เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ ก.ค. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราทำบุญกุศลนะ นี่อาหารกาย ฟังธรรมะนี่อาหารใจ ใจมันต้องดื่มกินรสของธรรม ถ้าใจมันดื่มกินรสของธรรมนะมันขนพองสยองเกล้า มันสะเทือนใจมาก แต่เวลาอาหารของกาย สิ่งใดที่มันพอประทังชีวิตได้ สิ่งใดกินแล้วมันมีรสมีชาติเราก็ติดใจ ติดใจ เห็นไหม คำว่าติดใจไม่ใช่ติดปาก ติดปากปากมันติด อันนี้มันติดใจ เพราะใจมันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

ดูสิเรามาประพฤติปฏิบัติกัน นี่ก่อนเข้าพรรษาเขาอธิษฐานกันว่า เข้าพรรษานี้เขาจะทำสิ่งใดบ้างเพื่อบำรุงหัวใจของตัว เขาจะรดน้ำพรวนดินเพื่อให้ใจมันมั่นคงขึ้นมา ถ้ามั่นคงขึ้นมา ดูสิปลูกต้นไม้เราปลูกแสนยาก รดน้ำพรวนดินจนกว่ามันจะโตขึ้นมา เวลาเขาตัดป่ากัน นี่เลื่อยไฟฟ้านี่ปื้ดหมดเลย แป๊บเดียว

นี่ก็เหมือนกัน เราภาวนากันล้มลุกคลุกคลาน กว่ามันจะมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา เวลามันเสื่อมมันถอยกรูดๆ เลยนะ หลวงตาท่านบอกว่าเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เวลาครกมันหล่นทับมามันแบนไปเลยนะ แต่เวลาเข็นขึ้นภูเขามันแสนทุกข์แสนยาก เห็นไหม นี่งานของใจๆ การกระทำของใจเราก็บ่นกันว่าเราทำหน้าที่การงานมันทุกข์มันยาก มันทุกข์มันยาก มันทุกข์มันยากมันก็ทุกข์ยากเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการทำงาน ดูสิเวลาคนเขาเห็นคุณงามความดี เช้าขึ้นมาเขาออกกำลังกาย เหงื่อไหลไคลย้อยเลย แต่เขาพอใจมาก สุขภาพมันแข็งแรง

นี่ก็เหมือนกัน จิตใจมันหมักหมมอยู่กับกิเลสตัณหาความทะยานอยากก็ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ นี่เขาว่าทำบุญๆ ทำบุญก็ไปดูบุญของคนอื่นไง ดูสิสมณะๆ เห็นสมณะเป็นมงคลชีวิตๆ เราก็ไปดูครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านทุกข์ท่านยากของท่านมา ถ้าไม่ทุกข์ไม่ยากมามันแก้กิเลสไม่ได้หรอก ดูสิผงเข้าตาๆ มันเจ็บไหม? เวลาผงเข้าตาใครเขี่ยออกล่ะ? ผงเข้าตากลัวมันเจ็บมันไม่ยอมเขี่ยเลย ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละมันก็ตาบอดสิ

นี่หัวใจเราเกิดมามันมีอวิชชา ตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำมา มันครอบงำมันเป็นเรื่องสัจจะ มันเป็นเรื่องความจริง มันต้องเป็นอย่างนั้น น้ำดื่มมันก็มีเชื้อโรค มันมีจุลินทรีย์ทั้งนั้นแหละ น้ำกลั่นมันก็สะอาด สะอาดจนไม่มีรสไม่มีชาติ จิตใจของคนมันต้องเวียนว่ายตายเกิด มันก็ต้องมีอวิชชามันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่มีอวิชชา น้ำดื่มมันก็มีจุลินทรีย์เป็นธรรมดา นี่มันต้องมีของมันอย่างนั้นมันถึงเวียนว่ายตายเกิด มันถึงเป็นไปไง ถ้ามันเป็นไป สิ่งนี้มันทำให้เราทุกข์เรายากใช่ไหม นี่ทำบุญกุศลก็เพื่อกำลังใจ เวลาฟังธรรมนะ เวลาครูบาอาจารย์เทศนาว่าการ อ้าว วันนี้จะเอาให้มั่นคั้นให้ตาย เอาให้จริงเลย พอไปเดินจงกรม ๒ ที เอาไว้ก่อน เอาไว้ก่อน

นี่มันไม่จริง ถ้ามันทำจริง มันทำจริงมันจริงที่ไหนล่ะ? มันทำจริงมันก็ต้องสร้างกำลังใจ เห็นไหม ครูบาอาจารย์เป็นผู้ให้กำลังใจนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้ทาง ถ้าชี้ทาง เห็นไหม เราจะปลุกปลอบหัวใจของเรานะ การปฏิบัติมา เรื่องใครไม่ท้อเลยมันไม่มีหรอก ไอ้ท้อมันไม่ท้อธรรมดานะ เวลามันเสือกคลานไป โอ๋ย มันทุกข์มันยากไป เราจะทำอย่างไร เราจะทำอย่างไร? เราเสือกคลานอย่างไรมันก็เป็นอารมณ์ความรู้สึก มันจะเสือกคลานอย่างไรมันก็ไม่เห็นทุกข์เห็นยากตรงไหนเลย

อ้าว ก็ไม่เคยภาวนามันไม่รู้หรอก ดูสิคนภาวนา นี่หาครูหาอาจารย์เขาหาครูบาอาจารย์ที่ท่านมีประสบการณ์มา ท่านจะคอยบอกคอยชี้เลยว่าพัฒนาการของมันเป็นอย่างไร กว่าจะเอาใจของตัวเองสงบนะ แล้วคนไม่เคยเจอ สามล้อถูกหวย พอจิตสงบขึ้นมา นิพพานๆ ตื่นเต้นตกใจไปหมดเลย แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็เป็นอย่างเรานี่แหละ ท่านก็เคยตื่นเต้นมา พอตื่นเต้นมามันก็เสื่อมหมด แล้วเราจะฟื้นฟูมาแสนทุกข์แสนยาก พอแสนทุกข์แสนยาก พอมันได้มาคราวนี้เราวางแล้วนะ โอ้โฮ คราวที่แล้วมันเสื่อมเพราะอะไร? คราวนี้ล่ะ? เสื่อมอีก ไม่ระวังก็เสื่อม ระวังก็เสื่อม

ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ

มันอยู่ที่สติปัญญา นี่ถ้ามีสติปัญญาเราจะรักษาอย่างไร ถ้ารักษาอย่างไร ทีนี้ครูบาอาจารย์ท่านถึงบอกไง นี่หลวงปู่มั่นท่านพูดเอง เวลาเดินไปเดินมาโดยขาดสติ ซากศพเดินได้ คนทั้งคนท่านบอกซากศพเดินได้ ซากศพมันไม่มีจิตวิญญาณ เห็นไหม ไอ้เราก็เหมือนกัน เวลาเราเดินไปเดินมามันก็เหมือนกับคนไม่มีวิญญาณ เหมือนคนตาย ซากศพเดินได้ ซากศพเดินได้เพราะอะไร? เพราะขาดสติ เพราะไม่มีกิริยาของการบำรุงรักษาใจ การบำรุงรักษาใจ การเดินไปเขามีสตินะ เขาไม่เหยียบย่ำทำสิ่งใดไป นี่เขามีสติมีปัญญารักษาตรงนั้น ครูบาอาจารย์ท่านเห็นความทุกข์ความยาก

เวลาเราปลูกต้นไม้ กว่ามันจะเติบโตขึ้นมามันก็แสนทุกข์แสนยาก แล้วมันยังมีโรคภัยไข้เจ็บของมัน มันยังมีสิ่งต่างๆ เข้ามาให้มันตาย ภัยแล้ง ภัยต่างๆ มันก็ตาย น้ำท่วมมามันถอนราก ถอนโคนเลย น้ำหลากมา แล้วใจของเราไปกระทบ นี่น้ำท่วม สิ่งใดถ้ามันท่วมใจๆ มันก็ไม่ไหว ถ้ามันแห้งแล้งขึ้นไป มันไม่มีอาหารมันก็ทนไม่ได้ มันก็ต้องตายเหมือนกัน แล้วมัชฌิมาปฏิปทา ความสมดุลของมันนี่สมดุลอย่างไร ถ้าสมดุลเราปฏิบัติเราปฏิบัติที่นี่ นี่เราทำเราทำที่นี่นะ บุญกุศลเราก็สร้าง เราสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? เพื่อเปิดทางให้จิตใจเป็นสาธารณะนะ

จิตใจถ้ามันฟังเหตุฟังผลมันทำได้ ถ้าจิตใจไม่ฟังเหตุฟังผลแล้วมันคิดของมันเอง มันตอกย้ำของมันนะ นั่นก็ของเรา นี่ก็ของเรา เราก็เป็นคนดี เราทั้งนั้นแหละ แล้วมันก็ยึดมั่นถือมั่น เราทั้งนั้นแหละมันยึดของมันหมดแหละ ถ้ามันเสียสละ เห็นไหม คำว่าเสียสละ วัตถุข้าวของนี่ของเล็กน้อยมากเลย น้ำใจสำคัญมาก เวลามันบีบคั้นหัวใจมันทุกข์ยากขนาดไหน คนมั่งมีศรีสุขนะ คนเศรษฐีมหาศาลเขามีความสุขไหมล่ะ? นี่มันบีบคั้นหัวใจ แล้วเวลาเสียสละออกไป สิ่งที่มันได้มา ได้มาด้วยความเบาในหัวใจ แล้วของเสียสละ

ถ้ามันเสียสละ คนเขาเป็นเขาเสียสละด้วยเจตนาของเขา อนุโมทนาทานไปกับเขา เวลาเห็นสิ่งใดที่เป็นคุณงามความดีเราสาธุๆ ทีนี้มันไม่เป็นอย่างนี้ เราอยากดี แต่เราไม่อยากให้คนอื่นทำความดี เราจะอยากดีของเราคนเดียว เราอยากดีคนเดียวมันตระหนี่ เห็นไหม ถ้าตระหนี่อย่างนั้นแล้วมันจะทำสมาธิได้อย่างไร? จิตใจมันเป็นสาธารณะไหมล่ะ? ถ้าจิตมันไม่เป็นสาธารณะ นี่สิ่งที่เป็นวัตถุของเล็กน้อยมาก เล็กน้อยเพราะอะไร? เพราะถ้าหัวใจที่มันใหญ่โตนะ หัวใจที่มันยิ่งใหญ่นะ โอ้โฮ มันให้ได้หมดเลย

เราเดินกันมา เดินสวนทางกัน เราหลบให้เขา เห็นไหม หัวใจเรายิ่งใหญ่ แต่ไอ้คนที่มันเดินมานี่หัวใจมันคับแคบนะ แต่มันเป็นอึ่งอ่าง โอ๋ย มันเดินสวนเข้าไป โอ๋ย มันใหญ่มากเลย มันบอกมันใหญ่ ทุกคนต้องหลบให้มันนะ อึ่งอ่าง เดี๋ยวมันจะไปล้มเอาข้างหน้า ไอ้เรานี่นะจิตใจเรายิ่งใหญ่ เราให้เขา เราเปิดทางให้เขา แล้วจิตใจของเรา เรารักษาใจของเรา ไม่ใช่ซากศพเดินได้ อึ่งอ่างมันเดินมามันเหมือนกับซากศพเลย มันกางมาเต็มที่เลย นั้นคือความอหังการของใจ

ถ้าใจของเรานี่เรามีสติปัญญารักษา แล้วเวลาจะภาวนาเก็บหอมรอมริบ พุทโธ มีสติพร้อม ย่างก้าวไป หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ถ้าเราพุทโธของเราก็ได้ ถ้าพอปัญญามันหมุนแล้วใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ถ้าพุทโธมันไม่อยู่ใช้ปัญญาไปเลย นี่ปัญญาตรึกในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตนี้มันมาอย่างใด เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมั่งมีศรีสุขมาขนาดไหนท่านยังละทิ้งของท่านมาได้ ละทิ้งมาแล้วท่านไปทนทุกข์ ๖ ปี ไปศึกษากับเจ้าลัทธิต่างๆ ทิ้งทุกๆ อย่างมาแล้วไปทนทุกข์ทรมาน

สถานะของกษัตริย์ การอยู่การกินมันก็ต้องประณีตอยู่แล้ว แล้วไปเป็นวนิพก เพราะตอนนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ยังไม่มีธรรมวินัย ยังไม่มีใครรู้ว่าควรทำบุญอย่างไร นี่ไปเป็นวนิพก ไปดำรงชีพด้วยคนอื่น มันจะมีความสุขมาจากไหนล่ะ? ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่มันเป็นสิทธิ์นะ เป็นสิทธิ์ว่าท่านจะเป็นกษัตริย์อยู่แล้ว คำว่ากษัตริย์มีอำนาจ แล้วทำไมสละล่ะ? ทำไมสิ่งที่อำนาจจะเป็นของเรา เราวางซะ แล้วเราไปทนทุกข์ทรมาน ทนทุกข์ทรมานทำไม เราก็มองพวกถือศีลพวกแห้งแล้งๆ มันจะแห้งแล้งที่ไหน พรหมจรรย์

มันไม่ใช่ขั้วบวกขั้วลบ นี่ไฟฟ้ามันสปาร์คกันมันให้แต่ความทุกข์ความยาก นี่มันพรหมจรรย์หนึ่งเดียว มันจะไปแห้งแล้งที่ไหน? มันไม่มีแห้งแล้ง นี่ถ้าเวลาจิตสงบเข้ามา มันสว่างโพลงขึ้นมาในหัวใจ จิตเดิมแท้นี้ผ่องใสมันครอบสามโลกธาตุ มันจะแห้งแล้งที่ไหน เทวดา อินทร์ พรหมยังสาธุเลย สาธุหัวใจของคนที่มันสงบระงับ ถ้าหัวใจสงบระงับ นี่เราทำตรงนี้เรามีสติปัญญารักษา

นี่ครูบาอาจารย์ ดูสิองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง แล้วท่านทำของท่านมาอย่างนั้น เวลาจิตใจของเราถ้ามันพุทโธเอาไว้ไม่ได้ เวลาเราจะปลูกหน่อของพุทธะขึ้นมาในใจมันแสนทุกข์แสนยาก นี่ระลึกถึงท่าน ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านมีอำนาจ ท่านถืออำนาจอยู่แล้วท่านวาง แล้วท่านมาดำรงชีวิตแบบนี้ ดำรงชีวิตแบบนี้มันก็เป็นเรื่องโลกๆ แต่จิตใจมันยังไม่เป็นธรรม พอจิตใจจะเป็นธรรมนี่วางหมดเลย ไปศึกษากับเขามาแล้วเขาพาแต่ลงเหวลงห้วยไปตลอดเลย ไม่มีใครพาขึ้นฝั่งเลย แล้วทำอย่างไรล่ะ?

ระลึกถึงตัวเอง เราจะขึ้นฝั่ง เราจะขึ้นฝั่งด้วยใจของเรานะ ตั้งแต่เป็นราชกุมาร เห็นไหม นี่อยู่โคนต้นหว้า จิตมันสงบสงบมาอย่างไร? ถ้าจิตมันสงบ นี่โคนำฝูงๆ หัวใจมันจะชักนำ หัวใจมันจะชำแรก นี่เป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา ไอ้ไก่ตัวนั้นมันมีวุฒิภาวะขึ้นมาแล้ว มันคิดถึงอานาปานสติของมัน ไก่ตัวนั้นมันแข็งแรงขึ้นมา มันมีกำลังขึ้นมา บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ ไก่ตัวนั้นมันชำแรก กะเทาะเปลือกอวิชชาออกมา

เวลากะเทาะเปลือกอวิชชาออกมาแล้ว เห็นไหม วิมุตติสุขนี่สาธุ เวลาเทศน์ธัมมจักฯ ขึ้นไปเทวดาส่งข่าวเป็นชั้นๆๆ ขึ้นไป ธรรมได้เคลื่อนแล้ว จักรได้เคลื่อนแล้ว เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ธรรม มันก็ยังไม่มีสัจธรรมความเป็นจริงในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล้มลุกคลุกคลานอยู่ ๖ ปี เวลาท่านตรัสรู้ธรรมขึ้นมา สิ่งนี้ท่านปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ เห็นไหม ท่านฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ เราเป็นอุบาสก อุบาสิกา เราเป็นเจ้าของ เวลาเรามีมรดกได้พินัยกรรมนะ โอ้โฮ อยากเปิดเลยนะ เราจะได้อะไรบ้างนะ พ่อแม่ให้พินัยกรรมไว้เปิดๆๆ ได้ที่ได้ทางคนละเท่าไหร่

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากไว้ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ฝากศาสนาไว้ เราเป็นเจ้าของศาสนา ในพระไตรปิฎกพินัยกรรม แล้วทรัพย์สมบัติล่ะ? ท่านถึงบอกวิมุตติสุขมันอยู่ที่ไหนล่ะ? อยู่ที่ไหน เราฝึกฝน เราทำขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านรื้อค้นเองนะ เราทำของเรา เรามีธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรามีพินัยกรรมแล้วเปิดมา เปิดมาแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าให้ทำศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะเกิดขึ้นมา เดี๋ยวเราจะเกิดอริยทรัพย์ เราจะเกิดทรัพย์สมบัติของเรา

อัตตัตถสมบัติ สมบัติส่วนตน สมบัติในใจของเรา เราสร้างขึ้นมา พอสร้างขึ้นมามันเป็นจริงขึ้นมา โอ้โฮ มนุษย์นี้ทำไมมีคุณค่าขนาดนี้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในบรรดาสัตว์ ๒ เท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เราเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์เวลาเทวดา อินทร์ พรหมเขาไม่อยากเข้าใกล้มนุษย์ เพราะมนุษย์มันกลิ่นคาวมาก แต่พอเวลาจิตใจมันสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมา เวลาความสะอาดของใจขึ้นมา มนุษย์มหัศจรรย์ เรามหัศจรรย์ใจเราเอง เรามหัศจรรย์ใจเราเองเลยล่ะ ถ้าไม่รู้ ไม่รู้มันสงสัยไปหมด ตายแล้วไปไหน ไปอย่างไร แต่ถ้ามันรู้ขึ้นมามันจะไปไหนล่ะ? มันจะไปไหน?

นี่วิชามันชำระล้าง มันสำรอกมันคายออกไป แล้วพอใจมันสำรอกมันคายแล้วมันมหัศจรรย์ มหัศจรรย์มหาศาล เพราะถ้าคนไม่รู้มันเวียนว่ายตายเกิด นี่มันขับดันไป พลังงานมันต้องไป แล้วนี่เราควบคุมได้หมด เห็นไหม หลวงตาท่านบอกว่า เวลาชำระล้างกิเลสไปแล้ว จิตใจนี่มันครอบงำสามโลกธาตุ เหมือนพญามังกรมันไปได้ในอากาศ ไปได้ทั่วเลย มันรู้แจ้งไปหมดเลย แต่เวลาถ้ามันยังไม่รู้แจ้ง เวลาเราประมาทเลินเล่อ หลวงปู่มั่นบอกซากศพเดินได้ จากซากศพเดินได้ ซากศพคือมันไม่มีจิตไม่มีวิญญาณ เราพยายามฝึกฝนทำขึ้นมาๆ

ฉะนั้น เวลาเราปลูกหน่อของพุทธะมันแสนยาก แต่การรักษาไว้ รักษาไว้เพื่อพัฒนาการของมัน ปุถุชน กัลยาณปุถุชน โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ นี่ระยะทางที่เราจะต้องก้าวเดินไป ระยะทางของวัฏฏะ ในพระไตรปิฎกบอกว่า ระยะทางของวัฏฏะเหมือนคนเดินอยู่กลางทะเลทรายแล้วล้มลง แล้วมันยังมองไปข้างหน้า ยังจะต้องเดินหน้าต่อไป นั่นล่ะผลของวัฏฏะ เห็นไหม ระยะทางของวัฏฏะมันเวียนว่ายตายเกิดไม่มีวันจบวันสิ้น แต่เวลาอริยมรรค อริยผล มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ แล้วมันมาจากไหนล่ะ? มาจากพินัยกรรม

พินัยกรรมคือพระไตรปิฎก เราเปิดพินัยกรรมแล้วเราก็ต้องทำขึ้นมา พินัยกรรมบอกว่านี่ทองไหนี้ฝังอยู่ที่นั่น เพชรนิลจินดาโอ่งนี้ฝังที่นั่น มันฝังอยู่ นี่ทาน ศีล ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา เราพยายามจะหาโอ่งทอง หาโอ่งเพชร หาโอ่งทรัพย์สินเงินทอง แล้วเราพยายามกระทำขึ้นมา นี่เวลาพินัยกรรมเปิดขึ้นมาแล้วบอกไว้เลย ทาน ศีล ภาวนา เราพยายามทำของเรา ทำของเราให้มันเป็นขึ้นมา ให้มันเป็นจริงขึ้นมา เราทำขึ้นมา เรามีสติรักษา อย่าท้อแท้ ถ้าปฏิบัติแล้วมันได้มรรคได้ผล ได้ผลมาเพื่อความชุ่มชื่นหัวใจเราก็ปลื้มใจ ถ้ามันปฏิบัติแล้วมันล้มลุกคลุกคลาน อ้าว จะเอาใหม่ จะเอาอีก จะเอาใหม่ จะเอาอีก เพราะธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ

เราจะสร้างเหตุแต่สิ่งที่ดีๆ หน้าที่การงานเราก็ทำของเรา แต่เหตุที่ดีๆ อาหาร เราต้องการอาหารที่ไม่เป็นพิษเราถึงอยากทานอาหารนั้นเพื่อสุขภาพแข็งแรง จิตใจ จิตใจถ้ามีคุณธรรม ถ้ามีทาน มีศีล มีภาวนาขึ้นมา มันได้ธรรมโอสถ มันก็แข็งแรงขึ้นมา มันมีประโยชน์กับเราขึ้นมา เราจะเลือกอะไร? ถ้ามันล้มลุกคลุกคลานเรายังเปิดขวดไม่ได้ เรายังไม่ได้ธรรมโอสถ ยังไม่ได้กินยาอันนั้น เราก็พยายามของเรา เปิดไม่ได้ก็ นี่เราเปิดไม่ได้ก็คนอื่นเปิดให้ แต่นี้เป็นหัวใจมันคนอื่นเปิดให้ไม่ได้ เราต้องเปิดของเราเอง เราต้องมานะของเราเอง เราต้องมีความบากบั่นของเราเอง เราพยายามของเรา

ชีวิตมีเท่านี้ เวียนว่ายตายเกิดใครก็เห็น ความเป็นอยู่เราก็รู้ เที่ยวรอบโลกเขาก็ไปกันมาหมดแล้ว แต่หัวใจตัวเองไม่เคยเห็น แล้วเราจะเอาที่ไหนล่ะ? มนุษย์เป็นแบบนี้ เขากำลังไปเที่ยวอวกาศกัน เดี๋ยวขอตั๋วใบหนึ่งขอไปด้วย นี่เราทำของเรา เห็นไหม ชีวิตมีเท่านี้ ไม่ต้องไปตื่นเต้นกับมันเรื่องโลกๆ เอาความจริงของเรา เอาหัวใจของเรา เราทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา เอาที่นี่ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพุทธศาสนา พุทธศาสนาฝากไว้กับเรา เราไม่ใช่กบเฝ้ากอบัว เราจะเป็นมนุษย์ จะเอาบัวมาบูชาพระ เราจะเอาบัวมาบูชาหัวใจของเรา เราจะบูชาพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในหัวใจของเรา เราจะรื้อค้น เราจะหาให้ได้ เราจะทำให้ได้ เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราต้องทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง