เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๘ ต.ค. ๒๕๕๔

 

เทศน์เช้า วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฟังธรรม เขาบอกธรรมะเป็นธรรมชาติ แต่เวลาผู้ปฏิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมานี่เหนือธรรมชาติ เพราะเหนือการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ธรรมชาติคือการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย เห็นไหม ฉะนั้น สิ่งที่ว่าธรรมะเหนือธรรมชาติ แต่เราต้องอยู่กับธรรมชาติไง เพราะชีวิตนี้มีการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ก็เป็นชีวิตหนึ่ง ชีวิตหนึ่งก็ต้องดำรงชีวิตนี้ไป

นี้พอดำรงชีวิตนี้ไป เห็นไหม สมัยโบราณเขาเลือกที่อยู่อาศัยกัน เขาเลือกที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ นี่เวลาเขาย้ายบ้านย้ายเรือน เวลาพระเรานะจำพรรษาที่ไหน? ถ้าเขาย้ายบ้านย้ายเรือนไป ภิกษุนี่ตามเขาไปได้ไม่ขาดพรรษา อย่างเช่นจำพรรษาที่นี่ ถ้าออกจากที่นี่ไปจะขาดพรรษา แต่เกิดภัยแล้ง เกิดอุทกภัย ถ้าเขาย้ายบ้านย้ายเรือน พระย้ายตามเขาไปได้ไม่ขาดพรรษา ย้ายตามหมู่บ้านนั้นไป เป็นกองเกวียนคาราวานไป นี่อยู่ในวินัย

ฉะนั้น สิ่งที่ว่าคนโบราณเขาเลือกสถานที่อยู่ เห็นไหม เขาเลือกเพื่อความอุดมสมบูรณ์ อู่ข้าว อู่น้ำ ถ้าเป็นอู่ข้าว อู่น้ำนะ เพราะมีน้ำถึงมีอาหาร แต่ถ้ามันมากเกินไปมันก็เกิดความทุกข์ยาก แต่ถ้าที่ไหนไม่มีน้ำนะ.. อู่ข้าว ข้าวเปลือกถ้าไม่มีดินมันก็ทำไม่ได้หรอก ฉะนั้น อู่ข้าว อู่น้ำ มันจะเกิดอย่างนี้

ฉะนั้น เวลาเรามองกันไป เรามองชาวเขาสิ ชาวเขานี่เวลาเขาทำของเขานะ เขาไหว้ศาลเจ้าที่ เขาทำขวัญข้าว เขาไหว้เจ้าแม่โพสพ เราก็ว่าพวกนี้โบราณคร่ำครึ แต่เวลาดูเราสิ เห็นไหม เรานี่ดูชาวนาโบราณเขาก็ทำขวัญข้าว เขาก็ไหว้ทำขวัญ ทำข้าวของเขา ไหว้โพสพของเขา เขาทำของเขาเพราะอย่างนี้ไง แล้วคนเราเจอเภทภัยอย่างนี้มันทุกข์ยากกันไปหมดนะ แต่ถ้าเราไหว้ เราบูชา แล้วนี่เราหวังเพื่อความพอดี ความสุขความสบาย ความที่ชีวิตนี้จะราบรื่น แต่เราก็บอกว่าพวกนี้เป็นพวกที่ไม่พัฒนา

แล้วเวลาเราบอกเราพัฒนากันแล้ว เทคโนโลยีควบคุมได้ทุกอย่าง พวกเรามีปัญญาทั้งหมดเลย เทคโนโลยีจะชนะธรรมะหรือ? เทคโนโลยีจะชนะธรรมชาติหรือ? ธรรมชาติมันทำลายหมดแหละ เทคโนโลยีมันก็เพื่อการบริหารจัดการนะ แต่เดิมฟิลิปปินส์ พม่า เป็นอาณานิคมเขา ผู้บริหารจัดการเขาดี การส่งออกข้าวของเขาเป็นอันดับ ๑ ของโลกนะ แต่เวลาเขาปล่อยให้ปกครองกันเอง เห็นไหม นี่ด้วยความปกครองกันเอง ด้วยทิฏฐิมานะ ด้วยความเห็นแก่ตัว จนเขาต้องซื้อข้าวกินกันน่ะ

