เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒ พ.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เมื่อกี้ยังไม่ได้เทศน์ จะเทศน์ตอนนี้ เราตั้งใจฟังธรรม ฟังธรรมนะ สัจธรรม สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้วตอกย้ำ สิ่งที่แก้ความลังเลสงสัย ความลังเลสงสัย เวลาจิตมันรวมนะ เวลามันฟังแล้วมันเข้าใจนะ มันสบายใจ จิตนี้ผ่องแผ้ว นี่การฟังธรรมไง ฟังธรรมๆ เพื่อหัวใจดวงนี้ ฟังธรรมๆ ดูสิ หัวใจมันเรียกร้องความช่วยเหลือนะ เวลามันทุกข์มันยาก หัวใจมันเรียกร้องให้คนช่วยเหลือมัน แล้วใครจะไปช่วยเหลือมันล่ะ เวลามันทุกข์มันยาก ใครจะช่วยเหลือหัวใจดวงนี้

หัวใจดวงนี้ หัวใจดวงนี้ต้องมีคุณธรรมในหัวใจไง ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจ ธรรมะนี้มันจะเปิดเผย เปิดเผยความกดดันในใจ สิ่งต่างๆ ในหัวใจเปิดออกให้มันสว่างให้มันกระจ่างแจ้ง เวลาจิตใจที่มันสว่างไสวมันมีความสุขๆ ไง

ดูสิ เมื่อวานนี้วันแรงงาน เวลาวันแรงงาน แรงงานสร้างชาติ ดูสิ เวลาวัตถุมันเจริญไง เวลาสร้างขึ้นมา ถ้ามันเป็นสมัยโบราณนะ สิ่งใดที่ยังไม่เจริญ ดูทางการแพทย์ถ้ายังไม่เจริญนะ เวลาอหิวาตกโรคเขาต้องทิ้งบ้านทิ้งเมืองนะ เขาทิ้งบ้านทิ้งเมืองเพราะเขาสู้ไม่ไหว เขารักษาไม่ไหวไง มันตายทั้งบ้านทั้งเมือง แต่เวลาวิทยาศาสตร์มันเจริญขึ้นมา มันแค่วัคซีนเท่านั้นเอง ฉีดวัคซีนป้องกันก็จบ สิ่งต่างๆ เวลามันเจริญขึ้นมา นี่โลกเจริญ แต่โลกเจริญ เจริญขึ้นมาจากผู้นำที่ดี เจริญขึ้นมาจากสังคมที่ดี เวลาเจริญขึ้นมาแล้วมันต้องมีการบำรุงรักษา ถ้าไม่บำรุงรักษา สังคมที่ไม่มีการบำรุงรักษา สาธารณูปโภคมันจะเสื่อมสภาพไป ถ้ามันมีการบำรุงรักษาไว้ เราก็ได้ใช้สอยมันตลอดไป

นี่พูดถึงชาติ เวลาสองมือมันสร้างชาติขึ้นมา สร้างชาติขึ้นมาเพื่อคุณภาพชีวิต เพื่อความสุขความสบายของเรา เวลาปรารถนา ปรารถนากันอย่างนั้น แต่โลกยิ่งเจริญขนาดไหน ความเครียดในหัวใจยิ่งมากขนาดนั้น เวลาโลกเจริญขนาดไหน ความสุขที่ว่าเราจะหาความสุขมาจากโลกๆ ความสุขมันมาจากไหน มันมีแต่กิเลสเผาลนหัวใจไง

ฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้ไง ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้ ดูสิ ประเทศชาติเราต้องฝากไว้กับลูกหลานให้มันบริหารจัดการต่อไป แล้วชีวิตเราล่ะ ชีวิตเรา เรามีอะไรเป็นเครื่องยืนยัน วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ “อ้าว! ก็ทำมาหากินอยู่ เป็นคนดีอยู่ ดูสิ ดูแลครอบครัวอยู่ เป็นคนดีทั้งนั้นแหละ”

เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาเราก็ปลอบประโลมกันเท่านั้น เวลาใครหมดอายุขัยต้องตายไป รั้งไว้สิ รั้งไว้ มันรั้งไว้ไม่ได้หรอก ถึงเวลาคนหมดอายุขัยก็ต้องตายไปเป็นเรื่องธรรมดา แต่เวลาหมดอายุขัยเป็นเรื่องธรรมดา แล้วทีนี้มันมีอะไรเป็นที่พึ่งอาศัยล่ะ มันมีสมบัติสิ่งใดติดกับจิตดวงนั้นไปล่ะ จิตดวงนั้นถ้าสร้างคุณงามความดีไว้ เขาจะมีความดีติดหัวใจของเขา สองมือสร้างชาติ สร้างชาติไว้ให้กับลูกหลานมันไง สองมือสร้างชาติ สร้างชาติไว้ก็เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของชาตินี้ไง แต่หัวใจเรามีอะไรสิ่งใดที่จะเป็นสมบัติไป

ร่างกายนี้ชราคร่ำคร่านะ วันคืนล่วงไปๆ เพราะเรามีสติมีปัญญา ผู้ที่มาวัดมาวา มาจำศีลภาวนา มาจำศีลภาวนา มารื้อค้นของเราไง เวลาเราได้สร้างชาติแล้ว เราเกิดมามีภพมีชาติแล้ว ถ้ามีภพมีชาติแล้ว เกิดมานี่มนุษย์สมบัติ มนุษย์สมบัติเป็นอริยทรัพย์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นมนุษย์นะ ครูบาอาจารย์ของเราท่านก็เป็นมนุษย์นะ ในบรรดาสัตว์สองเท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เทวดา อินทร์ พรหมต้องมาฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะเหตุใด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอริยสัจ มีสัจจะมีความจริงในหัวใจไง

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะนะ เวลาจะออกบวช ละล้าละลังนะ นางพิมพาเพิ่งคลอดลูก สามเณรราหุลเพิ่งคลอด ดูสิ ดูคนเห่อๆ เรามีครอบครัวใหม่ ลูกคนแรกมันเห่อน่าดูเลย นี่ไง เวลาลูกเกิดแล้วจะไปดูหน้าลูกก็ดูไม่ได้ เพราะถ้าเข้าไปดูหน้าลูก นางพิมพาตื่นขึ้นมา โอกาสจะออกบวชก็ไม่ได้ เราจะบอกว่าก่อนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ มันมีความทุกข์บีบคั้นในหัวใจพอสมควร ไม่ใช่พอสมควร มากด้วย มันต้องพลัดพราก มันต้องสละ มันต้องทิ้งมา เวลามันทิ้งมามันมีความทุกข์ไหม ความทุกข์ทั้งนั้นแหละ แล้วความทุกข์ขึ้นมานะ ท่านมีความเข้มแข็งของท่าน ท่านค้นคว้าของท่าน พยายามหาทางออกของท่าน

เห็นไหม ไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายใช่ไหม เราจะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แล้วไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ทำอย่างไรล่ะ เห็นสมณะชีพราหมณ์เขาปฏิบัติกันก็ไปปฏิบัติกับเขา วิชาการของเขา เขาสอนได้เท่านั้น แต่เจ้าชายสิทธัตถะยังทำไม่ได้ๆ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาทำได้ขึ้นมาในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ถ้าทำในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง มันก็ย้อนกลับมาเราไง

ย้อนกลับมา เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เราก็มีความทุกข์ความยากเหมือนกัน ฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังเทศน์ทุกวันๆ นี่แหละ ฟังเทศน์ขึ้นมาแล้วมันได้ตื่นตัวขึ้นมาไหม เวลาเราอยู่กับครูบาอาจารย์นะ เวลาครูบาอาจารย์เทศน์ดีๆ โอ๋ย! ขนลุกขนพองเลย ถ้าขนลุกขนพองนั่นล่ะใจมันได้สัมผัส ถ้าใจได้สัมผัสนะ ขนลุกหมดเลย บางทีเทศน์ดีๆ นะ ครูบาอาจารย์เทศน์ดีๆ เราฟังแล้วซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ทำไมล่ะ? มันสะเทือนหัวใจไง มันสะเทือนกิเลสไง เพราะกิเลสมันอยู่ที่ใจของสัตว์โลกไง

เราไม่ใช่ฟังเทศน์สักแต่ว่าทำ สักแต่ว่าทำก็ฟังเอาบุญๆ กันไง เวลาฟังเทศน์ ฟังเทศน์อะไร? เอาบุญ เวลาขึ้น พรหมา จะ โลกา แล้วนั่งสัปหงกกันไป พอจบแล้วนะ โอ๋ย! สาธุ! บุญเยอะแยะเลย...นั่งสัปหงกอยู่นั่นมันบุญอะไรล่ะ

เวลาเราภาวนา ถ้าจิตเราสงบขึ้นมา จิตเราผ่องแผ้วขึ้นมา อันนั้นแหละเป็นบุญกุศลใช่ไหม เวลาเราตกภวังค์เงียบหายไปเลย อันนั้นอะไรน่ะ เอาบุญใช่ไหม แต่เวลาเราจะมีสติปัญญาก็สติปัญญาที่นี่แหละ เวลาสติปัญญาเราค้นคว้าในตู้พระไตรปิฎก เราค้นคว้ามาเป็นปัญญาของเรานะ เราศึกษามา ศึกษามาได้กระดาษมาคนละใบ แต่เวลาเราจะมีปัญญาขึ้นมา เวลาทำความสงบของใจเข้ามา พอใจมันสงบขึ้นมา ใจสงบขึ้นมายกขึ้นสู่วิปัสสนา เวลาภาวนามยปัญญามันเกิด ธรรมจักรมันเกิด เวลาภาวนามยปัญญาเกิดจากจิต ปัญญาในพระพุทธศาสนา เห็นไหม

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์มีกายกับใจๆ เวลาทางโลก ผู้บริหารนี่แรงงานสมอง มีคุณค่ากว่าแรงงานทางร่างกาย แรงงานสมองนี่ผู้บริหารไง เวลาผู้บริหารเงินเดือนสูงมาก เพราะว่าเขาใช้แรงงานสมอง ไอ้เรากรรมกรแรงงานแบกหาม ผลตอบแทนมันต่ำ

แต่เวลาเกิดสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา เวลาเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญามันเกิดอย่างไร ทุกคนเกิดมาอยากให้ลูกเรามีปัญญา อยากให้ลูกเราฉลาด อยากให้ลูกเรามีเชาวน์ปัญญา แต่มันเกิดจากไหนล่ะ เราก็ศึกษาค้นคว้า ศึกษาค้นคว้ามันก็เป็นเรื่องหนึ่ง มันเป็นวิชาชีพ

ดูสิ จะวิชาชีพสิ่งใดก็แล้วแต่ มันจะมีความเจริญทางวิชาการตลอด ต้องศึกษาตลอด ต้องค้นคว้าตลอด เวลาซื้อเครื่องมือแพทย์ไปให้แพทย์ใช้มันยังใช้ไม่เป็นเลย ต้องส่งแพทย์ไปฝึกหัด เพราะอะไร เพราะวิทยาการมันพัฒนาของมันอยู่ตลอดไป ทางวิชาการมันก็ต้องค้นคว้าไปตลอด มันไม่มีวันสิ้นสุด แต่เวลาภาวนามยปัญญามันจบไง มันจบนะ มันจบที่ไหนล่ะ? จบที่ปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตเกิดที่ไหน? เกิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปปาติกะ มันเกิด กำเนิด ๔ กำเนิดขึ้นมาแล้วเวลาเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อปลุกเร้าเรา ฟังธรรมเพื่อให้เรามีสามัญสำนึก

มาวัดมาวามาภาวนา มาภาวนานี่มันมีค่ามาก เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์ไว้เลย เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานไง มีคนเขาคร่ำครวญมากราบไหว้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมายมหาศาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกพระอานนท์ “อานนท์ เธอบอกเขานะ ให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด อย่าบูชาเราด้วยอามิสบูชาเลย” แต่ปัจจุบันนี้อามิสบูชา โยมขนกันมานี่อามิสบูชา เพราะมีอามิสบูชา เพราะมีทาน เพราะมีทานถึงมีน้ำใจ เพราะมีน้ำใจถึงจะไปวัด ไปวัดถึงไปให้หลวงพ่อด่า ไปฟังเทศน์ไง เพราะไปวัดมันถึงกระเทือนไง นี่ไง พอมันกระเทือนขึ้นมามันกระเทือนหัวใจไง ถ้ากระเทือนหัวใจ มันสะเทือนหัวใจไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกให้ปฏิบัติบูชาเถิด ถ้าปฏิบัติบูชามันปฏิบัติเพื่อใครล่ะ? มันปฏิบัติถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เราเกิดมากับเรา เกิดก็ต้องให้แม่บอกว่าเกิดวันไหน ชื่อก็พ่อแม่ตั้งให้ ไม่มีใครรู้จักตัวเองเลย สมมุติทั้งนั้น จิตสงบเข้าไปแล้ว อ๋อ! เราอยู่ที่นี่ เราอยู่ที่นี่ ชีวิตจริงๆ มันอยู่ที่นี่ ชีวะ ชีวะที่สติปัญญามันเข้าไปพบตัวมันเอง นี่ปฏิสนธิจิต แล้วเวลายกขึ้นสู่วิปัสสนามันมหัศจรรย์มาก มหัศจรรย์มาก ฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง เวลาฟังครูบาอาจารย์เทศนาว่าการนะ ขนพองสยองเกล้า ถ้ามันแทงถึงกิเลส ถ้ามันแทงถึงกิเลสนะ คนคนนั้นมีโอกาสได้ประพฤติปฏิบัติ ถ้ามันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานะ มันไร้สาระ ฟังเอาบุญๆ มันเป็นประเพณีวัฒนธรรม มันเป็นฟังเอาบุญๆ แต่เราจะปฏิบัติเอาธรรม ถ้าเราปฏิบัติเอาธรรมนะ เราขวนขวายของเรา

ถ้ามันปฏิบัติแล้วเราตั้งใจจนเกินไป เวลาเราตั้งเป้านะ ไปวันนี้ ๓ วัน จะต้องทำสมาธิให้ได้ แล้วภาวนาไปเถอะ ๒ วันครึ่งก็ยังไม่ได้ จะครบ ๓ วัน ยังไม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะมันมีตัณหาซ้อนตัณหา เราไปวัดไปวา เราไปประพฤติปฏิบัติขึ้นมาค้นคว้าหาตัวเรา ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เราทำเหตุให้มันสมดุลของมันสิ เรากำหนดพุทโธ เราใช้ปัญญาอบรมสมาธิ เราได้ทำแล้วไง

เวลาทางโลกเขาบอกขอโอกาส ขอโอกาสได้แก้ไข นี่ก็เหมือนกัน เราหาโอกาสให้ตัวเราเองแล้วเราอย่าไปกดดันมัน ถ้าภาวนาแล้ว ถ้าภาวนาเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามันเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญาขึ้นมา นั่นคือสมบัติของเรา สมบัติเกิดจากการกระทำของเรา ถ้ามันเป็นจริง ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ไม่มีใครให้คะแนน ไม่มีใครให้ใบประกาศนียบัตร ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก มันเกิดขึ้นมาจากหัวใจนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นจากหัวใจนี้ เวลาปฏิบัติ ปฏิบัติบูชาใคร ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ปฏิบัติบูชาหัวใจของเรา ถ้าปฏิบัติบูชาหัวใจของเราเป็นธรรมขึ้นมา เป็นธรรมของใคร แล้วมันฉลาดหรือมันโง่ล่ะตอนนี้ มันก็ฉลาดขึ้นมาไง ถ้ามันฉลาดขึ้นมาแล้ว

คนที่มีคุณธรรมนะ เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอก เรื่องของโลกมันเป็นสมมุติทั้งนั้น ถ้าแก้วแหวนเงินทองก็เป็นแร่ธาตุ มันไม่มีค่ากับคุณธรรมหรอก มันเป็นแค่แร่ธาตุ แต่เมื่อคนเรามีสติมีปัญญานะ แร่ธาตุนั้นเขาเอาไว้ซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์กับสังคม ท่านก็ใช้ของท่านไปอย่างนั้นแหละ มันจำเป็นต้องใช้เพื่อดำรงชีวิตก็ใช้ไป ไม่ใช่ลุ่มหลงมันไป มันแค่แร่ธาตุ มันไม่มีค่าสูงส่งกว่าคุณธรรมในหัวใจเราหรอก

ถ้ามันมีค่าสูงส่งกว่าคุณธรรมในหัวใจของเรา “ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจก็ไปอยู่ส่วนหนึ่งสิ ก็ไปอยู่บนก้อนเมฆ อย่ามายุ่งกับโลกเขาสิ”...ไอ้นั่นก็พูดแบบประชดประชัน

เขามีคุณธรรมในหัวใจของเขา เขาถึงมีความสุขในใจของเขา เพราะเขามีความสุขในหัวใจของเขา เขาถึงไม่ดิ้นรนในใจไง เขาถึงไม่เป็นหมาขี้เรื้อนไง เขาไม่คัน แต่ถ้าใจมันคันมันก็โดนบีบคั้น เห็นไหม นี่พูดถึงว่าฟังธรรม

ถ้าสองมือมันสร้างชาติ สติปัญญามันจะสร้างคุณธรรมในใจของเรานะ เราต้องมีสติ สติยับยั้งของเราไว้ ถ้ามันจะคิดสิ่งใด ถ้ามันเป็นสิ่งที่คิดแล้ว ทำสิ่งใดแล้วมันเป็นโทษ เราเบรกไว้ แต่ถ้ามันคิดสิ่งใดเป็นคุณธรรม เป็นคุณงามความดี เราต้องเหยียบคันเร่งของเรา เพราะว่าชีวิตนี้มันสั้นนัก เห็นไหม ชาติเราฝากไว้กับเยาวชนรุ่นต่อๆ ไปได้ แต่ชีวิตนี้จะฝากไว้กับใคร ลูกหลานนะ มันก็เป็นชีวิตของเขา จิตหนึ่งเหมือนกัน เราจะต้องพลัดพรากจากชีวิตนี้ไปแน่นอน ถ้าเราจะพลัดพรากจากชีวิตนี้ไป เรามีคุณสมบัติสิ่งใด

เราบอกว่า “อ้าว! ทำบุญกุศลมันก็ทำมาเยอะแล้ว” ทำสิ่งนี้มันเป็นอามิสไง แต่ถ้าเราพุทโธ เราใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ถ้าจิตมันสงบนะ จิตหนึ่ง เห็นไหม จิตหนึ่ง เวลาเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ถ้าเป็นพรหมนี่ขันธ์ ๑ ขันธ์ ๑ พวกฤๅษีชีไพรถ้าเขารักษาจิตของเขาได้ เวลาเขาตายไปเขาจะเกิดบนพรหม ผู้ที่สร้างอำนาจวาสนาขึ้นมา ผู้ทำบุญกุศลไปเกิดเป็นเทวดาก็เป็นทิพย์ มันเป็นขันธ์ ๔ มนุษย์มันมีขันธ์ ๕ แล้วถ้าทำความชั่ว ทำบาปอกุศลมันก็เกิดในนรกอเวจี

“อย่าเขียนเสือให้วัวกลัว หลวงพ่ออย่าหลอก”

สุคโตนะ สวรรค์ในอก นรกในใจ จิตใจถ้ามันเป็นนรกแผดเผา เวลาตายไป นรก ความคิดที่หนักหน่วงมันตกต่ำ บุญกุศล ความคิดที่ผ่องแผ้ว ความคิดที่เบาบาง เวลามันตายไปมันจะลอยขึ้นสู่ที่สูง มันเป็นเรื่องสัจจะ มันเป็นวิทยาศาสตร์ มันเป็นวิทยาศาสตร์เลย ใครจะเชื่อไม่เชื่อนั้นเป็นความเชื่อ เวลาเราบอกเขาว่าคนที่มีความเชื่อคือคนไม่มีปัญญา เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นมันเป็นศรัทธา เป็นความเชื่อ แต่ความจริงเป็นความจริง ใครทำสิ่งใดก็ต้องได้อย่างนั้นแหละ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน นิสัยของคน เพราะพฤติกรรมของเขา เขาทำให้จิตใจของเขามีพฤติกรรมอย่างนั้น พฤติกรรมก็เกิดจากการกระทำของเขา แต่ในเมื่อเราจะดัดแปลงพฤติกรรมของเรา เราจะมีศีล ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เราจะดัดแปลงพฤติกรรมของเราให้เข้าสู่ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเข้าสู่ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเกิดสัจธรรมขึ้นมา พระพุทธศาสนาประเสริฐที่นี่

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา ปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ ไม่มีศาสดาใดปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะถ้าปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ ลูกศิษย์จะถามว่าเป็นพระอรหันต์เป็นเพราะเหตุใด เป็นพระอรหันต์เพราะอย่างไร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์ แล้วเวลาเป็นพระอรหันต์แล้วพยากรณ์ต่างๆ ทำสิ่งนี้ขึ้นมาๆ ทำเพื่อประโยชน์ใครล่ะ ทำเพื่อประโยชน์ใคร ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วมันมีสิ่งใดในใจนั้น? มันไม่มีแล้ว ไม่มีสิ่งใดในใจนั้น เพราะสิ่งนั้นมันล้นค่า มันเหนือโลกไปแล้ว แต่ท่านมาปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง วางศาสนาไว้กับเราไง เราเป็นสาวกสาวกะ เราถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีบุญสองชั้น ชั้นหนึ่งได้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าไม่เกิดมาเป็นมนุษย์มันต้องเกิดแน่นอน ของมันมีอยู่ มันต้องเกิด แต่เกิดในภพชาติใดก็แล้วแต่ มันต้องเกิด

นี่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ไง พอเกิดมาเป็นมนุษย์มีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ มันมีร่างกายนี้บีบคั้น ร่างกายนี้ต้องการอาหาร เราต้องแสวงหามาเพื่อร่างกายนี้ เพื่อดำรงชีวิตไว้ แต่หัวใจมันต้องมีคุณธรรม ถ้าหัวใจมีคุณธรรม สิ่งที่หามามันเจือจาน มันแบ่งปันกัน แต่ถ้าจิตใจไม่มีคุณธรรม มันหามาเพื่อสะสม แล้วมันก็ใช้แค่ปากท้องนั่นแหละ แต่มันก็สะสมไว้ให้คนอื่นหิวโหย นี่ถ้าจิตใจมีคุณธรรมไง ถ้าจิตใจมีคุณธรรมนะ มีร่างกายและจิตใจ ร่างกายนี้บีบคั้นอยู่ บีบคั้นเพื่อต้องดำรงชีวิต ต้องหาอาหารให้มัน

แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญานะ เรานั่งสมาธิ ภาวนา เราทรมานมัน อดอาหาร เดินจงกรม เหนื่อยล้านัก นั่งสมาธิตลอดรุ่ง เจ็บปวดนัก เราจะมาทรมานร่างกายนี้เพื่อค้นหาหัวใจดวงนี้ ถ้ามันได้หัวใจดวงนี้ หัวใจดวงนี้มีค่า มีค่ามากๆ ไม่ใช่ว่าเราพูดกันแต่ว่ามีค่าๆ แล้วก็หลอกล้วงกระเป๋าญาติโยม...ไม่ใช่ เงินไม่เกี่ยว เอาหัวใจมา หัวใจ เพราะมันทำ มันทำที่หัวใจนั้น แต่มันลงที่นี่ไง มันลงที่สัจจะ ลงที่ความจริง มันก็ต้องพูดความจริงกัน แล้วเราทำเพื่อนี่ไง ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำแบบนี้ไง มือเราได้สร้างโลก มือเราได้สร้างมาทุกอย่างแล้ว แต่หัวใจเราสร้างคุณธรรมมาเพื่อหัวใจดวงนี้บ้าง เอวัง