เทศน์เช้า วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เราขวนขวายมา ขวนขวายมาเพื่อชีวิตนะ ชีวิตของเรา ถ้าสดชื่นแจ่มใส ชีวิตนี้มีคุณค่ามาก เวลามันทุกข์มันยากขึ้นมา จนตรอก เศร้าหมอง คอตก มีแต่ความทุกข์ความยากไง ทีนี้ความทุกข์ความยากอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอนไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน
คนเราเกิดมา เกิดมาด้วยเวรด้วยกรรมนะ เวรกรรมคืออะไร เวรกรรมที่เราทำมา สิ่งใดที่เราทำมา สิ่งนั้นให้บุญกุศลขึ้นมา เกิดมาประสบความสำเร็จทางโลก ประสบความสำเร็จทางโลก ประสบความสำเร็จทางโลก พวกเราก็ชื่นชมกันไง คนประสบความสำเร็จเขาจะมีความสุขๆ ไง เขาอยู่บนตึก ๕ ชั้น ๑๐ ชั้น เขามานอนทุกข์อยู่บนนั้นน่ะ เราถีบสามล้อ ตกเย็นขึ้นมานอนร้องเพลงมีความสุขของเรา เวลาความสุขๆ ความสุขมันวัดกันที่ใจนี้ไง แต่ของเรา เรามองแต่ทางโลกไง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอนเรื่องปัจจัย ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐมากนะ ประเสริฐที่ไหน ประเสริฐที่รักษาชีวิตของคนไง เกิดมาจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไง เกิดมาเพื่อประชาชนไง เพื่อประชาชน เกิดมาเพื่อคนอื่นไง แต่ก่อนจะเป็นคนอื่นก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย สร้างบุญญาธิการมาขนาดนั้น สร้างบุญญาธิการมาขนาดนั้น เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้เองโดยชอบก็ตรัสรู้เองในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เวลาตรัสรู้เองโดยชอบในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันนั้นคือวิมุตติสุขๆ สุขเหนือโลก สุขอื่นใดที่ในโลกนี้ไม่มี สิ่งที่ในโลกนี้ไม่มีเพราะมีความสุขเต็มหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านถึงไม่มีสิ่งใดที่มีความปรารถนาอีกต่อไปทั้งสิ้น ท่านถึงปรารถนาจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไง ถึงปรารถนามารื้อหัวใจของสัตว์โลกนี่ไง
สัตว์โลกที่มันทุกข์มันยากอยู่นี่ สัตว์โลกที่มันทุกข์มันยากอยู่นี่มันทุกข์มันยากเพราะอะไรล่ะ มันทุกข์มันยากเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันไม่ใช่ทุกข์ยากเพราะบุญกุศลนะ
บุญกุศล เราทำด้วยบุญกุศล เราแช่มชื่นแจ่มใส ความแจ่มใส ความพอใจอันนั้นเป็นบุญเป็นกุศลของเรา แต่ความทุกข์ความยาก กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันกัดกร่อนหัวใจของเราน่ะ มันทำให้เราทุกข์เรายาก เวลามันทุกข์มันยาก มันทุกข์ยากเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ครอบครัวของมารๆ มันอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก
เราเกิดเป็นมนุษย์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชื่นชมตรงนี้ไง คนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิดไง ดีเพราะการกระทำไง เวลาการเกิดๆ การเกิดมันเกิดเพราะกรรมดีพาให้เกิดดี กรรมชั่วพาให้เกิดชั่ว พระโพธิสัตว์เกิดแล้วเกิดเล่า เกิดแล้วเกิดเล่าแต่ละภพแต่ละชาติของพระโพธิสัตว์ บางชาติเกิดมาเป็นจักรพรรดินะ บางชาติเกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติๆ ดูสิ บางชาติเกิดมา การเกิด เกิดเพราะบุญกุศลมันพาเกิด การเกิดอันนั้นมันไม่ใช่ดีเพราะการเกิด มันดีเพราะการกระทำ จะเกิดมาภพใดชาติใดก็แล้วแต่ พระโพธิสัตว์ทำแต่คุณงามความดีทั้งนั้น ทำคุณงามความดีเพื่ออะไร
นี่ไง บารมีๆ ไง คนที่มีบารมี เราก็คิดถึงคนที่มีอำนาจวาสนา คนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้นมีบารมี บารมีของเขา ถ้าบารมีของเขา เขามีบารมี เขาต้องเจือจานสังคมสิ ถ้าเขาเจือจานสังคมนั่นเขาถึงเกิดบารมีไง
คนเรามั่งมีศรีสุข แต่ไม่มีพรรคไม่มีพวกเลย เขาจะเกิดมามีบารมีได้อย่างไร บารมีของเขา บารมีเพราะการยอมรับจากสังคม บารมีไม่ได้เกิดขึ้นเอง นี่ไง ถ้ามันมีบารมีๆ แล้ว บารมีแล้วทำประโยชน์อะไรบ้าง บารมีอันนั้นจะทำประโยชน์อะไร
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน สอนอย่างนี้ไง สอนบอกว่าให้รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ให้รู้จักกตัญญูกตเวที เครื่องหมายของคนดีๆ คนดีๆ คนดีคือหัวใจที่ดี หัวใจที่ดี บุญกุศล บุญกุศลมันพาไปสิ่งที่ดีๆ
เราขวนขวายกันมานะ ดูสิ อาหาร เราเกิดในประเทศอันสมควรนะ ดูผลไม้ ดูสิ่งที่อุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินนี้สิ แผ่นดินนี้มีความอุดมสมบูรณ์ แผ่นดินนี้มีแต่ปัจจัยเครื่องอาศัยให้เราพร้อมที่จะแสวงหานะ ถ้าคนไม่ขี้เกียจ คนไม่มักง่าย มันทำได้ทั้งนั้นน่ะ
เราเกิดในประเทศอันสมควรนะ เกิดในภูมิประเทศที่ดี เกิดมาเจอผู้นำที่ดี เกิดมาเจอสังคม สังคมเป็นชาวพุทธ ชาวพุทธเราสอนเรื่องเสียสละทาน ถ้าเสียสละทานโดยข้อเท็จจริง เราทำทานๆ คนที่เขามีปัจจัย เขามีปัญญาของเขา เขาแอบทำน่ะ เขาทำไม่ให้ใครเห็น เขาทำไม่ให้ใครรู้ เพราะเขารู้ไม่ได้ ถ้ารู้แล้วเดี๋ยวหน้าบ้านไม่แห้งเลย คนขนมากันเต็มเลย คนที่เขาฉลาดๆ เขาก็ปิดทองหลังพระ เขาทำไม่ให้ใครรู้ เขาทำของเขาอย่างนั้น แต่ของเรา เราขวนขวายๆ มา ขวนขวายมาเพื่อของเราไง ถ้าของเรา เราทำเพื่อประโยชน์ของเรา เราทำเพื่อหัวใจของเรา ไม่ได้ทำเพื่อใคร
เห็นไหม ปฏิคาหก สิ่งที่เราได้มา ได้มาด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ เจตนาของเรา เจตนาของเราเพื่อใคร เพื่อหัวใจดวงนี้ เพื่อหัวใจดวงนี้ เพื่อหัวใจที่มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนี้ ถ้าเพื่อหัวใจดวงนี้ หัวใจดวงนี้สละไป การเสียสละ นี่บุญกุศลๆ
เวลาร่างกายต้องการอะไร ร่างกายนี้ต้องการอาหาร จิตใจมันต้องการอะไร จิตใจนี้มันต้องการอะไร จิตใจนี้ให้กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำอยู่ใช่ไหม ตัณหามันล้นฝั่งนะ มันไม่เคยเต็มนะ มันพร่องอยู่เป็นนิจไง มันหิวมันกระหาย มันต้องการไปทั้งนั้นน่ะ มันไม่เคยเต็มไง แต่ถ้าบุญกุศลล่ะ
นี่ไง ร่างกายนี้ต้องการอาหาร จิตใจต้องการอะไร ต้องการธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเรามีศีล ถ้าเราเริ่มต้น ดูสิ เวลาหยาบเวลาละเอียด คนที่มีบารมีๆ เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านปฏิบัติ ท่านปฏิบัติของท่าน ท่านสิ้นกิเลสของท่านไป ของเราปฏิบัติกันกระเสือกกระสนกัน มันอยู่ที่ไหนล่ะ มันอยู่ที่คนเราเกิดมา เราเกิดมา คนเกิดมาเขาให้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย ศึกษาเพื่ออะไร ศึกษามาเพื่อจะได้รู้ที่มาของตน แล้วปัจจุบันนี้อนาคตไง
นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดมาเรามีอดีตนะ เราทำสิ่งใดมาๆ ทำสิ่งใดมามันก็เป็นจริตนิสัย จริตนิสัยของคนคือความชอบ จิตใต้สำนึกมันชอบๆๆ ถ้าชอบ ถ้าถูกกับความชอบใจอันนั้นมันบอกดี ถ้าเกิดไม่ถูกใจอันนั้นมันบอกไม่ดี นี่ไง จริตนิสัยๆ เราก็ต้องมาขวนขวายกันตรงนี้ ขวนขวายตรงนี้ สิ่งที่มันทำมาๆ มันเป็นอดีต เห็นไหม กรรมเก่า
เวลาพูดถึงปฏิจจสมุปบาท เขาบอกว่ามันเป็นชาติปัจจุบันๆ...ใช่ มันเป็นชาติปัจจุบัน เราเกิดเป็นมนุษย์มีคุณค่าที่นี่ ครูบาอาจารย์ของเราท่านสอน สอนให้ทำที่ปัจจุบันนี้ ถ้าปัจจุบันนี้ อย่าไปดีใจเสียใจกับสิ่งที่มันเป็นอดีตมา สิ่งที่เป็นอดีตมามันส่งเรามาๆ เรามีการเกิดแล้ว เราเกิดเป็นมนุษย์แล้ว สิ่งที่ส่งมาๆ ส่งมามันก็เป็นจริตนิสัย คำว่า จริตนิสัย คือความเห็นของตน คือความคิดของตน
ความคิดของตน ความคิดของตนเชื่อถือได้ไหม ถ้าความคิดของตนมันเชื่อถือได้มันต้องทำให้เรามีความสุขสิ ความคิดของตน เราก็ตามมันมากี่ภพกี่ชาติแล้ว เราขวนขวายมากับมัน ขวนขวายมากับมันกี่ภพกี่ชาติแล้ว
ถ้าความคิดของเรา เราเชื่อไม่ได้ เราก็ต้องมีศีล วัดกันที่ศีล ทุกคนบอกว่าทำความถูกต้องทั้งนั้น ถ้าถูกต้อง ถูกต้องของใคร
ศีล อธิศีล ดูศีลสิ ศีลของครูบาอาจารย์กรรมฐานของเรา กรรมฐานของเรา วิรัติเอาๆ วิรัติเอาคือเราตั้งใจ เราตั้งใจจะถือศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เราต้องวิรัติเอา ถ้าวิรัติขึ้นมา เราทำอย่างไรก็ได้ เว้นไว้แต่จะเป็นพระ เพราะเป็นพระมีผลทางกฎหมาย ถ้าเป็นพระมีผลทางกฎหมายต้องมีอุปัชฌาย์อาจารย์ อุปัชฌาย์ยกเข้าหมู่ๆ ศีล ๒๒๗ แต่เราเป็นฆราวาสเราถือศีล ๒๒๗ ก็ได้ จะถือเท่าไรก็ได้ถ้าเป็นอธิศีล อธิศีล ถือศีลข้อเดียว
พระในสมัยพุทธกาลบวชมาแล้วไปลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสึก อู้ฮู! ทำอะไรก็ไม่ได้เลย ผิดไปหมดเลย
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามว่า ถ้ามีศีลข้อเดียวอยู่ได้ไหม
ได้ๆ ได้ๆ
มีศีลข้อเดียวคือรักษาใจของตน ถ้าเราไม่มีเจตนา เราไม่ทำอะไรผิดทั้งสิ้น คนเราทำแต่คุณงามความดี เราทำคุณงามความดีมันจะผิดอะไรไป นี่บอกจริตนิสัยๆ จริตนิสัยถ้ามันชอบ มันทำของมัน ถ้ามันทำคุณงามความดี มันขาดเจตนาไง แล้วถ้ามันผิดแล้วมันละอายใจไง
กรรมฐานเราๆ ครูบาอาจารย์เราอยู่ในป่าในเขา เวลาอยู่ในป่าในเขามันไม่ใช่ป่าสมัยนี้ ป่าสมัยตั้งเกือบร้อยปีที่แล้ว มันไม่มีถนนหนทางเลย มันมีแต่สัตว์ป่า ช้างเป็นฝูงๆ เสือเต็มในป่า เราอยู่ป่าๆ ถ้าศีลของเราไม่ปกติ ศีลของเรามันหวั่นไหว จิตใจเราคลอนแคลนไปหมดล่ะ
สีเลน สุคตึ ยนฺติ สีเลน โภคสมฺปทา ศีลทำให้มีความสุข ศีลทำให้มีโภคทรัพย์ ศีลทำให้เราไม่อีลุ่ยฉุยแฉก ศีลทำให้เราเป็นคนขึ้นมา ถ้าเรามีศีลขึ้นมา นี่ไง ถ้ามันเป็นศีลโดยข้อเท็จจริง ศีลโดยข้อเท็จจริง ถ้ามันระดับของศีล ระดับของทาน ทาน ศีล ภาวนา
ถ้าระดับของภาวนานะ เราจะภาวนาของเรา ภาวนาเพื่ออะไร ภาวนาเพื่อให้ฉลาดไง ทุกคนอยากจะฉลาด ทุกคนอยากจะไบรต์ ทุกคนอยากจะมีปัญญามาก ปัญญาเกิดจากที่ไหน ปัญญาเกิดจากค้นคว้าเอาๆ มันเป็นอำนาจวาสนาบารมีของคนนะ ถ้าอำนาจวาสนาบารมีของคน เหมือนไอคิว ถ้าไอคิวนะ คนที่สร้างมาดี ไอคิวมันดีนะ มันศึกษา มันไบรต์ มันไปของมันได้ แต่คนที่ไอคิวดีๆ จบที่หนึ่งของประเทศ จบที่หนึ่งของประเทศไม่ได้เป็นเศรษฐีประเทศ เศรษฐีประเทศนะ รู้แต่เขาขวนขวายขึ้นมา จบที่หนึ่งๆ เป็นลูกจ้างทั้งนั้นน่ะ นี่ไง พูดถึงไอคิวๆ ใช่ไหม ไอคิว จริตนิสัยๆ มันก็ไอคิวนี่
ฉะนั้น ถ้าเป็นไอคิว ความคิดของเราๆ ที่มันเป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์ไหม มันจะมีความทุกข์ความยากทั้งนั้นน่ะ ฉะนั้น คิดเท่าไรก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิด คำว่า หยุดคิด ทีนี้ยุ่งแล้ว เรียนมากรู้มาก กว่าจะทำสมาธิได้เกือบเป็นเกือบตาย ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าบ้านหลังใหญ่ ใครที่มีบ้านหลังใหญ่มีการศึกษามาก มีความรู้มาก มันจะทำบ้านให้มันสะอาด อู้ฮู! เหนื่อยมากเลย ไอ้ของเรามีแต่กระต๊อบ ปัดๆๆ สะอาดแล้ว
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อของเรา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เราจะปัดกวาดหัวใจของเรา ปัดกวาดบ้านของเรา ถ้าปัดกวาดบ้านของเรา ผู้ใดมีสมาธิ ผู้นั้นจะมีบ้านมีเรือน ที่อยู่อาศัย คูหาของจิตๆ จิตที่มันทุกข์มันยากอยู่นี่ ทำบุญกุศลร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับกับทำความสงบของใจได้หนหนึ่ง ทำความสงบของใจได้ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาหนหนึ่ง
ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา ไม่ใช่เกิดจากการคาดหมาย เกิดจากจินตนาการ เกิดจากสัญญาที่เราเรียนรู้มา ยิ่งเรียนรู้มานั่นล่ะตัวนั้นตัวร้ายที่สุดเลย ตัวร้ายที่สุดเพราะอะไร เพราะหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนมานะ ท่านบอกว่าไอ้สัญญาๆ ไอ้ความจำมันเป็นเรื่องร้ายมาก ร้ายมากเพราะอะไร เพราะมันรู้สิ่งใด มันรู้โจทย์ก่อน กิเลสมันไปก่อน
ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ท่านจะเทศน์นะ ไอ้เรื่องที่เป็นความสำคัญท่านจะไม่บอก ฉะนั้น ในพระไตรปิฎกส่วนใหญ่แล้วจะบอกถึงกิริยา บอกถึงวิธีการทำ ในพระไตรปิฎกไม่ใช่บอกถึงมรรคถึงผล จะบอกถึงมรรค บอกถึงวิธีการ บอกให้เราขวนขวาย เราต้องขวนขวายนะ เราเกิดมาเป็นชาวพุทธไง เรายังภูมิใจการเกิดของเราเป็นชาวพุทธนะ
หลวงตาท่านบอกว่า ถ้าคนไม่มีอำนาจวาสนาไม่ได้นับถือพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สอนนะ สอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เวลาเราทุกข์ เราแสนทุกข์แสนยาก เวลามันสุขนะ เวลาจิตมันลง จิตเป็นสมาธิ เวลามันเกิดเป็นปัญญามันหมุนขึ้นมา ธรรมจักร เราจะไปกราบไหว้ธรรมจักร กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระธรรมก็ธรรมจักร พระธรรมก็ตู้พระไตรปิฎก พระสงฆ์ พระสงฆ์ก็สมมุติสงฆ์ เราไปกราบกันอย่างนั้นไง
แต่ผู้ที่ภาวนาขึ้นมาเวลามันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญามันเกิดขึ้นมาในจิต มันหมุนของมัน จักรมันหมุนของมัน มันเกิดความมหัศจรรย์ของมัน มันแปลกประหลาดมหัศจรรย์ของมัน นี่ไง สมบัติของนักปฏิบัติ สมบัติของพระไง มีศีลมีธรรมเป็นสมบัติไง มีคุณธรรมในใจเป็นสมบัติไง คุณธรรมในใจเป็นสมบัติมันได้มาอย่างไร สมบัติที่ได้มานี่ได้มาอย่างไร เราทำธุรกิจการค้า เราทำหน้าที่การงานของเรา เราได้ผลตอบแทนของเรามาไง
นี่ก็เหมือนกัน เราเป็นชาวพุทธๆ ถ้าเราเชื่อ เรามีศรัทธาความเชื่อ เราขวนขวายของเรา เรามาทำบุญกุศลนี้เราก็ได้บุญกุศล บุญกุศลมันคืออะไร บุญกุศลคือความสุขใจไง บุญน่ะ บุญน่ะ บุญคือความเบาใจ บุญคือไม่มีความกดถ่วงหัวใจ หัวใจมันเบา มันเบาแล้วสิ่งที่มันเป็นความฟุ้งซ่าน สิ่งที่มันเป็นความกดดันใจหายหมดเลย แต่เวลามันแบกรับ มันทุกข์มันยาก มันไปแบกอารมณ์ของตนน่ะ มันไปแบกทิฏฐิมานะของตน ทุกข์มาก ตัวแบนแต๊ดแต๋เลย ให้กิเลสมันบีบเอา
แต่ถ้าเรามีบุญกุศล บุญกุศลถ้ามันอิ่มเต็มของมัน มันฟื้นฟูขึ้นมาๆ มันเบาของมัน นี่บุญ ถ้ามีบุญ เราแสวงหาของเราอย่างนี้ ทีนี้พอแสวงหาบุญเราก็กลัว กลัวว่าเกิดชาติหน้าจะเป็นอย่างไร อันนั้นสุคโตปัจจุบันนี้ ถ้าปัจจุบันนี้ดี พรุ่งนี้ก็ดี ชาติหน้าก็ดี ถ้ามันดีตรงนี้ มันดีตรงไหน ดีตรงจิตที่มันไปนี่ไง ดีตรงจิตที่มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง กรรมดีๆ มันพาไปไง กรรมดีๆ ไง
ที่บอกว่าเราเกิดไปชาติหน้าเราจะเป็นอย่างนั้นๆ...ไม่ต้องวิตกกังวล กังวลว่าทำปัจจุบันนี้ให้ดี ทำปัจจุบันนี้ให้ดี ถ้าปัจจุบันนี้ดี แล้วเกิดฝึกหัดขึ้นมา เกิดมีคำบริกรรม เกิดการฝึกหัดใช้ปัญญาขึ้นมา ปัญญาที่เกิดมา เกิดมาจากจิต ไม่ใช่ปัญญาเกิดจากสมองนะ ปัญญาเกิดจากจิต เวลาเป็นปัจจุบัน ภาวนามยปัญญาขึ้นมา
ถ้าปัญญาเกิดจากสมอง จากจิตคือพลังงาน พลังงานมันคิดของมัน มันเสวยแล้ว เสวยอารมณ์ เสวยความต้องการของตน แล้วก็ไปเกิดปัญญา ปัญญาสมองก็ปัญญาโลกียปัญญานี่ไง โลกียปัญญามันมีช่องว่าง มันมีช่องว่างให้สมุทัย มีช่องว่างให้กิเลสมันเข้ามาสอด มันมีช่องว่างให้มันพลิกแพลง มันมีช่องว่างอย่างนี้มันถึงไม่เป็นมัชฌิมาปฏิปทา ไม่สมดุล ไม่พอดี ไม่มีสัจจะความจริง
ถ้าเรามีสติมีปัญญามากขึ้นมา ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากจิต ไม่มีช่องว่าง ไม่มีช่องว่าง กิเลสสอดเข้ามาไม่ได้ ถ้ากิเลสสอดเข้ามาไม่ได้ สมุทัยสอดเข้ามาไม่ได้ สมุทัยคืออะไร กิเลสมันคืออะไร
กิเลสคือตัณหาความทะยานอยาก ตัณหาคืออยากได้ อยากดี อยากเด่น วิภวตัณหา ไม่อยากเป็น ขับไสมันๆ อัพยากฤต อยู่เฉยๆ มันก็เป็นกิเลส กิเลสเพราะอะไร เพราะตัวมันเป็นกิเลส เพราะมันเป็นอวิชชา มันสอดเข้ามาๆ นี่เกิดจากปัญญาโลกียปัญญาพวกเรา มันจะมีตัวนี้สอดเข้ามา
แต่ถ้าเป็นการภาวนาๆ ธรรมจักรเวลามันเคลื่อนมันหมุนไป มันจะเห็นความมหัศจรรย์ไง มันถึงจะรู้จักสุตมยปัญญา อ๋อ! ขอบเขตมันเท่านี้ จินตมยปัญญา อ๋อ! ขอบเขตมันเท่านี้ เกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาน่ะ มันบดมันบี้ มันบดมันบี้ครอบครัวของมารน่ะ ลูกหลานมาร พ่อมาร ปู่มารมันบดขยี้
ยถาภูตํ กิเลสตาย เกิดญาณทัสสนะเห็นว่ามันตายทั้งครอบครัว ถ้าไม่มีกิเลสตาย ไม่มีกิเลสหลุดออกไปจากหัวใจ กำจัดกิเลสอย่างไร
นี่เรามาทำบุญกุศลกัน ทำบุญกุศลเพื่อเหตุนี้ไง พระพุทธศาสนา เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ใช่ไหม เรามีสิทธิใช่ไหม อริยสัจคือพินัยกรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากไว้กับบริษัท ๔ อุบาสก อุบาสิกาก็ได้รับพินัยกรรมกันไว้ แล้วค้น ค้นหาทรัพย์ในจิต ค้นหาทรัพย์ในร่างกายนี้
พินัยกรรมพระพุทธเจ้าวางไว้แล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา วางธรรมและวินัยนี้ไว้ แล้วเราเป็นชาวพุทธ เราได้รับมรดกตกทอดนี้มา ได้รับมรดกตกทอดขึ้นมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา เราได้รับพินัยกรรมมา
คนเราทุกคนมีสิทธิ์เป็นชาวพุทธ แล้วพินัยกรรมของเรามีคุณค่าไหม พินัยกรรมของเรามีผลตอบแทนไหม ถ้ามีผลตอบแทน เราต้องค้นคว้า ต้องขวนขวาย ต้องมีการกระทำขึ้นมา อยากให้เป็นทรัพย์ของมัน ถ้ามีทรัพย์ขึ้นมา หลวงตาท่านบอกว่า ภิกษุเราถ้าไม่ทรงธรรมทรงวินัย ใครจะทรง คำว่า ทรง คือมีขึ้นมา มีขึ้นมาในหัวใจไง ถ้ามันมีขึ้นมาในหัวใจ นี่เป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก พระพุทธศาสนาสอนอย่างนี้
เวลาทุกข์แสนทุกข์แสนยาก มันบีบบี้สีไฟในหัวใจ บีบบี้จนแบนแต๊ดแต๋นี่ทุกข์มาก เวลาเกิดคุณธรรมขึ้นมา เกิดสมาธิขึ้นมา เกิดความสุขขึ้นมา เกิดปัญญาขึ้นมา เกิดวิมุตติสุขขึ้นมา เห็นไหม เราเองก็เป็นคนเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เราก็เป็นคนรับรู้ นี่ไง สุขก็สุขที่ใจ ทุกข์ก็ทุกข์ที่ใจ ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาก็เป็นจริงในหัวใจของเรา เราทำเพื่อเหตุนี้
เรามีโอกาสของเราแล้ว เราขวนขวายของเรา ทำทานก็ระดับของทาน ระดับของทาน ทานก็สร้างอำนาจวาสนาบารมี พยายามมีเข็มทิศเครื่องดำเนินชีวิตให้มันเข้าไปสู่สัจธรรม ทำดีเพื่อความดี ไม่ใช่ทำดีเพื่อใคร ทำดีเพื่อหัวใจดวงนี้ ถ้าหัวใจดวงนี้ทำไว้แล้ว กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน การกระทำมันบังคับทิศทางในหัวใจเราเลย ทำดีของเราไป มันจะบังคับทิศทางของเราไป ทำดีเพื่อเรา เพื่อจิตดวงนี้ แล้วเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันเกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปัญญาขึ้นมา แล้วถ้ามันสมดุล มัชฌิมาปฏิปทาคือความพอดีสมดุล
ความพอดีสมดุลของคนมันไม่เท่ากัน ไม่เท่ากันเพราะคนหยาบ กลาง หนา ละเอียดแตกต่างกัน ถ้าสมดุลมัชฌิมาปฏิปทามันสมดุล มันสมุจเฉทปหาน นั่นแหละมรรคสามัคคีทำลายกิเลสในใจดวงนั้น มันจะรู้ขึ้นท่ามกลางหัวใจดวงนั้น แล้วหัวใจดวงนั้นมันก็อยู่กับเรา หายใจเข้า หายใจออกอยู่นี่ มีความรู้สึกอยู่นี่ ความรู้สึกนี้ถึงมีค่า พระพุทธศาสนาสอนที่นี่นะ ส่วนที่วัฒนธรรมประเพณีนั้นเพราะคนมีศรัทธาความเชื่อ เขามีศรัทธาของเขา เขาจะก่อร่างสร้างขึ้นมานั้นมันเป็นความเห็นของเขา
แต่ของเรา เราก็เห็นด้วย เราก็ทำด้วยเพราะเราเป็นมนุษย์ไง ร่างกายมันก็ต้องพึ่งพาอาศัยใช่ไหม แต่หัวใจต้องการธรรม หัวใจต้องการธรรม เราถึงแสวงหามาเพื่อเป็นสัจธรรมในหัวใจของเรา เอวัง