เมืองไทยเรานะ เมืองไทยเรานี่ ผู้นำ ดูในหลวงสิ เรื่องน้ำ เรื่องดิน ใครจะรู้ดีกว่าในหลวง ในหลวงท่านทำของท่านมาหมด ท่านทำของท่านมา ท่านมองการณ์ไกล แล้วการบริหารจัดการถ้ามันดี ทุกคนเชื่อมั่น มันจะไม่เกิดความทุกข์ความยากขนาดนี้ ความทุกข์ความยากที่ไหน? ความทุกข์ความยากของความวิตกกังวลไง

ดูนะ เวลาคนเขาไปสัมภาษณ์กัน เห็นไหม หมดเนื้อหมดตัว ร้องไห้คร่ำครวญ หมดเนื้อหมดตัว ชีวิตนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ชีวิตนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว แต่บางคนเขาบอกว่ามันเป็นธรรมชาติ ยอมรับได้ แล้วไปหาเอาใหม่ เห็นไหม ธรรมะในหัวใจมันเหนือธรรมชาติ เหนือภัยพิบัติ เหนือความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ มันมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน แล้วมันเข้าใจว่าธรรมชาติเป็นแบบนี้ ดูแมว ๙ ชีวิตนะ คนเรานี่ล้มแล้วลุก ล้มแล้วลุกหลายรอบ

นี่ก็เหมือนกัน ชีวิตเราเจอภัยพิบัติ เจอต่างๆ ถ้าจิตใจมีศีลธรรมนะ บอกเขาตรงๆ บอกเขาตรงๆ นี่มันไม่มีแล้วแหละ นี่ใครจะมาทวงหนี้ทวงสินก็ให้ดูเอามันไม่มี จะเอาชีวิตก็เอาไป ให้เขารู้ว่าเราไม่มีจะให้เขา เห็นไหม ถ้าเราพูดความจริงกัน นี่มันก็ให้อภัยกันได้ มันก็อยู่กันได้

นี่ธรรมะเหนือธรรมชาติ เหนือธรรมชาติตั้งแต่เริ่มต้นนะ แล้วถ้าเรามีจิตใจของเรา เห็นไหม อู่ข้าวอู่น้ำนะ เขาเลือกกันอย่างนี้ เลือกที่อยู่ที่อาศัยกัน แล้วถ้าไม่มีอาหารล่ะ? แต่ในปัจจุบันนี้เราพัฒนากัน พัฒนากันจนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เด็กๆ ทำอะไรไม่เป็นเลย แล้วพอไม่มีอาหารขึ้นมานี่ตายหมด แต่ถ้าเราพัฒนาเป็น เห็นไหม ให้เข้าใจ เวลาน้ำมา เวลาทุกข์ยากมา นี่ชีวิตเป็นแบบนี้ ให้ทุกคนเข้มแข็ง ให้ทุกคนรู้จักมัน เผชิญกับความจริง เผชิญกับสิ่งนี้

นี่เผชิญกับความจริงนะ ความทุกข์ความยากอย่างนี้มันเป็นการช่วยเหลือเจือจานกันได้ เห็นไหม ทุกข์ไหม? ทุกข์! ไม่ใช่ว่าพระจะบอกว่าไม่ทุกข์นะ ทุกข์! แต่เวลาเราเอาชนะตัวเราเองนะ เวลาครูบาอาจารย์ท่านไปออกธุดงค์ ท่านอยู่ป่าอยู่เขาของท่าน ไปบิณฑบาตมาข้าวมันก็เต็มบาตร ทำไมเราไม่ไปกินข้าวล่ะ? ทำไมเราอยู่ทุกข์ของเราล่ะ? นี่เวลาเราจะเอาชนะตัวเราเองนะ เราจะต้องมีกติกามากกว่านี้นะ ถ้าเราไม่มีกติกามากกว่านี้ เราจะเอาจิตเราไว้ไม่อยู่นะ

ถ้าเราเอาจิตของเราไว้ เห็นไหม ดูสิเวลาศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เวลาพระกรรมฐานเราบวชมาแล้วศีล ๒๒๗ เท่ากัน แต่ธุดงควัตรนี่ไม่ถือก็ไม่เป็นอาบัติ ทำไมเราถือล่ะ? เราถือธุดงควัตรนะ ประเพณีของพระอริยเจ้า นี่บิณฑบาตเป็นวัตร ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร อาสนะเดียวเป็นวัตร ทุกอย่างเป็นวัตรคือหนเดียวๆๆ

คำว่าหนเดียว เห็นไหม นี่เป็นวัตรเพราะอะไร? แต่ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติก็ไม่เป็นไร ถ้าจำพรรษาก็คือจำพรรษา นี่จำพรรษาแล้วถือศีล ๒๒๗ ตามวินัยนั่นล่ะ อย่างนั้นไม่เป็นอาบัติ แต่ธุดงค์ไม่ถือก็ไม่เป็นอาบัติ แต่ถ้าเราจะเอาชนะตัวเราเอง ธุดงควัตรเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส ที่ว่าการขัดเกลา พอเราภาวนาขึ้นมา พอเราออกธุดงค์ขึ้นมา บิณฑบาตมาแล้วนี่มักน้อยสันโดษ

มักน้อย เราบิณฑบาตตามมีตามได้สิ่งที่ได้มา สันโดษตามได้ตามมี เห็นไหม แต่พอมักน้อยขึ้นมาเราก็ฉัน ฉันอาหารเข้าไปแล้วก็นั่งสัปหงกโงกง่วง ฉันอาหารไปแล้วก็มีความวิตกกังวล ฉันสิ่งนั้นแล้วจะได้สิ่งใดมา คิดไปร้อยแปด นี่พอเราเห็นโทษของมันเราก็ฉันแต่ข้าวเปล่าๆ ฉันแต่ข้าวกับอาหารพอดำรงชีวิต ดำรงชีวิตเป็นอาหารเบาๆ เข้าไป เวลาไปนั่งขึ้นมานะมันก็เริ่มดีขึ้น ถ้าดีขึ้นมันก็ผ่อนลงไป ผ่อนลงไป

คำว่าผ่อนนะ ผ่อนอาหารนี่ไม่ให้ธาตุขันธ์ทับจิต ถ้าไม่ให้ธาตุขันธ์ทับจิต จิตมันจะทรงตัวของมันขึ้นมา มันจะมีกำลังของมันขึ้นมา แล้วพอใช้ปัญญาไปนี่เพราะเราเห็นคุณค่า พอเห็นคุณค่าปั๊บ สิ่งที่ว่ามันทุกข์มันยาก นี่คนทางโลกเขามองว่าทุกข์ยากมาก แต่ผู้ประพฤติปฏิบัติเขาเห็นว่าคุณเกิดจากการปฏิบัติ เกิดจากบังคับตัวเอง เกิดจากข้อวัตรปฏิบัติที่เรารัดตัวเราเข้ามา นี่มันเต็มใจทำไง มันเต็มใจทำ มันทำของมันขึ้นมา เพื่อประโยชน์กับเรา ประโยชน์กับหัวใจดวงนั้น

ฉะนั้น เราอยู่กับโลกนะ นี่เวลาเราอยู่กับโลกให้เรามีความเข้มแข็งขึ้นมา ทุกข์ไหม? บอกว่าทุกข์ มันเป็นอย่างนี้มันทุกข์ แล้วมันมาเป็นครั้งเป็นคราว นี่เวลาภัยพิบัติมันมา เห็นไหม มันเป็นครั้งเป็นคราว แต่ถ้ามีความเชื่อใจกัน..

แต่เวลาคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆ นะ นี่ดูสิเขาทุกข์ยากขนาดนี้ ยังไปเที่ยวลักเที่ยวฉกของเขา เวลาเรานี่นะเราเสียหายของเราไปแล้ว ถ้าน้ำมันท่วมเสียหายเราก็ทำใจยากอยู่แล้วนะ แต่ของเราหามาทั้งชีวิต แล้วเราเกิดทุกข์ภัยลำบากนี่ เขายังมาฉกมาชิงของเราไป ไอ้คนฉกคนชิงทำไมจิตใจเป็นอย่างนั้นล่ะ?

เวลาคนเอารัดเอาเปรียบกัน เห็นไหม นี่เราเห็นแล้วเราก็เศร้าใจ เราเห็นแล้วเราก็อยากเจือจานกัน แต่! แต่ใครจะมีอำนาจเหนือมันล่ะ? นี่ใครจะมีอำนาจเหนือกรรม กรรมของคนนะ แล้วกรรมทำไมมันเป็นพร้อมกันล่ะ? ดูสิมันเป็นไปทั้งโลกนะ มันไม่ใช่เป็นเฉพาะประเทศเรา ถ้ามันเป็นไปทั้งโลกนะ

นี่ค่าของน้ำใจ เราช่วยเหลือเจือจานกัน เราเห็นใจกัน แบ่งปันกัน ทุกอย่างให้มันผ่านพ้นไปได้ มันต้องผ่านพ้นไป แต่มันผ่านพ้นไปด้วยความเจ็บปวดแสบร้อน กับผ่านพ้นไปด้วยเป็นประสบการณ์ มันจะผ่านเป็นประสบการณ์นะว่าชีวิตนี้เป็นอย่างนี้ เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปอย่างไร แต่มันจะผ่านไปด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ มันผ่านไปด้วยความว่าเขาเอารัดเอาเปรียบเรานะ

นี่สิ่งนี้ ดูสิคนเผชิญเหมือนกัน แต่จิตใจทำไมไม่เหมือนกันล่ะ? ถ้าจิตใจไม่เหมือนกัน เราจะต้องหาหลักหาเกณฑ์ในใจของเรา ที่เราทำกันอยู่นี้ เราหาหลักหาเกณฑ์ทุกข์ไหม? ทุกข์ทั้งนั้นแหละ เวลาอริยสัจ สัจจะความจริง เห็นไหม ชาติปิ ทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง การเกิดนี่ เพราะเกิดมาแล้วมีสถานภาพ แต่เกิดมีทุกข์อย่างยิ่งมันก็ต้องเกิดใช่ไหม? แต่เกิดมาแล้วเราเจอธรรมะ เจอธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เราขัดเกลา

นี่ถึงบอกว่าสิ่งที่เราต้องเผชิญแล้วเผชิญเล่า เราต้องเผชิญกับมันตลอดไป แต่ถ้าเราประพฤติปฏิบัติของเรา เราแก้ไขของเรา จนจิตใจเราสิ้นจากกิเลส มันไม่มาเกิดอีก เห็นไหม ถ้าไม่มาเกิดอีกมันก็ไม่มีทุกข์ เขาจะทุกข์ยากขนาดไหน เรารู้อยู่ จิตมีอยู่ ทุกอย่างรับรู้ได้ แต่ไม่มาทุกข์กับเขา แต่นี้เราต้องทุกข์กับเขา เขากินเราก็ต้องกิน เขาอยู่เราก็ต้องอยู่

แต่จิตมันไม่มีร่างกาย เขากินเราไม่ต้องกิน เขาทุกข์เราไม่ต้องทุกข์ เขาเจ็บช้ำน้ำใจเราไม่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะเรารู้ทันหมด แต่มันรู้มันเห็นนะ มันรู้มันเห็นนี่ผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะคือการเกิดและการตาย แต่เวลาผู้ประพฤติปฏิบัติใหม่ เวลาเราเกิดขึ้นมาแล้วเกิดมาด้วยบุญกุศล เกิดมาด้วยความเป็นมนุษย์ เห็นไหม เราเกิดในประเทศอันสมควร

เกิดในประเทศอันสมควร ดูสิดูปู่ ย่า ตา ยายเรา เห็นไหม เลือกที่อยู่อาศัย นี่อู่ข้าว อู่น้ำ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เราจำได้สมัยเราเด็กๆ นะ นี่แม่น้ำแม่กลอง กุ้งเอย อะไรเขาหยิบงมจับเอาได้เลย นี่ท่าวัดนั่นล่ะ ตามบันได งมไปนะจับเลย กุ้งนี่ กุ้งตัวใหญ่ๆ จับได้เลย มันอุดมสมบูรณ์ขนาดนั้นนะสมัยเด็กๆ แล้วพอโตขึ้นมาคนมันมากขึ้นๆ นี่การบริหารจัดการมันก็ต้องทำนะ เพราะการบริหารจัดการ..

เราดูนะ อย่างทางที่เขาขาดแคลนน้ำ แม้แต่น้ำสะอาดเขาไม่เคยพบนะ ขอให้มีน้ำดื่ม น้ำสะอาดเขาไม่เคยเห็นเลย ถ้ามีน้ำสะอาดเขาจะมีความสุขมาก แต่พวกเรานี่อยู่กันจนจำเจไง นี่เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในที่อุดมสมบูรณ์ เกิดในที่สิ่งแวดล้อมดี แต่เวลาเราเกิดแล้ว เห็นไหม เวลาถึงคราวมันก็ต้องอย่างนี้ นี่ถึงคราวมันก็เป็นไปของมัน

เราเกิดในประเทศอันสมควร นี้เวลาธรรมชาติเป็นแบบนี้เราก็ต้องแก้ไขของเราไป ดูใจของเรา เราได้มาจากน้ำ เราได้มาจากธาตุ ๔ เราได้จากสิ่งนี้มามหาศาล แต่เวลาถึงคราวมาอย่างนี้มันสั่งสอน ตักเตือน เห็นไหม นี่ถ้าจิตใจคนเป็นธรรมบอกว่า “ที่ไหนก็เป็นธรรม ธรรมะเป็นธรรมชาติ เห็นสภาวธรรม”

นี่เราก็มองมันเป็นธรรม เวลามันมาดีก็ดี เวลามาเป็นมัชฌิมา มาพอใช้พอสอย มาเป็นประโยชน์เราจะมีอาหาร ปัจจัย ๔ เครื่องอาศัย เราจะมีอาหาร เราจะมีเครื่องนุ่งห่ม เห็นไหม เครื่องนุ่งห่มก็มาจากพืช มาจากฝ้าย อาหารก็มาจากอาหาร ความเป็นอยู่ ต้นไม้นี่เราสร้างบ้านสร้างเรือน มันมาจากนั่นหมดเลย เราได้จากเขามามาก แต่ถึงเวลาเขาปรับตัวของเขา โลกจะปรับตัวไปอย่างนี้ โลกนี้เป็นอจินไตย

เวลาอจินไตย ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธวิสัย ปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราคาดหมายไม่ได้ จะไม่มีใครคาดหมายหรือรู้ได้ขนาดนั้นเลย นี่แล้วก็เรื่องฌาน เรื่องของสมาธิ เรื่องของกรรม นี่เป็นอจินไตย แล้วก็เรื่องของโลก เรื่องของโลกเป็นอจินไตย มันมีของมันอย่างนี้ มันจะมีของมันอย่างนี้ แต่จิตของเราสิสำคัญมาก เกิดตายๆ มาในวัฏฏะนี้ เกิดตายๆ แล้วเราทำอย่างไร?

