เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะเป็นของประเสริฐ ธรรมโอสถสามารถชโลมหัวใจของเราได้ เวลาหัวใจของเรามันทุกข์มันยาก มันไม่มีสิ่งใดแก้ไขสิ่งนี้ได้หรอก ปัจจัยเครื่องอาศัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเป็นเครื่องอาศัย สิ่งที่เป็นเครื่องอาศัยเราก็ขวนขวายมาเพื่ออาศัยดำรงชีวิต ชีวิตนี้มันต้องมีปัจจัย ๔ ไง ปัจจัย ๔ เป็นเครื่องอาศัย แต่ถ้าหัวใจคนสูงส่งนะ สิ่งนี้มันเป็นแค่ปัจจัยเครื่องอาศัย
ถ้าปัจจัยเครื่องอาศัยเราต้องขวนขวาย ขวนขวายมาเพราะนั่นเป็นหน้าที่การงาน การกระทำนั้นเป็นการแสดงออกของหัวใจ ถ้าหัวใจของคนเข้มแข็ง หัวใจของคนมีศีล มีธรรมนะเขาจะมีความสุขในใจของเขา แล้วคนเห็นคนที่ขวนขวายมาแล้วเอาความทุกข์มาใส่ใจเขา เขาบอกทำไมเขาไม่มีปัญญา ทำไมเขาคิดไม่ได้ ทำไมเขาคิดไม่ได้ เพราะอะไร เขาไปขวนขวายเอาความทุกข์มาใส่ในหัวใจของเขาไง
นี่ความทุกข์ไง ความทุกข์เกิดจากไหน ความทุกข์เกิดจากตัณหาความทะยานอยาก มันอยากไม่พอ อยากล้นเหลือ อยากจนทุกข์ยาก แต่ใจของคนที่มีคุณธรรมนะ คนมีคุณธรรมในหัวใจ หาได้มากได้น้อยก็แล้วแต่เขาเจือจาน เขาแบ่งปัน การแบ่งปันกันเพื่ออะไร เพื่อบารมีธรรมในหัวใจของเขา เพราะอะไร เพราะหัวใจนี่บารมีธรรมของเรา เห็นไหม ดูสิเราบอกหัวใจมันเรียกร้อง หัวใจมันเรียกร้อง ถ้ามันมีศรัทธา มีความเชื่อของมัน มันเรียกร้องของมัน
เวลาของเรา เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง เรามีครู มีอาจารย์ของเราเป็นที่พึ่ง เป็นที่พึ่ง หัวใจมันมีหลักมีเกณฑ์ แต่ถ้าหัวใจของคนไม่มีหลักมีเกณฑ์ เวลาความทุกข์ ความยากมันเกิดขึ้นมา มันหาทางออกไม่ได้มันจะมีความทุกข์บีบคั้นหัวใจ นี่ไงถ้าหัวใจคนที่มีคุณธรรมมันจะแบ่งปันๆ แบ่งปันเพราะอะไร แบ่งปันเพราะเราเคารพ เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมาจากไหน เกิดมาจากทาน คำว่าทานของท่านคือท่านบำเพ็ญเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านเสียสละของท่านมาตลอด ความเสียสละนั้นมันสะสมมาๆ เป็นพระโพธิสัตว์ เวลาถึงที่สุด สละถึงที่สุดสละลูก สละเมีย สละทั้งหมดเลย แล้วสละ ทำไมต้องสละล่ะ ทำไมต้องสละล่ะ เพราะความปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ต้องสละลูก สละเมียถึงจะได้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาบำเพ็ญเพียรมาไม่ต้องถึงสละขนาดนั้น ไม่ถึงสละ นี่
สละไม่เท่ากัน ความเสียสละไม่เท่ากัน ผลที่ตอบรับก็ไม่เท่ากันไง ถ้าผลที่ตอบรับไม่เท่ากัน ในหัวใจของคนที่มีคุณธรรม เห็นไหม เพราะเขาทำของเขามา เขาได้กระทำของเขามา หัวใจของเขาต้องมีจุดยืนของเขา ในทางโลกฝนแล้งกับน้ำท่วมไหนดีกว่ากัน เวลาหน้าแล้ง ภัยแล้งขึ้นมา คนเวลาทุกข์ยากเหมือนกัน เวลาน้ำท่วมน้ำท่วมขนาดไหน ฝนตกน้ำท่วมมีคนตายนะ เวลามีคนตายขึ้นมา แต่ฝนตกน้ำท่วมมันดีกว่าฝนแล้ง เพราะมันมีสิ่งที่ว่ามันทำเกษตรกรรมได้ มันหาปัจจัยเครื่องอาศัยได้
ปัจจัยเครื่องอาศัย ปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าปัจจัยเครื่องอาศัยใช่ไหม ถ้าเราเกิดในชุมชนที่ดี ผู้นำที่ดี ผู้นำที่ดี เวลาน้ำท่วม หลายชุมชนมากเลยเขาป้องกันของเขาได้ เขาป้องกันของเขาเพราะอะไร เพราะความสามัคคีในชุมชนนั้น เพราะชุมชนนั้นเห็นประโยชน์ไง ชุมชนนั้นไม่เห็นแก่ตัวไง ชุมชนนั้นเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม
นี่ก็เหมือนกัน เวลาภัยแล้งก็เหมือนกัน ภัยแล้ง เห็นไหม ดูสิเขาเอาปัจจัยเครื่องอาศัยไปเจือจานกัน มันอยู่ที่ผู้นำ ถ้าผู้นำที่ดี แล้วชุมชนนั้นสามัคคีกัน ความสามัคคี นี่ธรรมะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะเราเป็นญาติกันโดยธรรม เราเกิดมานั่งกันอยู่นี่เราเป็นญาติกันโดยธรรม เป็นญาติกันโดยธรรมโดยการเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีใครเหลือหลอหรอก เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราเป็นญาติกัน เราเกิดมาร่วมกัน แต่เวลามาทุกข์มายาก ทุกข์ยากแตกต่างกันไป แตกต่างกันไปเพราะว่าจริตนิสัย
คำว่าจริตนิสัย ความคิดของคนไง ความคิดของคน ของมากหรือของน้อยมันคิดแตกต่างกัน ความคิดแตกต่างกัน แล้วกาลเวลา เวลาคิดไม่พอดี คิดก่อน คิดหลัง พอคิดได้นะเราไม่น่าทำอย่างนั้นเลยกลับมาขอโทษ คำว่าขอโทษนะ ขอโทษเป็นเครื่องหมายของคนดี คนดีเขารู้สึกว่าเขาผิดแล้วเขาขอโทษของเขา แต่ขอโทษแล้วเราไม่ควรทำอย่างนั้นอีก ไม่ควรทำอย่างนั้นอีก
เวลาทำอย่างนั้น เวลาทำแล้วขอโทษซ้ำขอโทษซากสิ่งนั้นเขาเรียกว่ามันเป็นอาจิณ อาจิณคือทำบ่อยครั้งๆ บ่อยครั้งก็เป็นจริตนิสัย ถ้าเราเห็นผิดเราก็ต้องแยกสิ เห็นผิดเราก็ไม่ทำสิ เราไม่ทำ เพราะ เพราะทุกคนเกลียดความทุกข์ ปรารถนาความสุข ทุกคนก็ชอบคำที่นุ่มนวล ชอบคำที่อ่อนหวาน ชอบคำที่ฟังแล้วชื่นใจ แต่คำที่ฟังแล้วชื่นใจนะพูดแล้วมันต้องมีเหตุมีผล พูดแล้วมันต้องเป็นประโยชน์ไง
คำว่าเป็นประโยชน์นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าไม่เป็นประโยชน์ไม่พูด ไม่พูดคือไม่พยากรณ์ ไม่พูดถ้าไม่เป็นประโยชน์ ถึงเป็นความจริงถ้าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่พูด เป็นความจริงพูดไปแล้วมันแตกแยกก็ไม่พูด นี่ท่านเก็บของท่านไว้ แต่เวลาพูดพูดแต่สิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามเพราะอะไร เพราะชักนำคนให้เป็นคนดีไง ชักนำให้คนอย่าเติมฟืนเติมไฟไง ถ้าเติมฟืนเติมไฟขึ้นมา ในหัวใจมันจะมีแต่ความทุกข์ความยากทั้งนั้นแหละ
นี่ถ้าฟังธรรมๆ ฟังธรรมถ้าเราทำสิ่งนั้น เราได้เสียสละมันภูมิใจ คำว่าภูมิใจ คำว่ามีน้ำใจมันทำให้เรายืนในสังคม ศีล ผู้ที่มีศีลเข้าสังคมใดก็เข้าได้ ถ้าเราสะอาดบริสุทธิ์ เข้าสังคมไหนก็เข้าได้สะดวกสบาย เราเข้าสังคมไหน เพียงแต่ว่าเราไม่รู้ไง เราไม่เคยเข้าสังคมที่สูงส่ง เราเข้าไปแล้วเราก็อาจจะไม่สบายใจเพราะเราทำไม่ถูกต้อง เห็นไหม แต่มันเข้าได้หมด เพราะอะไร เพราะเราไม่มีความด่างพร้อยในใจ ถ้าคนมีศีล มีธรรมเข้าสังคมไหนก็เข้าได้ เพียงแต่ เพียงแต่เข้าหรือไม่เข้า ไม่เข้า
ครูบาอาจารย์ของเราท่านไม่เข้า เห็นไหม หลีกเร้นเข้าป่าเข้าเขา เข้าป่าเข้าเขาไปเพื่ออะไร อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด เราจะไปค้นหาความคิดของเรา เราจะค้นหาหัวใจของเรา เพราะเรานี่เวลามันพัฒนาขึ้น ทาน ศีล ภาวนา พอเวลาจะภาวนาเราต้องหาที่สงบสงัด หาที่วิเวกของเรา ถ้าหาที่วิเวกของเราเพราะอะไร เพราะเราจะค้นหาใจของเรา
ถ้าค้นหาใจของเรา เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้องค์เดียว เวลาเทศน์ธัมมจักฯ ปัญจวัคคีย์ ๕ เท่านั้น ๕ คนเท่านั้น เทศน์ครั้งแรกมีคนฟังอยู่ ๕ คน แต่การฟังนั้นเทวดา อินทร์ พรหมฟังมหาศาลเลย ส่งข่าวเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป นี่สิ่งที่เราจะค้นหาใจของเรามันเป็นประโยชน์ตรงนี้
นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราทาน ศีล ภาวนาเราจะภาวนาของเรา ภาวนาที่ไหนก็ได้ เรารักษาหัวใจของเรา รักษาหัวใจของเรา ดูแลหัวใจของเรา ถ้าดูแลหัวใจของเรา เวลาคนประเสริฐ ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐ ประเสริฐเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมด้วยวิชชา ๓ บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ
บุพเพนิวาสานุสติญาณ เห็นไหม อดีตชาติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนพูดเอง เราเคยเป็น เราเคยเป็นตั้งแต่พระเวสสันดรไปไม่มีจบไม่มีสิ้น ไม่มีต้นไม่มีปลาย นี่ถ้ามันไม่มีจบไม่มีสิ้นจุตูปปาตญาณ จิตนี้ต้องไปตลอดไป เวลาอาสวักขยญาณทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมดแล้ว เราประเสริฐที่สุด
ในบรรดาสัตว์สองเท้าเราประเสริฐที่สุด เป็นไก่ตัวแรกที่เจาะฟองอวิชชาออกมา เพราะอวิชชาความไม่รู้ในหัวใจของเรามันทำให้เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี่ แล้วการเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้ถ้าเรามีบุญกุศล เราเวียนว่ายตายเกิดเราก็สร้างบุญกุศลของเรา ทำประโยชน์ของเรา ถึงเกิดมาก็บุญพาเกิด เกิดมาก็มีประสบความสำเร็จในชีวิตบ้าง พอบรรเทาทุกข์ในหัวใจของเราไป
แต่ถ้ามันเกิดมาด้วยความทุกข์ ความยาก เกิดมาด้วยความทุกข์ ความยาก เกิดมาแล้วปากกัดตีนถีบ เกิดมามีแต่ความบีบคั้นในหัวใจ ทำไมเราเกิดมาเป็นอย่างนั้น เกิดเป็นอย่างนั้นเพราะเราทำมา กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ของอยู่ตรงหน้าเรานี่ยังหยิบไม่ได้เลยเพราะกรรมของเรา ไอ้คนอื่นเขาเดินมาเขาหยิบฉวยเอาได้ทั้งนั้นแหละ เพราะอะไร เพราะเขาทำของเขามา
คำว่าทำของเขามา แล้วอย่างนี้ นี่ศาสนาพุทธเป็นลัทธิยอมจำนน อะไรก็ยกให้กรรมๆ มันเป็นความจริงไม่ใช่ยกให้ มันเป็นความจริงอย่างนั้น ถ้าความจริงอย่างนั้น ดูสิเวลาลูกของเราเกิดมาแต่ละคนจิตใจไม่เหมือนกัน มันคิดแตกต่างกัน พ่อแม่ก็คนเดียวกันนั่นแหละทำไมลูกมันคิดแตกต่างกันล่ะ ถ้าลูกคิดแตกต่างกันก็นั่นล่ะจริตนิสัยของเขา นั่นล่ะกรรมของเขา แต่มันมีสายสัมพันธ์กันมันมาเกิดเป็นลูกเป็นเต้าของเราไง
ถ้าเป็นลูกเป็นเต้า อภิชาตบุตร บุตรที่ดีกว่าพ่อแม่ บุตรที่เกิดมาทำให้พ่อแม่เจ็บช้ำน้ำใจเยอะแยะไปหมด นี่การกระทำของเขา มันเป็นจริตนิสัยของเขา เกิดมาแล้วเราเป็นพ่อเป็นแม่เราก็ฟูมฟักของเรา เราก็พยายามชักนำของเรา กล่อมเกลาของเราเพื่อประโยชน์กับลูกของเรา นี่มันเป็นชาติเป็นตระกูลของเรา เห็นไหม ถ้าเป็นชาติตระกูล กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน
ฉะนั้น สิ่งที่ว่าหยิบฉวยยังไม่ได้เลย แต่คนที่เขามีอำนาจวาสนาของเขามันเป็นอย่างนั้น นี่เราเกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรมไง โดยธรรมนะเกิดมาเสมอกัน เกิดมาต่างกัน เวลาเกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ ขึ้นมา แล้วเกิดทุกข์ยากมันมีศักยภาพ มันเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์มันเป็นอริยทรัพย์ ถ้าเกิดทุกข์ๆ ยากๆ เราไม่เกิดเราไปเกิดเป็นสุนัขดีกว่า เกิดเป็นสุนัขไปเจอเจ้านายดีๆ มันใส่สร้อยเพชร สุนัขนี่เจ้านายแต่งตัวให้มันด้วย แต่มันเป็นเดรัจฉาน มันจะสูงส่งขนาดไหนมันก็เป็นเดรัจฉาน
คำว่าเดรัจฉาน เห็นไหม สัตว์เดรัจฉานบรรลุธรรมไม่ได้ เราเป็นมนุษย์จะทุกข์ทนขนาดไหน แต่ถ้าเราทำคุณงามความดี ความดีก็เป็นของเรา จะทุกข์จะทนขนาดไหนมันก็เป็นเวรเป็นกรรม ถึงเวลาแล้วมันเป็นไปนะ นางปฏาจาราตามสามีไป พอตามสามีไป นี่ไปอยู่ด้วยกันก็มีลูกมีเต้า อยากจะเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ไม่เคยมาเยี่ยมสักทีหนึ่ง ถึงเวลาแล้วสามีไม่กล้าไปพบพ่อพบแม่ก็พยายามเหนี่ยวรั้งไว้ สุดท้ายหนีมาเลยเอาลูกมาด้วย คืนนั้นมาถึงกลางป่าฝนตก น้ำท่วม น้ำป่ามาเต็มเลย
นี่ลูกสองคน ลูกสองคน สามีตามมาอยู่กลางฝน ให้สามีไปตัดไม้เพื่อมาจุดไฟเพื่อความอบอุ่น สามีไปตัดไม้งูกัดตาย ไปเจอสามีตาย พอสามีตายเอาลูกมา น้ำป่ามันมา นี่เพิ่งคลอดลูกไปคลอดลูกกลางป่า ลูกคนนี้มันยังเล็กอยู่เอาไปก่อน ให้ลูกอยู่ฝั่งนี้ก่อน ไปส่งฝั่งนู้นเพราะน้ำมันท่วม ไปส่งฝั่งนู้น ลูกเพิ่งคลอดไง นี่ไปถึงกลางน้ำ เห็นเหยี่ยวมันจะโฉบเอาลูกก็ไล่เหยี่ยว ไอ้ลูกอยู่ฝั่งนู้นก็คิดว่าแม่เรียกลงมา ลงมาเดินลงในน้ำน้ำพัดไปเลย ไอ้เหยี่ยวนั้นก็โดนชักไปเลย
คนๆ เดียว ดูสิความกระทบกระเทือนขนาดนั้น สามีตาย ลูกสองคนตาย จะไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ ไปถึงกลางทางบอกจำบ้านฉันได้ บ้านฉันอยู่ตรงนั้น อ๋อ เมื่อคืนที่ฝนตกนั่นแหละ ฟ้าผ่าตายหมดเลย เสียสติเลยนะ จนเสียสติ วิ่งไปหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการอยู่ ปฏาจารา เธอเป็นอะไร พอเรียกปั๊บสติฟื้นมา โยนผ้าให้ นั่นไง
นี่เวลาเป็นมนุษย์สมบัติไง มีแต่ความบีบคั้นในหัวใจมาทั้งนั้นแหละ แต่ถึงที่สุดพอฟังธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พิจารณาเทียน เทียนที่มันเผาไหม้ตัวมันเอง ชีวิตก็เป็นอย่างนั้นโดยความทุกข์ ความยากที่เราโดนกระทบมารุนแรงขนาดไหน มันพิจารณาของมันไปนะ เทียนส่วนเทียน นี่เวลามันพิจารณาไปแล้วมันย้อนกลับมาในหัวใจ เวลาย้อนกลับมาในหัวใจมันสำรอก มันคายกิเลสออก นี่ไงมนุษย์ มนุษย์ทำได้
มนุษย์สมบัติมีอย่างนี้ มนุษย์สมบัติมีคุณสมบัติที่บรรลุธรรมได้ มนุษย์สมบัติมีหัวใจที่มันมีคุณประโยชน์อย่างนี้ไง แล้วเราเป็นมนุษย์ ถ้ามันจะทุกข์มันจะทนขนาดไหนมันก็เป็นมนุษย์ ไอ้เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรม เรื่องอำนาจวาสนา แต่เรื่องหัวใจของเราถ้ามันมีอำนาจวาสนามันทำได้ มันพิจารณาได้
มนุษย์สำคัญตรงนี้ มนุษย์มีสมอง คนเรามีสูง มีต่ำ เดี๋ยวมันก็เจริญงอกงามขึ้นมา เดี๋ยวเราก็เป็นที่พึ่งอาศัย เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ถึงเวลาเวรกรรมมันมาให้ผล นี่อนาถบิณฑิกเศรษฐีซื้อที่บริจาคองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาทองปูเลย ถึงเวลาทุกข์ทนกินข้าวกับน้ำผักดอง นี่อนาถบิณฑิกเศรษฐี เห็นไหม มันมีขึ้นมีลงทั้งนั้นแหละ โลกนี้เป็นอนิจจัง พออนิจจังเรามีสติปัญญาของเรา เราเข้มแข็งของเรา เราจะดำรงชีวิตของเรา เราทำเพื่อคุณธรรมของเรา
คุณธรรมของเรา ปัจจัยเครื่องอาศัยก็อย่างนี้ จะมั่งมีศรีสุขก็กินอย่างนี้ เหมือนกันนี่ แต่หัวใจ หัวใจที่มีคุณธรรม หัวใจที่เผื่อแผ่ เห็นไหม แล้วหัวใจเวลาเผื่อแผ่แล้ว สิ่งที่มันกักขังไว้ในหัวใจคือความทุกข์ ความยาก ความน้อยเนื้อต่ำใจอย่าให้มันมี ก็เราทำมาอย่างนี้ ก็ทุกข์อย่างนี้ สัจจะมันเป็นอย่างนี้ ความจริงมันเป็นอย่างนี้ ทุกข์เป็นอริยสัจ ทุกข์เป็นความจริง ถ้าความจริงขึ้นมาแล้วเราพิจารณาของเรามันปล่อยนะ ทุกข์ก็ทุกข์ ทุกข์ก็ทำไป สมุทัยมันไม่ส่งไม่เสริม นี่ไม่ส่งไม่เสริมด้วยอะไร ด้วยปัญญา ปัญญาเกิดจากไหน ปัญญาคือมรรค ปัญญาคือสัจธรรม เวลานิโรธมันปล่อยหมด
เวลามันปล่อยหมด เห็นไหม ก็คนเดียวนั่นแหละ คนเก่านั่นแหละ เวลามันทุกข์มันยากมันบีบคั้นหัวใจนัก เวลามันพิจารณาด้วยหัวใจมันปล่อยหมด ว่าง โล่ง เบา สบาย ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ นี่จิตใจมันมีสัจจะของมัน นี่มนุษย์ มนุษย์ทำได้ มนุษย์มีปัญญา แต่ถ้ากิเลสมันยุมันแหย่ มันน้อยเนื้อต่ำใจ มันบีบคั้นหัวใจตลอดเวลา ถ้าบีบคั้นหัวใจตลอดเวลา เวลากรรมมันให้ผลมันให้ผลทั้งนั้นแหละ กรรมมันให้ผล เราทำของเรามา เราได้ทำของเรามา
ฉะนั้น เราทำของเรามา เราจะทำคุณงามความดีต่อเนื่องไป ดูเวลาหลวงตาท่านสอน เห็นไหม ใครจะทำชั่วอย่างไรเรื่องของเขา เราจะทำดี คำว่าทำดีก็โดนเขาถากถางไง นี่หลวงตาท่านทำเพื่อใคร ก็ทำเพื่อสังคม ทำเพื่อโลก คนเราเป็นลูกศิษย์ลูกหาที่เรามีศรัทธา มีความเชื่อเราก็ปลื้มใจของเราว่าอาจารย์ของเราท่านมีหลักมีเกณฑ์ คนที่เขาไม่ใช่ลูกศิษย์ คนที่เขาเห็นตรงข้ามเขาก็บอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ เขาว่าพวกเราทำเพื่อเอาหน้าเอาตา
หลวงตาท่านนิพพานไปแล้ว เอาหน้าเอาตาที่ไหน ท่านทำเพื่ออนุชนรุ่นหลัง ทำเพื่อพวกเรา ทำเพื่อสังคมเข้มแข็ง เวลาสังคมเข้มแข็ง ตอนนี้ทุนสำรองเมืองไทยเข้มแข็ง ใครๆ ก็ยกนิ้วให้ ยกนิ้วให้ แล้วมันมาจากไหนล่ะ มันมาจากน้ำพักน้ำแรงพวกเรานี่แหละ มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเรานี่แหละ ไอ้คนที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยมันก็ได้ประโยชน์ไปหมดแหละ
คนไทยได้ประโยชน์หมดแหละ แต่เวลาคนทำก็พวกเรานี่แหละ ไอ้เขาไม่ทำแต่เขาก็ได้ประโยชน์จากที่เราทำ ใครจะทำดี ทำชั่วเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดีว่ะ ทำคุณงามความดีเพื่อหัวใจดวงนี้ ทำคุณงามความดีเพื่อหัวใจมันมีกำลังของมัน มันมีอำนาจวาสนาของมัน มีอำนาจวาสนาของมัน ไม่ใช่คิดแต่เรื่องบีบคั้นน้ำใจ เราคิดแต่เรื่องดีๆ ของเราเพื่อประโยชน์กับเรา
นี่ธรรมโอสถ หัวใจต้องการตรงนี้ หัวใจต้องการศีล สมาธิ ปัญญา หัวใจต้องการสัจธรรม ธรรมโอสถ หัวใจมันได้ดื่มกินอย่างนี้ มันมีสัจธรรมอย่างนี้มันก็ไม่ทุกข์ไม่ยากจนเกินไป ร่างกายนี้เราก็มีปัจจัย ๔ ปัจจัย ๔ เพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตนี้ไว้เพื่อแสวงหา เพื่อสร้างสมอำนาจวาสนาบารมีของเรา ดำรงชีวิตไว้เพื่อขวนขวาย เพื่อทำคุณงามความดีของเรา ดำรงชีวิตไว้เพื่อสัจจะ เพื่อบรรลุธรรม เพื่อเห็นสัจจะความจริง อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง มันเป็นอย่างนี้เอง
ถ้ามันเอ๊อะไม่ต้องฟังใครเลย แต่มันยังไม่เอ๊อะเนี่ยสิ โอ๋ย นู่นก็ใช่ นี่ก็ใช่ จับพลัดจับผลูอยู่นี่ ชีวิตนี้ขวนขวาย ปัจจัยเครื่องอาศัยมันเป็นการแสดงออกของคน คนที่มีความรับผิดชอบ คนที่มีปัญญา เขาทำสิ่งใดมันก็สมควร สมดุลตลอด คนที่ยังอ่อนด้อย เขาทำสิ่งใดก็มีความผิดพลาด ถ้าเขาฝึกฝนของเขา เขาพยายามหาประสบการณ์ของเขา เขาจะพัฒนาได้ นี่ทางโลก
ทางใจก็เหมือนกัน ถ้าเราพัฒนาของเรา เรามีจุดยืนของเรา มีสติปัญญาของเรา รักษาหัวใจของเรา ใจของเราแท้ๆ ดูสิลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านจะรู้วาระจิตเราหรือเปล่า หลวงปู่มั่นจะรู้วาระจิตเราหรือเปล่า เวลาไปหาท่านท่านบอกใจของตัวไม่ดู จะให้คนอื่นดูให้ แต่ท่านก็ดูให้จริงๆ นั่นแหละ แต่ดูให้กับเราดูเองเราต้องสำคัญกว่าใช่ไหม ใจของเราเราไม่ดู
นี่ก็เหมือนกัน ใจของเราเราดู ดูแล้วกัดฟัน ดูแล้วสู้ชีวิต ชีวิตนี้เราต้องต่อสู้ ชีวิตนี้เราเกิดมา เกิดมาด้วยอำนาจวาสนาบารมีขนาดนี้ การเกิดเป็นมนุษย์มีคุณสมบัติ มีอริยทรัพย์มาก เพราะอะไร เพราะถ้าไม่เกิดมันต้องเกิดแน่นอน ถ้าไปเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหมก็หลงความเป็นทิพย์นั้นตลอด ถ้าเกิดนรกอเวจีก็ทุกข์ยากมาก เดรัจฉานนี่อบายภูมิ
ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มีสุข มีทุกข์ มนุษย์มีอิสรภาพ แสวงหาเอา นี่แสวงหาเอาคือทำคุณงามความดีของเรา เราแสวงหาเอา เราเลือกเอา เราตัดสินใจแล้วเราพยายามทำของเราให้พัฒนาขึ้น ให้ดีขึ้น เพื่อมนุษย์สมบัตินี้ให้มีคุณภาพ มนุษย์สมบัตินี้ให้เกิดมา สิ่งที่ได้มนุษย์สมบัติแล้ว ถ้าประพฤติปฏิบัติแล้วได้อริยภูมิ อริยภูมิ อัตตสมบัติ สมบัติในหัวใจ เอวัง