เทศน์เช้า วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ สัจธรรมนะ ฟังสัจธรรม สัจธรรมเป็นความจริง แต่ของเรานี่เราเกิดโดยสมมุติไง การเกิดเป็นมนุษย์ประเสริฐมาก ประเสริฐจริงๆ การเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพุทธศาสนานะนี่สิ่งที่มีคุณค่ามาก เพราะการเกิดมาแล้วมนุษย์มีสมอง ดูเด็กสิ เด็กเราปกป้องดูแลมัน มันเป็นเด็กมันไร้เดียงสา เวลาโตมาถ้าเด็กมันมีปัญญาขึ้นมามันเป็นรัฐบุรุษ มันช่วยสังคมได้มหาศาลเลย แต่เราต้องเลี้ยงดูมา ดูสิการบ่มเพาะ การบ่มเพาะของเรา การบ่มเพาะทางโลกนะ
นี่การเกิดเป็นมนุษย์ เห็นไหม เกิดมาพบพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอนลึกซึ้งมาก แต่เวลาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์ เราว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้วมีแต่ความทุกข์ความยาก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์มีความทุกข์ความยากนะ ดูสิเวลาคนเขาทัศนาจรทั่วโลก เขาไปรอบโลก พอไปรอบโลกกลับมาแล้วหูตาเขากว้างขวาง ถ้าหูตากว้างขวางเขาไม่ยึดติดสิ่งใดไง เขาไปเห็นสิ่งที่มันมีค่ามากกว่า เขาไปเห็นมารอบโลกไง
แล้วสิ่งที่รอบโลกใครเป็นคนสร้างขึ้นมา มนุษย์สร้างขึ้นมาทั้งนั้นแหละ มนุษย์เป็นคนสร้างๆ ไง แต่เวลาคนกลับมาเมืองไทยแล้ว เห็นไหม บ้านเราดีกว่า บ้านเราดีกว่า วัฒนธรรมไง วัฒนธรรมประเพณีของเรา ครอบครัวของเราบ้านเราดีกว่า แต่คนเขาย้ายถิ่นไปเขาต้องการมีอาชีพของเขา เขาย้ายถิ่นฐานของเขา เขาไป
นี่เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอน การเกิดเป็นมนุษย์ถ้าคิดเป็นวิทยาศาสตร์ คิดเป็นทางโลก คิดทางโลกนะ ทางการแพทย์ร่างกายของมนุษย์นี้มหัศจรรย์มาก มันซ่อมแซมตัวมันเอง มันดูแลตัวมันเอง ร่างกายของมนุษย์มหัศจรรย์มาก ความมหัศจรรย์ เราเกิดเป็นมนุษย์เรามีร่างกายและจิตใจ ถ้ามีร่างกายและจิตใจ ร่างกาย
นี่ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าร่างกายนี้มันเป็นที่เกิดของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ร่างกายของคนมีแต่โรคภัยไข้เจ็บทั้งนั้นแหละ ร่างกายของมนุษย์ถ้ามันไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ใครสร้างอำนาจวาสนามา นี่เวรกรรมๆ คนที่สร้างอำนาจวาสนามา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็ต้องดูแลรักษา คนที่เขาได้ทำบุญกุศลของเขามา ตั้งแต่เกิดจนตายไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย ถ้าไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยมันก็ชราภาพ ชราคร่ำคร่า เวลาชราคร่ำคร่ามันก็ต้องหมดอายุขัยนั้นไป นี่โรคของร่างกาย โรคของจิตใจล่ะ
โรคของจิตใจ เห็นไหม โรคของจิตใจ กิเลสตัณหาความทะยานอยาก ที่ว่าเกิดเป็นมนุษย์ทุกข์ๆๆ ทุกข์นี้เป็นอริยสัจ ทุกข์นี้เป็นความจริง ถ้าไม่มีอวิชชาบนหัวใจ อวิชชา มันก็ไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด น้ำที่สะอาด น้ำกลั่นไม่เป็นประโยชน์สิ่งใด น้ำที่ใช้ประโยชน์ได้ น้ำใช้ประโยชน์ได้ คนเกิดมามีกรรมดี กรรมชั่ว กรรมดี กรรมชั่วนี่โรคของใจๆ
ฉะนั้น เวลาทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์เรื่องของมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์มหัศจรรย์มาก มีคุณค่ามาก แต่มีคุณค่าคนใช้มันอย่างไร คนใช้ทางโลก เห็นไหม ทางโลก ทางวิทยาศาสตร์เขาวิเคราะห์วิจัยแล้วทางการแพทย์ โอ้โฮ มันมหัศจรรย์มาก ร่างกายของมนุษย์มหัศจรรย์มาก แต่เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะจิตสงบแล้วเห็นกาย ถ้าพิจารณากายๆ พิจารณากายมันลึกซึ้งกว่าไง
ดูสิสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา ถ้าเกิดภาวนามยปัญญา นี่เวลาเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมามีตัวตนของเรา เพราะมีเรา เพราะมีเรา เราทำสิ่งใดทรัพย์สมบัติสิ่งนั้นเกิดเพราะมีเราเราถึงเป็นเจ้าของวัตถุสมบัตินั้น คนที่หาทรัพย์สมบัตินั้นถ้าเขาไม่ฉลาดของเขา เขาไม่สร้างประโยชน์ของเขา เวลาเขาตายไป เวลาเขาตายไปทรัพย์สมบัตินั้นก็เป็นสาธารณะเขาก็ตายไป ไหนว่าเป็นของเขาๆ ไง
นี่ไงสิ่งที่เราหามาทางโลกๆ มันเป็นของเราๆ แต่เป็นของเรา นี่โอกาสที่เราเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าโอกาสที่เป็นมนุษย์เราจะทำสิ่งใด เราจะสร้างประโยชน์สิ่งใด ถ้าคนเขามีอำนาจวาสนาของเขา ดูสิพระโพธิสัตว์ๆ เขาเสียสละทรัพย์สมบัติของเขา เขาเสียสละสิ่งที่เขาได้มาเพื่ออำนาจวาสนาบารมีของเขา เวลามาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เวลาชำระล้างกิเลส สิ่งที่ชำระล้างกิเลสมันชำระล้างกิเลสในหัวใจ ถ้ามีอำนาจวาสนาบารมีเป็นอย่างนั้น ถ้าคนมีอำนาจวาสนาเขาทำของเขา ทำประโยชน์ของเขา เขาเสียสละของเขา
นี่พูดถึงธรรม เวลาธรรมนี่ระดับของทาน ถ้าเวลาระดับของปัญญามันมหัศจรรย์กว่านั้น ดูสิมนุษย์ทำได้ขนาดนั้นเชียวหรือ มนุษย์ เห็นไหม ดูสิทางการแพทย์ ทางต่างๆ มหัศจรรย์มากเรื่องของร่างกายของมนุษย์ ร่างกายของมนุษย์เขาเพื่อคุณภาพชีวิต เพื่อแก้ไข เพื่อดัดแปลงให้คุณภาพชีวิตของเราไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจนเกินไป ถ้าไม่ทนทุกข์ทรมานจนเกินไป เวลาหมดอายุขัยมันก็เป็นชราคร่ำคร่า เป็นเรื่องจริง มันเป็นเรื่องจริงที่ทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องยอมรับ
ฉะนั้น ถ้ายอมรับ เห็นไหม แต่เวลาเราฟังธรรมๆ เราทำบุญกุศลของเรา ทำบุญกุศลของเรา เราปากกัดตีนถีบ เราเกิดมานี่เราเกิดมาด้วยอริยทรัพย์ เราเกิดได้เป็นมนุษย์ เราเกิดเป็นมนุษย์นะ ถ้าคนเราจิตใจนี้ด้อยค่า ดูสิวัดนี้เขามีคนมาขอจะเอานกยูงมาให้ จะเอาสัตว์ป่ามาให้เยอะแยะเลย เขาบอกอยากจะเอามาให้ที่วัดนี้ เราปฏิเสธหมดเลย ปฏิเสธทั้งนั้นแหละ เพราะอะไร เพราะมันเป็นภาระของพระ มันชอบที่สูงมันจะถ่ายรดไปหมดเลย แต่เวลาเดี๋ยวนี้ดูไก่ป่าเต็มวัดเลย นี่ไม่ให้เข้าๆ นะ ไก่ป่ามันมามันแย่งที่กัน ดูกระรอก กระแตมันมาของมันเอง มันมาของมันเองนะ
นี่ไงสิ่งเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไม่ต้องการ ปฏิเสธมัน มันมีเต็มวัดเต็มวาไปหมดเลย แล้วเราเกิดเป็นมนุษย์ ดูสิเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อก่อน ๑๖ ล้านคน เดี๋ยวนี้ ๖๐ ล้านคน คน ๖-๗,๐๐๐ ล้าน มันมาจากไหนๆ มันมาจากไหน นี่การเวียนว่ายตายเกิดของวัฏฏะ ในวัฏฏะจิตหนึ่งเกิดได้หนเดียวเท่านั้น เกิดได้อย่างเดียวเท่านั้น เกิดได้ชาตินั้นเท่านั้น แล้วเราเกิดมาเราก็ศึกษาๆ
ทางวิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์มาพิจารณาเรื่องของร่างกายจิตใจ ทางการแพทย์ศัลยกรรมมีความชำนาญก็เรื่องของเขา จิตแพทย์ จิตแพทย์เขาก็พยายามรักษาเรื่องหัวใจๆ เรื่องของจิต มันก็เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เพราะเขาคิดวิชาการของเขา แต่เขาไม่สามารถหลุดพ้นได้ ไม่สามารถหลุดพ้นได้ไง
คำว่าหลุดพ้นใครหลุดพ้นล่ะ แพทย์หลุดพ้นใช่ไหม แพทย์เขารักษาคนไข้ แต่เราปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ธรรมโอสถรักษาหัวใจของเราไง ถ้าการรักษาหัวใจของเรามันต้องมีสติมีปัญญาอย่างนี้ ถ้ามีสติปัญญาอย่างนี้ นี่มันถึงไม่ต้องไปหาที่ไหน เขาทำหน้าที่การงานกันเขาต้องมีสถานที่ทำงานของเขา
ไอ้เรามีกายกับใจ มีร่างกายบอกเอาแต่หัวใจๆ แล้วหัวใจมันตั้งอยู่บนอะไรล่ะ ถ้าไม่เกิดเป็นมนุษย์เอาหัวใจมาจากไหน ปฏิสนธิจิตเกิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในน้ำครำ เกิดในโอปปาติกะมหัศจรรย์มาก เวลามหัศจรรย์เกิดขึ้นมา เกิดมานี่ธาตุ ๔ มนุษย์เกิดมาจากธาตุ ๔ ก็เอาดิน น้ำ ลม ไฟมากวนๆ ให้เป็นคนมันก็เป็นไปไม่ได้ มันเกิดจากสายบุญสายกรรม มันต้องเกิดจากพ่อจากแม่
นี่พ่อแม่มีการสืบพันธุ์ สืบพันธุ์ขึ้นมาเกิดในครรภ์ พอเกิดในครรภ์ กำเนิด ปฏิสนธิจิตมันลง ถ้าปฏิสนธิจิตมีพ่อมีแม่แล้วก็มีจิตของเรา กรรมพันธุ์นี้เป็นของพ่อของแม่หมดเลย แต่จิตนี้เป็นเราๆ เวลาเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาฟูมฟักมันขึ้นมา ดูแลกันๆ ฟูมฟักขึ้นมา ฟูมฟักขึ้นมา ถ้ามันมีสติปัญญาของมัน เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักปกครองที่มีชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณ เพราะเขาได้ขวนขวายของเขามา เขาได้บ่มเพาะของเขามา
นี่ไงมันก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเป็นเรื่องของสุตมยปัญญา ปัญญาของโลก ปัญญาของโลกทำไมมหัศจรรย์ขนาดนั้นล่ะ แต่เวลาจิตมันสงบแล้วถ้ามันเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นจิต เห็นธรรมตามความเป็นจริง มันพิจารณาของมันไป นี่ภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญาเกิดมาจากไหน เกิดมาจากจิต แล้วจิตมันมาจากไหนล่ะ จิตหาไม่เจอ
เวลาศึกษามาคนรู้หมด รู้มาจากไหน รู้มาจากตำรา เราเป็นชาวพุทธนะ ไม่เป็นไรมันเป็นอนิจจัง ดูสิไอ้นี่มันพูดมันเป็นจริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มันไม่เป็นจริงของเราไง ไม่เป็นจริงของเราเพราะเราไม่จริง เราไม่จริงเราปัดสวะพ้นหน้าบ้านไง ไม่เป็นไร ไม่สนใจ ไม่อะไร แล้วเอ็งได้อะไรล่ะ ไม่เป็นไรแล้วเอ็งได้อะไร ถ้าไม่เป็นไร ใครเป็นคนไม่เป็นไรล่ะ กรรม กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน มันมีกรรมแน่นอน เบียดเบียนตนและเบียดเบียนผู้อื่น มีการกระทำมันต้องมีเวรมีกรรมเด็ดขาด
ฉะนั้น ถ้ามีกรรมเด็ดขาดนะ เพียงแต่ว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านให้อภัย เราให้อภัยกันตั้งแต่เขายังไม่ทำ เราให้อภัยกันอยู่แล้ว ฉะนั้น เราไม่เป็นไรๆ วิสาสะกันไป นี่ภาษาโลก ภาษาโลกนะสิ่งนี้มันมีผลที่ไหนล่ะ มีผลให้เกิดความเคยตัว มีผลให้เกิดความเคยชิน พอความเคยชินจิตมันก็ไม่เข้มแข็ง จิตมันก็ไม่เอาจริงเอาจัง ถ้าจิตมันเอาจริงเอาจังนะถึงเวลามันทำต้องทำของเรา เวลาเราจะให้อภัยเราให้อภัยคนอื่นอยู่แล้ว แต่เราไม่ให้อภัยหัวใจของเรา ไม่ให้อภัยกิเลสที่เกิดบนหัวใจของเรา ไม่ให้อภัยที่มันทำให้เราฟุ้งซ่าน ไม่ให้อภัยที่มันบีบคั้นหัวใจของเรา
การทำลายป่า ตัดป่าทั้งหมดเลย แต่ไม่ได้ตัดต้นไม้แม้แต่ต้นเดียวคือการวิปัสสนา นี่เราทำลายหมดเลย ทำลายกิเลส ทำลายอวิชชา ทำลายสิ่งที่มันเป็นนามธรรม มันเป็นนามธรรมนะ มันเกิดดับที่ใจนะ แต่มันเข้มแข็งขึ้นมาแล้วมันทำให้เราเจ็บปวดนะ มันเหยียบย่ำเราก่อนนะ แล้วมันถึงเหยียบย่ำผู้อื่น มันทำลายตนแล้วทำลายผู้อื่น นี่ถ้าทำลายตนแล้วทำลายผู้อื่น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่นี่ มหัศจรรย์ตรงนี้ มหัศจรรย์ตรงที่ย้อนกลับมา ย้อนกลับมาสู่สัจธรรมอันนี้ ถ้าย้อนมาสู่สัจธรรมอันนี้ มันจะทุกข์จะยากขนาดไหน ทุกข์เราพอใจจะทุกข์
เดินจงกรม นั่งสมาธิ ภาวนาเหงื่อไหลไคลย้อย เวลาจิตมันสงบสักหนหนึ่ง พอจิตมันสงบขึ้นมา ดูสิการทำงานของเขา ผู้ชำนาญการทำงานเขาทำงานจนมีประสบการณ์ของเขา เขามีความชำนาญการของเขา หัวใจของเรา หัวใจของเราเราจะทำให้มันชำนาญ เราจะรักษาให้มันชำนาญ แต่กิเลสก็คอยยุคอยแหย่ กิเลสมันก็คอยพลิกแพลง เวลาทำงาน งานใดก็แล้วแต่มันเป็นวิทยาศาสตร์ มันทำอย่างไรมันให้ค่าตามนั้น วิทยาศาสตร์วิเคราะห์วิจัยได้หมดเลย แต่หัวใจของเราวิเคราะห์วิจัย ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอริยสัจวิเคราะห์วิจัย
นี่เขาศึกษากันมานะจบ ๙ ประโยคๆ มามหาศาลเลย แล้วเขารู้อะไร เพราะมันวิเคราะห์วิจัยไปแล้ว มันรู้ขนาดไหนกิเลสมันก็ติดดาบให้ กิเลสมันติดดาบให้ ข้ารู้ ข้าเห็น ข้าเก่ง ข้าแน่ แน่กับใคร แน่กับคนอื่นไง เบียดเบียนตนคือทำให้ตัวเองไม่รู้อะไรเลย รู้ที่ศึกษามานี่จำมาทั้งนั้น จำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา ท่องจำมาตลอดเลย แล้วก็สร้างอารมณ์ให้มันเป็นอย่างนั้นๆ แล้วมันเป็นจริงไหมล่ะ
ถ้ามันเป็นจริงมันต้องเห็นตัวตนของตัว จิตสงบแล้ว โอ้โฮ นี่จิตมันเป็นอย่างนี้เอง จิตมันเป็นอย่างนี้เอง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนมา โอ้โฮ เรื่องจริงทั้งนั้นเลยเนาะ ไอ้ที่เราตะครุบเงา ศึกษามามีความรู้มาก ไม่รู้อะไรเลย มันเป็นสัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อานนท์ เราเอาแต่สัจธรรมของเราไปนะ
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะนิพพาน พระอานนท์คร่ำครวญมากอยากให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เป็นหลักชัยไปก่อนไง อานนท์ เราเอาแต่สมบัติของเราไป สมบัติของเธอ สมบัติของพระอานนท์ สมบัติของพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะที่จะค้นคว้ากัน ศึกษากัน ทุกคนต้องพยายามค้นคว้าให้เกิดขึ้นมาจากจิต
นี่ไงถ้ามันเป็นความจริง เวลาความจริง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสารีบุตรไปลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน ให้เห็นสมควรแก่เวลาของเธอเถิด เวลาของเธอไง เวลาของเธอก็ความจริงในใจอันนั้นไง ถ้าความจริงอันนั้น ในใจอันนั้นมันเห็นสมควรแก่เวลา มันเป็นข้อเท็จจริงในใจดวงนั้นไง นั่นล่ะสัจธรรมของพระสารีบุตร แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสัจธรรมในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา นี่ปรารถนามารื้อสัตว์ ขนสัตว์ ถึงสอนหลักวิชาการ ธรรมและวินัยเป็นหลักวิชาการไว้
เวลาเราไปศึกษากันๆ เขาให้ศึกษา ศึกษามาเพื่อประพฤติปฏิบัติ เพราะการศึกษามานี่เรารู้ทฤษฎี แต่เรายังทำไม่ได้ ทำไม่ได้ถึงไม่เชื่อ พอไม่เชื่อขึ้นมา เห็นพระที่ปฏิบัติมันขวางหูขวางตา เพราะอะไร เพราะเราศึกษามาเรา ๙ ประโยค แล้วเรายังทำคุณงามความดีขึ้นมาได้สมณศักดิ์เป็นเจ้าขุนมูลนาย แล้วไอ้พระบ้านนอกคอกนา หลับหูหลับตามันจะรู้อะไรล่ะ เห็นแล้วมันหมั่นไส้ เพราะอะไร เพราะมันไม่รู้จริง ถ้ารู้จริงนะ ถ้ารู้จริงเห็นเขาทำอย่างนั้นชื่นชม
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์เราท่านชื่นชมมาก ชื่นชมให้พระเรา ให้พระเรา เห็นไหม หลวงตาท่านพูดประจำ แล้วมันสะเทือนใจมาก ถ้าพระไม่ทรงศีล ทรงธรรมใครจะทรง ถ้าพระไม่รู้ศีลรู้ธรรมใครจะรู้ พระเป็นนักรบ นักรบถ้าไม่ได้ขวนขวาย ไม่ได้สัจธรรมขึ้นมาจริง แล้วใครมันจะได้ ถ้าคนทำจริง ถ้าใครทำจริง แล้วจริงมันจริงที่ไหนล่ะ
ฉะนั้น เวลาถ้าจริงจังของท่าน นี่ครูบาอาจารย์ท่านจะห่วงตรงนี้มาก ถ้าพระไม่ทรงศีล ทรงธรรม ไม่ทรงศีล ทรงธรรม ไม่ทรงคุณธรรมแล้วใครจะทรง แล้วถ้าไม่มีคุณธรรมเอาอะไรไปทรง มันแหลกเหลว หัวใจมันปลิ้นปล้อนตลอด เราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ฉะนั้น ถ้าเห็นพระประพฤติปฏิบัติแล้วมันขวางหูขวางตา มันขวางหูขวางตาที่ไหน มันขวางหู ขวางตาเพราะอวิชชา เพราะในหัวใจนั้น เพราะอวิชชา นี่ไปศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเข้าใจผิดว่าตัวเองมีปัญญา ว่าตัวเองมีความรู้ พูดธรรมะออกมานี่รู้ทุกเรื่องเลย รู้ทุกเรื่อง เห็นไหม พลังงานมันส่งออก ส่งออกไปเสวยอารมณ์ ขันธ์คือความจำ นี่สัญญาคือความจำ ขันธ์คือความคิด ความปรุง ความแต่ง ไปรู้สิ่งนั้นแล้วเทียบเคียงกับสิ่งที่รู้มา แต่ตัวเองไม่รู้ ถ้าตัวเองรู้จะชื่นชม
เรานี่เห็นไหม พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูกหลานเรา เราเห็นลูกหลานเราเราเลี้ยงมา เราเลี้ยงลูกมา เวลามีหลานเรารู้เลยว่านี่ถ้าเด็กมันฉลาดอย่างไร เด็กควรจะเลี้ยงดูเด็กอย่างไร เพราะปู่ ย่า ตา ยายเลี้ยงลูกมา ลูกมีครอบครัวเราจะเลี้ยงหลาน ถ้ามีอายุยืนเราจะมีเหลน นี่ไงเรามีเหลนเราจะเข้าใจเรื่องเด็ก เราจะเข้าใจเพราะเราเลี้ยงมา เราเลี้ยงมา ๓ ชั่วอายุคน นี่ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติมา ท่านมีคุณธรรมในหัวใจมา ท่านเห็นพระที่ประพฤติปฏิบัติ ท่านเห็นพระที่ขวนขวายท่านจะชื่นชม ท่านจะชื่นชม ท่านจะปกป้อง ท่านจะดูแล
ทีนี้มันปกป้องดูแลนะ เด็ก นี่ถ้าเด็กนะ ผู้ใหญ่ที่เลี้ยงเด็กนะเราไม่ตามใจเด็กจนเด็กเคยตัว เวลาปกป้อง เห็นไหม เวลาหลวงตาท่านพูด เราเทศน์มาตั้ง ๓๐-๔๐ ปี ไม่เห็นมีใครเอาธรรมะมาบอกเราเลย แสดงว่าเราสอนไปแล้วสูญเปล่า พอใครขึ้นไปหงายท้องทุกที คือท่านพูดจริงๆ แต่ไม่ใช่พูดด้วยเอาใจ ไม่ได้พูดแบบโลก หลวงปู่มั่นท่านรักขนาดไหน แต่ใครๆ ก็อยากพบหลวงปู่มั่น เข้าไปหลวงปู่มั่น
หลวงตาท่านบอกว่าอยู่กับหลวงปู่มั่นอย่างกับพ่อกับลูก เพราะว่าหลวงปู่มั่นท่านต้องการคนเข้าใจท่าน คนรู้ใจท่าน คือมีคุณธรรมพอสมควรถึงต้องลงใจ อย่าไปดูถูกดูแคลนสัจธรรม ถ้าคนไม่เข้าใจมันมองเหยียดหยาม ถ้าคนไม่เข้าใจนะมันจะยกย่องบูชา ขนาดหลวงตาท่านเคารพบูชาขนาดนั้น เวลาท่านเข้าไปทำข้อวัตรเหมือนพ่อกับลูก รักกัน เพราะอะไร เพราะหลวงปู่มั่นท่านชราภาพแล้วท่านก็ต้องหวังคนที่คอยอุปัฏฐากท่านบ้าง ท่านจะขวนขวายด้วยตัวท่านเอง ชราภาพขนาดนั้นมันจะอยู่ได้อย่างไรล่ะ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็ขอให้คนยกน้ำทำทุกอย่างให้ก็ยังดี
ท่านบอกว่าอยู่ด้วยกันเหมือนพ่อกับลูก แต่พอหันเข้าธรรมะทีไรหงายท้องทุกที เห็นไหม นี่ไงถ้าครูบาอาจารย์ท่านเป็นจริงๆ ไง เป็นจริงเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นจริงเป็นแบบนี้เราต้องอยู่บนหลักของความเป็นจริง อยู่บนหลักความเป็นจริงให้เห็นหัวใจของเรา ให้หัวใจเรามีโอกาส ให้หัวใจเรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา แล้วศีล สมาธิ ปัญญาให้มันเกิดขึ้นตามความจริง ถ้าเกิดขึ้นตามความจริงแล้วจะทึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก แล้วจะทึ่งครูบาอาจารย์
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นที่ท่านประพฤติปฏิบัติมาจะทึ่งท่านมากเลย ทำไมท่านทำได้ ดูสิหลวงตาท่านบรรลุธรรมขึ้นมา เห็นไหม กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบแล้วกราบเล่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไร แล้ว ๙ ประโยค ๑๐ ประโยคมันเรียนมาจบแล้วมันรู้ได้อย่างไร
มันรู้ได้จำมา มันรู้ทางวิชาการมันจำมาได้ทั้งนั้นแหละ มันศึกษาได้ แต่ความจริงมันรู้อย่างไร ถ้ารู้ขึ้นมาแล้วนะมันจะไม่ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ขวางหูขวางตาไง ไม่ใช่เห็นพระปฏิบัติแล้วไม่ขวางหูขวางตา ไม่อย่างนั้นมันขวางหูขวางตาหมด เห็นพระบ้านนอกคอกนา พวกชายขอบ หลับหูหลับตามันจะรู้อะไร มันรู้ทันเท่าอวิชชา มันรู้ทันความรู้สึกนึกคิด มันรู้สึกสิ่งที่ยุแหย่ในใจ นี่ถ้ามันมีสัจธรรมอย่างนั้น
นี่พูดถึงว่าฟังธรรมๆ เกิดเป็นมนุษย์ถึงมีคุณค่ามาก มีคุณค่ามากว่านี่ถ้าศึกษาทางวิทยาศาสตร์มันก็แปลกประหลาดมหัศจรรย์อยู่แล้วล่ะ แต่ดูสิมันผล สิ่งที่จริงๆ มันเกิดขึ้น เกิดดับๆ สิ่งที่เกิดเป็นมนุษย์ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันมีเวรมีกรรม เวรกรรม กรรมดีส่งเสริมให้เกิดดี ส่งเสริมให้เกิดประสบความสำเร็จ ส่งเสริมให้เกิดมามีความสุข กรรมชั่ว กรรมชั่วมันเกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ แต่กรรมชั่ว กรรมดีนั่นคือกรรม กรรมคือการกระทำ ในปัจจุบันนี้เราจะฝืนมัน เราจะต่อสู้กับมัน ทั้งดีและชั่ว เราจะเข้าสู่สัจจะ เข้าสู่อริยสัจ เข้าสู่สัจจะความจริง
ทุกข์ควรกำหนด สมุทัยควรละ มันทุกข์ตรงไหนวะ มันทุกข์แค่ไหน อะไรมันทุกข์ จับขึ้นมาแล้วตั้ง แล้วพิจารณาของมันไปนะ พอมันวางได้นะทุกข์มันก็เป็นทุกข์อยู่ข้างนอก หัวใจมันปลอดโปร่งนะ พอหัวใจมันปลอดโปร่งเราจะทุกข์หรือเราจะมีความสุขขนาดไหน พอหัวใจปลอดโปร่งมันเป็นอิสระ มันจะทำให้เราเข้าใจชีวิต มันจะไม่มีสิ่งใดทำลายหัวใจไง
ดูสิเวลาทางการแพทย์ เวลาทำสมาธิได้ เขาบอกมันหลั่งสารให้มีความสุข ไอ้นั่นร่างกายยังทำได้เลย แต่ถ้าหัวใจมันเป็นจริงขึ้นมา มันเป็นจริงมาก เป็นจริงนี่เกิดเป็นมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีศักยภาพมาก แต่ แต่เราจะคิดอย่างไร เราจะทำอย่างไร มีอำนาจวาสนาแค่ไหน ถ้ามีอำนาจวาสนาแค่ไหนเอาความจริงตรงนี้ นี่มันเป็นฟังธรรมเพื่อหัวใจของเรา แล้วสัจจะมีอันเดียว
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาใครปฏิบัติได้จริงแล้วจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์ว่าใช่หรือไม่ใช่ ใช่หรือไม่ใช่ จะแนวทางไหนก็แล้วแต่ใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่คือใช่ ถ้าไม่ใช่คือไม่ใช่ แล้วเราปรารถนาอะไร เราปรารถนาความจริงใช่ไหม ถ้าทางโลกเราก็หาอยู่หากิน พยายามหาธรรมโอสถหล่อเลี้ยงหัวใจเราบ้าง อย่าให้มันบีบคั้นจนเกินไป ให้มันพอผ่อนคลาย ให้พอชีวิตเราดำรงได้ แล้วถ้ามีสติปัญญานะเขาทำงานกัน เขามีที่ทำงาน เราทำงานกันในหัวใจ เราทำงานนะ เราทำงานเวลาปัญญามันหมุนนะ เวลามรรคมันเกิดจะมหัศจรรย์ สัจจะความจริง สัจจะความจริงเกิดจากจิตดวงนี้ เอวัง