เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ มี.ค. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมเนาะ ฟังธรรมะเพื่อหัวใจ อาหารเพื่อร่างกาย เราแสวงหานะ คนเราเกิดมาต้องแสวงหาเพื่อดำรงชีวิต การดำรงชีวิตทุกคนต้องการความร่มเย็นเป็นสุข ทุกคนปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ แต่ความทุกข์ทำไมมันเบียดเบียนหัวใจเราล่ะ

ความสุขมันมีอยู่แต่เรามองข้ามมันไปไง เรามองแต่สิ่งที่บกพร่องของเรา สิ่งที่เราอุดมสมบูรณ์ เราได้มองความที่อุดมสมบูรณ์ของเรา สิ่งที่อุดมสมบูรณ์ของเราเพราะอะไร เพราะเราทำบุญกุศลของเรามา นี่ความอุดมสมบูรณ์ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นไม้ อยู่โคนต้นโพธิ์ ทำไมท่านมีความสุขล่ะ ท่านเสวยวิมุตติสุขอยู่โคนต้นโพธิ์นั้น เพราะอะไร เพราะจิตใจของท่านพ้นจากพญามาร พ้นจากกิเลสตัณหาความทะยานอยากที่มันกดถ่วงหัวใจ

การกดถ่วงหัวใจนะ สิ่งที่เรามีอวิชชาถึงได้พาเวียนว่ายตายเกิด การเวียนว่ายตายเกิดนั้นเวียนว่ายตายเกิดด้วยบุญกุศลของเรา เราถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ไง เกิดเป็นมนุษย์แล้วพบพระพุทธศาสนา ดูสิ เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วยเขาไปโรงพยาบาล ถ้าไม่มีหมอ เขาจะหมดโอกาสรักษาเลย นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ดูมนุษย์ทั่วทั้งโลกนี้เลย แต่เขาไม่นับถือพระพุทธศาสนา เขานับถือแต่ลัทธิความเชื่อของเขา เขาก็เอาสิ่งนั้นเป็นที่พึ่งอาศัยของเขา แต่เราเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนามีธรรมโอสถ เห็นไหม ธรรมโอสถที่เราแสวงหา

เราเจ็บไข้ได้ป่วย เราไปซื้อยามา ยานั้นต้องมีฉลาก ต้องมีคำอธิบายการใช้ นี่อธิบายการใช้นะ เราศึกษาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันอธิบายการใช้ยาๆ แต่เราจะได้ยานั้นมาด้วยการขวนขวายของเรา ศีล สมาธิ ปัญญาจะเกิดขึ้นมาจากการกระทำ ศีล สมาธิ ปัญญาไม่ได้เกิดจากตำรา ศีล สมาธิไม่ได้เกิดจากฉลากอันนั้น ฉลากอันนั้นเป็นการชี้เข้ามาถึงหัวใจของเรา เห็นไหม เราเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนที่นี่ไง

เขาต้องแสวงหาอาหารนะ คนเราเกิดมา การหิวกระหายต้องแสวงหาอาหาร แสวงหาอาหารมาเพื่ออะไร? แสวงหาอาหารมาเพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตไว้ทำไม ดำรงชีวิตไว้เหมือนสัตว์ใช่ไหม ดูสัตว์ป่าสิ สัตว์ป่าเดี๋ยวนี้ ช้างอยู่ในป่ามันไม่มีอาหารของมัน มันอยู่ในป่าของมัน มันหาอาหารกินอยู่ในป่าของมันด้วยความสุขของมัน ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขของมัน แต่มันขยายพันธุ์ของมันจนช้างในป่ามันมีจำนวนมากเกินไป อาหารมันไม่พอกิน มันต้องออกมาหาอาหารนอกป่า ออกมาหาอาหารนอกป่ามันเป็นอะไรล่ะ? มันก็ไปเบียดเบียนชาวบ้าน พอเบียดเบียนชาวบ้าน ทุกคนผลประโยชน์ขัดแย้งกัน พอขัดแย้งกันมันก็มีปัญหาขึ้นมา เห็นไหม ถ้ามีปัญหาขึ้นมาเพราะอะไรล่ะ เพราะคนรุกป่าๆ เรารุกของเรา

ธรรมชาติเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ สัตว์มันอยู่อาศัยของมัน มันมีอาหารของมัน ถ้ามันมีอาหารของมัน อุดมสมบูรณ์ของมัน มันก็มีความสุขของมัน สัตว์มันต้องการแค่นั้นแหละ มนุษย์เราก็เหมือนกัน ดูสิ พระก็มาจากคน เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง ภิกขาจาร ออกบิณฑบาตมาได้ปัจจัยเครื่องอาศัยมาก็เพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตไว้ทำไม? ดำรงชีวิตไว้เพื่อค้นคว้าสัจจะความจริง สัจจะความจริงมันอยู่ที่ไหน? สัจจะความจริงมันไม่ได้อยู่ที่ฉลากยา

สัจจะความจริงมันอยู่ที่การแสวงหา อยู่ที่การกระทำขึ้นมา

ถ้ามีสติขึ้นมา สติมันยับยั้งแล้ว ยับยั้งว่า อย่าได้ขวนขวายหาแต่สิ่งที่มันเป็นพิษเป็นภัยเข้ามาในหัวใจ อย่าแสวงหาสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัยเข้ามา นี่ถ้ามีสติ มันยับยั้งสิ่งนี้ได้ ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัย แต่ถ้าขาดสติมันก็แสวงหาของมัน มันก็เป็นความถูกต้อง ก็เกิดมาเป็นคน คนก็ต้องขยันหมั่นเพียร คนทำมาหากินก็ต้องขวนขวายขึ้นมา มันคิดของมันไปน่ะ

แต่ถ้ามีสติปัญญานะ ทำ เราก็ทำแล้ว คนเราดูสิ ถ้าอยู่ทางโลก ด้วยความขยันหมั่นเพียรทางโลก มันดีมาจากบารมีธรรม ดีมาจากหัวใจ ถ้าหัวใจที่ดี อยู่ที่ไหนก็ดี สัตว์มันอยู่ในฝูงของมัน สัตว์ที่นิสัยดีมันอยู่ในฝูงของมัน มันก็ทำคุณงามความดีของมัน มันไม่เบียดเบียนในฝูงสัตว์ของมันเพราะใจมันดี แต่สัตว์มันเก สัตว์ที่มันเกเร มันเที่ยวทำลายฝูงสัตว์นั้น

เราเกิดมาเป็นคน ถ้าจิตใจเราเป็นคนดี เราก็รักษาหัวใจของเรา เราก็ไม่เบียดเบียนใคร เราขยันหมั่นเพียรของเรา เห็นไหม เราเป็นคนเราก็เป็นคนดี แล้วถ้าเรามีจิตใจ เราอยากแสวงหา เราอยากประพฤติปฏิบัติของเรา เราบวชเป็นพระมันก็เป็นพระที่ดี แต่ถ้าเราเป็นคน คนที่เบียดเบียนเขา คนที่เห็นแก่ตัว คนที่ทำให้สังคมเดือดร้อนไปหมด ไปบวชเป็นพระ พระก็เดือดร้อน ไปทำบุญกุศล ได้ทำบุญกุศลกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเกิดเป็นเทวดามันก็ไปทำลายบนสวรรค์นั้นน่ะ ให้สวรรค์ปั่นป่วนไปหมด เห็นไหม เทวดา ทำไมเป็นเทวดาต้องเป็นคนดีหมดสิ เป็นเทวดาทำไมมันมีพาลชนล่ะ ทำไมเทวดาที่มีสักกายทิฏฐิล่ะ

