เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๙ พ.ย. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะหน่อยหนึ่งเนาะ ให้ธรรมเป็นทานๆ คือให้ปัญญา ปัญญาคืออะไร? ปัญญาคือการเอาตัวรอด เอาหัวใจหลบหลีกความทุกข์ความอยาก ปัญญา เรามีปัญญาตรงนี้ เราเอาหัวใจเราหลบหลีกความทุกข์ความยาก ไม่ใช่ว่าปัญญา ปัญญาการทำมาหากินนั้นปัญญาของโลก ปัญญาของโลกมันต้องมีอำนาจวาสนาด้วย ถ้ามีอำนาจวาสนาทำสิ่งใดมันก็จะประสบความสำเร็จ ถ้าไม่มีอำนาจวาสนา เราก็ทำของเรา

เราทำของเรา เราอย่าขัดแย้งกัน เราขัดแย้งกัน ความขัดแย้งกันมันไม่น่าไว้วางใจ การไว้วางใจในครอบครัวมีความอบอุ่นนะ เราจะไปไหนมาก็แล้วแต่ กลับมาบ้านมันเข้าบ้านได้ด้วยความอบอุ่นนะ ไปไหนมาไม่อยากกลับบ้าน ไปทำงานมาไม่อยากกลับบ้าน กลับบ้านก็ไปเดือดร้อนหมดเลย ทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะ

ในบ้านเราต้องให้อบอุ่นก่อนสิ ในบ้านเรา เพราะนิ้วคนเรามันไม่เท่ากันนะ นิ้ว ๕ นิ้วมันไม่เท่ากันหรอก คนเกิดมามันก็ไม่เท่ากัน ความรู้สึกนึกคิดของคนมันเหมือนกันไม่ได้หรอก ความรู้สึกนึกคิดที่มันจะแตกต่างกันบ้าง อันนั้นเรายกไว้สิ เรายกไว้ แต่เราเป็นพี่น้องกัน เราเป็นพี่น้องกัน เราเป็นญาติกัน สายเลือดมันสำคัญนะ แต่ความเห็นต่างๆ อันนั้นยกไว้ก่อน ยกไว้ก่อน แล้วจริตนิสัยเราค่อยๆ แก้ไขกันเอา ถ้าแก้ไขไม่ได้มันก็กรรมของสัตว์

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ ทำไมมันเป็นแบบนี้” เห็นไหม ต้นทุเรียนจะให้เป็นเงาะมันเป็นไปไม่ได้หรอก ทุเรียนก็เป็นทุเรียน เขาทำของเขามาไง เขาทำของเขามา เราก็ทำของเรามาไง เวลาต้นไม้บางชนิดปลูกด้วยกันไม่ได้ มันปลูกแล้วมันขัดแย้งกัน แต่เขาก็ปลูกในสวนเดียวกัน

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมาจากพ่อจากแม่คนเดียวกันนะ เราเกิดมาจากพ่อจากแม่เดียวกัน สายเลือดของเราเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ความเห็นต่างๆ ยกไว้บ้าง ยกไว้บ้าง นิ้วคนมันไม่เท่ากัน เราจะไปบังคับให้นิ้วเท่ากัน เราจะไปบังคับให้คนเหมือนเรา เราเองคิดผิด เราเองมีความทุกข์นะ ถ้าเราคิดให้ถูกต้อง ปัญญาๆ คิดให้ถูกต้อง เขาเป็นอย่างนั้น เขาเป็นอย่างนั้น เขาพยายามปรับตัวของเขา เราก็พยายามปรับตัวของเรา ถ้าเราปรับตัวของเรานะ เราปรับได้มันก็ดีไป ถ้าเราปรับไม่ได้เราก็ยกไว้ก่อน เขาเรียกว่าแขวนไว้ๆ ตามกฎหมายเขาบอกว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ก็แขวนเอาไว้ก่อน เราอย่าเอาปัญหานี้มาทะเลาะกัน ปัญหานี้เราไม่ทะเลาะกัน เราแขวนไว้ก่อน

ถ้าแขวนไว้มันแขวนไว้ไม่ได้ล่ะ เห็นไหม กฎหมายมันแขวนไว้ได้ เพราะว่ามันเป็นกฎหมายใช่ไหม แต่ความรู้สึกเรามันแขวนไม่ได้ มันตะขิดตะขวงใจ มันจะชักให้ใจมันไปทำน่ะ โอ๋ย! แขวนไม่ได้ๆ เห็นไหม ธรรมะสอนตรงนี้ไง สอนตรงตั้งสติไว้

เราเลือกไม่ได้ เราเลือกไม่ได้ บางอย่างเราเลือกไม่ได้ แต่เราเลือกทำคุณงามความดีได้ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าคนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิด เห็นเขาเกิดมาแล้วคนนั้นเป็นคนดี คนนี้เกิดสูงเกิดต่ำ เราเกิดมาทุกข์จนเข็ญใจ เราเกิดมาไร้ค่า

ทาส ทาสเขามีปัญญาของเขา เขาเป็นกษัตริย์ เขาเป็นจักรพรรดิ นี่มาจากทาส มาจากทาส เขาต้อยต่ำขนาดไหน คนเป็นทาสมันเป็นไพร่ มันต่ำกว่ามนุษย์อีก ทำไมมันสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจนเป็นกษัตริย์ได้ล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าคนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่พฤติกรรม อยู่ที่การกระทำ คนเราจะดีจะชั่วอยู่ที่การกระทำ เราทำของเรา ทำหน้าที่การงาน ทำด้วยประกอบสัมมาอาชีวะ แล้วเราจะประพฤติปฏิบัติ เราทำหน้าที่ของใจ มีสติรักษาหัวใจไหม ถ้ามีสติรักษาหัวใจ ฟังธรรมๆ ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นทั้งชีวิต ทั้งชีวิต บวชมาตั้งแต่เด็กๆ ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในป่ามามันมีความสุขมาจากไหนล่ะ

เวลาหลวงตาท่านพูดถึงนะ ท่านพูดถึงหลวงปู่มั่น ท่านสะอึกทุกทีเลย ถ้าพูดถึงความสุขทางโลกท่านหาได้ยากมาก เพราะท่านอยู่ในที่อัตคัดขาดแคลนตลอด ที่อัตคัดขาดแคลนเพื่อดัดแปลงกิเลส ขัดเกลามัน กิเลสมันต้องการความสุขต้องการความสบาย ต้องการความสมบูรณ์ของมัน นี่เราขัดใจมัน เราขัดใจกิเลส เราขัดใจกิเลส เราพาเราไปอยู่ในที่อัตคัดขาดแคลน นี่เป็นเครื่องขัดเกลา

ที่อัตคัดขาดแคลนไปอยู่แล้วมันจะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้ไหมล่ะ ถ้ามันจะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาได้นะ คนที่เขาอยู่ป่าอยู่เขาที่เขาอัตคัดขาดแคลนเขาก็เป็นพระอรหันต์หมดแล้วสิ

เราไปเห็นคนที่อยู่ทุกข์ยาก เราอยากจะพัฒนาให้มันสมบูรณ์ ให้มันบริบูรณ์ แต่ครูบาอาจารย์ของเรา มันเป็นกรรมของสัตว์ ประเทศอันสมควร ในประเทศในชัยภูมิแบบนั้น เราหาชัยภูมิแบบนั้นเพื่อจะดัดแปลงหัวใจของเราไง แต่พอเราเข้าไปแล้วเราจะไปพัฒนาเขา เห็นเขาทุกข์เขายากไง

เขาทุกข์เขายาก เขาทุกข์ยากของเขา แต่เขามีความสุขของเขา คนในชนเผ่าเขาก็มีความสุขของเขา เขาอยู่โดยธรรมชาติของเขา เขาอยู่ที่อากาศสมบูรณ์ของเขา เราเองแสวงหาไปเที่ยวพักผ่อนกับเขา จะไปอยู่เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะเราไปวัดค่ากันที่นุ่งยีนส์ไง ถ้าใครใส่ยีนส์คนนั้นทันสมัยไง เขาใส่ผ้าทอเอง แต่เขามีความสุขของเขา ความสุขของเขา เห็นไหม

เวลาหลวงตาท่านพูดถึงหลวงปู่มั่นว่า ถ้าพูดถึงทางโลก หลวงปู่มั่นเอาความสุขทางโลกมาเทียบเคียง ท่านจะหาความสุขไม่ได้เลย เพราะอยู่ที่อัตคัดขาดแคลน แต่ถ้าพูดถึงธรรม หัวใจท่านยิ่งใหญ่ ท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านอุทิศชีวิตของท่านเป็นแบบอย่าง เป็นแบบอย่างนะ หนึ่งตัวอย่างดีกว่าร้อยคำสั่ง เห็นไหม

ดูพระเราสิ กางใบลานเลย เทศน์ “นิพพานๆๆ” แล้วทำตัวอย่างไรล่ะ มันบอกนิพพาน พวกเราชาวพุทธเราก็ปรารถนา คนเราเกิดมา เกิดเป็นมนุษย์เราก็อยากมีความสุข แล้วความสุขก็สูงส่ง เราอยากมีวิมุตติสุขใช่ไหม เราก็มีเป้าหมายทั้งนั้นแหละ ว่าอยากจะพ้นจากทุกข์ทั้งนั้นแหละ แล้วอยากจะพ้นจากทุกข์แล้วทำอย่างไรล่ะ ก็กางบาลีเลยนะ กางใบลานเลย “นิพพานๆ นะ” แต่พฤติกรรม พฤติกรรมทำอย่างไรถึงนิพพานล่ะ

ทำอย่างไร เห็นไหม ดูสิ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทำไว้เป็นตัวอย่าง ขนาดท่านเป็นพระอรหันต์อยู่แล้วท่านยังไปอยู่ในป่าในเขา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาก็ไปโรงพยาบาลกัน หลวงตาท่านบอกว่าอยู่ปกติความสุขทางโลกก็หาได้ยากอยู่แล้ว เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เข้าไปป่าลึกเข้าไปอีก คนเขาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาหาเครื่องบำรุงบำเรอเพื่อฟื้นฟูร่างกาย หลวงปู่มั่นท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านเข้าป่าไปกินข้าวต้มกับเกลือ อยู่ปกติท่านก็ฉันอาหารของท่านปกติ เจ็บไข้ได้ป่วยท่านฉันข้าวต้มกับเกลือ ดูสิ ดูพฤติกรรมของพระอรหันต์ที่ท่านทำให้เราเห็นสิ แล้วคิดดูสิ แล้วลูกศิษย์ที่อยู่กับท่านมันจะแถไปไหม ถ้ามันแถไปมันก็ละอายใจ

หลวงตาท่านบอกว่าเวลาเข้าไปอยู่กับท่าน ซ่อนเขี้ยวซ่อนเล็บ เก็บไว้หมดเลยนะ ออกจากท่านไปจะกางเขี้ยวกางเล็บเลย เขี้ยวเล็บก็คือกิเลสไง เขี้ยวเล็บคือทิฏฐิมานะไง เขี้ยวเล็บก็เที่ยวจะไปตะปบเขาไง ตะปบอะไรล่ะ? ก็ตะปบความเชื่อ ตะปบศรัทธาไง แล้วทำไมต้องไปตะปบเขาล่ะ ทำไมศรัทธาเรามันไม่มีใช่ไหม ความมั่นคงของเรามันไม่มีใช่ไหม ถ้าความมั่นคงของเรามี เราก็สร้างของเราสิ ถ้าเราสร้างของเรานะ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

เราถึงว่า ถ้ามันมีศรัทธาความเชื่อ ถ้ามีศรัทธาความเชื่อเราค้นคว้า ถ้ามีพฤติกรรมการกระทำ ความไว้วางใจ ถ้าความไว้วางใจแล้วมันอบอุ่น แต่ถ้ามันหวาดระแวง ทำอะไรมันขาดตกบกพร่องไปหมดเลย ถ้าเราไว้ใจกัน มีศีล ๕ เหมือนกัน จะไปไหนก็ไปได้ แต่ถ้าเราระแวงกัน มันจ้างนักสืบไปเฝ้า ตัวเองเฝ้าไม่ได้ เดี๋ยวเขารู้ทัน เดี๋ยวนี้เขาจ้างนักสืบกันนะ คอยไปเฝ้าว่าวันๆ มันทำอะไรกันบ้าง เพราะเราไม่ไว้ใจ เราไม่ไว้ใจ

ถ้าเราไว้ใจนะ ต้องไว้ใจตัวเราก่อน เรามีศีล สิ่งที่มีศีล ศีลคือข้อห้าม คือหลักปฏิบัติ เพราะว่าต้นขั้วเลย ถ้ามันโกหกมันก็ไว้ใจไม่ได้แล้ว เห็นไหม มุสา ถ้ามันมึนเมา สิ่งของมึนเมา ขนาดตัวเองยังประคองสติตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว แล้วยังไปเอาของมึนเมามาทับถมมันอีก แล้วเวลาพระเราเทศน์ก็เทศน์ธรรมเมา ไม่เทศน์ธรรมะ หลวงปู่แหวนท่านบอกธรรมเมาๆ มัวเมากันไปหมดเลย แล้วถ้าเป็นความจริงล่ะ ความจริงตั้งสติขึ้นมาสิให้หูตามันแจ่มแจ้ง ให้หูตามันแจ่มแจ้งแล้วคัดเลือกเอา

เราทำบุญกุศลก็เพื่อประโยชน์กับหัวใจของเรา รดน้ำพรวนดินมาก็ให้มันสดชื่น ต้นไม้มันฟื้นฟูขึ้นมา หัวใจของเรามันหงอยเหงา มันเศร้าสร้อย มันไฟสุมขอน มันอยู่อย่างไรมันก็เหงาอยู่นั่นล่ะ จะมีปัจจัยเครื่องอาศัยทุกอย่างบำรุงบำเรอเต็มที่เลย แต่หัวใจมันก็เศร้าหมอง นี่หัวใจมันเศร้าหมอง มันไม่รดน้ำพรวนดินมัน ไม่ดูแลมัน

ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ จะหน้าชื่นขนาดไหน อกมันตรม มีธรรมะเท่านั้นที่จะไปฟื้นฟูมัน ถ้าไปฟื้นฟูมัน เราทำบุญๆ เพราะเหตุนี้ไง เรามาเสียสละๆ เพื่อหัวใจของเราไง เราไปเสียสละเพื่อใคร หัวใจดวงนี้เราเสียสละเพื่อมัน ฟื้นฟูมัน ดูแลมัน รดน้ำพรวนดินให้มันฟื้นฟูขึ้นมาไง ถ้ามันฟื้นฟูขึ้นมา ยิ่งฟื้นฟูมากน้อยขนาดไหนมันยิ่งเศร้าใจนะ เศร้าใจ

เวลาครูบาอาจารย์ท่านมองมา ท่านมองเรา มองพวกเรา เพราะอะไร เพราะคนปิดตาเดินไป อวิชชาปิดหัวใจแล้วเดินไป คิดอะไรทำอะไรก็ทำไปด้วยตัณหาความทะยานอยากไง แต่ถ้าคนที่หูตาท่านสว่าง ท่านก็ทำเหมือนเรานี่แหละ เวลาคำพูดของครูบาอาจารย์ พระอรหันต์เทศน์ก็เทศน์เหมือนเรา พูดคำเดียวกันนี่แหละ แต่ความหมายมันต่างกันเลย ความหมายมันต่างกันเพราะอะไร เพราะท่านทวนกระแสกลับเข้าไปสู่ใจของท่านไง ท่านทวนกระแสกลับไปสู่ความสุข ความเป็นจริงในหัวใจไง

สิ่งที่มีค่าที่สุดคือหัวใจ คือความรู้สึกอันนี้ไง ปฏิสนธิจิตที่เวียนว่ายตายเกิดนี่ไง แต่เวลาโลกมันพูดกันนะ มันพูด บุญคืออะไร? บุญคือตัวเลขในธนาคารไง บุญคือมียศถาบรรดาศักดิ์ไง นั่นโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มันไม่มีคงที่หรอก จะสูงส่งขนาดไหนมันก็เกษียณทั้งนั้นแหละ ถ้ามันมีตำแหน่งหน้าที่ โดยตำแหน่งมันก็ตายไป เราไม่พลัดพรากจากเขา เขาก็พลัดพรากจากเราอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรคงที่หรอก แต่ความรู้สึกนี้คงที่

ตายไปเราก็ตายไปนะ พอตายไปแล้วก็ไปเสียใจ เป็นมนุษย์เราก็ไม่ได้สร้างคุณงามความดี เป็นมนุษย์เรามีโอกาสก็ไม่ทำ พอตายไปแล้วมาเห็นก็อยากจะทำ อยากจะทำก็สายไปเสียแล้ว สายไปเสียแล้ว เกิดใหม่ก็จะทำ เกิดมาเป็นคน หลงอีก เกิดใหม่กูจะทำให้ดีที่สุดเลยนะ พอตายแล้วมันเห็น เกิดใหม่กูจะไม่พลาดเลยนะ พอเกิดใหม่อีก เป็นอีก ไปอีก นี่ไง มันไม่มีปัญญา มันไม่มี

ทำบุญ ทำบุญที่นี่ไง ทำบุญเพื่อเราไง รดน้ำพรวนดินหัวใจอันนี้ หัวใจอันนี้รดน้ำพรวนดินมันขึ้นมา ถ้ามีสติมีปัญญาขึ้นมาแล้วนะ โลกธรรม ๘ มันเข้ามาไม่ได้หรอก เขาจะนินทากาเลอย่างไรมันก็เข้าหัวใจเราไม่ได้ เราปิดล้อมไว้ดีแล้ว หัวใจเรา เรามีบ้านมีรั้วไว้แล้ว เขาจะติฉินนินทามันตกที่รั้วนู่นน่ะ มันตกที่รั้ว มันไม่เข้ามาถึงบ้าน มันจะเข้ามาหัวใจเราได้อย่างไร

เราทำคุณงามความดีของเรา โลกธรรม ๘ ธรรมะเก่าแก่มันมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไอ้ติฉินนินทามันมีมาตั้งแต่เรายังไม่เกิด เราตายไปมันก็ยังมีอยู่อย่างนี้ ดูสิ ดูการประชาสัมพันธ์สิ จริงไม่จริงมันกรอกหูจนเชื่อมันหมด แต่ถ้าเราพิจารณาของเรา เราจำเป็นต้องใช้อย่างนั้นจริงหรือ สิ่งที่เขาโฆษณาชวนเชื่อกัน เราจำเป็นต้องใช้อย่างนั้นจริงหรือ ถ้าเราไม่จำเป็นต้องใช้ เราเอามาพะรุงพะรังทำไมล่ะ

เห็นไหม ปัญญามันอยู่ในหัวใจ มันไม่ใช้ต้องที่เก็บหรอก วัตถุ เราต้องการไปแสวงหามา เราจะไปเก็บที่ไหน เอามาแล้วจะไปไว้ที่ไหน เอามาเป็นภาระ แบกรับภาระยุ่งไปหมดเลย แต่ความดีความชั่ว ความสุข ความคิดดี ความอบอุ่นในใจ เรามีความไว้วางใจกัน ความไว้วางใจเพราะมันเชื่อถือได้ไง เขาก็มีศีลมีธรรมน่าเชื่อถือได้ หัวใจของเราก็มีศีลมีธรรมน่าเชื่อถือได้ ถ้าคำพูดสิ่งใดพูดออกมาด้วยเหตุด้วยผลมันต้องฟัง ฟังด้วยเหตุด้วยผล เราฟังกันด้วยเหตุด้วยผล เราพูดกันด้วยเหตุด้วยผล

เหตุผลที่เราด้อยกว่า เหตุผลที่เราสู้ไม่ได้ เราต้องยอมรับฟัง ถ้าเขาเหตุผลดีกว่า เราก็ต้องฟังเขาๆ ฟังเขาแล้วเอามาแยกแยะว่าเราสมควรจะทำหรือไม่สมควรจะทำ มันสมควรทำตอนไหน สมควรทำเดี๋ยวนี้หรือไว้ทำคราวหน้า แม้แต่ตกลงด้วยกันแล้วก็ยังจะเอาเดี๋ยวนี้ ไอ้นั่นมันบอกว่าพรุ่งนี้ก่อน ทะเลาะกันอีกแล้ว ตกลงกันเสร็จมันยังทะเลาะกันเรื่องเวลาเลย นี่ตกลงกันเสร็จนะ

นิ้วคนไม่เท่ากัน ความเห็นคนไม่เท่ากัน คิดตรงนี้ให้มากๆ คิดตรงนี้ให้มากๆ ว่าความเห็นของคนไม่เหมือนกัน นักบริหารเขาจะบริหารคน เขาจะบริหารอย่างไรให้องค์กรเห็นร่วมกัน ไปร่วมกัน

นี่ก็เหมือนกัน จิตใจของเรานะ เวลาส่งออกไปๆ เปรตทั้งนั้นแหละ มนุสสเปโต เวลามันโมโหโกรธา มันแสดงออก นั่นล่ะส่งออกไปด้วยอารมณ์อย่างนั้นน่ะเปรตหมดเลย แล้วหลวงปู่มั่นเวลาท่านเทศน์รุนแรงมาก เวลาหลวงตาท่านเทศน์ ถ้าเทศน์พระนะ มันก็ไหลแรงมาก อย่างนั้นเป็นเปรตหรือ เวลาเราเห็นน่ะ ไอ้เปรตมันคืออวิชชา คือมารมันใช้ แต่เวลาธรรมะใช้มันเป็นดาบเพชร มันเป็นดาบเพชร ธรรมาวุธ อาวุธที่จะกำราบปราบปรามกิเลส

เวลาหลวงตาท่านเทศนาว่าการ ท่านไม่เคยด่าคนเลยนะ ท่านไม่เคยว่าใครเลยนะ แต่ท่านบอกว่าท่านว่ากิเลสของคน ท่านพยายามจะเด็ดหัวกิเลสของคน แต่เราบอกว่า โอ๋ย! ดุๆๆ ด่าๆๆ...ไม่ใช่ ท่านไม่ได้ด่าใครเลย ท่านด่าความเห็นผิด ตัณหาความทะยานอยาก ไอ้มารที่มันครอบงำบนหัวใจ นั่นน่ะด่ามัน ทำลายมัน

เวลานักปฏิบัติขึ้นมาเขาต้องเห็นกิเลส ความเห็นกิเลส เห็นกิเลสมันคืออะไรล่ะ อะไรมันคือกิเลสล่ะ กิเลสเป็นนามธรรม อากาศเรามองมันอย่างไร มันจะมีรูปร่างอย่างไรล่ะ เชื้อโรคบางอย่างเราต้องใช้กล้องจุลทรรศน์เลย

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน ความรู้สึกนึกคิด ความรู้สึกนึกคิดที่ดีมันให้ความอบอุ่น ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นโทษมันให้แต่ความเผาผลาญ มันมีแต่ความเร่าร้อน แล้วเราจะไปเจอตัวมันอย่างไรล่ะ แต่ถ้าเราจิตสงบแล้วเราเห็นการกระทำ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ อริยสัจ ๔ สัจธรรม อริยสัจ ๔ สติปัฏฐาน ๔ อริยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

เวลาสติปัฏฐาน ๔ โดยหลักเลย โดยหลักพระพุทธเจ้าทุกๆ องค์ต้องผ่านตรงนี้ พระที่ประพฤติปฏิบัติต้องมาผ่านตรงนี้ ต้องเห็นความเป็นจริงอย่างนี้ ต้องมีกิจจญาณ สัจจญาณความจริงขึ้นมา ถ้ามีความจริงขึ้นมาแล้ว อะไรมันจะมีค่ากว่าตรงนี้ อะไรมีค่ากว่าตรงนี้

แม้แต่พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลที่ว่ามีความถนัด ที่ว่านู่นดีกว่าๆ ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกอาสวักขยญาณดีที่สุด ความเห็นตรงนี้ดีที่สุด เพราะความเห็นตรงนี้ชำระล้าง กลั่นจิตใจนี้ออกมาจากอริยสัจ กลั่นหัวใจออกมาให้บริสุทธิ์ กลั่นหัวใจเพื่อชำระล้างพญามาร กลั่นหัวใจเพื่อทำลายมัน

การฆ่า การฆ่าที่ประเสริฐที่สุดคือการฆ่ากิเลส การกระทบกระเทือนต่างๆ กัน สร้างเวรสร้างกรรมหมดเลย แต่เวลาจะเอาจริงเอาจังขึ้นมามันเอาจริงเอาจังกับความเห็นผิดของเรา เอาจริงเอาจังวิปัสสนาญาณในหัวใจชำระล้างมัน ตีแผ่มัน ชำระมัน นี่แก่นของศาสนา “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย” เอวัง