เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๘ พ.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เราตั้งใจฟังธรรมๆเวลาฤดูกาลที่มันแห้งแล้งมันก็มีความเดือดร้อนไปทั้งนั้น ถ้าฝนมันตก มันชุ่มชื่นไง เวลาสมัยครูบาอาจารย์นะเวลาท่านสวดมนต์ขอฝนไง ขอฝนจงตกมาเถิดผู้ทรงศีลได้ทำที่มุงบังไว้เรียบร้อยดีแล้วขอจงฝนตกมาเถิด นี่ถ้าแปลออกมาเป็นภาษาไทย แต่ภาษาบาลี เวลาท่านสวดมนต์ขอฝนๆ ไง ขอฝนจงตกมาเถิด เพราะผู้ทรงศีล ผู้มีคุณธรรมท่านได้มุงบังไว้ดีแล้วฝนตกมาแล้วมันไม่กระทบกระเทือนใคร นี่ไง ผู้ที่มุงบังดีแล้ว

นี่ก็เหมือนกัน เวลาฝนมันตกต้องตามฤดูกาล ใครที่เตรียมพร้อมเอาไว้ ใครทำพืชการเกษตรต่างๆที่พร้อมไว้ เวลาฝนตกลงมา เขามีแต่ความชุ่มชื่นไง ไอ้คนที่มันไม่เตรียมการสิ่งใดเลยไง ไม่เตรียมการสิ่งใดเลยเวลาฝนตกขึ้นมากระวีกระวาดเลยโอ๋ย! ฝนตกๆรีบหว่านรีบไถมันไม่ทันกินหรอก 

นี่ก็เหมือนกัน จิตใจของเรา เราฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อให้หัวใจเราเตรียมพร้อมไว้ถ้าหัวใจเราเตรียมพร้อมไว้นะ หัวใจคนที่มีคุณธรรมในหัวใจนะ เหมือนเสาหลัก ๘ ศอกปักไปในดิน ๔ศอก เหลือ ๔ศอก พ้นขึ้นมาจากดินนั้น เวลาเกิดพายุลมแรงเกิดสิ่งใดอย่างไร ไม่หวั่นไม่ไหวแม้แต่สิ่งต่างๆ 

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจของเรา ถ้าเราศึกษา เราประพฤติปฏิบัติของเรา เรามีหลักมีเกณฑ์ของเรา มันจะเกิดวิกฤติ เกิดสิ่งใดใช่ มันสะเทือนทั้งนั้นน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดานะ เวลามีปัญหาขึ้นมาสงฆ์แตกแยกสงฆ์มีปัญหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมีความรู้สึกไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องมาเคลียปัญหานี้ไหม เวลาญาติข้างพ่อข้างแม่ยกกองทัพทำสงครามเพื่อแย่งน้ำกัน แล้วตัวเองเป็นบุตร เป็นลูก ญาติข้างพ่อญาติข้างแม่ทำสงครามกัน มันจะสะเทือนหัวใจไหม มันมีความรู้สึกทั้งนั้นน่ะ

ใครจะรับรู้ไม่ได้ พระอรหันต์ก็รับรู้ได้พระอรหันต์ก็มีสติมีปัญญาทั้งนั้นน่ะ มันมีผลกระทบทั้งนั้นน่ะแต่หัวใจที่ทำไว้ดีแล้ว หัวใจทำไว้ดีแล้วไม่หวั่นไหว ความรับรู้ก็คือความรับรู้ในปัจจุบันนี้ไงความรับรู้ในโลกนี้ไง มันเป็นสายบุญสายกรรมไง เพราะเกิดมา เวลาสร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์ๆ เวลานางมหามายาปรารถนาจะเป็นพุทธมารดาๆ นี่ปรารถนานะ คนที่จะเกิดร่วมสหชาติมันต้องปรารถนามาทั้งนั้นน่ะ ได้สร้างบุญกุศลมา

คนมีบุญจะเกิดในครรภ์ของใคร เวลาเกิดในครรภ์ของนางมหามายานางมหามายาต้องสิ้นชีพเพราะว่าจะไม่มีบุตรคนที่ ๒ เกิดในครรภ์นี้ได้อีก นี่คนมีบุญๆ ไง นี่ไง หัวใจที่ทำไว้ดีแล้วๆ

