เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๔ ส.ค. ๒๕๕๕

 

เทศน์เช้า วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๕
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เมื่อวานอธิษฐานพรรษาแล้ว การเข้าพรรษา เห็นไหม ถ้าเราเริ่มต้นจากความถูกต้องดีงาม ต้นไม่คด ปลายมันก็ตรง ถ้าต้นมันคด ปลายมันเฉไปทางอื่นเลย เพราะต้นมันคดไง แต่ถ้าต้นมันตรงนะ ทำอย่างไรมันก็ตรง เพราะต้นมันตรงขึ้นมาแล้วมันเสียดฟ้าขึ้นไปเลย ถ้าต้นมันคดนะมันจะไปตามดินนั่นแหละ

ในเถรวาท ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดูสิดูประเทศต่างๆ ที่นับถือเถรวาทด้วยกัน เวลาเขาประพฤติปฏิบัติของเขา เขาถือศีลถือธรรมของเขา เขามีค่าน้ำใจไง แรงงานใจนะแรงงานใจ ค่าของน้ำใจ มันมีค่าของวัตถุ แต่เป็นค่าของวัตถุ เห็นไหม ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าศาสนาที่เจริญในวัตถุในเถรวาทด้วยกัน มันมีประเทศไทยนี่แหละ ทุนนิยมเข้าไปที่ไหนมันทำลายหมด มันทำลายประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้งนั้น

ถ้าทุนนิยมเข้าไป แล้วถ้าทุนนิยมมันสามานย์ไปทั้งหมดไหม? ถ้าทุนนิยมมันสามานย์ไปทั้งหมด เราหาเงินหาทองไปทำไม? ทุนนิยมทุนที่ดีก็มี ถ้าทุนที่ดี สัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้อง มิจฉาทิฏฐิมันทำลายเขาไปทั้งนั้นแหละ ถ้ามันทำลายไปหมด เห็นไหม นี่ทุนที่เป็นทุนสามานย์ คิดแต่เรื่องผลของกำไรอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงหัวอกคนอื่นเลย แต่ถ้าเป็นทุนที่ดี เป็นทุนที่เราต้องใช้ทุน ถ้าเราไม่มีทุนของเรา ถ้าเราไม่มีทุนของเรา เราจะทำสิ่งใดขึ้นมาได้

การทำสิ่งใดขึ้นมาได้นะ สมัยโบราณ เห็นไหม ผู้นำเท่านั้น เพราะสมัยนั้นเป็นเรื่องของแว่นแคว้น เป็นรัฐท้องถิ่น เรื่องการคมนาคมมันไม่เป็นแบบนี้ เรื่องทุนมันยังไม่เข้ามามีบทบาทมากขนาดนี้ แต่ในปัจจุบันนี้ทุนนิยมมันไปได้หมด มันทำลายหมดแหละ มันทำลายหมด แล้วเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาเราปฏิบัติกันเราก็ปฏิบัติแบบธรรมะสามานย์ ปล่อยวางๆๆ สิ่งใดก็ปล่อยวาง แล้วปล่อยวางอะไร? สิ่งนี้ปล่อยวางอะไร? นี่เรามีอะไรให้ปล่อยวาง เราทำสิ่งใดเราจะปล่อยวางสิ่งใด? เราไม่มีสิ่งใดให้ปล่อยวางเลย แล้วจะเอาอะไรมาปล่อยวาง?

แต่การปล่อยวาง เห็นไหม ทุนที่ดี ทุนที่ดีเขาเห็นในท้องถิ่นนั้น ในสิ่งที่เป็นสภาวะแวดล้อมนั้นควรทำให้มันยั่งยืน เพราะมันจะได้หาผลประโยชน์ของมันได้ต่อเนื่องกันไป ทุนที่ดีเขาดูแลของเขา เขาใช้สอยเพื่อประโยชน์ของเขา เราเกิดมาเรามีของเรามาอยู่แล้ว เรามีจิตของเรามาอยู่แล้ว จิตของเราปฏิสนธิจิตขึ้นมา แล้วเราเกิดมาพบพุทธศาสนา พุทธศาสนาในแว่นแคว้นใด? ในประเทศอันสมควร ประเทศอันไหนมันสมควร?

