เข้าใจว่าเป็นการฟักไข่ เราเข้าใจว่านั่นเป็นการเราได้ไก่มาแล้ว ปัญญาอบรมสมาธิเป็นปัญญาอบรมสมาธิ ถ้าอย่างนี้ปั๊บนี่มันย้ำตรงนี้ไง ถ้ามันย้ำตรงนี้ทำตรงนี้ได้ มันจะทำตรงนี้ไปบ่อย ๆ เข้า มันทำบ่อย ๆ เข้า ความสังเกตของเรา แล้วมีการกระทำอยู่มันจะเห็นไข่จนได้ล่ะ ถ้ามันเห็นไข่จนได้นี่ นั่นน่ะเป็นผลงานของเรา ถ้าเป็นผลงานของเรา เราจะทำงานของเราได้ผล ถ้าได้ผลขึ้นไป มันจะเป็นของส่วนที่ว่าเราสัมผัสเอง มันเป็นปัจจัตตังรู้จำเพาะตน

นี่แก้ไขกิเลสมันแก้ไขต้องแก้ไขด้วยอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยากรื้อสัตว์ขนสัตว์มากไป อยากขนไปหมดเลย แต่ขนไปไม่ได้ เพราะกิเลสมันอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก หัวใจของสัตว์โลกต้องแก้ไขของสัตว์โลกเอง เรื่องอย่างนี้มันเรื่องลึกลับเรื่องมหัศจรรย์ มหัศจรรย์ที่ว่า ถ้าแก้ไขได้แล้วอันนั้นเยี่ยม อันนั้นประเสริฐที่สุด

แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ มันก็ต้องติดพันของมันไป มันแก้ไขของเราไปไม่ได้ แล้วคนอื่นบอก ได้แต่ชี้แนะวิธีการ ชี้แนะวิธีการแล้วเราพยายาม แต่ว่าเราจะหาทางออกไปอย่างไรเท่านั้นเอง ทีนี้หาทางออกนี่ตรงนี้สำคัญ ตรงนี้ไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ ถ้าไข่เกิดก่อนไก่ สัมมาสมาธินี้ขึ้นมาก่อน ทำความสงบของใจขึ้นมาแล้วยกขึ้นวิปัสสนาไป มันจะก้าวเดินไปโดย ศีล สมาธิ ปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้แล้ว ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นแน่นอน

อันนี้ถ้าปัญญาอบรมสมาธินี่มันเป็นที่ว่าครูบาอาจารย์ชี้แนะมา แล้วมันมีมาแต่เก่า คือว่าพระสารีบุตรก็ทำปัญญาอบรมสมาธิมา เขาให้ทำสมาธิมาเขามีปัญญามาก พระโมคคัลลานะนี่ทำสมาธิอบรมปัญญามา แต่สุดท้ายแล้วมันก็ลงที่สัมมาสมาธิ แล้วหลักของศาสนามันต้องมีหลักของศาสนาไว้ หลักของศาสนาที่ว่าศีล สมาธิ ปัญญา เพราะปัญญาอันที่ว่าปัญญาอบรมสมาธินี่มันแก้กิเลสไม่ได้ ถึงไม่เอามาพูดกันไง ถึงว่ารวมลงว่ามันต้อง...

(เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)