นี่ไง เรามาวัดมาวากันเรามาศึกษาของเรา เรามาทำบุญกุศล สร้างบุญกุศลขึ้นมา การสร้างบุญกุศลการเสียสละ มันได้บุญตรงไหนอุตส่าห์หามาอาบเหงื่อต่างน้ำมาแทบเป็นแทบตาย เสร็จแล้วก็มาถวายพระพระไม่เห็นทำหน้าที่อะไรเลยพระเอาแต่สะดวกสบายพระเอาแต่ฉันแล้วก็นอน นอนแล้วก็ฉัน นี่เวลากิเลสมันคิด มันคิดอย่างนั้นไง

เวลาทำของเรา เราอาบเหงื่อต่างน้ำ เราหาสิ่งนั้นมาลงทุนลงแรงมานะ ด้วยสติด้วยปัญญา ถ้าไม่ด้วยสติด้วยปัญญาของเราทำสิ่งใดแล้วมันจะประสบความสำเร็จหรือ คนขาดตกบกพร่องทำสิ่งใดแล้วก็มีแต่ความหิวโหยมีแต่ความกระหาย ทำอะไรมันขาดตกบกพร่องไม่สมความปรารถนาทั้งนั้นเลย 

คนเวลากระทำเขาต้องมีสติมีปัญญา สติปัญญานั้นมาจากไหน นี่ไงกรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆกัน การกำเนิดมา คนที่มีเชาวน์ปัญญา คนเกิดมามีอำนาจวาสนา คนเกิดมาทุกข์ๆ ยากๆคนเกิดมาๆ ก็กรรมทั้งนั้นน่ะกรรมมันให้เกิด

ใครๆ ก็อยากจะเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง เกิดมาแล้วมีแต่คนโอ๋ดูแล มันไม่ไปเกิดตรงนั้นน่ะทำไมไปเกิดทุกข์ๆ ยากๆทุกข์จนเข็ญใจล่ะ เกิดทุกข์ๆยากๆ เห็นไหมคนถามบ่อยเวลาครูบาอาจารย์ของเราลูกศิษย์หลวงปู่มั่น สายหลวงปู่มั่นเป็นพระอรหันต์ทั้งนั้นเลย แล้วสุดท้ายแล้วเป็นลูกชาวนาทั้งนั้นส่วนใหญ่เป็นลูกชาวนา ลูกชาวนาชาวไร่อยู่บ้านนอกคอกนา 

นี่อำนาจวาสนาของเขาไงอำนาจวาสนาพ่อแม่ที่เป็นธรรมๆ พ่อแม่ที่เข้าวัดเข้าวา เวลาลูก ตั้งแต่เป็นสามเณรน้อยเอาไปฝากวัดฝากวาไว้เพื่อให้มีการศึกษา ฝังไว้ในหัวใจของเขา ให้เขาเป็นคนดี นี่ไง มันมีอำนาจวาสนา

เวลากรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆกัน เวลาการเกิดเกิดด้วยเวรด้วยกรรม ถ้าเกิดด้วยเวรด้วยกรรม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการคนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิดเวลาเกิด การเกิด สิทธิของจิตจิตนี้ไม่เคยตายเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันต้องเกิดอยู่แล้วแต่เกิดในสถานะไหนล่ะ เราจะทำแต่ความชั่วมาตลอดใช่ไหมเราไม่เคยทำคุณงามความดีอะไรมาเลยหรือ 

เวลาทำขึ้นมา เราเคยเกิดสูงเคยเกิดต่ำมาขนาดไหนเราเกิดมาแล้วแต่เวลาเกิดในปัจจุบันนี้ เกิดแล้วมีสติปัญญามากน้อยแค่ไหนถ้าเกิดแล้วมีสติปัญญา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเกิดมาในวัฒนธรรมของชาวพุทธ ชาวพุทธ ปู่ย่าตายายของเราพาเข้าวัดเข้าวา พาให้เสียสละ ชาวพุทธต้องการบุญกุศลไง ด้วยความเชื่อความเชื่อว่า ถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะก็ขอให้มีบุญกุศลขอให้ไม่ทุกข์ไม่ยากจนเกินไป นี่ความเชื่อทางวัฒนธรรมไง

แต่ถ้าเรามีสติปัญญามากกว่านั้น การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันเนิ่นช้า เอาปัจจุบันนี้เลยเอาสดๆ ร้อนๆ นี้เลย เวลาเข้าทางจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเลย เวลามันเจ็บแข้งเจ็บขา เวทนามันเกิดเลย กาย เวทนาจิต ธรรมที่มันเกิดในปัจจุบันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมตรัสรู้ในอริยสัจแล้วอริยสัจมันก็มีอยู่กับเราอริยสัจมันก็มีอยู่ในหัวใจนี้

ถ้าในหัวใจนี้ถ้ามีสติปัญญา เอาปัจจุบันนี้เลย ไม่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไม่ต้องไปสร้างบุญกุศลมากๆ แล้วจะได้ตรัสรู้ง่ายๆ จะได้มีคุณธรรมง่ายๆเอาเดี๋ยวนี้เลยเดี๋ยวนี้เลย ถ้ามีสติปัญญา ถ้ามีสติปัญญาอย่างนี้มันต้องคนที่เข้มแข็ง จิตใจของคนที่อาจหาญ สัตว์อาชาไนย สัตว์อาชาไนยมันเลือกอาหารของมันนะ สัตว์ทั่วไปมันแทะเล็มตามธรรมชาติของมัน สัตว์อาชาไนยกินแต่หญ้าอ่อน กินยอดหญ้า น้ำก็กินต้นน้ำ สัตว์อาชาไนย 

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจที่มันจะเข้มแข็งหัวใจที่มันเข้มแข็งมันมีปฏิภาณ มันมีความอยากกระทำ มันมีความมุ่งมั่นของมัน ถ้ามีความมุ่งมั่นของมัน ในการกระทำ คำว่า“งาน” ทำมาหากินมันก็เป็นความทุกข์ความยาก ทำมาหากินด้วยหยาดเหงื่อของเราทั้งนั้นน่ะแล้วไปถวายพระมันจะได้บุญตรงไหน

ได้บุญตรงให้ชีวิตไงชีวิตต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยชีวิตต้องมีปัจจัย๔ ถ้าชีวิตขาดปัจจัย ๔ ชีวิตอยู่ไม่ได้ แล้วใครจะโง่ขนาดที่ว่าทำลายชีวิตด้วยการให้มันขาดปัจจัย ๔ ปัจจัยเครื่องอาศัยแล้วปัจจัย ๔ เราแสวงหาของเรามา เราสละให้ผู้ทรงศีล 

ผู้ทรงศีลพระใช้ชีวิตต่างจากคฤหัสถ์ญาติโยมฆราวาสเขาใช้ชีวิตอย่างไร พระเราใช้ชีวิตอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าใช้ชีวิตอย่างนั้นได้มันก็เท่ากับเป็นคฤหัสถ์น่ะสิ พระใช้ชีวิตต่างจากคฤหัสถ์ คฤหัสถ์เขามีการซื้อการขาย มีหน้าที่การงาน ทำสวนทำไร่พระห้ามหมดเลย แล้วพระเอาอะไรกินล่ะ

เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง กินด้วยศรัทธาเจตนาของเขาด้วยเจตนาด้วยศรัทธาของชาวพุทธ เจตนาของเขา เขาต้องการเสียสละทานของเขา เขาปรารถนาบุญกุศลของเขา พระพระผู้ทรงศีล ผู้มีศีลมีธรรม ผู้มีคุณธรรมเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งปลีแข้งบิณฑบาตเลี้ยงชีพ การเลี้ยงชีพนะ เลี้ยงชีพไว้ทำไม

ปัจจัย ๔โลกต้องทำหน้าที่หาปัจจัย๔ มาเพื่อดำรงชีพ พระเราบิณฑบาตมาเพื่อปัจจัย ๔ มาดำรงชีพ ดำรงชีพไว้เพื่ออะไร โลกดำรงชีพไว้ด้วยความทุกข์ความยากไง พระเราบวชมาแล้วถ้ามันยังมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันก็บีบคั้นไง อยากจะได้สิ่งใด ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นไม่ได้สมความปรารถนา ได้สิ่งใดมา เลี้ยงชีพสิ่งใดที่ตกมาในบาตร พระสารีบุตรไปบิณฑบาตกับพวกโรคเรื้อนเวลาเขาใส่บาตร นิ้วมันเน่ามันขาดมันตกใส่บาตรเลย แล้วเขาก็ตามไปดูพระสารีบุตรจะฉันได้ไหม น้ำเหลืองมันไหลลงในบาตร อยู่ในบาตร พระสารีบุตรฉันด้วยความอิ่มเอิบ เขามีความสุข 

นี่ไง เลือกไม่ได้ไง สิ่งใดที่เลือกไม่ได้ ถ้าเลือกไม่ได้ เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งสิ่งใดมันตกถึงบาตร แล้วเลี้ยงชีพไว้ทำไม เลี้ยงชีพไว้ประพฤติปฏิบัติไงพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระปัญจวัคคีย์ต่างๆท่านเป็นพระอรหันต์แล้วท่านถึงมาขอบวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเอหิภิกขุเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด เพราะเธอสิ้นกิเลสแล้วไงคนที่สิ้นกิเลสแล้ว บวชมาแล้วมันไม่มีหน้าที่การงานที่ต้องกระทำต่อไปไงมีแต่มาเป็นกำลังขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเผยแผ่ธรรมไง

ไอ้อย่างพวกเราบวชขึ้นมา กิเลสเต็มหัวใจ เวลาผู้ที่จะไปบวชมีกิเลสอยู่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอหิภิกขุเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด แล้วประพฤติปฏิบัติให้พ้นจากทุกข์ถ้าผู้ที่สิ้นกิเลสแล้ว เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด จบแล้ว นี่ไง การกระทำมันกระทำอย่างนี้ไง แล้วหน้าที่การงานเลี้ยงชีพไว้ทำไมก็เลี้ยงชีพไว้ประพฤติปฏิบัตินี่ไง ถ้าเลี้ยงชีพไว้ประพฤติปฏิบัติ

หน้าที่การงานของฆราวาสเขา เขามีหน้าที่การงาน ทางของเขา ทางของเขาเป็นทางคับแคบคับแคบเพราะเขาต้องทำหน้าที่การงาน เขาหาอยู่หากินของเขาเวลาเขามีเวลาของเขา หัวค่ำหรือตื่นเช้าขึ้นมาเขาก็ได้มีโอกาสได้สวดมนต์ ได้นั่งสมาธิ งานเขาก็ได้แค่นั้นน่ะ วันทั้งวันก็อาบเหงื่อต่างน้ำเพื่อหาความมั่นคงของชีวิต พระของเราบิณฑบาตเลี้ยงชีพมาแล้วภัตกิจเสร็จแล้วเข้าสู่โคนไม้ เข้าสู่เรือนว่าง เข้าสู่ต่างๆ ทำหน้าที่การงานของตนไง หน้าที่การงานของตน รื้อสัตว์ขนสัตว์ไงหน้าที่ของตนค้นคว้าหาหัวใจของตนไง 

เวลาชาวไร่ชาวนาเขาไถไร่ไถนาของเขาเพื่อปลูกพืชเกษตรของเขาเวลาพระเราใช้สติ ใช้ปัญญาเป็นไถ เป็นผาลถ้าหาหัวใจของตนเจอ ทำความสงบของใจเข้ามา ใจสงบเข้ามาแล้วเป็นชัยภูมิ เป็นสนามรบ เป็นที่ทำการงานไงพอที่ทำการงานด้วยสติด้วยปัญญา ทั้งขุด ทั้งไถ ทั้งมีการกระทำ นี่งานที่ยิ่งใหญ่

พระฉันแล้วก็นอน

พระทำงานที่ยิ่งใหญ่ทำงานสะสางทำงานชำระล้างกิเลสพญามารครอบครัวของมารในหัวใจไงถ้าพระทำไม่ได้พระทำไม่ได้ พระทรงศีลทรงธรรมไม่ได้ ใครจะทรงพระพุทธศาสนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆคุณธรรมอันนั้นสัจธรรมอันนั้นมันมีสัจธรรมอันนั้น ผู้ที่จะเข้าไปรู้เข้าไปเห็น ผู้ที่จะมีการกระทำใคร ใครมีอำนาจวาสนาไง

งานที่การกระทำอยู่ดูสิ เวลาทางโลกเรามีลูกเด็กเล็กแดง เวลาเราฝึกงานมันฝึกงานมันเราก็คุ้มครองดูแลมันมา ฝึกหัดมันมาช่วยเหลือเจือจานกันได้ไงเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าเป็นทิฏฐิมานะมันก็ว่าว่างๆว่างๆ โอ๋ย! นิพพานเป็นเช่นนี้เอง โอ้โฮ! มันรู้ไปหมดเลย

นั่นน่ะไม่รู้อะไรเลย เพราะอะไร เพราะความหลงผิดของเขา ครูบาอาจารย์ท่านก็ต้องชี้ทาง ต้องพยายามชักนำดูสิ เวลาหลวงปู่มั่นท่านพยายามชักนำลูกศิษย์ลูกหาของท่านที่มีความเห็นผิด ที่มีความเห็นแตกต่าง พยายามชักเข้ามาสู่อริยสัจเวลาชักเข้ามาสู่อริยสัจแล้ว เป็นหน้าที่ของเธอเป็นหน้าที่ของเธอ ท่านก็ส่งเสริม ท่านก็ให้กำลังใจให้ประพฤติปฏิบัติถ้ามันเป็นจริงๆมันต้องเป็นจริงขึ้นมาจากการกระทำไง

ถ้าการกระทำ ถ้าหาชัยภูมิของตนไม่เจอ ทำงานของตนไม่ได้ มันไม่ต้องทำงานของคนอื่นไง จิตมันส่งออกๆ รู้ไปหมด เก่งมาก รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่รู้หัวใจของตนหาไม่เจอ มันไม่มีชัยภูมิ

ทำความสงบใจเข้ามาหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หน้าที่การงานของพระหน้าที่การงานของพระไง ถ้าพระมันเข้ามาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา มันก็เป็นแผ่นดินมันก็อยู่บนโลกนี้เวลาฆราวาสญาติโยมของเขา เขาก็เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเหมือนกัน เวลาที่นั่งทำสมาธิ ภาวนา ในทางจงกรม ในเรือนว่างต่างๆใครก็ทำได้ แต่มันหาหัวใจมันเจอหรือไม่ มันทำเป็นจริงหรือไม่ มันเป็นมรรคหรือเปล่าศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผลไง การกระทำเพื่อสร้างอำนาจวาสนาบารมีไง 

จะบอกว่าเป็นการกระทำสูญเปล่า เดี๋ยวหาว่าดูถูกกันเกินไป เป็นการกระทำที่สูญเปล่า เป็นการกระทำที่ไม่ได้ผลถ้าเป็นการกระทำที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นการกระทำที่ออกจากพระพุทธศาสนาเป็นไสยศาสตร์เป็นไสยเวทย์เป็นมนต์ดำประพฤติปฏิบัติขึ้นไปแล้วไปอ้อนวอนอะไรอยู่นั่น

เป็นจริงๆขึ้นมา หาชัยภูมิของตน ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าทำความสงบของใจเข้ามา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตไง พอจิตมันสงบเข้ามาเห็นพุทธะ ผู้รู้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอนที่นี่สอนที่ผู้รู้ ผู้รู้มันรู้กระจ่างแจ้ง ผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานมันเบิกบานของมัน มันรู้ของมันมันมีความกระจ่างแจ้งของมัน ตรงนี้มันสำคัญ สำคัญอย่างไร

เวลาทุกคนก็สงสัยในการเกิดของเราทั้งนั้นน่ะ เกิดมาก็ชาติเดียวเท่านั้นแหละตายแล้วก็แล้วกัน เวลาเกิดมาอะไรก็ไม่รู้ เวลาตายแล้วมันก็ไปตามเวรกรรมปล่อยให้เวรกรรมมันพาไปไงแต่ถ้าพอจิตมันสงบเข้ามา อื้อหืม! อ๋อ! มันเป็นอย่างนี้เองเนาะ

ธรรมชาติของวัฏฏะ ธรรมชาติของวัฏฏะเพราะมนุษย์เกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ไง คนเกิดมามีความคิดทั้งนั้นน่ะ มีความคิด มีความรู้สึก แล้วความคิดอันนี้มันก็อยู่ที่วาสนาไง ถ้ามีวาสนา เด็กเล็กเด็กน้อยมันมีความรับผิดชอบโอ้โฮ! มันฉลาดปราดเปรื่อง อื้อหืม! ทำไมมันได้ขนาดนี้ เด็กบางคนสอนแล้วสอนอีก สอนขนาดไหนมันก็ยังเถียงสอนขนาดไหนมันก็ยังไม่ได้เรื่องไง

แต่อันนี้มันเป็นวาระ เป็นเวรเป็นกรรมนะเรื่องกรรมนี้สำคัญมากเลยเพราะกรรมกรรมคือสิ่งที่มันครอบงำในหัวใจของเรา คือความเชื่อ ความเชื่อ ความหลงใหลในหัวใจ แต่ถ้าคิดดูสิ เด็กที่มันขยันหมั่นเพียร มันหมั่นเพียรของมัน มันเป็นความชอบ มันทำแล้วมันเบิกบาน มันทำแล้วมันมีความสุข ไอ้ของเราเห็นแล้วมันยังสงสารแทนเลย ทำไมมันต้องมาเหนื่อยยากขนาดนี้ มันบอกหนูสบายดีหนูชอบ นี่เขาทำด้วยความสุข

นี่ไง เขาทำด้วยความสุขความชื่นบานเขาไม่ได้ทำด้วยความทุกข์ความยาก เขาไม่ได้ทำด้วยความกดดันไอ้คนขยันหมั่นเพียรเขาทำอย่างนั้นเขาพอใจ นี่ไง ถ้าหัวใจมันเปิดหัวใจมันเป็นบุญกุศลของเขาไงไอ้คนที่นั่งดูยังเหนื่อยยากแทนเลย แต่ไอ้คนที่ทำ มันทำด้วยความสุขความเพลิดเพลินของเขานะ ถ้าความเพลิดเพลินของเขา เขาทำของเขา ถ้าจิตของเขามันมีคุณธรรม จิตของเขามันสงบระงับเข้ามาไง เขาหาใจของเขาเจอพอหาใจของเขาเจอ เวลาใช้สติปัญญาเข้าไปเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเกือบเป็นเกือบตายก็ชื่อว่างานขึ้นชื่อว่างานงานสิ่งใดก็ต้องลงทุนลงแรงทั้งนั้น 

เวลางานของผู้บริหารเขาต้องรับผิดชอบเวลาเขาใช้ปัญญา จิตสงบระงับเข้ามา ใช้ปัญญา งานของผู้บริหาร งานของผู้อำนวยการมันต้องตั้งงบประมาณ มันต้องมีบุคลากรมันต้องมีโครงการ มันมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเลย

มรรค ๘มันมหัศจรรย์เวลาทางโลกเขาทำมันต้องมีพิมพ์เขียว ต้องทำอย่างนั้นๆศึกษานี่คือศึกษาพิมพ์เขียวไงเวลาศึกษาก็ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรรค ๘ ไงศีล สมาธิปัญญา รู้ไปหมดไง การกระทำนี่รู้ทิศทางไปหมดเลย

พิมพ์เขียวมันอยู่ในกระดาษ มันไม่หนีไปไหนหรอกแต่สติของเราสิมันเกิดดับๆสมาธิของเราเจริญแล้วก็เสื่อมปัญญาเดี๋ยวก็ฟั่นเฟือน เดี๋ยวก็ปัญญาดี ปัญญาชอบ เดี๋ยวก็หลงใหล นี่ไงมันเป็นตัวจริงๆตัวจริงๆ ไม่ใช่พิมพ์เขียวพิมพ์เขียวมันเขียนไว้แล้วนะลองถ้าเขียนเสร็จแล้วอยู่อย่างนั้นน่ะ เว้นไว้แต่มันโดนทำลายไป ถ้าเป็นความจริงๆมันเป็นแบบนี้ ถ้าความจริงมันเป็นแบบนี้ เวลาทำขึ้นมามันเป็นความจริง ถ้าความจริงขึ้นมาสิ่งที่ทำมาๆ มันถึงมหัศจรรย์

เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนามันเหมือนกัน เราจะบอกว่ามันเหมือนกันทั้งนั้นน่ะ เพราะทางจงกรม ใครๆ ก็ทำได้ จ้างช่างทำ๕๐๐ เส้น ได้หมดแหละ นั่งสมาธิภาวนาที่ไหนก็ได้ จะทำแก้วครอบก็ได้ติดแอร์ด้วย เย็นสบาย ทำได้ทั้งนั้นน่ะ แต่หัวใจมันเร่าร้อน หัวใจมันทุกข์ยาก แต่ถ้ามันเป็นจริงๆขึ้นมา ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะไงนี่ไง สิ่งมหัศจรรย์ๆ คือชีวิตเรานี่ไง 

เราถึงบอกว่าทางวิทยาศาสตร์กับธรรมะมันขัดแย้งกันนี่ไง ทางวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ได้ด้วยสสาร แล้วจิตล่ะ มันเป็นธาตุรู้จริงๆ นะมันพิสูจน์กันได้ด้วยพุทธศาสน์พิสูจน์กันได้ด้วยการปฏิบัติพิสูจน์กันได้ด้วยครูบาอาจารย์ของเรา

ครูบาอาจารย์ของเราท่านจะบอกเลยขณิกสมาธิอุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ ด้วยฌานสมาบัติด้วยปัญญาปัญญาอย่างหยาบ ปัญญาอย่างละเอียดละเอียดสุดละเอียดลึกซึ้งเป็นปัญญาญาณเป็นวิถีของจิตมันละเอียดไปเรื่อยๆ 

ไอ้ว่าละเอียดๆ ก็ผงใช่ไหม ผงละเอียดอันนี้ก็คิดกันไปไง แต่ถ้าเป็นจริงๆ มันเป็นอย่างนั้น มันจะเห็นถึงความมหัศจรรย์ นี่ไงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์วันพระๆ เราทำบุญกุศลเพื่อเหตุนี้ไง ฝนตกต้องตามฤดูกาลผู้ใดที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว ผู้ใดที่ทำไว้แล้วมันจะเกิดผล เกิดประโยชน์ ถ้าไม่ได้ทำสิ่งใดเลยจะมาขวนขวายเอา มันก็ไม่ทันการแล้ว 

นี่ก็เหมือนกัน มาวัดมาวาทำบุญกุศลของเรา ฝึกหัดหัวใจของเราไว้หน้าที่การงานใครก็ทำได้เศรษฐีมหาเศรษฐีไหนมันก็มี คนทุกข์คนจนในโลกมีอยู่ทั่วไป เราเราจะทุกข์ เราจะจนเราจะเป็นเศรษฐีกุฎุมพี มันอยู่ที่สติปัญญาเราสมบัติภายนอกสมบัติภายในเราคิดเอง เราหาเอง เราแยกเองเราคัดเอง เพื่อประโยชน์กับเราเอง 

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด สักวันหนึ่งข้างหน้า เราต้องหมดอายุขัยตายกันไปหมดแล้วคุณงามความดีที่ทำไว้กับหัวใจไง คุณงามความดีที่ทำไว้กับโลกเป็นสมบัติของโลกบุญกุศลของเรามรรคผลของเราในหัวใจของเรามันจะเป็นสมบัติของเรา มันไปกับใจดวงนี้ ไม่ต้องให้ใครมาเคาะโลง ไม่ต้องให้ใครมาสอนไม่ต้องให้ใครมาบอกของฉันๆปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกของฉันเอง ฉันจะเอาของฉันไปเองเอวัง