การทำบุญกุศล การทำคุณงามความดี “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ทำดีได้ดี ทำดี เสียสละกับใคร ทำคุณงามความดีกับใคร แต่สันดาน สันดานมันเป็นอยู่กับใจนั้น นี่ไง ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาชำระล้างกิเลส ชำระกิเลสในหัวใจใช่ไหม แต่สันดานมันแก้ไม่ได้ ดูสิ ถ้าสันดานมันแก้ได้ทำไมมีเอตทัคคะตั้ง ๘๐ องค์ มีความชำนาญแต่ละคนแต่ละอย่างไป ความชำนาญแต่ละอย่างนั่นคืออำนาจวาสนาบารมีของใจ เราฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ ฟังธรรมเพื่อหัวใจของเรา

การแสวงหา ทุกคนต้องแสวงหามาเพื่อดำรงชีวิต ชีวิตของคน ทุกคนรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง ถ้ารับผิดชอบชีวิตของตัวเอง เราก็มีหน้าที่การงานของเรา เราก็ได้ทำหน้าที่การงานของเราแล้ว เราเป็นคนโง่หรือเป็นคนฉลาดล่ะ ถ้าเป็นคนฉลาด ฉลาดอริยทรัพย์

เวลาเราแสวงหาทรัพย์มาเราก็อยากได้ของดีทั้งนั้นแหละ อยากได้เพชรนิลจินดา เราอยากได้เงินที่เป็นเงินแท้ เราไม่ต้องการเงินเทียม ไม่ต้องการของปลอม เราต้องการของจริงทั้งนั้นแหละ เราแสวงหาแต่คุณงามความดี เราเกิดมาเป็นคน เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องอะไร? พระพุทธศาสนาสอนให้เสียสละ “เสียสละไม่ได้ ของของเราเสียสละไปทำไม”

ของของเรา วัตถุเก็บไว้มันก็เน่า มันก็เสียหาย ใช้สอยก็แค่นี้ ทำหน้าที่การงานมาถ้ามีปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีวิตก็แค่นี้แหละ ทำแล้วแค่นี้ ไม่ใช้ไปมากกว่านี้ คนเรามี ๑ ปาก ๑ ท้องเท่ากัน ความเป็นอยู่ก็เท่ากัน จะสูงส่งขนาดไหนก็ใช้ปัจจัยเครื่องอาศัยอยู่เท่านี้ แต่ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันจะยึดครองโลก เห็นไหม นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา เราดูแลรักษาหัวใจของเราไม่ให้คิดไปเอาแต่สมบัติที่หยาบๆ นั้น

เป็นของเราไหม? เป็น ถ้าเราไม่มีอำนาจวาสนาบารมี เราทำสิ่งใดจะไม่ประสบความสำเร็จของเรา แต่ถ้าเรามีอำนาจวาสนา ทำสิ่งใดประสบความสำเร็จของเรา เวลามาประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน ขิปปาภิญญา ปฏิบัติง่ายรู้ง่าย ปฏิบัติง่ายรู้ยาก ปฏิบัติยากรู้ยาก การปฏิบัติไปเพราะอะไร เพราะการทำมาทั้งนั้นแหละ พันธุกรรมของจิตๆ จิตของใครสร้างสมมาเป็นแบบนั้น

สันดาน มันเป็นสันดานฝังไปที่ใจนั้นน่ะ สันดานก็เป็นสันดานใช่ไหม แล้วกิเลสล่ะ กิเลสคือพญามาร พญามารมันอยู่ในสันดานของใครล่ะ สันดานที่มันฟาดงวงฟาดงามันก็ทำลายเขาไปหมด วันใดถ้ามันมีสติปัญญาย้อนกลับมา มันสลดเสียใจ มันมีความเศร้าความเสียใจ มันก็มาแก้ไขในหัวใจของเรา แต่กรรมนั้นมันยังมีอยู่ มันให้ผลต่อไปไง กรรมที่มันให้ผลๆ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใครทำสิ่งใดต้องได้ผลอย่างนั้น

ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรานะ เรามีน้ำใจต่อกัน เราอนุเคราะห์กัน สงเคราะห์สงหากัน การสงเคราะห์สงหากันมันเป็นคุณงามความดี เขาจะรับรู้กับเราหรือไม่รับรู้กับเรา เห็นไหม เราให้อาหารสัตว์ เราลองให้อาหารมันสิ มันซาบซึ้งคนคนนั้นนะ มันจำได้ พอเดินผ่านมามันเข้าไปขอบคุณๆ นี่เวลาตกทุกข์ได้ยากมีคนยื่นให้

คนเราถ้ามีความอุดมสมบูรณ์ เขามายื่นให้เรานี่ไม่มีความหมาย เรามีมากกว่า เรามีดีกว่า เรามีที่ประณีตกว่า ไม่สนใจเลย แต่น้ำใจของเขา เขามีน้ำใจของเขา เขายังมีน้ำใจกับเรานะ เราจะมีมากกว่าขนาดไหน “น้ำใจของเขา” เราตอบแทนน้ำใจของเขาด้วยความขอบคุณ เห็นไหม เขามีน้ำใจของเขา เราจะมีมากล้นขนาดไหน มากล้นเราก็ยังไม่ได้ใช้ มากล้นมันก็อยู่ในตู้เซฟ มากล้นมันก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่เวลาตกทุกข์ได้ยากขึ้นมาใครยื่นให้ล่ะ

น้ำใจของเขา เราจะตอบแทนน้ำใจของเขาอย่างไร เราตอบแทน นี่กตัญญูกตเวที ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี ถ้าเรามีความกตัญญูกตเวที เรามีน้ำใจต่อเขา ถ้ามีน้ำใจต่อเขา อำนาจวาสนามันเกิด นี่บารมีๆ บางคนร่ำรวยมากแต่ไม่มีบารมี ไม่มีบารมีเพราะอะไร ไม่มีบารมีเพราะมันไม่มีน้ำใจต่อกันไง ถ้าเรามีน้ำใจต่อกัน มันมีอำนาจวาสนาบารมีไปทั้งนั้นแหละ นี่สายบุญสายกรรม ถ้าสายบุญสายกรรมเราทำคุณงามความดีของเราเพื่อประโยชน์กับเรา

ฉะนั้น สิ่งที่แสวงหา อาหารเครื่องดำรงชีวิตต้องแสวงหา เราแสวงหามาพอดำรงชีวิต เพราะสิ่งที่แสวงหามานั้นมันก็บูดเน่าเสียหายไปเหมือนกัน สมัยปัจจุบันนี้เขาถนอมรักษาอาหาร เขาทำพร้อมกิน พร้อมทาน พร้อมทำตลอด พร้อมทุกอย่าง นี่มันเจริญขึ้น ความเจริญขึ้น ถนอมอาหารขึ้นมาจนเราลืมรากเหง้า รากเหง้าของเรานะ สิ่งที่เป็นความจำเป็นแท้จริงมันมีแค่ไหน ถ้าความแท้จริงมีแค่ไหนนะ

แล้วสิ่งนี้ “ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด” ที่สุดแล้วมันต้องพลัดพรากไปทั้งนั้นแหละ แล้วสิ่งที่พลัดพรากไป เห็นไหม เวลาเรายังเยาว์วัยอยู่ เราก็คิดว่าชีวิตนี้มันน่ารื่นรมย์นัก เวลาคนเราผ่านโลกมา พออายุแก่ขึ้นไป นี่ไม้ใกล้ฝั่งๆ ไม้ใกล้ฝั่งเราต้องไปข้างหน้าแน่นอน แล้วเราจะมีสมบัติสิ่งใดติดไม้ติดมือเราไป

ถ้ามีสมบัติที่ติดไม้ติดมือเราไป เราทำสิ่งใดไว้ นรกสวรรค์จะมีจริงหรือไม่มีจริงก็แล้วแต่ ถ้าเราทำของเราไว้มันมั่นใจของเรา เพราะเราพร้อม คนที่พร้อมที่จะเดินทาง คนที่พร้อมไปกับเรา นี่มันพร้อม คนที่ไม่มีสิ่งใดเป็นเสบียงกรังไปเลย แล้วทำอย่างไร ถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมา เราจะประพฤติปฏิบัติของเราขึ้นมา เราทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบขึ้นมาได้ มันมหัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น มหัศจรรย์ยิ่งกว่า

ถ้าเราทำบุญกุศล ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราก็ไปตามแรงขับ สิ่งที่กุศลหรืออกุศลพาไป แต่ถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมา เรารักษาใจของเรา ใจมันสงบเข้ามา เราบริหารจัดการเอง คำว่า “บริหารจัดการเอง” หมายความว่าปัจจุบันธรรมไง แต่นี่เราหวังอนาคต อดีตที่มันส่งเสริมเรามาเป็นปัจจุบันนี้ เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่ปัจจุบันนี้ อาสวักขยญาณ ทำลายอวิชชาในปัจจุบันนี้ ถ้าในปัจจุบันนี้ จิตถ้ามันสงบเข้ามา เราฝึกหัดใช้ปัญญาของเรา ถ้าฝึกหัดใช้ปัญญาของเรา นี่อริยทรัพย์ๆ

ทรัพย์ที่เขาแสวงหากัน เขาต้องจดลิขสิทธิ์ใช่ไหม นี่ลิขสิทธิ์ทางปัญญา ปัญญาของใครรื้อค้นได้เป็นปัญญาของเขา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาสวักขยญาณ ทำลายอวิชชาในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมๆ ไม่จดลิขสิทธิ์ไว้กับใครเลย แล้วถ้าใครศึกษา ใครมาค้นคว้าขนาดไหนก็ไม่เรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ทั้งนั้น

แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดกับพระอานนท์ “อานนท์ ไม่มีกำมือในเรา” ไม่มีความลับในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่หมด แบหมด แต่เราทำกันยังไม่ได้ เราทำกันไม่ได้ เราทำกันไม่ถึง แล้วถ้าเราทำของเรา จะเอาความจริงของเรา เราพยายามประพฤติปฏิบัติของเราขึ้นมา

ถ้าจิตมันสงบแล้วฝึกหัดใช้ปัญญาๆ มันจะเข้าใจได้ไง คนที่ภาวนามันเข้าใจได้นะ สุตมยปัญญาคือขอบเขตมันแค่ไหน สุตมยปัญญา ศึกษาค้นคว้ากันมาทั้งชาติ ทั้งโลก สุตมยปัญญา แล้วจินตมยปัญญา จินตนาการ จินตนาการที่มันมีสัมมาสมาธิ จินตนาการที่มันมีคุณงามความดีของมัน เห็นไหม นักวิทยาศาสตร์ที่เขาจะคิดค้นสิ่งใดๆ เขามีจินตนาการของเขา แล้วเขาใช้ปัญญาของเขาคิดค้นของเขาขึ้นมาให้เป็นเครื่องใช้สอยเพื่ออำนวยความสะดวกกับชีวิตนี้ แต่ชีวิตนี้ก็เวียนว่ายตายเกิด ผลของวัฏฏะมันต้องเวียนว่ายตายเกิด ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ไม่มีสิ่งใดคงที่ตายตัว

แต่เวลาเราใช้ปัญญาขึ้นมา ปัญญามันเกิดขึ้นมา เห็นไหม สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา พอเห็นภาวนามยปัญญา เพราะภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากสัมมาสมาธิ ปัญญาที่เกิดจากการค้นคว้านี้ ปัญญาอย่างนี้ที่มันถอดมันถอน มันถอดมันถอนอวิชชา มันทำลายกิเลสในหัวใจ นี่อริยทรัพย์ ทรัพย์อย่างนี้

เราตื่นเต้นกัน เราแสวงหากัน ชีวิตนี้ต้องการอาหาร ชีวิตนี้ต้องการปัจจัยเครื่องอาศัย แล้วเราก็แสวงหาเพื่อความมั่นคงของเรา จะส่งต่อกันนะ จะให้ทุกคนได้ส่งต่อมรดกตกทอดกันไปนะ แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามอบไว้ เห็นไหม ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา “มารเอย เมื่อใดภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาของเรายังไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถกล่าวแก้คำจาบจ้วง คำนินทาของมารชน ของลัทธิต่างๆ ได้ เราจะไม่ยอมนิพพาน”

เผยแผ่ธรรมๆ จนภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกามีความเข้มแข็ง มีความเข้าใจ มีความเข้าใจเพราะเหตุใด เพราะมีภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญามันเป็นปัญญาในพระพุทธศาสนา ภาวนามยปัญญาคือปัญญาที่ชำระล้างกิเลส ภาวนามยปัญญาคือสำรอกคายมันออก แล้วคายมันออก ดูสิ ที่มันเป็นมรรค มรรคญาณๆ ทำลายอวิชชา ทำลายมาร

มันฆ่าหลานมารได้อย่างไร มันฆ่าลูกมารได้อย่างไร มันฆ่าพ่อมารได้อย่างไร มันฆ่าปู่ของมาร พญามาร เรือนยอด ๓ หลัง รวมเป็นเรือนยอด ได้หักเรือนยอดนั้นแล้ว ได้หักอวิชชา ทำลายอวิชชานั้นน่ะ แล้วมันทำอย่างไร...นี่มันทำได้

ทรัพย์ เราแสวงหาทรัพย์กัน เราแสวงหาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดแน่นอน เราแสวงหาเพื่อชีวิต แต่ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แล้วจิตเดิมแท้ล่ะ สิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดนี้ล่ะ ถ้ามันเป็นความจริงขึ้นมา แล้วมันเอาอะไรเป็นความจริงขึ้นมาล่ะ ถ้ามีความจริงขึ้นมา เราทำของเราขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเรา

ฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อหัวใจไง ร่างกายมันต้องการคำข้าวนะ มันต้องการอาหารเพื่อดำรงชีวิตนะ หัวใจที่เร่ร่อนตกทุกข์ได้ยากก็มีแค่ความปลอบใจกันเท่านั้นแหละ ตกทุกข์ได้ยากก็แค่ให้กำลังใจเขาเท่านั้นแหละ

แต่ถ้าเรามั่นคงในหัวใจของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสมมุติบัญญัติทั้งนั้น มันเป็นเงาทั้งนั้น มันเป็นอาการทั้งหมด แล้วจิตนี้ไปยึดมั่นถือมั่นมัน มันถึงได้สุขได้ทุกข์ของมันไป แต่ถ้ามีปัญญา ภาวนามยปัญญา พระพุทธศาสนาสอนที่นี่ไง

“ไม่มีกำมือในเรา” ฉลากยาชี้เข้ามา คุณภาพของยาเป็นอย่างนั้นแน่นอน แต่เรามีความสามารถไหม เราสามารถเปิดขวดยานั้นได้ไหม เราเขย่าขวดกันอยู่นี่ แต่เราเปิดไม่ได้ เราเปิดใจเราไม่ได้ เราหาใจเราไม่เจอ เราไม่รู้ว่ามารมันอยู่ที่ไหน ทั้งๆ ที่มารมันข่มขี่หัวใจเราอยู่นี่ มันใช้สอย มันบีบคั้นเราอยู่นี่ แต่เราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้เข้ามาๆ ชี้เข้ามาทั้งนั้นแหละ

เราพยายามศึกษาของเรา แล้วพยายามปฏิบัติของเรา ถ้าใครทำได้นะ ถ้าจิตสงบเข้ามา มันมหัศจรรย์แล้วล่ะ แล้วถ้าเกิดภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นมา มันเข้าใจได้ทันที มันจะซาบซึ้งไง ดูสิ เวลาหลวงตาท่านบรรลุธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ กราบแล้วกราบเล่าๆ กราบใครน่ะ

กราบบุญคุณ กราบสัจธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค้นคว้ามา แล้วถ่ายทอดมา หลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติมาได้ตามความเป็นจริงของท่าน แล้วหลวงปู่มั่นท่านก็เคี่ยวเข็ญมา แล้วหลวงปู่มั่นท่านก็นิพพานไปแล้ว แล้วท่านมาตรัสรู้ของท่าน ท่านมารู้จริงของท่านที่วัดดอยธรรมเจดีย์ กราบแล้วกราบเล่า มันกราบอะไรน่ะ

มันมหัศจรรย์ขนาดที่ว่ารู้แล้วมันยังทึ่ง รู้แล้วยังกราบแล้วกราบเล่าๆ แล้วรู้ที่ไหนล่ะ เราศึกษากันมา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ไม่รู้ อ่านแต่ฉลากยา แต่ไม่ได้กินยาเลย ธรรมโอสถไม่ได้สัมผัสเลย

ถ้าเรามีสติขึ้นมา เห็นไหม ดูสิ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค เครื่องดำเนินกิริยา แล้วเวลาพิจารณาเข้าไป สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง เวลามันชำระล้าง มันขาดไปแล้ว ขาดคือกิเลสมันขาด หลานมันตาย ลูกมันตาย พ่อมันตาย ปู่มันตาย พอมันตายแล้ว สิ่งนี้มันเป็นอนิจจังอีกไหมล่ะ มันเป็นอนิจจังไหม

กุปปธรรม อกุปปธรรม กุปปธรรมคือ สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา คือความแปรสภาพ นี่ผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะคือมันแปรสภาพไม่มีสิ่งใดคงที่ทั้งหมด

ถ้าเป็นโสดาบัน เป็นสกิทาคามี เป็นอนาคามี มันคงที่เฉพาะของมัน สิ้นสุดแห่งทุกข์เป็นพระอรหันต์ นี่ไง คงที่ตายตัว คงที่ตายตัวอย่างไร ไม่ใช่คงที่ตายตัวแบบพราหมณ์ เป็นอาตมัน ต้องให้พระเจ้าเป็นคนการันตี...ไม่ต้อง

ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกในหัวใจของเรา เห็นไหม ฟังธรรมๆ ให้อาหารกับใจของเรา อาหารเป็นคำข้าวเราก็รักษาของเรา อาหารของเรานะ เราค้นคว้าของเรา ทำเพื่อประโยชน์ของเรา ทุกคนมีสิทธิ เรามีสิทธิของที่เราจะได้ แล้วเราเมินเฉย เราเมินเฉยด้วยความไม่รู้ แต่ถ้าเราอยากได้ เราค้นคว้า ก็ต้องทำให้มันถูกต้อง ถูกต้องชอบธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองโดยชอบ นี่เรากระทำกันด้วยความชอบธรรม

ถ้าเรากระทำกันด้วยความไม่ชอบธรรม ไม่ชอบธรรมคือกิเลสมันเข้ามาสอดแทรก สมุทัยมันเข้ามาเจือปน ทำแล้วก็คาดหมาย หวังอยากให้เป็น นี่มันไม่เป็นความจริง เพราะอะไร เพราะมันไม่ชอบธรรม ความชอบธรรมถึงเป็นสัมมาทิฏฐิ ความไม่ชอบธรรมเป็นมิจฉาทิฏฐิ ปฏิบัติโดยความเป็นมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิมันก็ไม่ชอบธรรมของมัน

ถ้าชอบธรรมไปแล้วรู้แจ้ง สัจธรรมเข้าใจทะลุปรุโปร่ง แล้วฟังได้ รู้ได้ อะไรถูก อะไรผิด แยกแยะได้ถูกต้องชัดเจน เพราะมันเป็นความถูกต้องจากความเป็นจริงจากภายใน

ฉะนั้น ฟังธรรมที่นี่ ปฏิบัติที่นี่เพื่อหัวใจของเรา

ทรัพย์สมบัติก็หา หามาเพื่อเป็นเครื่องใช้สอย แต่ทรัพย์ภายใน อริยทรัพย์ ทรัพย์ของเรา เราจะหามาเพื่อเป็นสมบัติของเรา เป็นความจริงของเรา อยู่ในหัวใจของเรา เป็นสมบัติส่วนตนของเรา เอวัง