เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๙ พ.ย. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ สัจธรรม ให้ธรรมเป็นทาน คำว่า “ให้ธรรมเป็นทาน” เราให้วัตถุเป็นทาน สิ่งที่เป็นภัตตาหาร เรามาถวายทาน ถวายทานเพื่อบุญกุศลของเราไง เพื่อบุญกุศลของเรานะ สัจธรรมๆ เราฟังสัจธรรม

กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันนะ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีอำนาจวาสนามาก คำว่า “มีอำนาจวาสนา” เวลากระเสือกกระสน ดูปลาสิ ปลาเวลาน้ำแห้ง มันพยายามเอาตัวมันรอด มันกระเสือกกระสนไปเพื่อหาแหล่งน้ำของมันไง ชีวิตเราก็เหมือนกัน ชีวิตของเรา เราเกิดมานะ เกิดมามีอำนาจวาสนา เหมือนปลา ปลาถ้ามันยังเป็นอยู่นะ ไปปล่อยที่แหล่งน้ำนะ มันยังว่ายออกคลองออกทะเลไปนะ ชีวิตมันยังเริ่มต้นขึ้นมาได้ไง

นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ชีวิตของเราต้องปากกัดตีนถีบ เราต้องปากกัดตีนถีบของเราไปนะ ถ้าเราปากกัดตีนถีบของเราไป นี่เรื่องของโลก ถ้าเรื่องของโลก กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน

ถ้ามันเกิดต่างๆ กันขึ้นมาแล้ว เกิดด้วยอำนาจวาสนา คนเกิดมามั่งมีศรีสุขนั้นอำนาจวาสนาของเขา เราสาธุไปกับเขานะ ถ้าเราเกิดมา เราเกิดมาปากกัดตีนถีบ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องคนเราไม่ได้ดีเพราะการเกิด คนเราไม่ได้ดีเพราะการเกิด คนเราดีด้วยการกระทำไง ถ้าด้วยการกระทำ เรามีสติมีปัญญาของเรา เราจะมากมีน้อยของเรา เหมือนเราหยอดน้ำมัน หยอดน้ำมันให้ชีวิตเราคล่องตัวไปได้ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิสูจน์ เห็นไหม บิณฑบาตมาฉัน ฉันเหมือนหยอดล้อเกวียน หยอดล้อเกวียนไม่ให้เกวียมมันเสียงดังเกินไปนักไง หยอดล้อให้มันหมุนไปได้ หมุนไปได้

ชีวิตเราก็เหมือนกัน ถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมานะ เราไม่น้อยเนื้อต่ำใจในการกำเนิดของเรา ถ้าไม่น้อยเนื้อต่ำใจในการกำเนิดของเรา เราตั้งสติของเราไว้ มันจะทุกข์มันจะยาก หน้าที่การงานของเรา ความมั่นคงของชีวิตๆ ถ้าความมั่นคงของชีวิต ชีวิตของคนลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนกัน ถ้าลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนกัน เรามีสติปัญญาของเรา

ถ้าเรามีสติปัญญาของเรา เรามีสติปัญญาของเรา สิ่งใดที่เกิดขึ้น สิ่งใดที่เกิดขึ้นเรามีปัญญาๆ สิ่งที่มันจะใหญ่โตขนาดไหนมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราพอจะแก้ไขไปได้ แต่ถ้าสติปัญญาของเราอ่อนแอ สติปัญญาของเรา เพราะอะไร เพราะบุญกุศลเราสร้างมา อำนาจวาสนาบารมี คำว่า “บารมีๆ” คนบอกว่าบารมี พอมีบารมีขึ้นมา เห็นคนที่เขาเกิดมามั่งมีศรีสุขแล้วเขายังเบียดเบียนคนอื่น บารมีอย่างนั้นมีประโยชน์อะไร

บารมีอย่างเราสิ เราเกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา บารมีแบบเรา ถ้ามีบารมีแบบเรามันมีสติ บารมีแบบเรามันมีปัญญา มีสติปัญญามันแก้ไขชีวิตของเราได้ทั้งนั้นน่ะ ชีวิตของเรามันจะลุ่มๆ ดอนๆ ขนาดไหน มันจะทุกข์ยากขนาดไหน ชีวิตก็คือชีวิต เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดคือชีวิตไง เสียใจได้ ทุกข์ได้ แต่เราไม่มองข้ามชีวิตของเราไง เสียใจได้ เราทุกข์ เราเสียใจ น้อยใจได้ แต่เราไม่มองข้ามสิ่งมีชีวิตอันนี้ ถ้าไม่มองข้ามสิ่งมีชีวิตอันนี้

ถ้าเรามีสติมีปัญญา มาวัดมาวามาวัดใจของเรา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี เราแสวงหาทางโลกแล้ว แสวงหาทางโลกแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ แสวงหาทางโลกแล้วมันก็ทุกข์ๆ ยากๆ อยู่อย่างนี้ ทุกข์ๆ ยากๆ อย่างนี้ ของที่ดีเลิศขนาดไหนถ้ามันเคยชินแล้ว ถ้ามันคุ้นชินแล้ว มันจะไม่มีความสุขหรอก มันไม่ตื่นเต้น ไม่ตื่นเต้น

เหมือนคนทุกข์คนจน คนทุกข์คนจนเขามีเงินร้อยเงินพันขึ้นมา เขาก็มีความสุขของเขา คนทุกข์คนจนเขาไม่เคยใช้สิ่งใด เขาได้ใช้สิ่งนั้น เขาก็มีความสุขของเขา ความสุขของเขา ถ้าเขามีมากขึ้นๆ ตัณหาความทะยานอยากมันล้นฝั่งๆ ไง

เรามีสติปัญญาของเรา ถ้ามีสติปัญญา เราแก้ไขชีวิตของเราไปได้ทั้งนั้นน่ะ ถ้าแก้ไขชีวิตไปได้ สุดท้ายแล้วเวลาผู้ที่เป็นข้าราชการเกษียณๆ แล้วเขาจะบวชพระๆ ถ้าข้าราชการเกษียณแล้ว ถ้าเขาไม่สนใจทางศาสนา เขาก็อยากจะมีไร่มีสวน อยากจะไปอยู่กับธรรมชาติ อยากจะหาอากาศบริสุทธิ์หายใจของเขา นี่บั้นปลายของชีวิตๆ ทุกคนก็ต้องหาที่พึ่งอาศัยทั้งนั้นน่ะ ถ้าเขาจะหาที่พึ่งอาศัยของเขา นั่นมันเรื่องของเขา

แต่คนที่มีสติปัญญาเกษียณแล้วเขาจะมาบวชมาเรียน คนแก่คนเฒ่าเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ไม้ใกล้ฝั่งถ้ามันล้มแล้วมันก็ต้องล้มลงแม่น้ำนั้นน่ะ ชีวิตเรา ชีวิตเรามีการพลัดพรากเป็นที่สุด ชีวิตเราต้องสิ้นชีวิตไปเป็นธรรมดา ถ้าเป็นธรรมดา

มาวัดมาวากัน สังคมไทยๆ สังคมของชาวพุทธเรา แก่เฒ่าแล้วไปวัดไปวา ไปวัดไปวาเพื่อสิ่งใด ไปวัดไปวาเพื่อเตรียมเสบียงของตนไง เตรียมเสบียงกรังของตน ทั้งชีวิตเกิดมาแล้วเกิดมาเรามีชาติมีตระกูลของเรา เราก็ดูแลชาติตระกูลของเรา เราส่งเสริมชาติตระกูลของเรา ถึงที่สุดบั้นปลายของชีวิตก็ไปวัดๆ ไปจำศีล ไปประพฤติปฏิบัติธรรมของเขา

แต่ของเรา ตั้งแต่สมัยหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านค้นคว้าของท่านมา ไม่ต้องแก่ไม่ต้องเฒ่าค่อยไปวัดหรอก หลวงปู่ฝั้นท่านบอกไว้ จะไปไหนก็แล้วแต่ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เราไม่หายใจทิ้งเปล่าๆ ไง

โดยปกติขึ้นมาเราหายใจทิ้งเปล่าๆ หายใจเพื่อดำรงชีวิตนี้ แล้วก็กระเสือกกระสนมีแต่ความทุกข์ความยากไง ไม่มีสิ่งใดชโลมหัวใจของเราเลย ถ้าเรามีสติปัญญา มาวัดมาวา เรากระเสือกกระสนกันมา เราฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำชีวิตของเราไง

เรายังชื่นใจ หายใจลึกๆ แล้วยังชื่นใจกับชีวิตของเรา เรายังมีชีวิตอยู่ เรายังมีโอกาสแก้ไขในตัวเราอยู่ เห็นไหม หายใจลึกๆ แล้วมันปลดเปลื้องไอ้ความฟุ้งซ่าน ไอ้ความวิตกกังวลในหัวใจ แล้วชีวิตเราจะดำเนินต่อไป เห็นไหม เราไม่หายใจทิ้งเปล่าๆ ไง

แล้วถ้าไม่หายใจทิ้งเปล่าๆ นะ ถ้ามีสติปัญญา เราทำหน้าที่สิ่งใดก็แล้วแต่ ถ้างานมันหยาบๆ เราก็หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้างานมันละเอียดรอบคอบ เราทำอย่างนั้นไม่ได้ เราต้องจดจ่ออยู่กับงานนั้น ถ้าจดจ่ออยู่กับงานนั้น เราดูงานนั้นจนกว่างานนั้นจะผ่านพ้นไป ถ้างานนั้นมีอุปสรรค งานนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เราก็แก้ไขของเราไป

คนเรา คนเขาจะมีคุณภาพของคน เขาอยู่ที่ผลของงาน ถ้าทำงานๆ มีสติมีปัญญารักษางานนั้นได้ มีสติปัญญาเป็นผู้นำๆ มีเหตุการณ์วิกฤติเกิดขึ้น ผู้นำต้องเป็นผู้ที่แก้ไข ผู้นำต้องเป็นผู้นำฝูงชนนั้นผ่านพ้นอันนั้นไป มันวัดคนไง วัดคน ฉะนั้น เรามีสติปัญญาของเรา เราก็แก้ไขงานของเรา เราทำหน้าที่การงานของเรา นี่งานในอาชีพนะ หามาเลี้ยงปาก

แต่พอเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา ใครมันจะเลี้ยงหัวใจเราได้ล่ะ พ่อแม่ก็ได้แค่ปลอบประโลมกัน พ่อแม่ก็ให้โอกาสลูกใช่ไหม ไอ้ลูกก็ดูแลพ่อแม่ พระอรหันต์ของเรา ชีวิตนี้ได้มาไง เห็นไหม ผลของวัฏฏะๆ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันต้องเป็นไปของมันอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมาเป็นพระโพธิสัตว์ก็ผลของวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถึงที่สุดแล้วเวลาท่านจะหักออกวิวัฏฏะไปๆ หักออกจากวิวัฏฏะไป เอาอะไรไปหักล่ะ

ถ้าเอาไปหัก เอามรรคผลไง ศีล สมาธิ ปัญญา สติปัญญาของเราไง บังคับหัวใจของเราไง ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบระงับแล้ว ใจสงบระงับเป็นตัวตนของเรา สิ่งที่มันเป็นความคิดๆ คิดเท่าไรก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิด

คิดเท่าไรก็ไม่รู้ ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปริยัติ เป็นทางวิชาการ ปากเปียกปากแฉะ รู้ไปหมด นี่ไง คิดเท่าไรก็ไม่รู้ คิดเท่าไรก็ไม่รู้ แต่ไม่คิดเลยมันก็ไม่มีแนวทาง ก็ต้องมีการศึกษา การศึกษานี้ไม่ผิด แต่การศึกษานี้เขาศึกษามาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ศึกษามาเพื่อเป็นแบบอย่างของชีวิต ศึกษามาเพื่อเป็นเข็มทิศชีวิต เขาไม่ได้ศึกษามาเป็นความรู้ของเรา เป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติ ใครๆ ก็มีสิทธิ์ไง แล้วเราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดตามธรรมชาตินี้

แต่ถ้าเป็นธรรมๆ เรารู้ เราเหนือธรรมชาติ เพราะเราไม่หมุนไปกับมัน เราไม่ไปในวงจรอันนั้น เราวิวัฏฏะๆ เราจะออกจากมันๆ ออกจากมัน เห็นไหม คิดเท่าไรก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิด หยุดคิดก็ฝืนโลกแล้ว หยุดคิดมันจะมีปัญญาได้อย่างไรล่ะ ปัญญามันก็ต้องคิดนี่ไง

เรามีปัญญาอยู่นี่ เราศึกษามานี่เป็นปัญญาของเราไง ปัญญาอย่างนี้เป็นภาคปริยัติ การศึกษา การศึกษาคือการทรงจำ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาเผยแผ่ธรรมๆ ภาคปริยัติ โปฐิละๆ ความรู้มาก ศึกษามานี่สอนได้มาก เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยากรณ์พระอานนท์ พระอานนท์คร่ำครวญนักเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน “อานนท์ อีก ๓ เดือนข้างหน้าเขาจะมีการสังคายนา เธอจะได้เป็นพระอรหันต์วันนั้น”

เวลาสังคายนา สังคายนาจากอะไรล่ะ สังคายนาจากธรรม ธรรมก็จากสุตตันตปิฎก ก็ออกมาจากพระอานนท์ แต่ถ้าเป็นวินัยปิฎกก็ออกมาจากพระอุบาลี พระอุบาลีเป็นพระอรหันต์มาตั้งแต่ต้น เป็นพระอรหันต์มาตลอด มีอธิกรณ์เกิดขึ้นในสงฆ์ ให้พระอุบาลีเป็นผู้วินิจฉัย เพราะพระอุบาลีเป็นพระอรหันต์

พระอานนท์นี้ฟังมาก ทรงจำไว้มาก ทรงจำไว้มาก เป็นพระโสดาบันมาตลอด เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน “อานนท์ เธออย่าคร่ำครวญไปเลย อย่าเสียใจไปเลย อีก ๓ เดือนข้างหน้าเขาจะมีการสังคายนา เธอจะได้เป็นพระอรหันต์ในวันนั้น เธอจะได้เป็นพระอรหันต์ในวันนั้น”

พอได้เป็นพระอรหันต์มา ธรรมวินัยนี้มันมาจากไหน เวลาทำสังคายนาก็มาจากพระอรหันต์ทั้งคู่ มาจากพระอุบาลี มาจากพระอานนท์ เป็นพระอรหันต์ๆ เป็นพระอรหันต์แล้วเราก็ไปทรงจำๆ กันมา ทรงจำนี่เถรวาทๆ เถรวาทก็พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ พระเถระ ๕๐๐ องค์เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้น ได้ทำการสังคายนากันมา เราก็จดจำๆ มาด้วยความภูมิใจๆ นี่ภาคปริยัติ ทรงจำๆ

ทรงจำมาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ทรงจำมาเพื่อให้เป็นความจริงของเราไง เราเป็นอะไร

ถึงว่ามีคุณค่าๆ ชีวิตนี้มีคุณค่ามากนะ ชีวิตนี้มีคุณค่ามากคือมันมีความรู้สึก มันแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีได้ ความที่แบ่งแยกผิดชอบชั่วดีได้ มันพยายามขวนขวาย ผิดชอบชั่วดีของอะไร ผิดชอบชั่วดีของกิเลสมันก็เป็นเรื่องหนึ่งนะ ผิดชอบชั่วดีของธรรม สัจธรรมนั้นน่ะไม่มีใครไปโน้มน้าวได้ ไม่มีใครไปติดสินบนได้ ไม่มีใครจะให้ใครแต่งตั้งให้ได้ มันต้องมีการกระทำ มีการกระทำในใจของตน ถ้าในใจของตน ถ้ามันมีชีวิตอยู่ มันรู้จักผิดชอบชั่วดี ถ้าผิดชอบชั่วดี

สิ่งที่ทรงจำๆ มา ทรงจำมาที่มันพอใจ มันก็ว่าดี ถ้ามันไม่พอใจ มันก็ต่อต้าน มันไม่ยอมรับทั้งหมด คือมันไม่ลงในธรรมไง แต่ถ้ามันจะลงในธรรมนะ เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าจิตมันสงบเข้ามามันมหัศจรรย์นะ มันมหัศจรรย์เลยนะ โอ้โฮ! สิ่งที่เราพยายามขวนขวาย ถ้าอยู่ทางโลกเราก็หาทรัพย์สมบัติของเรากันมา เรามาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ว่าเรารู้ๆ รู้ไปทุกๆ อย่างเลย

รู้อันนั้น รู้มันเป็นความทรงจำ มันเป็นความจำทั้งนั้นน่ะ เวลาเราพุทธโธ เราใช้ปัญญาอบรมสมาธิ เราใช้อานาปานสติ จิตสงบเข้ามาๆ อันนี้มันคืออะไร ทำไมมันมหัศจรรย์ขนาดนี้ ทำไมมหัศจรรย์ขนาดนี้ ใครได้ไปเห็นตัวตนของตน ใครได้เห็นจิตของตน จิตของตนมันหดสั้นเข้ามา หดสั้นเข้ามา สิ่งที่มันคิดเท่าไรก็ไม่รู้ คิดแสวงหามัน คิดตะครุบเงามัน มันเป็นอาการ มันเกิดจากจิตทั้งนั้นน่ะ มันตะครุบหามันไม่เจอ

พอมันปล่อยวางเข้ามา ปล่อยวางสิ่งที่เราว่าเป็นของเราๆ มันปล่อยเข้ามาหมดเลย ปล่อยเข้ามาจนเป็นตัวของมันเอง มันไม่จำอะไรมาเลย ไม่ได้จำความรู้จากใครมา ไม่ได้จำจากพระพุทธเจ้ามา ไม่ได้จำใครๆ ทั้งสิ้นเลย แต่มันรู้ด้วยตัวมันเอง พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เห็นไหม มันจะเกิดความมหัศจรรย์

แม้แต่สมาธิยังทำกันไม่เป็น สมาธิยังทำกันไม่ได้ ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากสัมมาสมาธิ ถ้ามันไม่มีสัมมาสมาธิ สัญญาทั้งนั้น ทรงจำกันมา ทรงจำกันมาแล้วก็จินตนาการกัน โอ้โฮ! แยกแยะกัน สร้างภาพกันไปไง มันก็มหัศจรรย์สิ มหัศจรรย์เพราะอะไร มหัศจรรย์เพราะว่าหลวงปู่มั่นท่านพูดไว้ “จิตนี้เป็นได้หลากหลายนัก”

จิตนี้ ดูสิ จินตนาการจนเป็น ดูสิ คนป่วย คิดจนเป็น อุปาทานคิดจนมันป่วย ดูความเป็นไปของจิตสิ แล้วมันจินตนาการธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จินตนาการไปตลอด เพราะอะไร เพราะจิตมันไม่สงบระงับเป็นสัมมาสมาธิตั้งมั่นมีกำลังเพียงพอที่จะฝึกหัดใช้ปัญญา ถ้าปัญญามันเกิดขึ้น เกิดขึ้นจากภาวนามยปัญญา ปัญญา แม้แต่เป็นสัมมาสมาธิมันก็มหัศจรรย์ในตัวมันเองอยู่แล้ว มหัศจรรย์ตรงไหน มหัศจรรย์ที่ว่า ถ้าเราไม่มีปัญญาขนาดนี้ เราจะทุกข์ยากมาก

อยู่ทางโลกเราพยายามแสวงหา เราก็น้อยเนื้อต่ำใจว่าชีวิตเรามีแต่ความทุกข์ความยาก เวลามาประพฤติปฏิบัตินะ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ก็บอกว่า ทำไมปฏิบัติแล้วมันเหนื่อยมันยากขนาดนี้ ปฏิบัติแล้วทำไมมันทุกข์มันยากขนาดนี้ ทำไมต้องมีศีล ต้องมาขัดเกลาตนเองขนาดนี้ ทุกข์ยากทั้งนั้นเลย

เวลามันหดสั้นเข้ามา พอมันเป็นสัมมาสมาธิขึ้นมา ไอ้ที่ว่าทุกข์ๆ มันหายไปไหน ไอ้ที่วิตกกังวล อยากรู้อยากเห็นอยากเป็น มันไปไหน ถ้าอยากรู้อยากเห็นอยากเป็น ยังไม่ได้ ไม่มี แต่ถ้ามันไม่อยากรู้อยากเห็นสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น แล้วมีสติมีปัญญาสามารถกำหนดจิตให้มันสงบระงับเข้ามาโดยข้อเท็จจริงของจิตนั้น พอจิตหดเข้ามาเป็นตัวของมันเอง มันจำมาจากไหน มันมีไหมในพระไตรปิฎก

ในตำรับตำรา มันก็บอกว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาสมาธิก็ ส.เสือ สระอา สมาธิๆ นั่นเป็นชื่อ ทรงจำแต่ชื่อนั้นมา ทรงจำสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านแสวงหามา แต่เวลามันเป็นจริงๆ มันเป็นจริงในตัวของเราเองไง ถ้าเป็นจริงของเรา มันเกิดความมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์อันนั้นมีสติสมบูรณ์ ถ้าไม่มีสติสมบูรณ์ มันจะเข้ามาสู่สัมมาสมาธิไม่ได้ เพราะสติมันขาดพร่อง

สติ ดูสิ สติ ทำสิ่งใด ถ้าขาดสติ สิ่งนั้นเป็นสักแต่ว่าทำ ไม่มีผลตามความเป็นจริง ถ้ามีสติ ถ้าสติมันพร้อมกับกิเลส สติมันพร้อมกับความจินตนาการ มันก็ชี้นำไปในทางที่ผิดๆ เวลาสติมันรอบคอบของมัน มันบริกรรมของมันจนมันปล่อยตัวมันเองของมันขึ้นมา โดยสัจจะโดยความเป็นจริงของมันขึ้นมา มันเป็นความจริงในตัวของมันเองไง ถ้ามันเป็นสัมมาสมาธิแล้ว พอสัมมาสมาธิแล้วมีความสุข คนที่ไม่มีอำนาจวาสนาติดในสมาธิว่านี่คือนิพพาน สมาธินี้มันปล่อยวางหมด คิดเท่าไรก็ไม่รู้ เพราะมันหยุดคิดๆ ก็คิดในธรรมะไง หยุดคิดก็แค่ตัวตนของตน แค่สมถกรรมฐาน แค่ที่ตั้งแห่งการงาน แค่ที่ตั้งแห่งการงาน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนให้เรากระทำ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมานี้มันเกิดมาจากไหน เกิดมาจากจิตของสัตว์โลก แล้วจิตของสัตว์โลกมันอยู่ที่ไหน จิตของสัตว์โลกมันอยู่ที่ชีวิตของเรา แล้วชีวิตของเรามันมีสิ่งนี้อยู่ในร่างกายของเรา สิ่งที่มีคุณค่าที่สุด เรามองข้ามมันไปไง

เวลามันทุกข์มันยาก มันทุกข์ยากเพราะจิตมันหลงตัวมันเอง จิตมันหลงแล้วมันไปไขว่คว้าเอาแต่สัญญาอารมณ์ เอาแต่ความรู้สึกนึกคิดอันนั้น ความฟุ้งซ่าน ความน้อยเนื้อต่ำใจ มันคว้าอันนั้น คว้าอันนั้นมันก็มีความทุกข์ๆ ตลอดมาไง เวลามันปล่อยวางๆ ปล่อยวางเข้ามาด้วยคำบริกรรมไง ด้วยการพุทโธ ด้วยอานาปานสติ ด้วยคำบริกรรม บริกรรมในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ บริกรรมๆ ในสัจธรรมๆ เพราะอะไร เพราะมันเป็นธรรมๆ พอมันเป็นธรรมจริงๆ ธรรมของใจของตัวเอง มันเป็นตัวของตัวมันเองโดยความมหัศจรรย์โดยตัวของมันเอง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนที่นี่ไง

สิ่งที่ศึกษามา ศึกษามาเพื่อประพฤติปฏิบัติ สิ่งที่ทรงจำๆ ธรรมวินัยมา ทรงจำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมะของธรรมสาธารณะ ธรรมะเป็นธรรมชาติ แต่ธรรมะเป็นธรรมชาติแล้วเป็นความจริง ธรรมะเป็นธรรมชาติ แต่ใจมีแต่กิเลส ธรรมะเป็นธรรมชาติ แต่เรามีความทุกข์ความร้อน แต่ถ้ามันเป็นความจริง นี่ธรรมะของเรา ธรรมะของจิตดวงนี้ จิตดวงนี้ๆ จิตที่มันกระทำ จิตที่มีคุณค่านี่

สิ่งที่มีคุณค่า ครูบาอาจารย์ท่านเห็นคุณค่า หลวงตาท่านไปไหนท่านบอกไปเอาใจของคน ไปเอาใจของคน ใจของคนๆ ใจที่เป็นนามธรรม แต่เขามองไม่เห็นกัน เขาก็พูดแต่ปาก เอาใจของคน แต่มันจะไพล่ไปเอาทรัพย์เขาน่ะ เอาใจคนๆ เอาใจคนเพื่อได้ใจแล้วก็จะล้วงกระเป๋าเขา ได้ใจเขาแล้วเขาก็ทุ่มเทให้ อันนั้นเอาใจเขาหรือ

เอาใจเขาก็ต้องให้เขาภาวนาให้เป็นสิ เอาใจเขาก็ให้เขาลุกยืนขึ้นมาได้สิ ให้เบ็ดเขาไป ไม่ใช่ให้ปลาเขา ให้เบ็ดเขาไป ให้เขาตกปลาเป็น ให้ฝึกหัดเขา ฝึกหัดเขาให้ฉลาดขึ้นมา ฉลาดในความคิดของตน ฉลาดในความหลงของตน ฉลาดในการลุ่มหลงๆ

พระพุทธเจ้าไม่ให้ลุ่มหลงใครทั้งสิ้น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แต่ในปัจจุบันนี้เรายังไม่สามารถสร้างตนให้เข้มแข็งได้ เราก็อาศัยครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งอาศัย อาศัยครูบาอาจารย์นะ ฟังเทศน์ ฟังธรรม ครูบาอาจารย์คอยชี้ให้ คอยบอกให้ เราเอาตรงนั้นน่ะ เราเอาธรรมๆ เราไม่ต้องการสิ่งใดเลย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก “เธอจงมีธรรมะเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย” แต่ธรรมยังไม่เกิดขึ้นกับเรา ธรรมยังไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่เราขวนขวายอยู่ เราเป็นผู้ที่มีอำนาจวาสนา เราขวนขวายอยู่ จะทุกข์จะยาก ให้เห็นคุณค่า ให้เห็นคุณค่าของชีวิตของเรา

ไอ้พวกอุปสรรคในชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา ครูบาอาจารย์เราปฏิบัติมานะ แม้แต่ทางโลกเขาขับไล่เขาไสส่ง เขาไม่เห็นดีเห็นงามด้วยทั้งสิ้น ท่านก็ฝืนทนปฏิบัติของท่านมา แล้วเวลาปฏิบัติแล้วเข้าไปเจอกิเลสของตน มันยังหลอกมันยังล่อไปอีกสองชั้นสามชั้น ท่านก็ยังเอาตัวของท่านรอดพ้นมาได้ เพราะมันรอดพ้น ท่านถึงเห็นโทษไงว่า ไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัวเท่ากับกิเลสของสัตว์โลก ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับกิเลสของเรา ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยกับความลุ่มหลงในใจเรา ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เว้นไว้แต่กิเลสของมนุษย์ เอวัง