เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑ มี.ค. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรมะ สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง เห็นไหม สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้วตอกย้ำๆ ต้องตอกย้ำหัวใจของเรา ถ้าไม่ตอกย้ำหัวใจของเรา หัวใจของเรามันดื้อด้าน เวลาพูดจนชินปาก ฟังจนชินหู แต่หัวใจมันด้าน

พูดจนชินปากนะ ฟังจนชินหูแต่หัวใจมันด้าน หัวใจมันด้านไง เวลาฟังไปแล้วมันไม่ขนลุกขนพอง ถ้าสัจธรรมมันเข้าไป มันขนลุกขนพองเลย ถ้ามันขนลุกขนพอง สิ่งที่เป็นสัจธรรม ต้นมันตรง เริ่มต้นจากทำความจริงของเราด้วยจิตของเรา จิตของเราปฏิสนธิจิต จิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตเวียนว่ายตายเกิดมาเป็นเรา แต่จิตเวียนว่ายตายเกิดมาเป็นเราด้วยสถานะของมนุษย์ เรามีความรู้สึกนึกคิด

ความรู้สึกนึกคิดนี่เริ่มต้น เริ่มต้นถ้าเจตนามันดี เจตนามันบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำความดีต่างๆ ทำความดีของเราไป ถ้าเจตนาบริสุทธิ์แต่มันผิด มันผิดเพราะอะไร ผิดเพราะมันเป็นอวิชชา ผิดเพราะเราไม่เข้าใจ ผิดเพราะเราไม่รู้ว่าทำสิ่งใดไปมันถึงผิดพลาดไปตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ตั้งใจนี่แหละ

ถ้าตั้งใจ เห็นไหม ตั้งใจทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีมันผิดพลาดได้อย่างไร

ทำคุณงามความดีมันก็เป็นความดีของโลกไง ความดีของเรา เรายึดมั่นถือมั่นว่าเราทำดีของเรา มันเป็นความดีไง สิ่งที่เป็น ถ้าต้นมันคด ปลายมันตรง มันจะเอามาจากไหน ถ้าต้นมันตรงล่ะ เห็นไหม ดูสิ เวลาเขาทำจักรสาน เขาตัดไม้ไผ่ของเขา เขาต้องทำจักรสานของเขา เขาทำเครื่องใช้ไม้สอยของเขา มันต้องอาบเหงื่อต่างน้ำไง

ต้นมันตรง มันตรงเพราะอะไร เพราะตัดมาแล้วต้องมาทำเป็นริ้ว ต้องมาจักรมาสาน มาทำเพื่อประโยชน์ มาสร้างบ้านสร้างเรือน เขาโค่นต้นไผ่มา เขาต้องมาเหลา มาดัดมาแปลง มันต้องไปแช่น้ำเพื่อความนุ่มนวลของเขา เพื่อการจักรสานของเขา เพื่อให้เป็นประโยชน์ของเขา เห็นไหม เวลาทำมาแล้วถ้าคนต้นมันคดไง พวกนี้มันเสียเวลาเปล่า สู้เราไม่ได้ เราตัดต้นไผ่มา พอตัดต้นไผ่มามันก็ทำเป็นบ้อง มันก็กรวยใส่เข้าไป มันก็ใส่น้ำเข้าไปนะ พอใส่น้ำเข้าไปมันก็เสพยาเสพติด พอเสพยาเสพติด มันจินตนาการไปไง โอ๋ย! มันจินตนาการไปเพริศแพร้วไปหมดเลย ดีงามไปหมดเลย นี่ต้นมันคด มันคดเพราะอะไร เพราะมันมักง่าย มันมักง่ายอยากประสบความสำเร็จ อยากดี อยากมีคุณงามความดี แต่คุณงามความดีของกิเลสไง นี่ต้นมันคด

ถ้าต้นมันตรง เห็นไหม เราตัดไม้ไผ่มา เราต้องมาเหลา มาจักรสานของเรา กว่าจะได้เป็นเครื่องใช้ไม้สอยมา เขาจะปลูกบ้านปลูกเรือนของเขา โบราณเขาใช้ไม้ ใช้ไม้ไผ่ปลูกบ้านปลูกเรือนกัน เพราะมันหาง่าย แล้วมันอยู่ได้ชั่วคราว นี่ต้องลงทุนลงแรง ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำทำขึ้นมาเพื่ออะไร มันเป็นวัฒนธรรม สร้างบ้านสร้างเรือนได้ ปลูกบ้านปลูกเรือนได้เพราะว่าเขาทำของเขาเป็น สิ่งนี้มันเป็นอะไร? มันเป็นเพราะการฝึกฝนมา จริตนิสัยของมัน แต่ของเรา เรามักง่ายไง ต้นมันคด เอาแต่ความมักง่าย พอเสพยาเสพติดไปแล้วมันก็จินตนาการ มันเพ้อเจ้อของมันไป เพ้อเจ้อแล้วมันจะเป็นประโยชน์สิ่งใดล่ะ

ถ้าคนเห็นคุณงามความดีนะ ตัดต้นไผ่จะต้องใช้มีดจากด้ามไม้ไผ่ เขาเอามีดตัดต้นไผ่นั้นด้วยด้ามจับที่มาจากต้นไผ่นั้น จิตใจของเราก็เหมือนกัน จิตใจของเรา เราเกิดมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ สร้างบุญกุศลมาได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่พอคนเกิดเป็นมนุษย์แล้วมันทุกข์ยากขนาดนี้ บุญกุศลมาจากไหน ถ้ามีบุญกุศลทำไมมันไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำไมมันทำสิ่งใดแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

อันนั้นมันอวิชชาทั้งนั้นแหละ มันจินตนาการทั้งนั้นแหละ มันนึกเอา คาดเอา หมายเอาไง ถ้ามันคาดเอาหมายเอามันจะประสบความสำเร็จไปที่ไหนล่ะ ทำบุญก็ไม่ได้บุญ ทำความดีก็ไม่เห็นได้ความดีสักอย่างหนึ่ง

ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำคุณงามความดีของเรา ความดีคือความดี กลิ่นของศีลหอมทวนลม เราทำความดีของเรา เรายังไม่รู้จักว่าเราทำคุณงามความดีของเราเลย แต่คนเขาเห็น เขาบอกคนนี้เป็นคนดี เขาเห็นเป็นคนดีเพราะอะไร เพราะเราทำคุณงามความดี เขารู้เขาเห็นของเขาไง แต่ไอ้เราสิ ทำคุณงามความดีแล้วเมื่อไหร่จะได้ดีๆ ได้ดีเพราะอะไร ได้ดีเพราะมันไม่รู้จักความดีไง มันรู้จักแต่โลกธรรม ๘ รู้จักแต่เขาสรรเสริญเยินยอ ต้องการให้คนมายกยอปอปั้น แล้วใครจะมายกยอปอปั้นเราล่ะ

แต่ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรา ความดีก็คือความดี คนที่เขาตัดไม้ไผ่ เขาได้จักรเขาได้สานมา เขาดูเขาก็รู้ว่าพวกนี้ทำงานเป็นหรือเปล่า คนดีเขาทำดีอย่างไร ไอ้คนทำอาบเหงื่อต่างน้ำ แต่คนเขาเห็นว่าคนนี้เป็นคนดี เพราะเขาทำแล้วมันเป็นประโยชน์กับการใช้สอย มันเป็นประโยชน์กับเขา นี่ไง บอกว่า “ทำดีไม่เห็นได้ดี”

เกิดเป็นมนุษย์มีบุญกุศลนะ ถ้าไม่เกิดเป็นมนุษย์มันเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างต่ำ แล้วเกิดในนรกอเวจี ไม่ก็ไปเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม เกิดแน่นอน จิตนี้มันพาเกิดแน่นอน เพราะจิตมีอวิชชา อวิชชาคืออะไร? คือความไม่รู้ เพราะไม่รู้มันถึงเกิดไง เพราะไม่รู้มันถึงไปผุดไง จุติที่นั่นที่นี่เพราะมันไม่รู้ แล้วทำไมมันถึงไม่รู้ล่ะ แล้วไม่รู้เกิดขึ้นมาแล้วมันทำอย่างไรต่อไปล่ะ? มันก็ต้องใช้ชีวิตหมดภพหมดชาติไป หมดภพหมดชาติเพราะอะไร เพราะว่าสิ่งนี้มันเป็นสัจจะ มันเป็นผลของวัฏฏะ สิ่งนี้มันมีอยู่โดยดั้งเดิม นรกสวรรค์มันมีอยู่โดยดั้งเดิม นรกสวรรค์ เทวดา อินทร์ พรหมมันมีอยู่โดยดั้งเดิม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรมสว่างกระจ่างแจ้ง เห็นไปหมด อนาคตังสญาณ รู้ทั่ว รู้เห็นถึงวัฏฏะ

แล้วใครเป็นคนไปเสวยภพเสวยชาติล่ะ? ก็จิตดวงนี้ไง แล้วจิตดวงนี้ถ้ามันเวียนว่ายตายเกิดขึ้นมาแล้วมันเกิดเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์เพราะอะไร เพราะมนุษย์มีร่างกาย ร่างกายมันต้องการอาหาร ร่างกายมันต้องการปัจจัยเครื่องอาศัยของมัน ก็ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหามาบำรุงบำเรอมัน พอบำรุงบำเรอร่างกายนี้ก็ต้องการให้ร่างกายนี้มีความมั่นคงของชีวิต จะต้องสะสมมาให้ได้ใช้สอยไปทั้งชีวิต พอใช้สอยทั้งชีวิต เขายกเลิกการใช้เงินทองสกุลนั้น เงินที่สะสมไว้ไม่มีประโยชน์สิ่งใดๆ เลย

แต่เราสะสมบุญกุศล ใครมาแย่งชิงของเราไปไม่ได้ ใครจะยกเลิกไม่ได้ ความดีของเราใครยกไม่ได้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ในหัวใจใครยกเลิกไม่ได้ มันมีของมัน ตายตัวของมันอยู่อย่างนั้นแหละ สิ่งที่มันมีอยู่มีอยู่อย่างนี้ ข้อเท็จจริงมันมีอยู่อย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราเกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมา ถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เราก็มีหน้าที่การงาน ปัจจัยเครื่องอาศัย สัตว์มันเป็นสัตว์ มันอยู่โดยสัญชาตญาณของมัน มนุษย์มีสมอง มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ถ้ามนุษย์ไม่มีศีลธรรมจริยธรรมมันก็ไม่ต่างกับสัตว์ แต่เพราะมีศีลธรรมจริยธรรมมันถึงต่างกับสัตว์ นี่ศีลธรรมจริยธรรม แล้วศีลธรรมมันเป็นอย่างไรล่ะ

ศีลธรรมทำให้ร่มเย็นเป็นสุข ศีลธรรมทำให้จิตใจมีคุณค่า ถ้าจิตใจมีคุณค่า เห็นไหม จะตัดต้นไผ่ต้องใช้มีดจากด้ามไม้ไผ่ เราจะแก้ไขหัวใจของเรามันต้องใช้สติ ใช้สมาธิ ใช้ปัญญา สติ สมาธิ ปัญญามันมาจากไหน? ก็มาจากจิต มันเกิดขึ้นมาจากจิต

เราจะโค่นต้นไผ่นั้น เราจะโค่นอวิชชา ไอ้ความไม่รู้ในหัวใจเรานี่ เราจะเอาอะไรไปโค่นมัน เรารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก กิเลส พญามารๆ ครอบงำหัวใจอยู่นี่ มันก็อยู่ในตำรา อยู่ในหนังสือ ไปค้นใหญ่เลย เปิดหนังสือ เปิดใหญ่เลย หากิเลส หากิเลสไม่เจอ พอจะปฏิบัติขึ้นมามันก็ต้นคดไง

เขาบอกให้จักรสาน มันตัดไม้ไผ่นะ มันตัดมาแล้วมาทำบ้อง เขาให้จักรสาน เขาไม่ได้ให้ทำบ้อง ถ้าทำบ้องมันก็ยาเสพติด มันก็เสพติดในชีวิต ปฏิบัติไปแล้วมันดีอย่างนั้น มันดีอย่างนั้น มันว่างอย่างนั้น เสพติดอยู่นั่นล่ะ มันไปไม่รอดหรอก ถ้ามันจักรสาน “จักรสานไม่ได้ มันบาดมือ จักรสานมันเหนื่อย จักรสานทำแล้วมันเสียเวลา แล้วคิดดูสิ ทำเป็นเครื่องมือเกษตรกรรม กว่าจะปลูกพืชปลูกผักขึ้นมา กว่าจะค้าจะขาย โอ๋ย! มันจะได้เงินมาเมื่อไหร่ล่ะ แล้วเมื่อไหร่มันจะได้เงินได้ทอง แล้วเมื่อไหร่มันจะได้ดำรงชีวิตล่ะ โอ๋ย! ทำบ้องพอเสพเข้าไปแล้ว อู้ฮู! มันประสบความสำเร็จหมดเลย”

เห็นไหม มันไม่ได้ใช้มีดจากด้ามไม้ไผ่เข้าไปตัดกอไผ่นั้น เข้าไปตัดหัวใจของเรา สิ่งที่มันคิดตามจริตนิสัย สิ่งที่มันคิดตามสัญชาตญาณ เราใช้สติควบคุม สติมันยับยั้งได้ แล้วกำหนดพุทโธ ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ จักรสานเปลี่ยนแปลงมัน ทำมันให้ดีขึ้น ทำมันให้มีประสบการณ์ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ใจมันจะรู้ของมัน

ถ้าเราจักรสานขึ้นมาเป็นเครื่องใช้ไม้สอยสักชิ้นหนึ่ง เราภูมิใจว่าเราทำเอง เราทำเอง เราใช้เอง เป็นประโยชน์เอง ถ้าเราทำสติ สติเรายับยั้งหัวใจของเราเอง มันสงบเข้ามาเอง เราจะพอใจมาก ถ้าจิตเราเป็นสมาธิเข้ามา นี่สมาธิเป็นแบบนี้ ค้นในตำราไม่เจอ ไปค้นที่ไหนก็ไม่เจอ ไปฟังครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกวิธีการเท่านั้นแหละ

ความสะอาดบริสุทธิ์มันเป็นของเฉพาะตน ทำได้ไม่ได้มันเป็นเฉพาะในหัวใจของเรา เราเองทำได้ทั้งนั้นแหละ เราเองเป็นคนทำของเราเอง เราทำได้มันก็เป็นของเรา เราทำไม่ได้ ใครจะบอกขนาดไหน รื้อค้นนะ ดูสิ เวลาพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลเวลานิพพานไป มารมันรื้อค้น ค้นจนทั่ววัฏจักร ค้นหาจิตดวงนั้น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “พญามาร เธอไม่ต้องค้น ไม่ต้องค้นไม่ต้องหา ไม่เจอหรอก ลูกศิษย์ของเราสิ้นกิเลสแห่งทุกข์ พ้นทุกข์ไปแล้ว หาอย่างไรก็ไม่เจอ ไม่ต้องไปหาหรอก หาอย่างไรก็ไม่เจอ”

แต่ของเรามันไม่หาน่ะสิ มันอยู่ตรงหน้า “ว่างๆ อู๋ย! นิพพานมันเป็นอย่างนี้เอง”...นิพพานมันยังโม้อยู่นั่นน่ะ นิพพานโม้มันเอามาจากไหน ก็นิพพานยาเสพติดไง นิพพานจากบ้องกัญชาไง มันเสพมาจากบ้อง “โอ๋ย! เวิ้งว้างไปหมดเลย”

ไอ้อย่างพวกเราเอาจริงเอาจังนะ จะมาจักรมาสานกัน มาทำของเรา มันบอก “โอ๋ย! พวกนี้เสียเวลา พวกนี้ไม่มีปัญญาอย่างเรา เราลัดสั้น”...ลัดสั้นด้วยบ้องกัญชานั่นน่ะ มันจินตนาการของมันไป

แต่ถ้าทำจริงทำจังขึ้นมาต้องทำแบบนี้ เรามีครูบาอาจารย์ของเรา ครูบาอาจารย์ทำมาเพื่อประโยชน์กับเรา เราจะตัดต้นไผ่นั้น เราจะตัดราก ตัดอวิชชาในหัวใจของเรา ต้องใช้มีด ใช้ศีล สมาธิ ปัญญา สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมาวุธ อาวุธที่จะไปโค่นไปล้มมัน เราจะไปโค่นไปล้มมัน เราต้องมีสติมีปัญญาของเรา เราไม่มักง่าย ต้นต้องให้มันตรง สติปัญญาของเราต้องให้มันตรงของมัน แล้วทำไปตามอำนาจวาสนาของคน

คนเราสูงต่ำดำขาวแตกต่างกันไป อำนาจวาสนาของจิตแต่ละดวงมันแตกต่างกันไป ในการประพฤติปฏิบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอตทัคคะ ๘๐ องค์ พระอรหันต์ ๘๐ ชนิด พระอรหันต์เหมือนกัน สะอาดบริสุทธิ์เหมือนกัน หนึ่งเดียวเท่านั้น อริยสัจมีหนึ่งเดียว แต่ด้วยความถนัด ด้วยความชำนาญแต่ละองค์แตกต่างกันไป ความแตกต่างกันไปอันนั้นเวลาปฏิบัติก็แตกต่างกันไป จะโค่นต้นไผ่ด้วยมีดจากด้ามไม้ไผ่นั้น ด้ามสั้น ด้ามยาวไง ถ้าไม้ด้ามสั้น ด้ามยาว เขาอยู่ไกลจากไม้ไผ่นั้น เขาอยู่ไกลจากกอไผ่นั้น เขาไม่สามารถจะตัดได้ ถ้าด้ามมันสั้น เราต้องไปชิดกอไผ่นั้นขนาดไหน

จิตใจของเราเวลาประพฤติปฏิบัติไป จริตนิสัยของแต่ละจิตมันไม่เหมือนกัน ทำไปโดยความสามารถของตน ไม่ต้องไปร้องแรกแหกกระเชอกับใคร สิ่งนั้นเป็นสมบัติของเขา อันนี้เราทำของเรามา ก็มีดเรามีอย่างนี้ ด้ามมีดเราสั้นยาวก็เป็นอย่างนี้ ร้องเรียกจากใครไป มีดมันก็เท่ากับมีดอยู่อันเดิมนี่แหละ จะร้องเรียกจากใครมันก็เป็นของเราอยู่แค่นี้ อันนั้นมันของเขา จะไปยืมเขามาใช่ไหม จะไปยืมเขามาใช้สอยใช่ไหม ยืมเขามาก็ของยืม ไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่ของเรา

ดูสิ ฟังจากครูบาอาจารย์มาก็ยืมมาทั้งนั้นแหละ นี่ยื่นให้จากมือหนึ่ง ใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ใจของครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติแล้วก็ยื่นให้เรา ไอ้เรายื่นมาแล้วก็ตกเลย พอยื่นมานะ เขายื่นมีดให้มา เอามาแล้วเขาบอกให้โค่นกอไผ่นะๆ แต่นี่มันฟันตัวมันเอง ยืมมาแล้วก็ของเราไง ยึดไง เรารู้เราเห็นไง นี่ของยืมไม่ใช่ของเรา ของยืม

ถ้าของเราล่ะ ของเราต้องทำจักรสานขึ้นมา ทำให้มันเกิดเกษตรกรรม เกิดสิ่งที่เป็นอาหารของเรา ได้อาหารแล้วยังได้วิชาการ ได้การกระทำ ได้ความเป็นจริง เห็นไหม เราจะโค่นกอไผ่ของเรา เราต้องทำอย่างนี้ ต้องทำของเราด้วยความเป็นจริงของเรา อย่ามักง่าย อย่าเอาแต่ได้ มักง่าย เอาแต่ได้ มันไม่มีหรอก คนมักง่ายมันจะทุกข์ยากไปตลอดนะ

ไอ้เราคนหมั่นเพียร จะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะจะทำให้เรามั่นคง ถ้าทำให้เรามั่นคง เราจะทุกข์จะยากก็ทำของเราไป ไม่ต้องไปน้อยเนื้อต่ำใจใครทั้งสิ้น เราปฏิบัติมาอย่างนี้จริงๆ นะ เวลาใครจะปฏิบัติดีเลิศขนาดไหน สาธุ! ไปเถอะ ไปเลย เพราะเราอ่านประวัติหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นทุกข์กว่ากูเยอะนัก หลวงปู่มั่นไม่มีครูบาอาจารย์สอน ท่านยังกระเสือกกระสนไปได้ ครูบาอาจารย์เราท่านทุกข์ยากมาก่อนเรา เราจะไปเส้นทางนี้ ใครมันจะลัดจะสั้นจะไปไหน เชิญ แต่เราจะไปเส้นทางนี้ ครูบาอาจารย์กูทุกข์มามากแล้ว เราจะไปเส้นทางนี้

เราทำของเรามาอย่างนั้น เราทำด้วยความมั่นคงของเรา เพราะเราได้หลงใหลมากับเขา ได้การยกยอปอปั้นมา มันเสียรู้กิเลสมามากพอแรงอยู่แล้ว ต่อไปนี้ปฏิบัติขึ้นมาจะเอาความจริงของเรา

ให้ต้นมันตรง อย่าให้มันคด เพราะมันเคยคดมาก่อน คดแล้วจะดัดให้มันตรง ตรงแล้วจะทำคุณงามความดีของเรา เราจะทำประโยชน์กับเรา เห็นไหม เกิดเป็นมนุษย์มันมีคุณค่าตรงนี้ไง เพราะมีร่างกาย ร่างกายบีบคั้น ต้องการปัจจัยเครื่องอาศัย แต่จิตใจมันเร่าร้อนนัก จิตใจมันทุกข์ยากนัก จิตใจนี้ต้องมีสัจธรรม ฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำมัน แล้วจะโค่นต้นไผ่ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาของเรา ด้วยสติ ด้วยสมาธิของเรา เราจะโค่นอวิชชาในหัวใจของเรา ด้วยมรรคญาณ ด้วยสัจธรรม ด้วยความเป็นจริง ประพฤติปฏิบัติให้เป็นความจริงของเรา มนุษย์มีคุณค่าที่นี่ เอวัง