เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ ส.ค. ๒๕๖o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรมเพื่อหัวใจของเราไง ให้หัวใจมันเบิกบาน หัวใจมันชุ่มชื่น ถ้าหัวใจมันชุ่มชื่นขึ้นมา เราจะเผชิญภัยกับสิ่งใดเราก็เผชิญได้ ถ้าหัวใจเราหดหู่ไง หัวใจมันหดหู่ มันไม่สู้สิ่งใดทั้งสิ้น ฟังธรรมๆ เพื่อปลุกเร้าหัวใจของเรา หัวใจของเรามันต้องการสัจธรรม มันต้องการความจริงไง

เราก็รู้อยู่ เราคิดสิ่งใด เราปรารถนาสิ่งใด มันจริงหรือไม่จริง มันปลิ้นปล้อนหลอกลวงหัวใจเราทั้งนั้นน่ะ ถ้าเราฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้ไง สัจธรรมๆ เห็นไหม มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวลาเกิด แก่ เจ็บ ตายมันเป็นเรื่องสัจจะ เป็นความจริงอยู่แล้วแหละ แล้วชีวิตของเรา เราก็เกิดมาแล้วแหละ เราก็ปรารถนาไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย จะอยู่ค้ำฟ้าๆ ไง ค้ำฟ้าด้วยความรู้สึกนึกคิดของเรา

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ท่านต้องสละชีวิต ชีวิตของทางฆราวาส ท่านมาค้นคว้าหาความจริงในใจของท่าน หาความจริงในใจของท่าน การหาความจริงในใจของท่าน เหมือนเรานักปฏิบัติ เรานักปฏิบัติ ปัจจัยเครื่องอาศัย เราก็ต้องอาศัย คนเกิดมามีปัญญาทั้งนั้นน่ะ ชีวิตนี้มันต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้าชีวิตนี้ไม่มีอาหารมันจะอยู่ได้อย่างไร รักษาชีวิตไว้ทำไม รักษาชีวิตไว้ค้นคว้าหาสัจจะความจริงในหัวใจ สัจจะความจริงในหัวใจนี้มันทุกข์มันยากนี่ไง

สังคมโลกมันอนิจจัง ลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งนั้นน่ะ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจมันฝืดเคืองๆ ทุกคนก็อยากจะให้มันคล่องตัว ถ้าคนคล่องตัว คนที่เขาฉลาด คนที่สายป่านเขายาว เขาทำสิ่งใดเขาก็ผ่อนสั้นผ่อนยาวของเขาได้ ไอ้สายป่านเราสั้น เราจะทำสิ่งใดมันอัดอั้นตันใจไปทั้งนั้นน่ะ

คนที่เขาฉลาดเขาจะกระจายความเสี่ยงนะ กระจายความเสี่ยงของเขา สิ่งใดถ้ามันเสียหายไปนะ สิ่งที่เหลืออยู่มันก็ยังพอค้ำจุนชีวิตเราได้ แต่ของเรา เราไม่มีทางเลือก เราเกิดมาสายป่านเราสั้น เราไม่มีทางเลือก เราก็ใช้สติปัญญา ต้องใช้ความขันติ ต้องใช้ความอดทน ต้องใช้สติปัญญาเพื่อรักษา รักษาปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อรักษาชีวิตนี้ไว้ รักษาชีวิตนี้ไว้ รักษาชีวิตนี้ไว้ ถ้ามันเป็นไปได้จริง ถ้าเป็นไปได้จริง สิ่งที่เป็นจริงๆ เวลาทำบุญกุศล บุญกุศลนะ เวลาตกทุกข์ได้ยากแล้วมันจะมีคนช่วยเหลือเจือจานเรานะ เวลาบาปอกุศล เวลาเราไปจนตรอกขึ้นมา เขาหัวเราะเยาะถากถางอีกต่างหาก เพราะอะไร เพราะเราทำแต่บาปแต่กรรมเอาไว้ไง ทำแต่บาปแต่กรรม ทางโลกเขาว่าคนหนักแผ่นดินๆ ถ้าคนหนักแผ่นดิน ถ้ามันตายไปนะ แผ่นดินจะสูงขึ้น เขาพูดกันอย่างนั้นนะ คนหนักแผ่นดินน่ะ

ถ้าอย่างเรา เราอยู่เพื่อความหนักแผ่นดินหรือไม่ ถ้าเราอยู่ด้วยความไม่หนักแผ่นดิน เรามีน้ำจิตน้ำใจของเรา หัวใจของเรา ในครอบครัวของเรา เริ่มต้น เริ่มต้นของเรา เรามีความกตัญญูกตเวที เราเห็นบุญคุณของพ่อของแม่ ของญาติพี่น้องของเรา ในสังคมของเรา ถ้าเราทำคุณงามความดีอย่างนี้ เราทำของเราด้วยสายป่าน สายป่านคือหัวใจที่มันเข้มแข็ง สายป่านที่หัวใจนี้มันพร้อมที่จะทำ ถ้าสายป่านมันทำอย่างนี้ได้ เห็นไหม กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรม กลิ่นของศีล กลิ่นของธรรมมันหอมทวนลมนะ

คนทำคุณงามความดีจะมั่งมีศรีสุข ทุกข์จนเข็ญใจ ถ้าเขาทำคุณงามความดีของเขา แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็มีน้ำใจต่อเขา ในสังคมนั้นเขารับรู้ได้ แล้วคนประเภทนี้ถ้าตกทุกข์ได้ยาก คนเขาค้ำจุนดูแลทั้งนั้นน่ะ เห็นไหม นี่บุญ บุญกุศล บุญกุศลมันเกิดจากตรงนี้ไง เกิดจากกลิ่นของศีล กลิ่นของธรรมไง ถ้ากลิ่นของศีล กลิ่นของธรรม มันมาจากไหนล่ะ มโนกรรมๆ มาจากความรู้สึกนึกคิดนี้ เวลาฟังธรรมๆ ความรู้สึกนึกคิดนี้ แล้วกิเลสมันก็พลิกแพลงไง ก็ทำความดีมาตั้งแต่เกิดจนแบบนี้ ทำความดีมาตลอด ทำความดี

ความดีคือความดี ความดีทำแล้วจบ ถ้าเราทำความดีแล้วเราต้องการ เวลาครูบาอาจารย์ของเรา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาของท่าน ท่านทำคุณงามความดีมหาศาลนะ ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านไปอยู่กับหลวงปู่มั่นต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง คนที่มีสติปัญญาทั้งนั้น คนที่มีสติปัญญานะ ถึงจะกล้าเข้าไปอยู่กับเสือ เวลาอยู่กับเสือนะ เวลาจะพูดกับลูกศิษย์ลูกหา ท่านพูดขึ้นมาท่ามกลางสงฆ์ เวลาหลวงตาท่านเล่าให้ฟัง “เราทำคุณงามความดีขนาดนี้ หมู่คณะได้ระลึกถึงหรือไม่”

หลวงตาท่านพูดเลย ระลึกถึงเต็มหัวใจ ระลึกอยู่เต็มหัวอก ถ้าไม่ระลึกอยู่เต็มหัวอก ท่านจะขวนขวายมาหาอยู่กับหลวงปู่มั่นทำไม แต่เวลาคิดถึงคุณงามความดีของท่าน แต่หน้าที่การงานของตนยังไม่จบ

หลวงปู่มั่นก็บอก เออ! ใช่ เราทำหน้าที่การงานให้จบก่อน ถ้าหน้าที่การงานจบ ช่วยตัวเราเองได้ก่อน ถ้าเราช่วยตัวเราเองได้ เราจะช่วยคนอื่นได้ ฉะนั้น ท่านถึงขวนขวายของท่าน ขวนขวายของท่าน นี่พูดถึงเวลาท่านพูดท่ามกลาง ท่ามกลางผู้ที่เป็นสัตบุรุษนะ ผู้ที่เป็นสัตบุรุษ ผู้ที่มีต้นทุนในหัวใจ ผู้ที่มีต้นทุนในหัวใจสายป่านยาวๆ สายป่านในหัวใจที่มันเข้มแข็ง

มันแสวงหาสิ่งนั้น แสวงหาสิ่งนี้ แสวงหาโลกที่เขาต้องการความสะดวกสบายกัน โลกเขาต้องการการอุ้มชูกัน แต่นี่เวลาอุ้มชู อุ้มชูทางหัวใจไง อุ้มชูทางการชี้ทาง การบอกทาง ไอ้การอุ้มชูด้วยปัจจัยเครื่องอาศัย โลกเขาช่วยเหลือเจือจานกันได้ บวชมาแล้วถ้าจะอยู่สุขอยู่สบายที่ไหนมันก็อยู่ได้ แต่จะอยู่เพื่อสู้กับกิเลส อยู่เพื่อจะค้นคว้าหาสัจจะความจริงในใจของตนน่ะ อยู่เพื่อสัจจะความจริงอันนี้ไง ถ้าอยู่เพื่อสัจจะความจริงอันนี้มันทำอย่างไรๆ ถ้าทำอย่างไร เราก็พยายามทำของเรา

ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษามาทุกคนแหละ ศึกษามาแล้วก็ขวนขวายๆ ในความเห็นของตนๆ มันก็ไปบูชากิเลสหมดเลย ขวนขวายมาเพื่อบูชากิเลสไง ไม่ได้ขวนขวายมาเพื่อตัดทอนมันไง เวลาเพื่อตัดทอนมัน ดูครูบาอาจารย์ของเรา เวลาทำสิ่งใดถ้าไม่ได้สมความปรารถนา อดนอนผ่อนอาหาร อดนอนผ่อนอาหารน่ะ

เวลาไอ้พวกที่นักวิทยาศาสตร์ ใครที่อาหารเป็นโทษ คนนั้นไม่ใช่มนุษย์ ดูสัตว์ สัตว์มันยังรู้จักหาอาหารมันเลย แล้วมนุษย์ขึ้นมาจะเห็นอาหารเป็นโทษๆ มันมุมมองเป็นทางโลกไง ถ้ามุมมองเป็นทางธรรมๆ นะ เวลาในปัจจุบันนี้โรคอ้วนๆ เวลากินอาหารที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายเข้าไป มันเป็นพิษเป็นภัยในร่างกายทั้งนั้นเลย

นี่ก็เหมือนกัน เราเป็นนักพรต ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก โลกเขากินเพื่อศักดิ์ศรี กินเพื่อเกียรติ กินเพื่อกาม กินเพื่อดำรงชีวิตไง นักพรตๆ กินเพื่อดำรงชีวิตเท่านั้น เหมือนหยอดล้อเกวียนไม่ให้มันเสียงดังเท่านั้น คือให้เกวียนมันหมุนไปได้เท่านั้น ชีวิตนี้ไง เวลาประพฤติปฏิบัติมันจะเห็นอย่างนั้นนะ เวลากินอิ่มนอนอุ่นขึ้นมามันง่วงเหงาหาวนอนไปทั้งนั้นน่ะ เวลาทำอะไรเหมือนเรือเกลือ มันอืดอาดทั้งนั้นน่ะ มันอืดอาด

เวลาผ่อนอาหารไปมีความกระหายไหม มี โดยธรรมชาติของมัน เวลาคนเหนื่อยล้าขึ้นมา ได้พักมันก็หายใช่ไหม เวลาคนร่างกายสุขภาพไม่แข็งแรง เขาก็ต้องบำรุงรักษาเขาใช่ไหม คนเขามีปัญญาทั้งนั้นน่ะ

แต่นี่เราต้องการธรรม ต้องการธรรมในหัวใจไง ต้องการธรรมในหัวใจ ธาตุขันธ์ทับจิต ธาตุขันธ์ทับจิตมันอืดอาด มันยืดยาด ทำสิ่งใดแล้วมันไม่ได้ผลเลย ทำสิ่งใดมันมีแต่ความละล้าละลังทั้งนั้นเลย ทำสิ่งใดแล้วไม่ปลอดโปร่งเลย เวลาอดนอนผ่อนอาหารไป หิวไหม หิว ธรรมดา เป็นเรื่องธรรมดา เราเกิดบาดแผลขึ้นมามีความเจ็บไหม เจ็บ แล้วเราทำอย่างไรให้บาดแผลหาย เราก็รักษามันใช่ไหม แต่นี่เรารักษาบาดแผลของใจ กิเลสตัณหาความทะยานอยาก เราจะมีสติปัญญาแค่ไหนไปสู้มันไง