ดูสิในเถรวาทด้วยกัน ที่อื่นเรื่องทุนไม่เหมือนเมืองไทย เมืองไทยนี่ทุนนิยมมันครอบงำ พอครอบงำขึ้นไป เวลาปฏิบัติไปต้องการความสะดวกต้องการความสบาย แล้วต้องการความจริงด้วยนะ ความจริงของความรู้สึกนึกคิดไง ความจริงไม่เป็นความจริงโดยตัวมันเองไง ถ้าความจริงโดยตัวมันเองนะมันจะหวั่นไหวไปกับสิ่งใด?

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ เห็นไหม นี่เสาปักไปในดิน ๔ ศอก โผล่จากดิน ๔ ศอก ลมมันจะพัดขนาดไหนมันก็ไม่หวั่นไหวหรอก ทีนี้ถ้ามันหวั่นไหวมันเพราะเหตุใดล่ะ? มันหวั่นไหวไปไม่ได้ มันหวั่นไหวไปไม่ได้เพราะมันไม่มีสิ่งใดในหัวใจ นี่ถ้ามันเป็นความจริงไง แต่ถ้ามันไม่เป็นความจริง ตัวมันเองพึ่งตัวมันเองไม่ได้ อาศัยสภาวะแวดล้อมทั้งนั้น อาศัยคนที่จะค้ำจุนอย่างเดียว ไม่สามารถอาศัยตัวเองได้

แต่ถ้าเป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่ในป่า อยู่ที่โคนต้นโพธิ์องค์เดียวเท่านั้นแหละ ไปเทศน์ธัมมจักฯ ปัญจวัคคีย์ ๕ คนเท่านั้น แล้วเวลารู้ขึ้นมาก็รู้เฉพาะพระอัญญาโกณฑัญญะองค์เดียว อีก ๔ องค์นั้นไม่รู้ นี่ฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฐมเทศนานะ นี่เทวดา อินทร์ พรหมส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป

ฉะนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว เห็นไหม จะสอนใครได้หนอ? จะสอนใครได้หนอ? คือว่ามันละเอียดลึกซึ้งไง ถ้าธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันเป็นนามธรรม แต่นามธรรม ไม่ใช่ว่านามธรรมแล้วพิสูจน์กันไม่ได้ นามธรรมแล้วยกให้กับนามธรรมไปหมด สิ่งที่เป็นวัตถุจะทดสอบไม่ได้

วิทยาศาสตร์ พุทธศาสน์ เห็นไหม เวลาสัมมาสมาธิ ถ้าคนทำสมาธิไม่เป็นนะ ว่างๆ ว่างๆ ไอ้ว่างๆ มันเป็นสัญญาอารมณ์ มันเป็นสัญญาอารมณ์ แต่ถ้าเป็นความจริงนะตัวมันว่าง พอตัวมันว่าง มันเข้าไปสัมผัสแล้วอึ๊ แล้วผลลัพธ์มันแตกต่างกัน ความรู้สึกนึกคิดมันแตกต่างกัน ความสงบมันแตกต่างกัน นี่ไงมันเป็นความจริงด้วย อันนี้ทุนที่เรามีอยู่แล้วไง ทุนที่ในหัวใจของเรามีอยู่แล้ว ที่เรามาแสวงหากันอยู่นี่ไง เราแสวงหาหัวใจของเรา ถ้าเราแสวงหาหัวใจของเราได้นะ โลกธรรม ๘ มันอยู่เก้อๆ เขินๆ ของมันอยู่ข้างนอกนะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดกับพระอานนท์นะ

“อานนท์ รูปอันวิจิตร เสียงอันไพเราะ สิ่งที่มีคุณค่าทางโลกไม่ใช่กิเลส ตัณหาความทะยานอยากของคนต่างหากมันเป็นกิเลส”

เสียงอันวิจิตร ทุนนี่มันเป็นโทษกับใคร? ทุนมันก็คือกระดาษทั้งนั้นแหละ มันให้โทษกับใครล่ะ? แต่คนที่ใช้มัน เห็นไหม นี่คนที่ใช้มันใช้มันในทางที่ผิดไง แต่ถ้าในทางที่ถูกล่ะ? แล้วจิตใจของคนสูงต่ำขนาดไหน? แต่ถ้าเป็นทุนนิยมต้องกำไรสูงสุดเป็นที่ตั้ง ฉะนั้น กำไรสูงสุดแล้ว สิ่งที่กระทบกระเทือน สิ่งที่มันเบียดเบียนใคร เบียดเบียนใครก็ต้องแก้ไขเอาไปข้างหน้า

สร้างเขื่อนก็ต้องย้ายชุมชน ตัดไม้ทำลายป่าเพื่อผลของตัวไง แต่มันมีประโยชน์ไหม? มันก็มี แต่ถ้าคนที่เขาเป็นล่ะ? คนที่เขาเป็น เห็นไหม เขาสร้างฝายน้ำล้น เขาใช้มันโดยความยั่งยืน เขาสร้างเขื่อนด้วยธรรมชาติ ต้นไม้มันจะซับน้ำที่รากของมัน ที่ดินของมัน เขื่อนธรรมชาติมันซับน้ำของมันได้ แต่มันไม่ทันใจ มันไม่ทันใจเรา เห็นไหม นี่ถ้ามันทำลายไปหมด แต่ถ้าเรารักษาใจของเราล่ะ? เราค้นใจของเราเจอล่ะ?

ถ้าเราเจอหัวใจของเรา นี่ทุนของเรา ถ้าใครไม่มีทุนก็ทำสิ่งใดไม่ได้หรอก ถ้าใครมีทุนขึ้นมานะ แต่ไม่ใช่ทุนสามานย์ ทุนสามานย์มันจะแสวงหาเอา มันจะบังคับเอา มันจะนึกเอา เห็นไหม โครงการคิดแล้ววิจัยแล้วต้องได้เท่านั้น ต้องได้เท่านั้น ปฏิบัติแล้วต้องลัดสั้น ต้องบรรลุธรรม...บรรลุธรรมไม่บรรลุธรรม ไม่มีใครสามารถไปแก้ไขความเป็นจริงอันนั้นได้

ถ้ามันเป็นจริงนะ มันเป็นสมาธิก็สมาธิจริงๆ ถ้ามันเป็นปัญญาก็เป็นปัญญาจริงๆ แล้วถ้าศีล สมาธิ ปัญญาล่ะ? มรรคสามัคคีตามความเป็นจริง มันสมุจเฉทปหานขาดไปแล้ว ใครก็ยับยั้งอันนั้นไม่ได้ ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาแล้วใครจะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นไม่ได้ มันเป็นความจริงของมัน มันเป็นอกุปปธรรม แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สร้างให้ใครไม่ได้ แล้วทำลายของใครไม่ได้ด้วย แต่ถ้าใครทำ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ถ้าเป็นความจริงขึ้นมามันถึงเป็นความจริง ถ้าไม่เป็นความจริงขึ้นมามันก็เป็นเรื่องของกิเลสไง เรื่องของสัญญาอารมณ์ไง

เรื่องของหัวใจเรา เห็นไหม นี่เราต้องทำต้นของเราให้เสมอต้นเสมอปลาย การปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย การปฏิบัติสม่ำเสมอ นี่ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี ผู้นั้นอย่างน้อยได้อนาคามี ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี แต่เวลามันไม่เสมอต้นเสมอปลายไง มันปฏิบัติไม่สม่ำเสมอ ถ้าปฏิบัติไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย นี่เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ดูสิฤดูกาลมันก็เปลี่ยนแปลง อากาศมันก็เปลี่ยนแปลง ความพอใจความไม่พอใจของเราก็เปลี่ยนแปลง พอมันได้สมาธิขึ้นมาไม่ได้สมาธิขึ้นมามันก็เปลี่ยนแปลง มันไม่มีอะไรเป็นจริงสักอย่าง แล้วอะไรเป็นจริงล่ะ? เราต้องมีสัจจะ

ดูสิเวลาเราอธิษฐานพรรษา นี่สมัยที่การปฏิบัติมันเข้มแข็งนะ เรื่องการไม่นอนเป็นเรื่องปกติเลย เรื่องการไม่นอน แล้วเวลาเราอดอาหารนี่นะเราว่าเราหิวกระหายมาก เวลาอดนอนทรมานมาก ทรมานกว่าการหิวข้าวอีก เวลาหิวนอนทรมานมาก แล้วทรมานเพื่ออะไรล่ะ? อ้าว ก็ทรมานบอกทรมานกิเลส เราบอกไม่ได้ กิเลสเราจะทำต้องมีความสะดวกสบาย เราทรมานเราต้องทรมานกิเลสไง

กิเลสมันอยู่ที่ไหนล่ะ? กิเลสมันอยู่กับเรา พอเราบอกว่าไม่ใช่ทรมานกิเลส เป็นการทรมานเรา พอทรมานเราเราล้มลุกคลุกคลาน เราทุกข์ยากไปหมดเลย ก็กิเลสมันอยู่กับเรา เวลาทรมานไปแล้ว ทำสิ่งใดนะ นี่ถ้าวัตถุทำสิ่งใด ถ้าเราย่อยสลายไปแล้วมันจะสูญหายไปเลย แต่จิตนี้ยิ่งทำลายยิ่งงอกงาม ยิ่งทำลายยิ่งผ่องใส ยิ่งทำลายยิ่งสะอาดบริสุทธิ์

การทำลาย เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ตัดป่า ทำลายป่า ไม่ได้ตัดต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว”

ทำลายกิเลสไปแล้วมันเหลือแต่ธรรมธาตุ ถ้ามันทำลายได้จริงนะ นี่ทำลายได้จริง คนเราทำลายหัวใจได้จริงมันจะไม่เกิดไม่ตายไปอีก มันต้องสิ้นสุดมันได้ นี้เราก็บอกว่าเราจะทำลายให้ได้ๆ ทำลายแล้วมันทำลายไม่ได้หรอก เพราะตัวมันเองคิดว่าทำลายแล้วมันทำลายส่งออก มันไม่ทำลายตัวมันเอง เป็นไปไม่ได้หรอก ทีนี้เวลาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทวนกระแส เห็นไหม ทวนกระแสกลับเข้าไปสู่ใจ ทีนี้ทวนกระแสกลับเข้าไปสู่ใจอย่างไรล่ะ?

เราเคยเห็นน้ำมันไหลขึ้นไปที่สูงไหม? แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ทดเอาขึ้นไป น้ำธรรมชาติของมันที่ไหลขึ้นที่สูงเราเห็นไหม? ถ้าเราเห็นเราก็ตกใจนะ แล้วถ้าเราทำภาวนาของเราขึ้นไป แล้วเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่มันเข้าไปชำระกิเลส ปัญญาที่ทวนกระแสเข้าไป เราเห็นแล้วเราทึ่งนะ เราทึ่ง มันคืออะไรล่ะ? นี่ไงที่มันทวนกระแสเข้าไปไง นี่ภาวนามยปัญญามันเป็นอย่างไรไง ถ้ามันรู้จริงขึ้นมานะ อธิบายอย่างไร อธิบายจนปากฉีกไอ้คนไม่รู้ก็คือมันไม่รู้ มันไม่รู้ก็คือมันไม่รู้หรอก แต่ถ้าคนรู้นะพูดคำเดียว ไอ้คนรู้ด้วยกัน ใช่

ความจริงอย่างนี้ เราปฏิบัติความจริงขึ้นมาแล้วใครจะมาเฉไฉ ใครจะมาทำให้ความจริงของเราคลาดเคลื่อนไป มันไม่มีหรอก เห็นไหม เวลาทรัพย์ ทรัพย์ของเรา บุญกุศลของเรา นี่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ใครมาแย่งชิงไม่ได้หรอก แต่สมบัติเขาแย่งชิงได้นะ แล้วนี่อริยทรัพย์ด้วย อริยทรัพย์ เห็นไหม เวลาพญามารนะ พระในสมัยพุทธกาลประพฤติปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ แล้วมารเขาค้นหา ค้นหาตลบไปทั่วสามโลกธาตุเลยว่าจิตดวงนี้ไปไหน? องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกนะ “พญามาร เธอไม่ต้องค้นหาหรอก เธอหาหัวใจหาธรรมธาตุของลูกศิษย์เราไม่เจอหรอก เธอหาไม่ได้หรอก”

นี่ถ้าจิตมันไม่พ้นไป มารมันครอบงำอยู่มันพ้นไปไม่ได้หรอก เราจะบอกว่าเราทำลายขนาดไหนนะ มารมันหัวเราะเยาะ ไอ้นี่มันไปตามกระแสไง มันส่งออกไง เราคิดเองนึกเองไง แต่ไอ้จิตของเรามันอยู่เบื้องหลังไอ้ความรู้สึกนึกคิดนั้นไง มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าไปทำลายมัน เวลามันทำลายมันเข้าไป ทำลายมาแล้ว เห็นไหม มารมันค้น มารมันแสวงหา มารมันพ้นในวัฏจักรเลย หาว่าจิตดวงนี้มันไปไหน? จิตดวงนี้ไปไหน? นี่สิ่งที่เราครอบงำมันอยู่มันหายไปไหน? หาไม่เจอ

นี่ไง ใครจะไปฉ้อฉลความเป็นจริงให้เป็นความเท็จเป็นไปไม่ได้ เราปฏิบัติของเราให้เป็นความจริงของเรา อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นี้เราปฏิบัติไปแล้วเราก็สงสัย เราก็ลังเล แล้วเราก็ถามครูบาอาจารย์ของเราไปเรื่อย นี่มันสงสัยแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นความจริงนะ หลวงปู่มั่น หลวงตาท่านพูดเลย

“สาธุ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งอยู่ตรงหน้าก็ไม่ถาม”

เพราะถ้าถามท่านก็บอกอันนี้เหมือนกัน เพราะคนที่รู้คนที่ได้ภาษา เขาก็สื่อภาษาเดียวกัน คนได้ภาษาใจเขาก็สื่อได้ภาษาเดียวกัน ฉะนั้น ถ้าถามก็สื่อภาษาเดียวกันเพราะมันรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่รู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกขนาดไหนเราก็ไม่รู้ ศึกษามาเรียนมา นี่พระไตรปิฎกเข้าใจได้หมดเลย แต่ไม่รู้เรื่องของตัวเอง นิพพานเป็นอย่างไรก็งง ยิ่งสมาธิเป็นอย่างไร? สมาธิมันก็ว่างๆ นี่ไง ว่างๆ อากาศมันก็ว่าง สรรพสิ่งในโลกมันก็ว่าง มันเป็นสมาธิไหมล่ะ? แต่ถ้าตัวมันว่างล่ะ? ในความว่างมันว่างในตัวมันเองมันงงไหมล่ะ?

ถ้ามันงงขึ้นมา เห็นไหม สิ่งที่มันทำขึ้นมาเราทำขึ้นมาตามความเป็นจริง ต้นไม่คดนะ ถ้าต้นมันคด นี่เราเอาแต่ความพอใจของเรา อำนาจเขาแย่งชิงกันนะ อำนาจของผู้ใช้อำนาจ ถ้าเป็นผู้ที่ดี เป็นผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริต อำนาจนั้นก็สร้างแต่คุณงามความดี แต่ถ้าอำนาจนั้นมา อำนาจนั้นถ้าจิตใจมันทุจริต มันเบียดเบียน ผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วตอนนี้กิเลสมันอยู่กับเรามันก็ผลประโยชน์ทับซ้อน ศึกษาธรรมก็เรื่องของธรรม กิเลสก็ซ้อนอยู่ข้างหลัง มันเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งนั้นเลย ทำความสงบของใจขึ้นมานะ ไม่ให้มันทับซ้อน ให้เป็นหนึ่งเดียว

จิตสงบคือจิตนี้เป็นหนึ่ง จิตนี้เป็นหนึ่ง แล้วถ้ามันใช้ปัญญาไม่เป็น สมาธิแก้กิเลสไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีสมาธิมันมีความว่างกับกิเลส ว่างๆ ว่างๆ มันไปว่างอยู่ข้างนอกไง กิเลสมันอยู่ที่ตัวเรา มันทับซ้อนอยู่ นี่มันเลยคดไง ต้นคดปลายตรงไม่มี แต่ต้นมันตรงนะ เราทำของเราให้ถูกต้องดีงาม แล้วผลมันจะงอกงามขึ้นมาจากหัวใจของเรา แล้วถามใคร? ถามปัจจัตตัง ความรู้ในหัวใจของเรา ถามความจริงอันนี้ แต่เวลาเราปฏิบัติถึงได้ผลแล้วเราไปกราบเรียนครูบาอาจารย์ก็เพื่อยืนยันความจริง เพื่อยืนยันความจริง แล้วถ้ามันไม่จริงเราก็แก้ไขของเราไป ครูบาอาจารย์จะแก้ไขให้เรานะ ถ้าเราปฏิบัติของเราจะได้ผลแบบนี้

ฉะนั้น วันเข้าพรรษาแล้วเราจะประพฤติปฏิบัติของเราอย่างไรเพื่อให้ได้มรรคได้ผลนะ ถ้าให้ได้ความสงบของใจ ให้เห็นคุณค่า แรงงานใจ ค่าของน้ำใจกับค่าของวัตถุให้มันเห็นเสียที ถ้าเราเห็นค่าของน้ำใจนะ จิตใจมันจะทุกข์มันจะยากมันก็อยู่ได้ แต่ถ้าจิตใจมันทุกข์ยากนะ จะมีล้นฟ้ามันก็ทุกข์ ยิ่งทุกข์จนเข็ญใจยิ่งทุกข์ใหญ่เลย แต่ถ้ามันมีคุณค่าของใจนะ อยู่โคนไม้อยู่ที่ไหนมันอยู่ได้ หลวงตาท่านเป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่ มีบริขาร ๘ เท่านั้น หาเงินหาทองเพื่อช่วยเหลือชาติ พวกเรานี่นะมีเงินมีทอง มีทุกอย่างเลย เราทำประโยชน์กับใครบ้าง?

เวลาหลวงตาท่านทำประโยชน์ของท่านสำเร็จแล้ว ท่านยังทำประโยชน์กับสาธารณะ เห็นไหม นี่เพราะอะไร? เพราะคนจนผู้ยิ่งใหญ่ เพราะท่านทำใจของท่านได้แล้ว คุณค่าของน้ำใจมีค่ามาก แต่ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ให้เป็นความเห็นถูกต้องนะ อย่าเป็นมิจฉา ถ้าเป็นมิจฉานะ ค่าของน้ำใจ น้ำใจอันนี้มันคิดผูกพยาบาท มันทำลายเขาไปทั้งนั้นเลย ถ้าใจมันคิดทำลายนะ มันมีเล่ห์กลของมันทำลายได้หลายซับหลายซ้อน เห็นหน้าแต่ไม่รู้ใจ ทำลายกันไปหมดนะ

ฉะนั้น ค่าของน้ำใจ ถ้ามันเป็นธรรมจะเป็นประโยชน์มาก ถ้ามันเป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันก็เป็นโทษมาก ฉะนั้น สิ่งที่จะชำระสะสางมัน ศีล สมาธิ ปัญญา ดูแลหัวใจของเรา เพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง