เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ ธ.ค. ๒๕๕๕

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราเกิดมาเป็นคน เราเกิดมาเป็นคนนะ เป็นสัตว์ประเสริฐ เป็นผู้ที่ปรารถนาความร่มเย็นเป็นสุข เกิดมาชาตินี้ขอให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ถ้าเกิดตายๆ ไปชาติหน้าต่อไป ถ้ามี ถ้ามีนะ ความรู้สึกของกิเลสมันบอกไม่มี “ถ้ามี” เราทำบุญกุศลของเรา เราเกิดในภพชาติหน้าไป ความเป็นอยู่ของเรามันจะไม่อัตคัดขาดแคลนจนเกินไป นี้เราทำของเราเพราะเราเชื่อในพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงการเวียนตายเวียนเกิด เพราะมีการเวียนตายเวียนเกิด

เวลาคนเกิดมา เกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่อำนาจวาสนาบารมีของคนมันไม่เท่ากัน พอมันไม่เท่ากัน ทำสิ่งใดไปมันถึงขาดตกบกพร่องไปไม่เสมอกัน ความไม่เสมอกัน แต่เราเรียกร้องความเสรีภาพ เรียกร้องสิทธิเสรีภาพว่าต้องเสมอกันโดยระบบประชาธิปไตย เวลาเขาเรียกร้องเสรีภาพ เห็นไหม ดูสิ ดูข่าว มันกราดยิงทีหนึ่ง ๔๐-๕๐ คน กราดยิงทีหนึ่ง ๓๐-๔๐ คน กราดยิงทีหนึ่ง ๒๐-๓๐ คน นี่เสรีภาพ เรียกร้องเสรีภาพ ความเสรีภาพของเขา ความเสมอภาคของเขา ด้วยความรู้สึกนึกคิดของเขา แต่เขาทำลายคนอื่นด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ

ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เห็นไหม มันเสียอกเสียใจ มันสะเทือนใจไหม ด้วยความคิดว่าสิทธิเสรีภาพ สิทธิเสรีภาพของตัว แต่ไปทำลายคนอื่น เป็นสิทธิเสรีภาพไหม ความเป็นเสรีภาพของตัวมันต้องอยู่ในหัวใจของตัวสิ ความเป็นเสรีภาพของตัว เพราะเขาไม่ได้เชื่อในพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา เห็นไหม เวียนตายเวียนเกิด มันมีที่มาที่ไปไง ทำไมเราเป็นแบบนี้ล่ะ ถ้าเราเป็นแบบนี้ เราน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตของเราใช่ไหม เราโดนบีบคั้นด้วยสังคมใช่ไหม เราก็ประชดมันซะ ทำลายมันหมดเลย ด้วยการเรียกร้องความเป็นเสรีภาพ

เสรีภาพนะ เวลาเศรษฐกิจมันตกต่ำ เห็นไหม มีคนที่จิตใจเขาเป็นธรรมที่เขามีฐานะพอช่วยเหลือเจือจานกันได้นะ เขาเอาแบงก์ไปแจก เขาไปแจกทีละคน แล้วเขาแอบแจกคนทุกข์คนยาก นี่สิทธิเสรีภาพเหมือนกัน จิตใจของเขามีคุณงามความดีของเขา จิตใจของเขามีเมตตาของเขา จิตใจของเขาเห็นความทุกข์ของคน เขาอยากจะช่วยเหลือเจือจาน เขาอยากแบ่งปัน อยากแบ่งปันความทุกข์ความยากนั้นด้วยความเจือจานของเขา นี่จิตใจของคนที่เป็นคุณงามความดี เขาทำสิ่งดีๆ เพราะจิตใจของเขาคิดสิ่งที่ดีๆ จิตใจที่ดีมันมาจากไหนล่ะ? มันมาจากการกล่อมเกลา มาจากการดูแลไง

เราก็ดูแลของเราหมดนะ เราอยากดูแลให้ลูกหลานของเราเป็นคนดีๆ ทั้งนั้นแหละ ทำไมลูกหลานมันทำไม่สมความปรารถนา ทำไม่ได้ดั่งใจของเรา? มันไม่ได้ดั่งใจของเราหรอก เพราะเขามีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน เขาก็มีความรู้สึกนึกคิดของเขา เราก็มีความรู้สึกนึกคิดของเรา ถ้าเรามีความรู้สึกนึกคิดของเรา เราพูดได้เพราะอะไร เพราะเรามีประสบการณ์ของชีวิตไง เราผ่านชีวิตนี้มาก่อนเขา เราเห็นมาก่อนเขา เราก็อยากให้เขาไม่เกิดอุปสรรคแบบที่เราเคยพบมา แต่ด้วยตามวัยของเขา เขาไม่เชื่อเราหรอก เขาต้องได้มีประสบการณ์ของเขา เขาถึงเชื่อของเขา นี่พูดถึงสิทธิเสรีภาพนะ

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรานะ ในพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึก รัตนตรัย เห็นไหม ถ้าเราเกิดมาเป็นฆราวาส ฆราวาสธรรม เราก็เสียสละเพื่อทำคุณงามความดีของเรา เสียสละเพื่อเหตุใด

“กลิ่นของศีลหอมทวนลม”

เราเป็นคนที่ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่บีบคั้นใคร ผู้หลัก ผู้ใหญ่ในสังคมเขาจะบอกคนคนนี้เป็นคนดี ถ้าคนดีนะ ไปที่ไหนคนเขาก็ช่วยเหลือเจือจาน ถ้าคนคนไหนเป็นคนที่เอารัดเอาเปรียบเที่ยวทำลายเขา ไปที่ไหนเขาบอกคนคนนี้เป็นคนไม่ดี ถ้าคนไม่ดี นี่กลิ่นของศีล กลิ่นของชื่อเสียง กลิ่นของการกระทำของเราไง ถ้ากลิ่นของการกระทำของเรามันขจรขจายไปนะ กลิ่นของความดีมันก็หอมทวนลมไป กลิ่นการเห็นแก่ตัว กลิ่นของความชั่วมันก็ไปตามลมปากเขา

เห็นไหม ถ้าคนดี ไปที่ไหนเขาก็ชื่นชม เขาก็พอใจ เขาก็มีความสุขความสงบของเขา คนไหนเป็นคนไม่ดี ไปที่ไหนเขาก็หวาดระแวงของเขา นี่ไงเราเสียสละกันเพื่อฝึกหัดขัดเกลาจิตใจของเราไง ขัดเกลาที่ไหนล่ะ การที่เสียสละจากมือเราไปใครเป็นคนคิด ใครเป็นคนทำ ถ้าไม่มีเจตนา ไม่มีความรู้สึกนึกคิดในหัวใจ มันจะเสียสละได้ไหม

ของของของเราหามา ของมันอยู่ในบ้านของเรา มันจะเคลื่อนย้ายไปไหนได้ ถ้าจิตใจเราไม่คิดก่อน แล้วจิตเราถึงได้เอาออกมาเสียสละของเราเพื่อให้จิตใจของเราขัดเกลาจิตใจของเรา เห็นไหม นี่แก้วสารพัดนึก

เวลาเราประพฤติปฏิบัติกัน ในพุทธศาสนาสอนถึงสิ้นสุดแห่งทุกข์ สอนให้สังคมร่มเย็นเป็นสุขด้วยการเสียสละ ด้วยการจุนเจือกัน เห็นไหม ด้วยการเรียกร้องความเป็นธรรมๆ ความเสมอภาค ความเสมอภาคของใคร ถ้าเขาไม่มีวุฒิภาวะ ความเสมอภาค เราเอาเสรีภาพ เอาชาติ เอาบ้านเมืองไปไว้กับคนที่ไม่มีวุฒิภาวะ เขาจะพาชาติไปได้อย่างไร

ฉะนั้น คนที่เขาบอกเรียกร้องเสรีภาพด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจของเขา ด้วยจิตของเขาที่ไม่เป็นปกติ ความเป็นเสรีภาพของเขาก็ไปทำลายคนอื่น เห็นไหม ไปทำลายคนอื่น แต่คนที่จิตใจเขาเป็นธรรม นี่เขาเรียกร้องคุณงามความดีของเขา เขาเสียสละของเขาเพื่อประโยชน์กับสังคมความร่มเย็นเป็นสุขของเขา นี่เป็นเรื่องของสังคม

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนถึงเวลาชำระกิเลส ล้างในหัวใจ สิทธิเสรีภาพในใจ สิทธิเสรีภาพในใจ

นี่เวลาเราอยู่ในสังคม สังคมเขาต้องมีศีลธรรมจริยธรรม ถ้ามีศีล ๕ นี่นะ กฎหมายบังคับคนที่ทำผิด แต่เราไม่ได้ทำผิด เราทำคุณงามความดีของเรา นี่สิทธิเสรีภาพของเรา เราก็โดนรอนสิทธิ์ไปด้วยจากคนที่เขาทำผิดพลาดของเขา ต้องมีกฎหมายบังคับเรา เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งในสังคมนั้น ก็ต้องยอมรับกติกาอันนั้นไป เห็นไหม นี่สิ่งที่สังคม สังคมเป็นแบบนั้น แต่เวลาใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา นี่ชำระกิเลสในหัวใจ สิทธิเสรีภาพที่นี่

สิทธิเสรีภาพ สิ่งที่มันร้อยรัดหัวใจเราไว้นี่ กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นหัวใจ มันรัดหัวใจอยู่นี่ มันเป็นความทุกข์ความยากในใจ ถึงจะมีสมบัติล้นฟ้า ถึงจะมีคนยกยอปอปั้น ถึงเขามีคนยอมรับนับถือ แต่มันก็มีความทุกข์เผาลนใจมันไม่มีวันที่สิ้นสุด ถ้ามันไม่มีวันสิ้นสุด มันเกิดมาจากไหนล่ะ

นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนธรรม เห็นไหม แก้วสารพัดนึกๆ ถ้าใครนึกได้หยาบๆ ก็นึกได้แต่เรื่องของสังคม เรื่องของความเป็นอยู่ของเรา ถ้าใครนึกได้เรื่องละเอียด นึกถึงการเกิดและการตาย การเกิดและการตาย นี่เกิด เราเกิดมาจากไหน? เกิดมาจากอวิชชา เกิดมาจากปฏิสนธิจิต เกิดในไข่ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปปาติกะ เกิดในครรภ์ การกำเนิด ๔ จิตนี้มันต้องเกิดแน่นอนไม่มีวันตาย จิตนี้มันเวียนตายเวียนเกิดของมันโดยธรรมชาติของมัน แต่เวลาเกิดมาเป็นมนุษย์เราได้สถานะของมนุษย์ขึ้นมาคนหนึ่ง ได้สถานะมนุษย์คนหนึ่ง แต่คนหนึ่งมันมาจากไหนล่ะ? มันมาจากกรรมเก่า กรรมเก่าที่สร้างผลมาอย่างไร มันเกิดมาในชาติปัจจุบันนี้ แล้วเวลาเกิดมาแล้ว เกิดมาพบพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอนถึงสิ้นสุดแห่งทุกข์

ที่ไหนมีการเกิด ที่นั่นต้องมีการตาย ในเมื่อมีการเกิดมาแล้วมันต้องมีการตายแน่นอน แต่ถ้ามันชำระกิเลสแล้ว เป็นอิสรเสรีภาพแล้ว ถ้ามันไม่เกิดอีกต่อไป ถ้ามันไม่เกิดต่อไปมันก็ไม่มีการตาย เห็นไหม ถ้ามันไม่เกิดต่อไปแล้วมันจะเป็นสิทธิเสรีภาพที่ไหนล่ะ? มันจะเป็นสิทธิเสรีภาพต่อเมื่อเรามีสติ นี่เราไม่รู้ต้นเหตุว่าการเวียนตายเวียนเกิด สิ่งที่ร้อยรัดใจ สาเหตุมันมาจากไหน เราเวียนตายเวียนเกิดโดยอวิชชา โดยความไม่รู้ ความไม่รู้เวียนตายเวียนเกิดภพชาติต่างๆ เวลาเวียนตายเวียนเกิดนะ ได้ภพชาติต่างๆ มา แล้วมันมาจากไหนเราไม่รู้

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เห็นไหม อาสวักขยญาณทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา เป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ทำลายอวิชชาออกมา “เราเป็นไก่ตัวแรก” เห็นไหม เวลาพราหมณ์ที่มีอายุมากมาต่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอายุน้อย เป็นหนุ่มเป็นแน่น ทำไมไม่เคารพบูชาผู้เฒ่าผู้แก่ที่เป็นพราหมณ์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ในบรรดาสัตว์สองเท้า เราประเสริฐที่สุด เราไม่เห็นการกระทำที่เราจะยกมือไหว้ใครได้เลย ถ้ายกมือไหว้ใครได้เลย ศีรษะเขาจะแตกเป็น ๘ เสี่ยง เขาจะมีกรรมของเขา” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะด้วยความเมตตาเขา แต่สังคมโลกบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทิฏฐิมานะ แต่ความจริงความเห็นมันแตกต่างกัน เห็นไหม

ฉะนั้น เวลาที่เราว่าเหตุที่มันเกิดมันเกิดมาจากไหน ฉะนั้น เวลาเราทำบุญกุศล การเสียสละกันนี่ เขาก็เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เรียกร้องความเห็นของสังคมเขา เขาต้องการความเสมอภาคของเขาโดยความที่เป็นไปไม่ได้

นิ้วคนมันไม่เท่ากัน คนเกิดมามีเวรมีกรรมมาแตกต่างหลากหลายกัน แต่เวลาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนเราอยู่นี่ สั่งสอนว่าสิทธิเสรีภาพจากภายใน สิทธิเสรีภาพจากหัวใจ แล้วถ้าสิ่งที่สิทธิเสรีภาพมันจะเป็นเสรีภาพได้อย่างไรล่ะ? มันจะเป็นเสรีภาพต่อเมื่อเรามีสติ ถ้าเรามีสติ เห็นไหม เราก็มีการกำหนดพุทโธ เรามีคำบริกรรม จิตมันคิดร้อยแปดพันเก้า นั่นล่ะเครื่องร้อยรัดมันด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันฟุ้งซ่าน มันทุกข์ยาก มันก็บีบคั้นตัวมันเอง แล้วบีบคั้นตัวมันเอง มันจะแก้ไขตัวมันเองได้อย่างไรล่ะ มันจะแก้ไขตัวมันเองได้อย่างไร ใครจะชำระล้างกิเลสให้ใครได้ล่ะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าให้ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน ทำความสงบของใจเข้ามาถึงตัวมัน เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็กำหนดอานาปานสติ เขาบอกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดพุทโธ แล้วเราทำไมต้องมาพุทโธ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีบารมีมหาศาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝึกหัดขึ้นมาก็ต้องกลับมากำหนดลมหายใจ อานาปานสติ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่รู้จักธรรมะ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ มันยังไม่มีพุทโธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงกำหนดอานาปานสติ

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว วางกรรมฐาน ๔๐ ห้องไว้ กำหนดพุทโธ ธัมโม สังโฆ ถ้ากำหนดพุทโธ เราก็กำหนดถึงพ่อแม่ของเรา เรานึกถึงพ่อแม่ของเราเป็นคุณงามความดี เรานึกถึงศาสดาของเรา เรานึกถึงต้นขั้วของเรา เรานึกถึงศาสดาของเรา พุทโธ พุทโธ เห็นไหม เพื่อไม่ให้จิตมันฟุ้งซ่าน มันคิดไปนอกเรื่องนอกราวที่มันจะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพๆ มันดิ้นรนในใจของมันอยู่นี่ ให้มันพลิกกลับมานึกพุทโธ นึกถึงพ่อถึงแม่ พอนึกถึงพ่อถึงแม่ จากพ่อแม่มันก็จะเข้าสู่ตัวของเขาเอง

จากตัวพ่อแม่ เห็นไหม เราเกิดจากใคร? เราเกิดจากพ่อ จากแม่ เรามีศาสดาของเรา พุทโธ พุทโธ จนมันหดสั้นเข้ามาจนเป็นตัวมันเอง ตัวมันเองคือสัมมาสมาธิ คือมันเองคือตัวจิต ตัวมันเองคือตัวภวาสวะ คือตัวภพ แล้วตัวภพถ้ามันเกิดปัญญาขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนถึงวิปัสสนาญาณ วิปัสสนาๆ ให้จิตมันออกใช้ปัญญาของมัน ถ้าจิตมันออกใช้ปัญญามันจะชำระล้างสิ่งที่ร้อยรัดในหัวใจ

ถ้าความเป็นสิทธิเสรีภาพโดยความไม่เห็นแก่ตัว มันไม่เห็นแก่ตัวเพราะมันทำลายตัวมันเอง แต่สิทธิเสรีภาพที่เราเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัว เห็นไหม เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตน ทิฏฐิมานะ นี่เวลาเกิดทิฏฐิมาก็ว่าเป็นของเรา สรรพสิ่งก็เป็นของเรา เพราะมันเห็นแก่ตัวมันถึงทำลายตัวมันเอง โดยตัณหาความทะยานอยาก โดยความไม่รู้ตัว

แต่ถ้ามันไม่เห็นแก่ตัว นี่มันมีสติปัญญาเข้ามา มันรู้ทันตัวมันตลอด มันไม่เห็นแก่ตัว มันไม่เห็นแก่สิ่งใด สรรพสิ่งไม่เป็นเรา ไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ไม่มีสิ่งใดเป็นเรา ถ้าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา แล้วเราไปพุทโธทำไม เราไปคิดถึงสังโฆทำไม เราไปคิดถึงมรณานุสติทำไม ก็เราต้องระลึกรู้เพราะให้มันทวนกระแสกลับเข้ามา ให้ความรู้สึกนึกคิดหดสั้นเข้ามาสู่ตัวมันเอง

ถ้าเข้าสู่ตัวมันเอง มันจะไปปลดเปลื้องสิ่งร้อยรัดในตัวมัน เห็นไหม นี่สิทธิเสรีภาพมันอยู่ที่นี่ ถ้าสิทธิเสรีภาพ ถ้ามันทำลายอาสวักขยญาณ อาสวักขยญาณเข้าไปทำลายอวิชชา เข้าไปทำความไม่รู้ ถ้ามันรู้จักตัวมันเองโดยความชอบธรรม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบ ความชอบธรรม ความชอบธรรมคือสัมมาทิฏฐิ ปัญญาชอบ งานชอบ เพียรชอบ ความชอบธรรม

แต่ถ้าเราไม่ชอบธรรม นี่พลังงานคือตัวจิต สิ่งที่ความคิดเกิดดับ นี่ไงมันไปรู้ข้างนอก สิ่งที่ข้างนอกมันก็มีตัณหาความทะยานอยากสอดเข้ามาเพราะมันมีสังโยชน์ นี่ตัณหาความทะยานอยากสอดเข้ามาระหว่างไง ระหว่างพลังงานกับความคิด มันสอดเข้ามา มันร้อยรัดตัวมันเอง ร้อยรัดตัวมันเองมันก็เห็นแก่ตัว

ความเห็นแก่ตัว ทำสิ่งใดก็ทำเพื่อตัวตน ทำสิ่งใดก็เพื่อทิฏฐิมานะอันนี้ ไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อธรรมๆ เลย ถ้าเพื่อธรรม ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมล่ะ เป็นธรรมเพราะชำระล้างกิเลสแล้วมันถึงเป็นธรรม แต่ของเรานี่กิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจมันเต็มหัวใจ มันเต็มหัวมันอยู่ แล้วมันจะเอาธรรมะมาจากไหนล่ะ? มันก็เอาความไม่รู้ไปศึกษาธรรม แล้วก็เอาสิ่งที่เป็นธรรมะไปร้อยรัดตัวมันเอง กิเลสก็ร้อยรัด ทำโดยอ้าง ทำโดยบังเงา ทำโดยอวิชชาอ้างอิง มันก็มาร้อยรัดมัน “สิ่งนี้เป็นธรรมๆๆ” มันอ้างอิงไปหมด เห็นไหม เพราะความเห็นแก่ตัว มันเลยทำลายตัวมันเอง

แต่ถ้าไม่เห็นแก่ตัวนะเราตั้งสติของเราไว้ เห็นไหม สัจจะความจริง ความจริงก็คือความจริง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ถ้ามันจะสงบมันก็สงบโดยสติสัมปชัญญะที่รู้ตัวทั่วพร้อม พร้อมกับความสงบ ความสงบระงับไง เวลาเกิดปัญญา ปัญญาเกิดจากภวาสวะ เกิดจากจิต พอปัญญาเกิดจากจิต จิตนี้ออกไปชำระล้างของมัน สิ่งที่จะเป็นอิสรภาพ เป็นเสรีภาพ เป็นภราดรภาพ ความเสมอภาค เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ไปแล้ว เวลาสาวกสาวกะเป็นพระอรหันต์ก็มีความเป็นพระอรหันต์ด้วยความเสมอกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นพระอรหันต์ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอุบาลีก็เป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์เสมอกันหมดเลย

แต่ด้วยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างบุญกุศลมากกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้บัญญัติ ถึงได้ตั้งเอตทัคคะไว้ ๘๐ องค์ มีความชำนาญการ ๘๐ วิธีการ ผู้ที่มีความชำนาญการแต่ละอย่างๆ แต่ความสะอาดบริสุทธิ์เสมอกัน นี่สิทธิเสรีภาพที่เท่ากัน เสมอกัน แล้วจะไม่มีการเบียดเบียนกัน จะไม่มีสิ่งใดๆ เลย สิทธิเสรีภาพที่นี่

เราเรียกร้องกันอยู่นะสิทธิเสรีภาพๆ แต่ด้วยมุมมองของตัว ด้วยความเห็นของตัว ด้วยความชอบใจของตัว นั้นก็เป็นสิทธิเสรีภาพ ถ้าสิ่งใดมารอนสิทธิ์เรา รอนสิทธิ์เรา เราก็บอกสิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี เพราะมันรอนสิทธิ์ของเรา แต่ในเมื่อเกิดมาในสังคม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราอยู่ในสังคม สังคมก็ต้องมีกติกาเป็นธรรมดา มีกติกาเป็นธรรมดาเพราะได้อยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข แต่ในเมื่อมีความร่มเย็นเป็นสุขแล้วเราต้องดูแลรักษาใจของเรา เพื่อปรารถนาสิ่งที่เรามีคุณธรรมในใจของเรา

จากทรัพย์สมบัติทางโลก นี่ทรัพย์สมบัติทางโลก จะมีอริยทรัพย์ ทรัพย์สมบัติที่ให้หัวใจนี้มีทรัพย์สมบัติติดหัวใจนี้ไป หัวใจมีทรัพย์สมบัติ เวียนตายเวียนเกิดก็เกิดมาอย่าให้มันทุกข์มันยากอัตคัดขาดแคลนจนเกินไป แล้วถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจขึ้นมา เห็นไหม นี่มันมีสติ มีปัญญา มีมรรคญาณเข้าไปชำระล้างเรา มันจะสะอาดบริสุทธิ์ของเราขึ้นมา เราจะตื่นเต้น

เวลาหลวงตาท่านบรรลุธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ท่านกราบแล้วกราบเล่า กราบแล้วกราบเล่า ท่านกราบอะไรน่ะ? ท่านกราบถึงบุญ ถึงคุณ ถึงความเห็นที่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้ แล้วท่านบรรลุธรรม เห็นธรรมเหมือนน่ะ มันซึ้ง ซึ้งมากเลย

เราก็ปฏิบัติกันอยู่นี่ เราพยายามของเรา ถ้าเมื่อไหร่เรารู้สึก เรารู้เราเห็นของเรานะ เห็นไหม สิทธิเสรีภาพอันนี้จะเกิดท่ามกลางหัวใจของเรา เอวัง