ถ้าเราไม่มีสติปัญญาไปสู้มัน อยู่ในทางโลก ทางโลกส่งเสริมบูชากันด้วยเกียรติศัพท์เกียรติคุณ เหมือนทางโลกเขา เพื่อเกียรติ เพื่อกาม เพื่อศักดิ์ศรี แต่เวลาครูบาอาจารย์ท่านไม่มีศักดิ์ศรีเลย เวลาหลวงตาท่านพูดถึงหลวงปู่มั่น เห็นไหม เหมือนผ้าขี้ริ้ว สังคมมองเป็นอย่างนั้นเลย เวลาพูดถึงทางโลกว่าเศษคนๆ เลย คือมันไม่มีค่าทางสังคมที่จะไปเทียบเขาได้เลย แต่ถ้าพูดถึงทางธรรม สุดยอดยิ่งใหญ่ ดูสิ เทวดา อินทร์ พรหมต้องมาฟังเทศน์ ท่านบอกว่าท่านไม่มีเวลาว่างเลย ไอ้พวกเราทำงานอะไร งานหน้าที่การงานเราแบกหาม งานเราก็ล้นมืออยู่แล้ว แต่หลวงปู่มั่นท่านบอกท่านไม่ได้พักไม่ได้นอนเลย กลางคืน เทวดา อินทร์ พรหมมาอาราธนาขอฟังธรรมๆ ทั้งนั้นเลย นี่ไง งานอันยิ่งใหญ่ บุคคลที่ยิ่งใหญ่ หัวใจยิ่งใหญ่ หัวใจที่มีคุณธรรม เวลาสั่งสอนๆ เทวดา อินทร์ พรหม

เราทำอะไรกัน เราทำหน้าที่อะไรกัน เรามีแต่มากว้านเอาแต่ความทุกข์ว่าเป็นของเราๆ ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย อาหาร เดี๋ยวเที่ยงก็บูดแล้ว อะไรที่เป็นของเราบ้าง เก็บไว้มันเสียทั้งนั้นน่ะ แต่คนเรามันรู้จักเปลี่ยนแปลง รู้จักถนอมอาหาร มันรู้จักการกระทำ อันนั้นมันก็เป็นเรื่องของทางโลก แต่เวลาสละไปแล้วของนั้นเป็นทิพย์

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกผู้ใดฉลาด ในเมื่อไฟมันไหม้บ้านอยู่ ใครขนทรัพย์สมบัติออกจากบ้านหลังนั้นได้เท่าไหร่ ทรัพย์สมบัตินั้นจะเป็นของเรา

นี่ก็เหมือนกัน ชีวิต อายุขัยมันเผาลนไปตลอด มันต้องพลัดพรากเป็นที่สุด เราสละสิ่งใดออกไป สละออกไป นั่นน่ะขนออกไปๆ ของเราๆ ไม่มีอะไรของเราเลย ไอ้ที่สละไปนั่นของเราทั้งนั้นลย ไอ้สละไปนั่นน่ะ พอสละไป มันเกิดการกระทำ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ใครเป็นคนสละ เราเป็นคนสละ เราเป็นคนสละ ใครจะขัดแย้ง ใครจะโต้แย้งอย่างไรมันเรื่องของเขา แต่ใครเป็นคนทำ สิทธิเสรีภาพ สิทธิของเรา เราเป็นคนทำ ถ้าเราเป็นคนทำก็เป็นผลประโยชน์ของเรา ผลประโยชน์ของเรามันเป็นทิพย์ในหัวใจนั้น วิญญาณาหารๆ มันเป็นสัจจะของเรา ถ้าเป็นสัจจะของเรา นี่ของเรา

เวลาของเรา ของที่สละไปนี่ของเรา ที่เก็บไว้ไม่ใช่เลย แล้วเวลาจะสละแล้ว มันสละแล้วมันก็ต้องมีสติปัญญา คำว่า “สติปัญญา” สิ่งใดเพื่อประโยชน์กับเรา ฝังไว้ในดินๆ เราหาปัจจัยมาได้ ๑ สลึงไว้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ๑ สลึงไว้ทำธุรกิจการค้าของเรา อีก ๑ สลึงเลี้ยงชีพเรา อีก ๑ สลึงถึงฝังดินไว้ๆ ไง สิ่งที่เราทำฝังดินไว้ ฝังไว้ ฝังไว้ในหัวใจ ฝังไว้ในภวาสวะ ฝังไว้ในภพ ฝังไว้

ทางโลกเขาฝังไว้กับความทรงจำ ถ้าทางโลกนะ ทางโลกเขาฝังไว้กับความทรงจำ แต่ความจริงมันฝังไว้ที่จิต ความทรงจำ ภวาสวะ ภพ นั่นน่ะตัวมัน ปฏิสนธิจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันเป็นคนทำ มันเป็นคนจัดการมันไป นี่ไง อริยสัจ สัจจะความจริงเป็นสัจจะความจริงอยู่แล้ว ถ้าสัจจะความจริง นี่ที่เสียสละไป แล้วเสียสละสิ่งนั้นเป็นทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี เราจะทำของเรา เราขวนขวายของเรา

เรามาวัดมาวา ฟังธรรมๆ เพื่อหัวใจดวงนี้ เพื่อความอิสระของมัน ถ้าเพื่อความอิสระของมัน นี่ฟังธรรม ฟังธรรมแล้วถ้าใครที่ต้นทุนหนา ต้นทุนนี้พอไปแล้วมันจะเข้าสู่ธรรม ไอ้ต้นทุนเบาบางมันก็เพื่อประโยชน์ทางโลก ประโยชน์กับเรา เราปฏิบัติของเรา เราก็ปรารถนาบุญกุศล ปรารถนาเพื่อให้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะให้มีที่พึ่งพาอาศัย ให้สิ่งใดที่เบาบางลง ให้เกิดมันเป็นความสุข ว่าอย่างนั้นเถอะ แต่เวลาความสุขๆ ก็ความสุขทางโลก มันเป็นอามิสทั้งนั้นน่ะ สิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนี้เป็นอามิสทั้งหมด

แต่ถ้าเป็นความจริงๆ อกุปปธรรม อกุปปธรรม สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา เหนือความเป็นอนัตตา เหนือทุกๆ อย่าง ถ้าเหนือทุกอย่าง มันเหนือที่ไหน มันเหนือที่การกระทำ มันเหนือที่มรรค เหนือที่หัวใจนี้ ถ้าหัวใจนี้ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่เป็นทรัพย์สมบัติมหาศาล เป็นปราสาทราชวัง แต่เรามีมรรค เรามีศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญามันยิ่งใหญ่กว่านั้น เวลามันมีปัญญาขึ้นมามันแก้ไขหัวใจของเรา มันแก้ไขกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ไอ้ความบกพร่องในใจนั่นน่ะ ไอ้รูรั่วน่ะ หัวใจรั่ว หัวใจรั่ว สิ่งใดไม่เป็นสมบัติของตนเลย

ภาชนะที่รั่วไปตักน้ำ มันไหลออกหมดไง หัวใจที่มันรั่ว รั่วด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เราได้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาของเรา เราจะมาปะ เราจะมาดูแลของเรา ถ้าเราจะมาปะ จะมาดูแลของเรา เรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มันยิ่งใหญ่กว่าวิหาร มันยิ่งใหญ่กว่าราชวัง มันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งปลูกสร้าง อนิจจังทั้งนั้น อยู่ในผลของวัฏฏะ มันไม่มีความคงที่สิ่งใดเลย หัวใจที่มันล้มเหลว หัวใจที่มันไม่มีหลักเกณฑ์ เราฟังธรรมๆ เพื่อตอกย้ำตรงนี้ไง ตอกย้ำขึ้นมาเพื่อให้เพิ่มต้นทุนของมันไง

สายป่านที่มันยืนยาว สายป่านที่มันดี เวลาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ครูบาอาจารย์ท่านชื่นชมอาจารย์สิงห์ทอง เดินจงกรมจนทางจงกรมเป็นร่องไปเลย นี่ความที่ยิ่งใหญ่ อยู่ในทางจงกรม เดินแล้วเดินเล่า ๒๔ ชั่วโมง เป็นเดือน เป็นปี เป็น ๑๐ ปี ท่านทำของท่านได้ หลวงปู่ตื้อท่านก็ทำได้ นี่ไง บุคคลที่ไปอยู่กับหลวงปู่มั่นๆ ท่านมีต้นทุนในหัวใจของท่าน ท่านแสวงหาของท่าน มีต้นทุนอยู่แล้ว เวลาฟังสิ่งใดแล้วมันคัดแยกได้ว่าอะไรดีอะไรชั่วไง

ไก่เขากินแต่เนื้อ เขาไม่กินกระดูก สิ่งที่ไก่มันจะมีชีวิตได้มันต้องมีกระดูก ปลาในน้ำ มันต้องมีก้าง เวลาเขากิน เขากินแต่เนื้อ เขาไม่กินกระดูกมันหรอก นี่ก็เหมือนกัน การกระทำของเรา การกระทำมันเป็นรูปแบบของมัน แต่มีข้อเท็จจริงของมัน ถ้าเรามีสติปัญญา มันคัดมันแยกของมันไง ไม่ใช่สูตรสำเร็จไง ได้ไก่ก็กินทั้งตัวเลย

ไก่ เวลาเขาฆ่าไก่ เขาต้องลวกน้ำร้อน เขาต้องถอนขนมัน เขาต้องผ่าท้อง เขาต้องเอาของเสียในร่างกายมันออก เขายังทำได้ขนาดนั้น ไอ้นี่มาชำระล้างกิเลส ไอ้นี่จะมาปะหัวใจๆ เขาบอกหัวใจมันยิ่งใหญ่ๆ สิ่งที่มันยิ่งใหญ่ จะทำแบบโลกๆ นี้ใช่ไหม ทำแบบสะเพร่าอย่างนี้ มีชีวิตอยู่เป็นฆราวาส เวลาบวชพระขึ้นมาแล้วก็มีชีวิตแบบฆราวาส ฆราวาสธรรม เวลาคิดมา ท่องมาเต็มหัวใจ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่องได้หมดล่ะ เวลาทำก็ทำสวมไปเลย นี่ไง มันก็กินไก่ทั้งตัวไง กินทั้งขน เป็นสัตบุรุษผู้ที่ประหยัดมัธยัสถ์ ไม่มีของเสีย มันยังชมนะ กิเลสมันยังมาชมมันอีกนะ ด้วยความโง่ มันยังชมตัวมันอีกนะ กินไก่ทั้งตัวเลย โอ้โฮ! ยิ่งใหญ่ ขนก็กิน ชาวบ้านเขาโง่เง่าเต่าตุ่น ขนเขาเอาทิ้ง ไอ้เรานี่กินทั้งตัวเลย มันยังมาอวดเขาอีกน่ะ

นี่ไง ถ้ามันเป็นความจริงๆ นะ มันเป็นความจริง ศีล สมาธิ ปัญญา โดยธรรมชาติ ขนเขาลวกน้ำ เขาถอนมันทิ้งทั้งนั้นน่ะ แล้วขนเขาเอาไปทำอุตสหกรรมของเขา เขายังมาทำประโยชน์ของเขา สิ่งของเสีย ถ้าคนที่เขามีปัญญาเขาเอาไปทำประโยชน์ของเขา ไอ้ที่มันจะเข้าไปร่างกายมันเป็นพิษเป็นภัย มันเป็นไปไม่ได้หรอก เวลาเขาจะทำสิ่งใดเขาต้องคัดต้องแยก เขาต้องคัดเลือกของเขา นี่ก็เหมือนกัน เราจะภาวนาของเรา เราก็พิจารณาของเรา

นี่กินไก่ทั้งขนเลย ทั้งกระดูกเคี้ยวกินได้เลย กระดูกกร๊อบกรอบ มันยังมาโม้อีกนะ ไม่มีใครเขากินกระดูกหรอก เขาต้องคัดแยกออกไป นี่ไง การภาวนามันต้องมีสติปัญญาสิ มันต้องคัดต้องแยก มันต้องฝึกหัด ไม่ใช่มันจะเป็นอย่างนี้ทั้งหมด เป็นทั้งหมดก็เป็นกิเลสไง อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขาราปจฺจยา วิญฺญาณํ เราเกิดจากอวิชชา เกิดจากความไม่รู้ แล้วเราก็มาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะมาทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมา เวลาเป็นความจริงขึ้นมาก็โดยวุฒิภาวะไง มันต้องทดสอบ มันต้องอะไร

เวลาไก่ที่มันสำเร็จรูปมาก็ อื้อหืม! มันมหัศจรรย์ ใครทำมาสุดยอดเลย ไอ้ของเราจะทำบ้าง ล่อทั้งขน ทั้งขี้

