เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o ก.ค. ๒๕๕๔

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาเข้าพรรษา มันเป็นเวลาที่พระจะได้เข้มข้นกับความเพียรของตัว เวลาออกพรรษา พระก็ได้วิเวกออกไปหาในที่สงบสงัด ได้เปลี่ยนบรรยากาศ มันเหมือนกับเรานักขัตฤกษ์ เวลาปีใหม่ เดือนใหม่ เรามีการเปลี่ยนแปลง พระก็มีหนักมีเบา มีหนักมีเบาเพื่อ! เพื่อจะเอาตัวเองให้รอด

เวลาในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือการเอาตัวเอง ค้นหาตัวเอง เราจะหลบตัวเองไม่ได้หรอก ไม่มีใครหนีตัวเองพ้น แต่เวลาในสังคมโลก เห็นไหม ดูสิเวลาเรือเมล์เขาต้องมีเรือชักลากจูง ชักลากจูงเพื่อลากขบวนของเขาไป

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ในพระไตรปิฎกว่าพวกเราเป็นสัตว์ประเสริฐ สัตว์ประเสริฐ แต่ในความเป็นจริงของธรรมนะ มนุษย์โง่กว่าสัตว์ สัตว์มันไม่มีกติกาของมัน เวลานกมันจะบินไป มันกินที่ไหน มันก็บินไปตามอิสรภาพของมัน แต่มนุษย์เกิดมาอยู่ในสังคมต้องมีกติกา เพราะมนุษย์มันรอนสิทธิ์กัน มันก้าวก่ายกัน ถึงต้องมีกติกา

มนุษย์เขียนกฎหมายขึ้นมา แล้วมนุษย์ก็ติดกฎหมายของตัวเองไง เห็นไหม ว่าสัตว์ประเสริฐ เพราะ! เพราะมันติดตัวเอง ถ้ามันติดตัวเองนะ เพราะตัวเองมีภวาสวะ มีภพ มีสถานที่ ความคิดเกิดที่ไหน? ความรู้สึกเกิดตรงไหน? เกิดจากภวาสวะ เกิดจากภพ ถ้ามีภพ ภพคืออีโก้ ภพคือตัวตน ถ้ามีตัวตนที่ไหน ที่นั่นมีกิเลส เพราะมีตัวตนที่ไหน ที่นั่นกิเลสมันมีที่อาศัย

“มารเอย เธอเกิดบนจิตเราไม่ได้อีกแล้ว”

เพราะอะไร? เพราะเราได้ทำลายหมดแล้ว เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเยาะเย้ยมาร เวลามารมันหาสัตว์โลก มันหาที่ไหนล่ะ? มันอยู่ที่ไหนล่ะ? มันอาศัยที่ไหน? นี่เราติดเรา ถ้าเราติดเรานะ เราติดทั่วๆ ไปหมดเลย ถ้าเราไม่ติดเรา เราไม่มีเรา ถ้าไม่มีทุกๆ อย่าง มันไม่มีเพราะเหตุใดล่ะ?

มันไม่ใช่ไม่มีเพราะนอนหลับตื่นไปแล้วไม่มีนะ นอนหลับไป ตื่นขึ้นมาบอกไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเลย มันเป็นความรู้สึกนึกคิด มันไม่เป็นความจริงหรอก.. ถ้าความจริง เห็นไหม เราหนีตัวเราไม่พ้นหรอก ถ้าเราหนีตัวเราไม่พ้นใช่ไหม? เราต้องต่อสู้ เราต้องเข้าไปสู่ตัวเราเอง เราต้องเข้าไปหาตัวเราให้เจอ ถ้าเราเข้าไปหาตัวเราเจอ นี่ถ้ามันมีสติ มันจะย้อนกลับมาที่ตัวเรา ถ้ามันแก้ไขที่ตัวเราจบนะ

นี่สิ่งที่โลกธรรม เห็นไหม โลกธรรม ธรรมะเก่าแก่.. สรรเสริญนินทา คนโง่เขลาเบาปัญญาในโลกนี้มันมหาศาล คนฉลาดมันมีกี่คน เวลาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ขนโคกับเขาโค”

คนฉลาด เห็นไหม โคตัวหนึ่งมีอยู่ ๒ เขา ไอ้ขนมันนี่เต็มไปหมด แล้วถ้าเราทันตัวเราเอง เราเข้าใจตัวเราเองแล้ว เราจะไปตื่นเต้นอะไรกับโลก นี่ขนโคมันเป็นประโยชน์อะไร โลกธรรม ๘ ติฉินนินทามันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกเขา ถ้าโลกมันจะติฉินนินทา คนโง่มันจะติฉินนินทาก็เรื่องของมัน แต่ถ้าคนฉลาดล่ะ? คนฉลาดพูดมันมีเหตุมีผล

คำว่ามีเหตุมีผล เห็นไหม นี่ถ้ากว่าที่เราจะทันตัวเราเอง เราทันอย่างใด? ปัญญาทั้งหมดในโลกนี้มันเป็นโลกียปัญญา มันเป็นปัญญาของกิเลส กิเลสคืออะไร กิเลส ภวาสวะคือภพ มีสถานที่ใช่ไหม? นี่กิเลสคืออวิชชา มันอยู่ตรงสถานที่ตรงนั้น แล้วความคิดมันเกิดที่ไหน? ความคิดมันเกิดจากภวาสวะ แล้วความคิดมันเกิดจากกิเลส เกิดจากภวาสวะ เกิดจากอวิชชา แล้วมันเป็นความจริงไปได้อย่างใด? มันเอาความจริงมาจากไหน?

มันไม่มีความจริงแม้แต่นิดเดียว มันเป็นสถิติ มันเป็นวิชาการ มันเป็นวิชาชีพ วิชาชีพหาเลี้ยงปาก หาเลี้ยงปากไม่ใช่หาเลี้ยงใจ ถ้าหาเลี้ยงปาก มันก็หามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนี่แหละ ถ้าการหามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนะปัจจัยเครื่องอาศัย แต่ถ้าเป็นปัญญาในทางพุทธศาสนา เห็นไหม มันเป็นภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากจิต ไม่ใช่ปัญญาเกิดจากสมอง

ปัญญาเกิดจากสมอง นี่ดูสิคนตายสมองก็ครบ ทุกอย่างก็ครบ แต่ถ้าสมองนะเวลาเป็นอัลไซเมอร์ คนเวลาเส้นประสาทมันเสีย เห็นไหม พลังงานมันก็มีอยู่ สมองก็คือสมอง สมองมันจะทำงานได้มันต้องมีพลังงาน พลังงานคือตัวภวาสวะ คือตัวธาตุรู้ นี่ธาตุรู้ เพราะเรากลับไปที่ธาตุรู้ เรากลับไปที่ภวาสวะ ไม่ใช่สมอง!

ถ้าสมองมันส่งออกแล้ว ส่งออกเพราะอะไร? เพราะส่งออกมันต้องออกจากพลังงานมา เห็นไหม เดี๋ยวก็จำได้ เดี๋ยวก็ลืม แต่ถ้ามันเป็นอริยสัจ มันเป็นความจริง มันจะลืมไปจากไหน? มันลืมได้อย่างใด? ดูสิเวลามีสติพร้อม สติพร้อม นี่พลังงานมันขยับตัว พอพลังงานมันขยับตัวสติมันก็ตามไป แต่ถ้าพลังงานมันไม่ขยับตัว มันต่างคนต่างอยู่

นี่สิ่งนี้มารหาไม่เจอ ถ้ามันหาไม่เจอ ถ้ามันเป็นภาวนามยปัญญา มันจะต้องทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบเข้ามา เห็นไหม นี่ไงมันจะเข้าไปค้นหาตัวเอง ถ้าเราไม่ติดตัวของเราเองนะ

“โลกนี้มีเพราะมีเรา”

เขาบอกโลกนี้มีเพราะมีเรา ก็ทำลายเราเลย.. มันทำลายที่ธาตุขันธ์ มันทำลายที่ร่างกาย มันไม่ได้ทำลายที่หัวใจหรอก เวลาคนเผชิญทางโลก เวลาทุกข์สาหัสสากรรจ์ เขาทำร้ายตัวเอง ทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตาย พอฆ่าตัวตายแล้วมันฆ่าได้ไหมล่ะ? มันฆ่าจิตวิญญาณได้ไหม? มันฆ่าความรู้สึกได้ไหม? มันฆ่าไม่ได้!

มันฆ่าตัวตาย นี่ภวาสวะ ภพมันก็ไป จิตมันก็ไป มันก็ไปเสวยภพอีก ยิ่งทำร้ายตัวเองนะ นี่ทางกฎหมาย เวลาเราฆ่าคนตาย โทษอาญาติดคุก ๒๐ ปี คนฆ่าตัวตายคนนั้นไม่มีโทษ แต่ในพุทธศาสนานะ เราฆ่าคนอื่นตายด้วยโทสะ เพราะเราฆ่า เราทำลายเขา สิ่งที่มีค่าที่สุดในจักรวาลนี้ ในโลกนี้คือชีวิต คือชีวะ คือความรู้สึก สิ่งที่เรามีความรู้สึก แล้วเราทำลายสิ่งที่มีค่าที่สุด

นี่เขาบอกว่าทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตายมีกรรมหนัก กรรมหนักเพราะสิ่งนี้ไง กรรมหนักเพราะเราทำร้ายตัวเอง พอทำร้ายตัวเองแล้ว เวลาเราเกิดไป.. ในพระไตรปิฎกว่าถ้าใครฆ่าตัวตาย จะฆ่าตัวตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ๕๐๐ ชาติ นี่การทำลายตัวเองไง แต่เวลาเราทุกข์ยากขึ้นมา เราไม่มีทางออกเราก็ทำลายตัวเอง เห็นไหม โลกนี้มีเพราะมีเรา เราก็ทำลายเรา นี้ทางวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า โลกนี้ก็มีเรา ทำลายเราก็จบ

โลกนี้เพราะมีเรา จักรวาลนี้เพราะมีเรา พรหมเพราะมีเรา เทวดาเพราะมีเรา นรกอเวจีเพราะมีเรา เพราะจิตมันไปเกิดทุกสถานะ ในเมื่อมันมีอวิชชา มีแรงขับไป มีแรงขับไปด้วยกรรม กรรมดีทำให้เกิดดี กรรมชั่วทำให้เกิดชั่ว ในเมื่อมันมีกรรมขับอยู่มันจะจบที่ไหน? มันจบไม่ได้หรอก

นี่พุทธศาสนาสอนที่นี่ สอนกลับมาที่เอาตัวเองให้เจอ แล้วทำลายตัวเองให้ได้ แล้วถ้าปัญญามันเกิด.. นี่โลกียปัญญานะ ถ้าคนมีสติ คนเรามีสติ มีอำนาจวาสนา เราจะตั้งสติ ปัญญาอบรมสมาธิ การปฏิบัติทั้งหมดในโลกนี้ ทุกลัทธิ ทุกศาสนา ผลของมันคือสมาธิไม่ใช่ธรรม! สมาธินะ เป็นสมาธิ

สติธรรม สมาธิธรรม ธรรมนี้คือสภาวะ แล้วเขาบอกว่าธรรมะเป็นสภาวะนี่เป็นไปไม่ได้ ธรรมะเป็นธรรมแท้ๆ ไม่ใช่สภาวะ เพราะสภาวะมันเปลี่ยนแปลง ถ้าสภาวะมันเปลี่ยนแปลง เห็นไหม พอบอกว่าเป็นสมาธินี่มันไม่ใช่ธรรม เพราะมันเปลี่ยนแปลง สัพเพ ธัมมา อนัตตา สภาวะที่เปลี่ยนแปลงนี้มันไม่ใช่ธรรมเป็นสภาวะ

สภาวธรรม สภาวธรรม พูดกันปากเปียกปากแฉะนะ แต่ถ้าเป็นทางวิชาการ ถ้าเราไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนา เราก็คิดว่าเรานี่มีความรู้มาก แต่ไปศึกษาพุทธศาสนาแล้วเราจะตกใจนะ ถ้าคนไม่เคยศึกษา ในพุทธศาสนา เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอานนท์เป็นพระโสดาบันนะ ร้องไห้คร่ำครวญ

“ดวงตาของโลกดับแล้ว ดวงตาของโลกดับแล้ว”

ดับเพราะอะไร? อชาตศัตรูเวลาจะไปรบก็ไปถามพระพุทธเจ้าว่า “แพ้หรือชนะ?” ใครจะทำอะไรก็ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่พระเจ้าปเสนทิโกศล ปลาทองคำก็ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ไง เพราะเวลาวิชาการทางโลกมันมาจากพระไตรปิฎกเป็นส่วนใหญ่.. คำว่าส่วนใหญ่นะ อริยสัจ ฝรั่งมันคิดได้เมื่อ ๒๐-๓๐ ปีนี้เอง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สัจจะ อริยสัจจะ ฝรั่งเพิ่งจะคิดได้ คิดได้ทางทฤษฎีด้วย ไม่ใช่คิดได้ตามความเป็นจริง

กฎหมาย เห็นไหม ดูสิกฎหมายคว่ำบาตรต่างๆ พรหมทัณฑ์ต่างๆ มันมาจากไหน? มันก็มาจากพุทธศาสนาทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าเราศึกษาด้วยใจเป็นกลางนะ อันนี้มันเป็นแค่วิธีการ ธรรมและวินัยนี้เป็นวิธีการเท่านั้น ไม่ใช่ความจริง! เพราะวิธีการนี้ชี้เข้าไปสู่จิต ชี้เข้าไปสู่การมาหาเราไง เอาชนะเราให้ได้ไง ไม่ติดในเราไง

แต่โลกนี้มันติดในสังคม สังคมนี้หมุนไป สังคมนี้เปลี่ยนไป แล้วเราก็ติดในสังคมนั้น แต่ถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมานะ สังคม เห็นไหม นี่หยดน้ำบนใบบัว เราปฏิเสธสังคมไม่ได้หรอก คนที่เขาฉลาดนะ ความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้า ท่านนิ่งในใจของท่าน เพราะพูดออกไปแล้วโลกเขาว่าบ้า โลกเขาเข้าใจไม่ได้หรอก

นกกับปลาคุยกันไม่รู้เรื่อง นกมันคือนก มันอยู่บนอากาศ ปลามันก็อยู่ในน้ำ เราก็อยู่ในวิทยาศาสตร์ อยู่ในโลก แล้วจะบอกว่ารู้จักสภาวธรรม มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้! สิ่งที่มันจะเป็นไปได้มันต้องมีสติ มันต้องมีปัญญา พอมีสติปัญญามันลงลึกซึ้งเข้าไป มันเป็นโลกุตตรธรรม มันจะรู้เข้าไปของมัน แล้วถ้าคนไม่เคยรู้ คนไม่เคยเห็น พูดผิดหมด

พูดธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันเป็นวิธีการชี้เข้าไปสู่จิต ไม่ใช่ความจริง! ความจริงมันเกิดจากการกระทำที่ความเป็นจริงอันนั้น ถ้าความจริงอันนั้นมันเกิดขึ้นมา เห็นไหม มันถึงปริยัติแล้วปฏิเวธไม่มี ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ.. ถ้าเป็นปริยัติแล้วเป็นปฏิเวธ เป็นไปไม่ได้ ปริยัติถ้าไม่มีการปฏิบัติ ปฏิบัติคือประสบการณ์

คนเราไม่มีประสบการณ์นะ บอกว่าเป็นกระบี่มือหนึ่งของยุทธจักรนะ ชักดาบก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่รู้เรื่อง แล้วบอกว่าเป็นมือหนึ่งของยุทธจักร แต่ถ้าเป็นมือหนึ่งของยุทธจักรนะ เขาวางดาบ เขาทิ้งกระบี่ เขาบอกว่ากระบี่มันอยู่ที่ใจ จะหยิบใบไม้ จะหยิบกิ่งไม้ก็เป็นกระบี่ได้ นี่คนเป็น ถ้าคนไม่เป็นนะ ถือกระบี่ไปนะมันบอกมันเป็นกระบี่มือหนึ่ง มือหนึ่ง กระบี่จะเชือดคอมัน

วัฏฏะนะ เวลามันหมุนเวียนไป ชีวิตนี้มีค่ามาก ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดมีค่าเท่ากับชีวิตนะ ทรัพย์สินเงินทอง ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพราะมีเรานะ ตายลงเดี๋ยวนี้ ทรัพย์สินเงินทองเป็นของใคร? ดูพระเราสิ พระเรามีศีลมีธรรมเป็นสมบัติ มีสิ่งความเป็นจริงเป็นสมบัติ สมบัติจะหามาได้มากน้อยแค่ไหน เขาศรัทธามาขนาดไหน มันเป็นสมบัติของโลก มันเป็นอยู่กับโลกนี้ มันใช้จ่ายในโลกนี้

โลกนี้เป็นของโลก เห็นไหม มีแต่ความจริง บาปกับบุญมันจะติดใจนี้ไป แล้วถ้าใครมีปัญญา เวลามันเกิดปัญญาขึ้นมานะ เวลาเกิดธรรมสังเวช เราสะเทือนใจจนน้ำหูน้ำตาไหลนะ แล้วทำไมเมื่อก่อนมันไม่เป็น? เมื่อก่อนจิตใจมันหยาบนะ เห็นสิ่งใดมันก็ดื้อด้าน แต่พอจิตใจมันละเอียดขึ้นมา น้ำหูน้ำตานี่ไหลพรากเลย เพราะอะไร? เพราะมันสะเทือนใจ มันสะเทือนใจนั่นล่ะคือธรรม

เวลาคนตายไปนะ ไปเจอพญายมเขาบอกว่า “เกิดมาในพุทธศาสนาเห็นธรรมไหม? เห็นธรรมไหม?” ไม่เคยเห็นธรรม เพราะไม่สนใจในธรรม ไม่สนใจในสัจจะความจริง ไม่สนใจกับสิ่งที่เป็นอริยสัจที่จะมาปลดเปลื้องปมในใจไง สังโยชน์คือเครื่องร้อยรัดในใจ มันไม่เคยรู้เคยเห็น ฉะนั้น สิ่งที่แสดงธรรมนะ เวลายมบาลถามว่า

“เคยเห็นธรรมไหม? เคยเห็นธรรมไหม?”

“ไม่เคยเห็น”

“เคยเห็นคนเกิดไหม?”

“เคย”

“เคยเห็นคนแก่ไหม?”

“เคย”

“เคยเห็นคนเจ็บไหม?”

“เคย”

“เคยเห็นคนตายไหม?”

“เคย”

นั่นล่ะธรรม! เกิด แก่ เจ็บ ตายนี่แหละ เห็นไหม ฉะนั้น เวลาคติธรรม เวลาเราไปนี่ เวลาเขาจะเผาศพเขาเวียน ๓ รอบ กามภพ รูปภพ อรูปภพ เขาต้องมีการล้างหน้า เขามีคติธรรมทั้งนั้นเลย เขาเตือนคนเป็น! เขาเตือนคนเป็นให้มีสติ

เวลานักปฏิบัติ เห็นไหม มรณานุสติ ระลึกถึงความตาย เราก็ต้องตาย จิตใจเรามันจะไม่ดื้อด้านเลย เพราะมันไม่มีสิ่งใด มันต้องไปแล้ว เวลาไปขึ้นมา แล้วพอไป มันออกจากบ้านเราจะมีอะไรติดไม้ติดมือไป สมบัติเอาไปไม่ได้หรอก สมบัติไม่มีใครเอาไปได้ แต่สิ่งที่เสียสละ สิ่งที่ได้สละออกไปนั้นเอาไปได้ อันนั้นเป็นอามิส แต่ถ้าใครศึกษาเป็นความรู้กับใจ มันไปกับใจ ไม่ต้องให้ใครฝากไปรษณีย์ไป เราเอาของเราไปเอง เรารู้ของเรา เราเห็นของเรา มันไปกับเรา

แต่สิ่งที่เป็นวัตถุไปกับเราไม่ได้ ยิ่งถ้ามันไปกับเราไม่ได้นะ มันจะมีมากหรือมีน้อยขนาดไหน เราจะต้องมาเฝ้ามันนะ เราจะมาเกิดเป็นจิ้งจก ตุ๊กแกมาเฝ้าอยู่นั่น ไม่มีใครรู้ว่าตายไปแล้วจะเกิดเป็นอะไร บอกไม่มีหรอก ตายแล้วก็แล้วกัน ถ้ามันไม่มีนะคนเราเกิดมามันต้องมีเหมือนกัน นี่เวลาสายพานการผลิตออกมา เห็นไหม มันจะมีค่าเหมือนกัน สายพานการผลิตชนิดใด สินค้านั้น วัตถุนั้นจะออกมาเหมือนกัน

นี่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน เกิดจากความอันเดียวกัน ทำไมความรู้ความเห็นมันแตกต่างกัน เห็นไหม ปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตในไข่ ไข่กับสเปิร์มนั้นเป็นกรรมพันธุ์ แต่บุญ กรรม จิตปฏิสนธิ นี่เป็นบุคคล เป็นจิตที่มันเวียนตายเวียนเกิด

จิตนี้ไม่เคยตาย! จิตนี้ไม่เคยตาย! มันยังเวียนตายเวียนเกิดไปอีก มันจะทุกข์ๆ ร้อนๆ อย่างนี้อีก มันจะเจอซ้ำรอยเก่าอย่างนี้ มันไม่ไปไหนหรอก.. แต่ถ้าเรามีสติปัญญา แล้วเราแก้ไขของเรานะ เป็นโสดาบันนะอีก ๗ ชาติ สกิทาคามีอีก ๓ ชาติ อนาคามีไม่เกิดในกามภพอีกแล้ว ถ้าสิ้นไปแล้วจบ จบ! จบกันที เห็นไหม

นี่เอาตัวให้ได้ ถ้าพูดถึงนะเราหนีตัวเองไม่พ้นหรอก ทุกคนหนีความรู้สึกนึกคิดตัวเองไม่พ้น.. หนีอย่างอื่นได้ หนีความรู้สึกนึกคิด หนีตัวเองไม่พ้น แต่ถ้าปฏิบัติพ้น ทำได้! นี้คือสัจธรรม นี้คือชีวิตเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง