เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๔ มี.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะคือสัจธรรม แต่ใครแสดง การแสดงมา ถ้าหัวใจมันยังไม่สะอาดผ่องแผ้ว สัจธรรมนั้นมัวหมองไปด้วยทิฏฐิมานะของตน แต่ถ้าจิตใจนั้นสะอาด สัจจะคือสัจจะ สัจจะความจริงเป็นสัจจะความจริงไง ถ้าสัจจะความจริง เห็นไหม ธรรมะเป็นธรรมชาติ มันเป็นสัจจะอย่างนั้น แต่ธรรมชาตินั้นมันแปรปรวน ธรรมชาตินั้นมันเวียนว่ายตายเกิด นั่นคือสัจธรรม แต่ถ้าเป็นอริยสัจล่ะ เป็นอริยสัจมันเหนือไง มันเหนือการแปรปรวนนั้น ถ้าเหนือการแปรปรวนนั้น เหนือการแปรปรวนนั้นอยู่ในการแปรปรวนนั้นได้อย่างไร การอยู่ในการแปรปรวนนั้น เห็นไหม สัจจะ สัจจะความจริง

บอกว่า เราบิณฑบาตจะบิณฑบาตไหวไหม

บิณฑบาตไหวแน่นอน ใครๆ ก็ทำได้ เพียงแต่ทำดีหรือทำเลวเท่านั้นเอง ทำแล้วมันดีหรือมันเลว ใครจะทำไม่ได้ ใครก็ทำได้ ทำได้ทั้งนั้นแหละ แต่ทำแล้วดีหรือเลว แต่ถ้ามันเลวล่ะ เราก็ทำเหมือนกัน แต่เพราะจิตใจของเรา เราเห็นว่าความสะดวกสบายของเรา ความพอใจของเรานั้นคือความถูกต้อง แต่ถ้ามันไปทำดีล่ะ ทำดี ผลกระทบมันมีทั้งนั้นแหละ ผลกระทบ เห็นไหม

สิ่งที่บิณฑบาตเป็นวัตร คำว่า “บิณฑบาตเป็นวัตร” ใช่ไหม สิ่งที่เขาจะใส่บาตรของเขา เขาตั้งเจตนาของเขา เขาก็ปรารถนาบุญกุศลของเขา จิตใจของคนมันเรรวน จิตใจของคนมันสูงมันต่ำ จิตใจของคนมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อารมณ์ของคนมันบริหารจัดการยาก ถ้าอารมณ์ของคนมันจัดการยากใช่ไหม ความพอใจของเขา ถ้าความพอใจของเขานะ นั่นเรื่องของโลก แต่ถ้าเป็นธรรมล่ะ เป็นธรรม เราบิณฑบาตเป็นวัตร

ข้อวัตรของเรา ข้อวัตรของเรา วัตรปฏิบัติของเรา ถ้าวัตรปฏิบัติของเรา เพราะการที่วัตรปฏิบัติ เห็นไหม ของสุก-ของดิบ ของที่มันเป็นของดิบต้องกลายเป็นของสุก ถ้ามันสุกแล้วมันกลับมาดิบไม่ได้ ระหว่างที่ดิบมันจะไปสุก วิธีการๆ ข้อวัตรนี้มันจะส่งเสริม ส่งเสริมใจ เห็นไหม

ใครก็ทำได้ แต่มันทำดีหรือทำเลวล่ะ ถ้าทำดี ความดีของเรา ความดี มนุษย์จะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะของเรา ถ้าความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะของเรา ของแค่นี้ของพื้นๆ ไง ของพื้นๆ นะ ของพื้นๆ เพื่อเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีพไว้ทำไม? เลี้ยงชีพไว้เพื่อประพฤติปฏิบัติ

การฉันของสมณะฉันเพื่อดำรงชีวิต การกินของโลกเขากินเพื่อกาม เพื่อเกียรติ เพื่อศักดิ์ศรี ความเป็นศักดิ์ศรีของเขา ศักดิ์ศรี คำว่า “ศักดิ์ศรีๆ” มันหยามหมิ่นกันไม่ได้ มันหยามหมิ่นศักดิ์ศรีกันไม่ได้ คนเรามันมีศักดิ์ศรี แต่ศักดิ์ศรีของเขา ศักดิ์ศรีของฆราวาส ศักดิ์ศรีของคฤหัสถ์เขา ศักดิ์ศรีของสมณะ ศักดิ์ศรีของผู้รู้แจ้ง มันก็มีศักดิ์ศรีของมันในหัวใจ แต่คำว่า “ศักดิ์ศรี” ศักดิ์ศรีมันก็เกิดเป็นทิฏฐิมานะ

แต่ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ ความถูกต้องดีงาม ถ้าความถูกต้องดีงาม คนมีสัตย์ เขามีสัจจะ มีความจริงใจของเขา ถ้ามีสัจจะมีความจริงใจของเขา ความสะอาดบริสุทธิ์นั้นทำให้หัวใจนั้นผ่องแผ้ว หัวใจผ่องแผ้ว มันจะเผชิญกับสิ่งใดนะ สิ่งนั้นเป็นของอยู่ภายนอกเท่านั้นแหละ เห็นไหม รู้แจ้งทั้งข้างนอกและข้างใน ข้างนอก เรื่องของโลก เรื่องโลกเรื่องของข้างนอก ถ้าไม่เข้าใจเรื่องโลก มันจะเข้าใจเรื่องสัจจะความจริงได้อย่างไร ถ้ามันเข้าใจสัจจะความจริง ของดิบ ของดิบคือจิตใจของเราเวลาเกิดมาในวัฏฏะมันก็เกิดมาจากอวิชชาทั้งนั้นแหละ นี่ของดิบ แล้วสัจจะ อริยสัจจะ ความเป็นจริงของมัน ข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมาเพื่อให้เป็นของสุก ถ้าเป็นของสุกขึ้นมา

จากของดิบเป็นของสุก เราก็รู้ เราก็เห็น เราก็เป็นคนทำทั้งนั้นแหละ แล้วของดิบ-ของสุก หัวใจของสัตว์โลกของเขามันเป็นของดิบๆ ทั้งนั้นแหละ ถ้าของดิบๆ มันก็มีอารมณ์ความรู้สึกอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ มีความต้องการอย่างนี้ ความต้องการอย่างนี้ ย้ำคิดย้ำทำอย่างนี้ให้จิตใจมันอยู่ใต้อวิชชาอย่างนั้น ใต้ความเป็นไปของสังคม ความเป็นไปของโลก

จากของดิบเป็นของสุก จากจิตใจที่มันโดนครอบงำด้วยพญามาร ด้วยครอบครัวของมาร เราจะต่อสู้กับมัน ต่อสู้ด้วยการประพฤติปฏิบัติ ต่อสู้เอาชนะตนเอง การเอาชนะตนเอง ทำหัวใจของเราจากดิบให้เป็นสุก ถ้าจากดิบเป็นสุก ข้อวัตรปฏิบัติมันจะมีคุณค่า มีคุณค่าเพราะอะไร มีคุณค่าเพราะสิ่งนี้มันเป็นการเข้าหมู่ไง ดูสิ เวลาเขาบวชพระ เขายกคฤหัสถ์เข้ามาเป็นสังฆะ เข้ามาเป็นสมมุติสงฆ์ เข้าหมู่ ยกเข้าหมู่

การยกเข้าหมู่เวลาลงอุโบสถสังฆกรรม เขาทำวินัยกรรมกัน เขาทำวินัยกรรมของเขา มีการกระทำของเขา การกระทำของเขามันต้องมีความสะอาดบริสุทธิ์ของเขา ความสะอาดบริสุทธิ์ของเขา ยิ่งมีความสะอาดบริสุทธิ์ขนาดไหน การกระทำนั้นมันยิ่งส่งเสริม แต่ถ้ามันเป็นความมัวหมองล่ะ มันเป็นโมฆียะ มันเป็นโมฆะ มันเป็นการกระทำนั้นไม่มีผล สิ่งที่ไม่มีผล สิ่งที่มันทำดีหรือทำเลวล่ะ

ถ้าทำดีมันก็เป็นความดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะอะไร เพราะมันมีสัตย์ มันมีสัจจะความจริงในใจของเรา ถ้าจิตใจของเรามันไม่มีสัจจะความจริงขึ้นมา ของดิบ ของดิบมันจะเน่า ของดิบไม่มีการรักษาแล้วมันเสียหายหมดแหละ ถ้ามันเสียหายขึ้นมา แต่ข้อวัตรปฏิบัติมันเป็นเครื่องดำเนินทำให้ก้าวเดินไป ถ้ามันก้าวเดินไป มันจะทำของดิบให้เป็นของสุก ถ้าทำของดิบให้เป็นของสุก มันเป็นประโยชน์กับใครล่ะ? มันก็เป็นประโยชน์กับใจดวงนั้น ใจดวงนั้นๆ ใจดวงที่มีการกระทำนั้นน่ะ ใจดวงนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ ใจของเขากับใจของเรา

เวลาเราไปหาครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านเป็นพระอรหันต์ เราไปกราบไหว้ครูบาอาจารย์ของเรา ท่านเป็นพระอรหันต์ เราอยากเป็นไหมล่ะ เราอยากเป็นก็ใจของเราไง ใจของเราอยากเป็น เราอยากได้ใจของเรา เราอยากได้ความเป็นจริงของเรา สิ่งที่เป็นของครูบาอาจารย์นั้นก็สาธุ! เป็นอำนาจวาสนาบารมีของท่าน ท่านได้ขวนขวายของท่าน ท่านทำของท่านด้วยสมความปรารถนาของท่าน ถ้าทำสมความปรารถนาของท่านนะ อันที่สมความปรารถนามา ดูพ่อแม่สิ พ่อแม่ของเราทำมาหากินมา เขาห่วงลูกห่วงหลานทั้งนั้นแหละ อยากให้มีสติมีปัญญา อย่าให้เป็นเหยื่อ อย่าเชื่อเพื่อน อย่าต่างๆ ไป

นี่ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาแล้วท่านทำมา ท่านหวงตรงนี้ไง ตรงนี้มันเป็นข้อวัตร เป็นเครื่องดำเนิน มันเป็นหนทาง หนทางเข้าไปสู่สัจธรรม ถ้าหนทางนั้นไม่มีจะไปกันอย่างไร หนทางนี้สำคัญมาก หนทางนี้สำคัญมาก แต่หนทางนี้สำหรับหัวใจดิบๆ ที่มันจะก้าวเดินอันนั้น แต่หัวใจของครูบาอาจารย์เราท่านใช้หนทางนั้นจนสิ้นกระบวนการ จบกระบวนการการใช้หนทางนั้นแล้ว ฉะนั้น หนทางนั้นท่านถึงรักษาของท่านไว้ไง

แต่คนที่ไม่มีหลักมีเกณฑ์มันทำลายหนทางนั้นทิ้งหมดแหละ ว่า “หนทางนี้มันเป็นความว่าง มันปล่อยวางแล้ว อันนั้นเป็นอัตตกิลมถานุโยค เป็นการลำบากเปล่า เป็นการทำแล้วไม่มีประโยชน์” เพราะอะไร เพราะเขาไม่เคยทำ ถ้าเขาไม่เคยทำ เขาไม่มีวิธีการของเขา เขาไม่รู้จักหนทางไง หนทางนั้นมันไม่บำรุงรักษาหรือ หนทางนั้นควรบำรุงรักษานะ นี่หนทางเฉยๆ นะ มันยังไม่เป็นความจริง

ถ้าเป็นความจริง อกุปปธรรม อกุปปธรรมนะ ดูสิ เราทำสัมมาสมาธิ ใครทำความสงบของใจได้นะ มันเป็นความมหัศจรรย์ มหัศจรรย์จริงๆ ใครบวช ใครเรียนแล้วนะ อย่างน้อยทำความสงบของใจให้ได้ก่อน ถ้าใจมันสงบแล้วมันมีคุณค่าไง คนเรา คนที่เขามีความคิดดี มีปัญญาที่ดี เขาดำรงชีวิตในความถูกต้องดีงาม เราเห็นแล้วเราชื่นชมไปกับเขา คนที่มีความเห็นผิด มีความโต้แย้งในใจ เป็นขี้ข้าของพญามาร ใช้ชีวิตไปโดยสำมะเลเทเมา ใช้ชีวิตของเขาไปโดยที่ไม่เป็นประโยชน์กับเขา นี่เราก็รู้ เราก็เห็น นี่ปัญญาของเขา ความรู้สึกนึกคิดของเขาทำให้ชีวิตของเขาเป็นแบบนั้น

นี่ก็เหมือนกัน เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมา ข้อวัตรปฏิบัติอันนั้นมันทำให้หัวใจนั้นเข้าไปสู่สัจธรรมอันนั้น ถ้าเข้าไปสู่สัจธรรมอันนั้น คนที่เขามีสติปัญญาของเขา เขาใช้ชีวิตของเขา เพื่อคุณงามความดีของเขา เพื่อประโยชน์ของเขา ประโยชน์ชาตินี้และชาติหน้า ประโยชน์ในภพปัจจุบันนี้กับภพข้างหน้า แต่เราก็บอกว่ามันมีภพชาตินี้อันเดียว มันมีเฉพาะปัจจุบันนี้ ข้างหน้ามันไม่มี

ถ้าข้างหน้ามันไม่มีนะ เวลาเราเกิดกันมา เราเกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์เท่ากัน การเกิดทางวิทยาศาสตร์ การเกิดทางโลกนี้เท่ากัน แต่มันแตกต่างกันด้วยอำนาจวาสนาบารมี อำนาจวาสนาบารมี เหมือนกับที่เรามาทำบุญกันอยู่นี่แหละ เรามาทำบุญกันอยู่นี่ เราเสียสละ เรามาเพิ่มพูนบารมีของเรา คำว่า “เพิ่มพูนบารมีของเรา” เขาเรียกว่ามันมีพละมีกำลัง ถ้าจิตใจมีกำลัง มันฝืนความคิดได้หมดเลยล่ะ คนที่คิดดี ทำดีของเขา เขามีอำนาจวาสนาของเขามา เขาพัฒนาใจของเขามา

พันธุกรรมของใจ เราเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน เราเกิดมาเหมือนกัน แต่จิตใจของเรามันน้อยเนื้อต่ำใจ มันทำลายตัวเองตลอด ทำลายตัวเองแล้วจะทำลายผู้อื่นทั้งนั้นแหละ เพราะมันทำลายตนก่อน ทำลายตน เบียดเบียนตนแล้วเบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนตนก่อน แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนาบารมีเขาไม่เบียดเบียนตน เขาทำตนให้เป็นประโยชน์กับสังคม เขาทำตนให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น นั่นล่ะ เพราะปัญญาเขามี เพราะปัญญาเขามี เพราะปัญญาอันนี้ สิ่งที่กระทำมันจะพัฒนาไป ถ้ามันพัฒนาไป ถ้าใครทำความสงบของใจได้มันเห็นคุณค่าแบบนี้

ถ้าเห็นคุณค่า ถ้าใครทำความสงบของใจได้ บวชเรียนแล้วหรือมาปฏิบัติแล้ว อย่างน้อยขอให้ทำจิตให้มันสงบ ถ้าจิตมันสงบขึ้นมาแล้วนะ มันมีคุณค่าเหนือโลก เหนือวัตถุ เหนือปัจจัย เหนือสิ่งที่โลกเขาชิงกัน โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ สรรเสริญนินทา ถ้าจิตใจของเขาไม่มีหลักมีเกณฑ์ มีแต่คนสรรเสริญ สรรเสริญ เขาเยินยอก็ล่องลอยไปกับลมปากของคน ลมปากของคน คนเขามีลมปาก เขามายกยอปอปั้น เขาหวังอะไรล่ะ แล้วการยกยอปอปั้น ลมปากของคนทำให้คนนั้นลอยขึ้นไป เขาได้ประโยชน์อะไรล่ะ

แต่ถ้าเขามีสติปัญญาของเขา สรรเสริญนินทา ใครจะสรรเสริญนินทาขนาดไหนนั้นลมปากของคน มันไม่สามารถทำให้จิตใจนั้นฟูเฟื่องขึ้นไปได้ จิตใจดวงนั้นจะมีสติปัญญาของเขา จิตใจดวงนั้นจะมีประโยชน์กับเขา ถ้าจิตใจมีประโยชน์กับเขา คนที่ทำสมาธิได้มันเห็นคุณค่าอันนั้นแล้วมันมีจุดยืนไง มันไม่เป็นเหยื่อของการสรรเสริญนินทาของใคร เราทำได้ดีมันก็เป็นความดีของเราในหัวใจ เราทำของเราแล้วมันไม่ได้ดี มันมีแต่ความทุกข์ยาก มันมีแต่ความบีบคั้นๆ ความบีบคั้นอันนี้ใครเป็นคนทำมา? เราทำมา นี่อำนาจวาสนาบารมีของคน

ทางโลก ทางโลกเขามองว่าคนเกิดมาแล้วมีค่าเท่ากันๆ...ใช่ มันมีค่าเท่ากันในความเป็นธรรม เป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นธรรมะสาธารณะที่เราเห็น เห็นทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน แต่ในหัวใจๆ ถ้าในหัวใจมีคุณค่าเท่ากัน เวลาปฏิบัติแล้วก็ต้องได้ศีล สมาธิ ปัญญาเหมือนกัน คนที่ปฏิบัตินั่งกัน ๑๐๐ คน ได้สมาธิอยู่คนเดียว อีก ๙๙ คนไม่ได้อะไร ได้แต่ความทุกข์ ได้แต่ความบีบคั้น ทำไมมันไม่เท่ากันล่ะ มันไม่เท่ากัน แล้วจะไปยิงหัวใครล่ะ เพราะมันเอาเปรียบ ไอ้คนนั้นเอาเปรียบไอ้ ๙๙ คนนั้น เอาอย่างนั้นหรือ เห็นไหม นี่ความคิดของโลกไง

แต่ถ้าความคิดของธรรม ความคิดของธรรม “ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ” มันต้องมีเหตุ มีการกระทำ การเกิดเป็นมนุษย์นี้ก็มีต้นสายปลายเหตุมา เกิดมาแล้วคิดดีคิดชั่วมันก็มีต้นสายปลายเหตุเหมือนกัน เวลามีต้นสายปลายเหตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงวางธรรมวินัยนี้ไว้ให้เราดัดแปลงของเราไง เราดัดแปลง เราแก้ไข โลกเขาก็เห็นกัน สิ่งที่เขาทำเพื่อประโยชน์ของเขา แต่เราก็ทำเพื่อประโยชน์ของเรา ประโยชน์ของเรา ประโยชน์หัวใจไง ทำประโยชน์ของคนหนึ่ง แล้วโลกก็เห็นว่าพระเห็นแก่ตัว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทิ้งทั้งสามเณรราหุล ทิ้งหมดเลย ทิ้งสถานะของกษัตริย์ เห็นแก่ตัวๆ

คนเห็นแก่ตัว เขาว่าเห็นแก่ตัว คนเห็นแก่ตัวไปเผชิญกับความทุกข์บีบคั้นในหัวใจ เพราะคนเป็นสุภาพบุรุษมีความรับผิดชอบสูง แล้วเวลาทำขึ้นมาแล้วมันบีบคั้นจนชำระล้างกิเลส คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง เวลาสำเร็จขึ้นมาแล้วเป็นอาจารย์ของ ๓ โลกธาตุ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เทวดา อินทร์ พรหมยังต้องมาฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มนุษย์จะทำอะไรต้องไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครจะทำอะไรทุกข์ยากก็ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนเห็นแก่ตัวอย่างนั้นหรือที่เป็นประโยชน์กับ ๓ โลกธาตุ

แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันจะเห็นแก่ตัวที่ไหนล่ะ มันพยายามจะชำระล้างต่างหาก พยายามจะบีบคั้นไอ้ที่มันขี่หัวใจเรานี่ ไอ้ที่มันครอบงำหัวใจเรานี่ จะทำลายมันๆ ทำลายเสร็จแล้วเราถึงจะมาเผยแผ่ เราทำลายเสร็จแล้วมันถึงเป็นตัวอย่างกับเขาไง เห็นไหม คนมีสติมีปัญญาเขาเป็นแบบนั้น ใครทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ใครๆ ก็ทำได้ แต่ทำดีหรือทำชั่ว ทำดีหรือทำเลว ถ้ามันดี ดีแค่ไหน ถ้าติดดีก็ “ฉันเป็นคนดีนะ” มันก้าวเดินไม่ได้เลย มันติดดีมันไง ดีมันถ่วงขาไว้ มันขยับไม่ได้เลย “ฉันคนดี” อย่างกับหุ่นยนต์ ไอ้คนอื่นเขาไปหมดแล้ว

ความดีเราทำแล้ว ความดีก็คือดี ทำดีมันเป็นการสร้างเสริมบารมี สิ่งที่ว่าคนมีบารมี บารมีมาจากไหน บารมีมีแต่คนมายกยอปอปั้นใช่ไหม นั่นเหยื่อทั้งนั้นแหละ บารมีคือการกระทำของเรา เราให้ใครโดยไม่มีใครรู้นั่นล่ะ สิ่งที่เราให้ใคร ยิ่งไม่ต้องมีใครรู้เลยยิ่งมีบารมีมาก มีบารมีมาก เพราะเขารู้ทีหลังแล้วมันจะซาบซึ้งใจมากไง ดูสิ เวลาคนเขาให้ของกัน เขาให้แล้วเขาต้องยกมือไหว้แล้วยกมือไหว้อีก กว่าจะให้ อู้ฮู! ถ้าไม่ไหว้ครบร้อยหนไม่ให้

แต่คนที่เขาอยู่เบื้องหลัง เขาให้มา เขาเป็นนายทุนที่ให้มาแจก เขาไม่แสดงตัวเลย ไอ้คนที่มาแจกมันแค่คนดำเนินการเท่านั้น นี่คนที่เขามีน้ำใจเขาทำอย่างนั้น เขาปิดทองหลังพระ ปิดทองก้นพระ ทำดีทุกคน ทำดีหรือทำเลว ถ้าปิดทองก้นพระ บารมีมันเกิดขึ้นนะ เวลาเราไปนั่งภาวนาของเรา เราทำของเราคนเดียว เรารู้ของเราคนเดียว มันเกิดความภูมิใจ มันเกิดหลักของใจ ทำสมาธิก็ทำง่าย ทุกอย่างก็ทำง่าย เพราะอะไร เพราะเราเจือจานไป เราแผ่กระจายไปทั้งโลก สิ่งที่โลกเขาใช้กันอยู่นี้เขาได้สมบัติจากใคร เราเป็นคนให้ทั้งนั้นแหละ แล้วคนให้กำลังทุกข์ทรมานอยู่นี่ไง คนให้กำลังนั่งสมาธิอยู่นี่ คนให้กำลังพยายามเอาชนะใจตัวอยู่นี่ เขาประเสริฐตรงนี้ไง ยิ่งสร้างอย่างนี้ยิ่งได้อำนาจวาสนาบารมี

จะให้ใครนับหน้าถือตา จะให้คนยกย่อง...ไปแสดงหนังไป หนังโฆษณานั่นน่ะ แสดงหนังก็ได้ หนังเขาทำได้ทั้งนั้นแหละ นั่นมันเรื่องการแสดง มันเรื่องการแสดง เรื่องการประชาสัมพันธ์ มันเรื่องไร้สาระสำหรับชาวพุทธที่จิตใจเป็นธรรม แต่ถ้าชาวพุทธตามกระแส โลกเป็นกระแสอย่างนั้นแหละ สร้างกระแสกันขึ้นมา แล้วก็ล่อแมงเม่าเข้าไปติดกองไฟนั้น ทุกคนก็ต้องการกระแสนั้น อยากจะให้คนนับหน้าถือตาไง แต่ถ้าเราทำของเรา เราทำเพื่อหัวใจของเรา

ใครทำก็ทำได้ จะทำดีหรือทำเลว ทำดี ดีในหัวใจ ทำเลว อยากให้คนยกย่องสรรเสริญ ทำดี ทำดีในหัวใจ ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ถึงที่สุดแล้วจิตนี้ต้องเวียนว่ายตายเกิด ขอให้มันมีบุญกุศลไปกับเรา เราเป็นคนสร้างเอง เราเป็นคนทำเอง เราทำมากับมือ เราทำแล้วเราจะไปสงสัยที่ไหน เราทำเองทั้งนั้นแหละ เรามีครูบาอาจารย์ชักนำนะ ชักนำไปสิ่งที่ดีๆ เราทำสิ่งที่ดีๆ ของเรา ความดีคือความดี ไม่ต้องให้ใครนับหน้าถือตา ไม่ต้องให้มีใครรู้จัก ความดีเป็นความดีในตัวมันเอง เอวัง