เขาต้องล้างทำความสะอาด เขาต้องผ่าท้อง เขาต้องควักมันออกทั้งนั้นน่ะ เขาไม่กินไปทั้งขี้หรอก นี่ไง มันทำอะไรมันก็ต้องคิดสิ ทำอะไรมันต้องคิด ต้องพิจารณาของมัน มันต้องแก้ไขของมัน ไม่ใช่ครอบมาเลย ความรู้สำเร็จรูปมาเลย นิพพานมาม่า ฉีกซองใส่น้ำ เรียบร้อย มาม่า ลัดสั้น มาม่าเขาเอาไว้ช่วยภัยพิบัติตอนนี้ เขาเอาไปใช้กันนู่น

มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก แต่เวลามาม่ามันก็เป็นอาหารวิเศษนะ ทางอุตสาหกรรมเขาชื่นชมมากว่ามาม่ามันทำให้ภัยพิบัติต่างๆ มันสะดวกขึ้นมามาก เป็นอาหารมหัศจรรย์ ผู้คิดเขาให้เครดิตเลยล่ะ ไอ้นั่นก็เพื่อโลก เพื่อความสะดวก เพื่อที่ไหนมันทำอาหารไม่ได้ก็เพื่อประโยชน์ของเขา ไอ้นั่นมันเป็นทางโลก แต่ในการปฏิบัติไม่มีอย่างนั้นหรอก ถ้ามีอย่างนั้นมันก็ขิปปาภิญญา ผู้ปฏิบัติง่ายรู้ง่าย เขาสำเร็จรูปดีกว่านี้อีก แต่เขาดีกว่านี้เขาก็ดีด้วยสติปัญญาของเขา เขาไม่ใช่ดีด้วยการสวมรอยมาด้วยการคิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ถ้าคิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น นี่กิเลสไง

ฟังธรรมๆ ถ้ามันมีพัฒนาการของใจขึ้นมามันต้องมีวุฒิภาวะ มันต้องมีความฉลาด มันต้องมีความรอบคอบ ไม่มีสำเร็จๆ มา แล้วก็มาอ้างอิงจะเป็นอย่างนั้นน่ะ กินไก่ทั้งกระดูก กินไก่ทั้งตัวเลย ก้างปลานี่เคี้ยวกรอบๆ เลย เดี๋ยวนี้บางชนิดทางการอาหารเขาก็พยายามทำให้มันกินได้ทั้งตัวนั่นน่ะ นั่นเป็นความมหัศจรรย์ เป็นความประณีตของผู้กระทำ ถ้าผู้กระทำเขาทำของเขาได้มันก็เป็นเฉพาะคน เฉพาะที่เขาทำได้เท่านั้นน่ะ มันไม่ใช่ว่าก้างกระดูกทั้งหมดจะกินได้ทั้งนั้น ไม่มีในโลกหรอก ไม่มี

แล้วกิเลสมันเหมือนกันทั้งนั้นน่ะ กิเลสในหัวใจของคนก็เหมือนกัน กิเลสแล้วนี่เรามาทำไมกัน ฟังธรรมๆ ก็ตอกย้ำด้วยความมุมานะ ด้วยความมั่นคงของใจ ถ้าใจมันมั่นคงขึ้นมา สายป่านที่มันยาว สายป่านที่มันมีมาตรฐาน สายป่านเขามีโอกาสพลิกแพลง เขามีโอกาสแก้ไขของเขา สายป่านที่มันสั้น สายป่านที่สั้นมันต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน ต้องมีการกระทำของเขา เพราะสายป่านเรามันสั้น สายป่านมันสั้นก็จริตนิสัยไง บุญกุศลที่สร้างมาไง บุญกุศลของคนสร้างมาแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บุญกุศลที่เขาสร้างมามหาศาลนะ สายป่านเขายาว เขาทำสิ่งใดนะ เขาไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาทำของเขาด้วยความนุ่มนวลของเขา เขาทำด้วยคุณธรรมของเขา ไอ้สายป่านสั้นๆ ทำอะไรแล้วผลุบผลับๆ แล้วมันก็ไหม้เสียหายไปหมดล่ะ พอเสียหายไปหมดแล้วก็คร่ำครวญ คร่ำครวญมันก็อยู่ที่การทำมาไง กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา ใครทำคุณงามความดีมา ใครทำบุญกุศลมา นั่นน่ะเขาทำของเขามา อกุสลา ธมฺมา ทำแต่ความชั่วมา ทำแต่ความขาดแคลนมา แล้วว่าจะเท่ากันๆ ไง ไปธนาคาร ไอ้คนจนๆ เสียดอกเบี้ยสูงนะ ไอ้บริษัทใหญ่ๆ เกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์ นี่สายป่านเขายาว เขาทำของเขามา ไอ้เราก็คิดแต่ทางโลก ไม่มีความเป็นธรรม ไอ้เราคนทุกข์คนจนกู้ไม่ได้ด้วย เข้าไปมันไม่สนใจเลย แล้วถ้ากู้ ๑๒ เปอร์เซ็นต์ บริษัทใหญ่ๆ นี่ศูนย์ ให้ด้วย ไม่กู้ ยัดให้เลย มั่นคง นี่ไง ใครทำมา ไอ้นี่มันเป็นเรื่องทางโลกนะ ทางโลกเพราะอะไร เพราะเขาไว้เนื้อเชื่อใจกัน เครดิตของเขามี ไอ้เราไม่มีเครดิต

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราทำของเรามา สายป่านใครสายป่านมัน แต่อริยสัจมีหนึ่งเดียว จะทุกข์จนเข็ญใจ จะเศรษฐีมั่งมีขนาดไหน เวลาเป็นจริงขึ้นมาต้องเข้าสู่อริยสัจ เข้าสู่มรรค ถ้าไม่เข้าสู่มรรค ไม่มีการกระทำ เศรษฐีเดี๋ยวมันก็กินสมบัติเก่า เดี๋ยวก็หมด คนทุกข์จนเข็ญใจถ้าเข้มแข็งทำของเขา คนทุกข์จนเข็ญใจเดี๋ยวเป็นเศรษฐีขึ้นมา มันอยู่ที่อริยสัจ อยู่ที่สัจธรรม คนเราไม่ได้ดีที่การเกิด ไม่ได้ดีที่สถานะ ดีที่ความเพียร ดีที่ความวิริยอุตสาหะ ดีที่ศีล สมาธิ ปัญญา ดีที่การกระทำ มันดีตรงนี้ไง ถ้าดีตรงนี้ขึ้นมา เราฝึกฝนขึ้นมาให้เป็นของเรา ทำบุญกุศลทำเป็นสมบัติของเรา แล้วฝึกหัดภาวนาขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญาให้เกิดกับเรา เราทำเพื่อประโยชน์กับเรา ประโยชน์กับเรานะ

การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ การเกิดเป็นมนุษย์เกิดเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีคุณค่ามากๆ มนุษย์มีคุณค่ามากๆ แล้วมนุษย์มีโอกาส ๑๐๐ ปีเท่านั้นน่ะ เวลาจะตายไปเดี๋ยวตายหมดนะ แล้วเวลาตายหมด ทำงานอะไรกัน ก็ทำงานเพื่อโลกไง

ดูโลกสิ ความเปลี่ยนแปลงมันมาขนาดไหน แล้วเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันเกิดมาซ้ำๆ ซากๆ จำตัวเองได้ไหม ไม่มีใครจำตัวเองได้เลย แต่ถ้าเวลาพิจารณาไป ปฏิบัติไป มันรู้มันเห็นของมัน มันมหัศจรรย์ มันเศร้า ธรรมสังเวช สังเวชกับชีวิต สังเวชกับสิ่งที่เป็นจริงอยู่นี่ แล้วก็ต้องหมุนไปอย่างนี้ ยังจะต้องไปอยู่อย่างนี้ แล้วก็สังเวช เวลามันไปรู้ไปเห็นมันสังเวช มันแก้ไม่ได้นะ แต่ถ้ามันพิจารณาไปด้วยมรรคด้วยผล เดี๋ยวมันแก้ของมันเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป กุปปธรรม อกุปปธรรม มันมีคุณธรรมขึ้นมาในใจเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป บุคคล ๔ คู่ หัวใจนี้เป็นผู้เป็น เวลาเป็นขึ้นมาแล้วนะ ถอดถอนขึ้นมา ถอดถอนพิษในหัวใจทั้งหมด ถอดถอนอวิชชาในใจทั้งหมดให้เป็นสัจจะเป็นความจริงของเรา ฟังธรรมเพื่อคุณธรรมในใจ เอวัง