ชีวิตนี้ก็คือชีวิตนี้นะ เราจะต้องแสวงหา จะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเรามีธรรมะในหัวใจเราบ้าง เราจะไม่ต้องทุกข์ร้อนไปแบบเขา อยู่ในเหตุการณ์ อยู่ในสถานะเดียวกัน แต่คนหนึ่งมีสิ่งหล่อเลี้ยงในใจ คนหนึ่งเจ็บช้ำน้ำใจมาก ฉะนั้น เราหาตรงนี้มา แล้วสิ่งที่ในเหตุการณ์เดียวกันนี่มันเหมือนกัน มันเหมือนกัน อยู่ในสถานะเดียวกัน อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน แต่ถ้ามีปัญญา มีสิ่งที่เตือนใจเราบ้าง เราจะต้องไม่เดือดร้อนไปขนาดนั้น แต่ถ้าไม่มีมันจะเดือดร้อนขนาดนั้น

มุมกลับ เขาบอกว่าทำบุญแล้วได้บุญมากที่สุด พุทธศาสนาว่าทำบุญมากแล้วได้บุญมาก นี่ก็ทำบุญทุกคน ชาวพุทธทำบุญกันหมดเลย วัดยังน้ำท่วม พระยังต้องมานอนอยู่ริมถนน เป็นพระทำไมต้องมานอนอยู่ริมถนน.. นี่ไงบอกทำบุญ บุญมันก็คือบุญ บุญคือความสุขของใจ บุญ เห็นไหม ในครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใส เราคุยกันรู้เรื่อง

ค่าของน้ำใจ บุญคือใจที่เข้าใจกัน มีความสัมพันธ์กัน มีความดีต่อกัน อันนั้นคือบุญ ค่าของน้ำใจ ค่าของความรู้สึกนึกคิด นี่บุญ! แต่สิ่งที่เราทำมาแล้วสิ่งนี้ต่างหาก แล้วสิ่งที่มันเกิดขึ้นล่ะ? มันเกิดขึ้นมันเป็นภัยของธรรมชาติ มันเป็นคราวเป็นกาลของมัน แล้วเป็นคราวเป็นกาลของมัน เห็นไหม เขาถึงอ้อนวอนกัน เขาถึงรักษากัน

ดูสิ คนป่า คนดอย เขารักษาธรรมชาติของเขา เขารักษาต้นไม้ของเขา นี่เราก็ไปหัวเราะเยาะเขา แต่เวลาเราจะใช้สอยของเรานะ นี่ไงเราเกิดมาจากโลก เกิดจากวิทยาศาสตร์ เราคิดแบบโลกๆ คิดแบบวิทยาศาสตร์ต้องควบคุมได้หมด แต่ถ้าเกิดเป็นธรรม เห็นไหม ถ้าเป็นธรรมนะ ธรรมมันเป็นกาล เป็นเวลา กาลเทศะ

คนบุญเกิด.. คนบุญเกิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิด ผู้เกิดสหชาติ ฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอนาคตังสญาณจะรู้จริตนิสัยของเรา จะสั่งสอนเรา คนบุญเกิดคนหนึ่ง นี่ ๒,๐๐๐ กว่าปียังได้ประโยชน์มาขนาดนี้ อย่าง ๕,๐๐๐ ปีไป นี่คนบุญเกิดคนหนึ่ง เราเกิดมาร่วมใต้ร่มธงของศาสนา เรายังมีความร่มเย็นเป็นสุขมาได้ขนาดนี้ แล้วเวลาเกิด เห็นไหม ผลของวัฏฏะ

ทีนี้การเกิดการตายนี่ว่าทำบุญแล้วไม่ได้บุญ.. เวลาคิดอย่างนี้แล้วนะ พอกิเลสมันสอดเข้ามาแล้วพวกเราก็ขาอ่อน แล้วเราก็จะละทิ้ง ถ้าละทิ้งความพึ่งพาอาศัย ละทิ้งธรรมในหัวใจเราจะทุกข์มากกว่านี้ แต่ถ้าเราไม่ละทิ้งธรรมของเรา ทุกข์ไหม? ทุกข์! ทุกข์แน่นอน แต่เรายังมีที่พึ่งพาอาศัยให้หัวใจได้ผ่อนคลาย ให้หัวใจได้มีหลักมีเกณฑ์ เราจะไม่เดือดร้อนไปกับเขา เอวัง