เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๕ ก.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังธรรมะ ธรรมคือสัจธรรม สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่มีชีวิต ศีล สมาธิ ปัญญาเกิดขึ้น เกิดขึ้นจากจิต ถ้าเกิดขึ้นจากจิตเป็นสิ่งที่มีชีวิตไง

 

กิเลสมันก็มีชีวิต มันควบคุมสัตว์โลก ควบคุมหัวใจของสัตว์โลก กิเลส กิเลสมันคืออะไร กิเลสมันคือสมุทัย สมุทัยคือตัณหาความทะยานอยากของใจนั้น ถ้าตัณหาความทะยานอยากของใจนั้นมันอยู่ในหัวใจนั้นๆ ถ้าอยู่ในหัวใจนั้น ฟังธรรม ฟังธรรมเพื่อให้เข้าถึงตัวมัน ถ้าเข้าถึงตัวมัน มันต้องมีสติมีปัญญาเป็นสิ่งที่มีชีวิต ไม่ใช่รูปแบบไง

 

ถ้ารูปแบบ การศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษามา ศึกษามาด้วยความจำ ศึกษามาด้วยทางวิชาการ วิชาการก็เอาไว้บนหิ้ง แล้วเวลาตัวเอง พฤติกรรมคนก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เป็นอย่างนั้น

 

เวลาเขาบอกจะปฏิรูปศาสนาๆ ถ้าปฏิรูปศาสนา เขาไปปฏิรูปศาสนา ปฏิรูปตรงไหน จัดไว้ให้สวยๆ ให้คนมาเที่ยววัด...ไปสวนลุมฯ ก็ได้

 

ไปวัดมันมีข้อวัตรปฏิบัติ วัตรปฏิบัติวัดหัวใจของคน ถ้าวัดหัวใจของคน คนที่มาวัดต้องสำรวมระวัง คนที่เขามีวัฒนธรรมนะ เวลาจะเข้าวัดเขาจอดไว้ข้างนอก เราเจอบ่อยมาก เขาจะเดินเข้ามานะ ถามโยมมาอย่างไรล่ะ

 

เอารถมา

 

ไว้ไหน

 

จอดข้างนอก เกรงใจ

 

เขาเกรงใจเพราะอะไร เกรงใจเพราะสำนักปฏิบัติ สำนักปฏิบัติเขาต้องการความสงบสงัด เขาไม่ต้องการเสียงอึกทึกครึกโครม ฉะนั้น เวลาพระปฏิบัติ พระปฏิบัติเขาถึงหลีกเร้น เวลาหลีกเร้น สังคมโลกเขาบอกว่าไม่จริง ถ้าจริงต้องภาวนากลางสนามหลวงสิเว้ย

 

เวลาลูกหลานเรานะ เวลาลูกหลานเราเกิดมาแต่ละคน เวลาเกิดมาแต่ละคน เราต้องดูแลรักษามันอย่างดีใช่ไหม ลูกหลานก็ไปเกิดกลางสนามหลวงสิ มันติดเชื้อโรคตายหมดนะ นี่ก็เหมือนกัน เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเขาก็ต้องสงบระงับใช่ไหม

 

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดนะ ชีวิตนี้สิ่งที่ได้มา เวลาจะได้มา เห็นไหม เวลาถอยรถออกจากอู่คันหนึ่ง มันก็ต้องซ่อมบำรุง ต้องมีการตรวจเช็คพร้อมใช้งานใช่ไหม นี่ก็เหมือนกัน ชีวิตนี้คลอดออกมาจากอู่ จากครรภ์ของมารดา คนเราเกิดมามีกายกับใจๆ เวลาวัฒนธรรมประเพณีก็เรื่องของร่างกาย เรื่องของร่างกายนะ หาอยู่หากิน หามาเพื่อความดำรงชีวิตไง แต่เวลาธรรมะๆ ขึ้นมา เรื่องของหัวใจไง ถ้าเรื่องของหัวใจๆ เวลามันทุกข์มันยาก ธรรมโอสถ ถ้าธรรมโอสถ สิ่งที่กายกับใจมันเกี่ยวเนื่องกัน มันเกี่ยวเนื่องกันนะ

 

เวลามันหิวมันกระหายขึ้นมามันก็มีทุกข์มียากขึ้นมา เวลาคนกิเลสหนาจะกินอะไรก็กินเพื่อกาม กินเพื่อเกียรติ กินเพื่อศักดิ์ศรี มื้อละเป็นล้าน เวลาพระเรา พระเราบิณฑบาตเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง สิ่งที่ตกบาตรสิ่งใดก็ได้ ถ้ามันตกบาตร เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง คนที่สูงส่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา เป็นพระอรหันต์ บิณฑบาตเลี้ยงชีพทุกวัน นี่ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ของเราที่เป็นสัจจะเป็นความจริง ท่านไม่ทอดทิ้งธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ศาสดาองค์ต่างๆ ทำมาอย่างไร ย้อนว่า ประเพณีของพระอริยเจ้า ประเพณีของศาสดา ดูสิ เวลาพระเจ้าสุทโธทนะนิมนต์ไปโปรดที่เมือง แล้วไม่ได้นิมนต์ไว้ เช้าขึ้นมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกบิณฑบาต พระเจ้าสุทโธทนะนี่ อู้ฮู! ทำไมลูกมันมาขายขี้หน้าได้ขนาดนี้นะ ลูกกษัตริย์ออกบิณฑบาต นี่มันขอทาน ก็พ่อไม่นิมนต์ไว้ ถ้านิมนต์ นิมนต์ฉันก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ไม่นิมนต์ไง

 

นี่ไง จะถือสิทธิ์ เวลาถือสิทธิ์ว่าเป็นพ่อเป็นลูก เป็นพ่อเป็นลูกมันก็เกิดมาในวัฏฏะใช่ไหม แต่ศาสดาเป็นธรรมวินัย เป็นตัวอย่างใช่ไหม ออกบิณฑบาตเป็นวัตร เลี้ยงชีพขึ้นมา เลี้ยงชีพขึ้นมาเพื่อดำรงชีพนี้ไว้ ชีวะๆ สิ่งที่มีชีวิตมันมีคุณค่า มีคุณค่าที่ไหน มีคุณค่าต่อเมื่อมีสติมีปัญญา มีสติปัญญาเลือกเฟ้นสิ่งใดดีงาม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คนทำดีต้องได้ดี คนทำชั่วต้องได้ชั่ว ถ้าคนทำคุณงามความดี ความดีเป็นความดีวันยังค่ำ เราจะรู้หรือจะไม่รู้มันก็เป็นความดีของมันใช่ไหม แต่นี่เราต้องส่องกล้อง อะไรดี อะไรชั่ว นี่พื้นฐาน พื้นฐานของเราชาวพุทธขึ้นมา

 

คนเราถ้ามีอำนาจวาสนานะ ผิดชอบชั่วดีมันรู้ของมัน แต่คนพาลมันไม่รู้จักความผิดชอบชั่วดีของมัน ถ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีของมัน นี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าควรข่มคนที่ควรข่ม ควรส่งเสริมยกย่องคนที่ควรยกย่อง ควรยกย่องคนที่ดี คนที่มีใจเมตตา ใจเป็นธรรม ควรยกย่องเขา ทำดีเท่านั้นน่ะ นี่ทำดีทางโลก มันเหมือนแทงหวย ถูกรางวัลที่ ๑ รางวัลที่ ๒ มันจะได้ผลตอบแทนเท่านั้น

 

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำแล้วจบ ทำดีทิ้งเหวไง คำว่า “ทำดีทิ้งเหว” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดานะ ครูบาอาจารย์ของเราท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านต้องการอะไร ท่านไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น มันไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้นเพราะอะไร เพราะท่านหาของท่านพร้อมแล้ว อย่างเรานะ เรามีความสุขความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตของเราแล้ว เราต้องการอะไรอีก เราต้องการอะไรอีก

 

แต่เว้นไว้แต่ทางโลกมันไม่มี ทางโลกไม่มีคือกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันไม่เคยอิ่ม มันไม่เคยพอหรอก แต่ในทางธรรมๆ ถ้ามันอิ่มหนำสำราญแล้ว มันจบแล้ว มันมีอะไรอีก มันไม่มีอะไรแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติของท่าน ท่านสิ้นสุดแห่งทุกข์แล้ว ท่านต้องการสิ่งใดอีก ท่านไม่ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้นเลย ถ้าไม่ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้น ดำรงชีพไว้ทำไม

 

มารนะ เวลาบอกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าให้ตายไปเถอะ นิพพานไป เขาว่านิพพานมันยอดเยี่ยม ก็ตายไปสิ อยู่ทำไมล่ะ ตายไปสิ เพราะอะไร เพราะถ้าอยู่แล้วมันมีชีวิตเป็นแบบอย่างไง ครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่มีสิ่งใด ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว ท่านดำรงชีพ ไม่ต้องการสิ่งใดเลย ถ้ามีสิ่งใดขึ้นมามันของเกิน อย่างเรา เราสมบูรณ์แบบแล้ว เขามาฝากของไว้ ถือไว้ ต้องถือหนักมือไปตลอดเวลานะ เขาฝากไว้ เอาไปคืนเขา นี่มันไม่มี ถ้าเอามาก็มาฝากไว้เกิน มันของเกินทั้งนั้นน่ะ มันไม่มีความจำเป็น ถ้ามันมีความจำเป็น ความจำเป็นตอนที่ท่านขวนขวายสิ

 

นี่ไง สามเณรน้อย ภิกษุที่บวชใหม่ เราชาวพุทธ บริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราส่งเสริมกัน เราดูแลกัน เราเพื่อคุณงามความดีของเรา นี่ไง เราก็อยากได้บุญกุศลไปข้างหน้าใช่ไหม คำว่า “บุญกุศล” คือทำคุณงามความดีไง ถ้าทำคุณงามความดี จิตใจเป็นสาธารณะเพื่อสังคม เพี่อสังฆะ เพื่อความมั่นคง

 

เวลาบวชลูกๆ ใครเอาลูกมาบวช พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป เห็นไหม เวลามันเป็นปัญหา พ่อแม่ได้ ๑๖ กัปเพราะอะไร พ่อแม่ได้ ๑๖ กัปเพราะค้ำจุนศาสนาไง มาค้ำจุนศาสนา มาค้ำจุนศาสนาไว้ทำไม ค้ำจุนศาสนาไว้ให้เพื่อที่อนุชุนรุ่นหลังได้ศึกษาได้เล่าเรียนไง นี่ไง ฝังในพระพุทธศาสนา

 

เวลาคนเราทำบุญกุศลๆ หาเงินได้ ๑ บาท เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่สลึงหนึ่ง ใช้จ่ายเราสลึงหนึ่ง ไว้ประกอบธุรกิจสลึงหนึ่ง อีกสลึงหนึ่งถึงได้ฝังดินไว้ๆ ฝังดินก็มาฝังไว้ในศาสนานี่แหละ

 

ถ้าเป็นความจริงๆ คุณงามความดี ความดีก็คือความดี มีอะไร ทำไมต้องเห่อเหิมทะเยอทะยาน ไม่มี ความดีคือความดี ความดีคือจบแล้วก็เป็นความดีน่ะ ความดีก็คือความดี ความชั่วก็คือความชั่ว มันเป็นสัจจะเป็นความจริงในตัวของมัน ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงในตัวของมัน เห็นไหม

 

แต่เวลาคนเราเกิดมามีกายกับใจๆ เวลาร่างกาย ร่างกายเป็นธรรมชาติ เวลาหิวเวลากระหายนี่เป็นเรื่องธรรมชาติของมัน แต่คนที่มีกิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจมากขึ้น นั่นแหละเป็นความทุกข์มากขึ้น แต่ดูสิ ดูสมัยโบราณของเรา เวลาท้องไร่ท้องนา ผักหญ้าเก็บกินได้ตามสะดวกตามสบาย เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทั้งนั้นเลย อะไรก็ไม่ได้ ไปเก็บสิ สารพิษทั้งนั้น ไปเก็บของเขา เขามีสิทธิ์ทั้งนั้น ต้องควักตังค์ซื้อทั้งนั้น นี่ไง โลกเจริญๆ ไง

 

แต่เมื่อก่อนของเราเป็นความมีน้ำใจต่อกัน เป็นเรื่องระดับของทาน ให้กัน เจือจานกันๆ นี่พระพุทธศาสนาสอนอย่างนั้น แต่โลกมันเจริญๆ พระพุทธศาสนาในเมืองไทยก็เลยเป็นพระพุทธศาสนาทุนนิยม อะไรอุดมสมบูรณ์ไปหมด แล้วเราก็จะส่งเสริมกันๆ เวลาส่งเสริมๆ นะ ส่งเสริม

 

ประเพณีวัฒนธรรมของเรา ผู้มีศีล พระกับโยมมันมีระยะห่างต่อกัน เวลาพระก็เป็นพระ พระบอกเป็นลูกชาวบ้าน พระก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง สิทธิเสมอกัน ประชาธิปไตย มันว่านะ

 

แต่เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเรานะ แม้แต่พระด้วยกัน เวลาอยากได้บุญกุศล คนเราประพฤติปฏิบัติ คนเรานั่งนะ ๕ ชั่วโมง ๑๐ ชั่วโมงเป็นปี หลายๆ ๑๐ ปี มันกดดันตัวเองมาก ความกดดันตัวเองมาก ถ้ามีสิ่งใดพอพยายามที่มันจะเล็ดลอดไปได้ มันก็อยากจะเล็ดลอดไป ถ้ามันอยากเล็ดลอดไป มันมีสิ่งใดที่เข้ามาเจือจานล่ะ

 

เวลาจะทำบุญกุศล อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ มันได้บุญๆ ทั้งนั้นน่ะ คำว่า “ได้บุญ” เพราะอะไร เนื้อนาบุญไง โยมเขาแสวงหาเนื้อนาบุญใช่ไหม ถ้าเรามั่นใจในครูบาอาจารย์ของเราว่าท่านเป็นพระอรหันต์ พูดอย่างนั้นเลย หลวงปู่มั่นเป็นพระอรหันต์

 

เวลาเช้าขึ้นมา เวลาหลวงปู่ฝั้น ครูบาอาจารย์ท่านพยายามจะไปเอาน้ำอุ่นไปเพื่อให้ท่านล้างหน้า เวลาวันนี้ตี ๔ ไป โอ๋ย! มีพระมารออยู่แล้ว พรุ่งนี้กูมาตี ๒ ตี ๓ พรุ่งนี้มาตี ๔ เขาแย่งชิงกันนะเพื่ออุปัฏฐากอุปถัมภ์ท่าน เพื่ออะไร ก็เพื่อได้บุญกุศลไง เราได้อุปัฏฐากอุปถัมภ์ครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมๆ เราได้บุญกุศลบ้าง ถ้าได้บุญกุศลบ้าง ย้อนกลับมาๆ เออ! คืนนี้ถ้ากูนั่งภาวนานะ มันต้องไปได้เนาะ เออ! อู้ฮู! ๑๒ ชั่วโมง ๑๓ ชั่วโมงมันกดดันมาก กดดันมาก นี่มันหาทางออก หาทางออกกันนะ เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติเขาหาทางออก ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไง แล้วคุณงามความดีอย่างนี้ ความดีอย่างนี้มันเป็นบุญกุศลขึ้นมาไง ถ้าบุญกุศลขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับใคร เพื่อประโยชน์กับหัวใจดวงนี้ไง

 

นี่ไง คนเรามีกายกับใจๆ เวลาเรื่องของร่างกาย ทุกคนก็ต้องแสวงหา คนเราเกิดมามีปากมีท้อง ทุกคนต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยทั้งนั้น ชีวิต ออกซิเจน อาหารอันละเอียด นี่ไอ้พวกอาหารเลี้ยงปาก เลี้ยงธาตุขันธ์ ออกซิเจนขาด ๕ นาทีตาย มันไม่เห็นคุณค่าของมันเลย ถ้ามีคุณค่าๆ ขึ้นมา อาหารอันละเอียด อาหารหยาบๆ ขึ้นมา แล้วอาหารใจล่ะ ความทุกข์ความยากในหัวใจ ที่มาวัดมาวากันก็เพื่อเหตุนี้แหละ ธรรมโอสถๆ เพื่อบรรเทามัน

 

เสียสละทาน เราเป็นผู้ให้ เราภูมิใจ เราภูมิใจ ภูมิใจนี่คือบุญ คือความอบอุ่นในใจของเรา ได้ทำแล้วนะ อ๋อ! กลับบ้านไปแล้วนะ เราต้องไปเผชิญหน้าของเรานะ หน้าที่การงานของเรา ทุกอย่างของเรานะ เราทำแล้วขอให้มันปลอดโปร่งๆ คำว่า “ปลอดโปร่ง” ขอให้มันผ่านพ้นไป สิ่งใดที่มันเป็นทุกข์เป็นยากให้มันผ่านพ้นไป

 

แต่ไอ้ความเผาลนในหัวใจ ไอ้ไฟสุมขอน อวิชชา ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ ในสโมสรสันนิบาตที่กำลังมีความรื่นเริงกันอยู่นั่น ทุกดวงใจว้าเหว่ เพราะมันเสร็จงานแล้วไปไหน กลับบ้าน บางคนเสร็จงานแล้วไม่อยากกลับบ้าน กลับบ้านไปแล้วมันทุกข์มันร้อน ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ คนที่เกิดมามีทุกข์ในใจเป็นอริยสัจเป็นความจริง แต่พวกเราไม่รู้ไม่เห็น พวกเราทำของเราไม่ได้

 

ถ้าพวกเราทำของเราได้ เรามารื้อค้นของเรา ทุกข์มันเป็นอริยสัจ ทุกข์มันเป็นความจริง ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป ทุกข์มันคืออะไร ทุกข์คือสิ่งที่ทนไว้ไม่ได้ นั่งแล้วอย่าลุกนะ นอนแล้วอย่าลุกนะ อิ่มแล้วต้องกินต่อเนื่องนะ...ไม่ได้

 

ทุกข์คือความทนอยู่ไม่ได้ อิริยาบถของเราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ มันทรมาน มันเปลี่ยนแปลงจนเคยไง นี่ไง สัจจะความจริงมันเป็นอย่างนั้น แล้วเราเกิดมาทำไมล่ะ เราเกิดมา ความเกิดมามันเป็นเรื่องธรรมชาติ จิตนี้มันต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันมีเวรมีกรรมของมัน ลมต้องพัด เวลาลมมันพัด มันเกิดเพราะอะไร เกิดเพราะอากาศมันร้อน มันลอยตัวขึ้น มันเกิดลมขึ้นมา

 

จิตมันมีเวรมีกรรมของมัน มันต้องหมุนเวียนของมันไปโดยธรรมชาติของมัน แล้วมันมีเวรมีกรรม มันมีอวิชชานี่แหละ พอมันเกิดขึ้นมาแล้ว คนที่มีบุญกุศลมา คนเกิดมาไม่เท่ากัน เวลาลมพัดเอื่อยๆ ลมพัดพอประมาณ มีความสุขนะ ลมพัดแรงๆ บ้านเรือนเราพังหมดนะ

 

นี่ก็เหมือนกัน อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของคน จริตนิสัยของจิต จริตนิสัยของมัน มันพัดแรงพัดเบาในหัวใจของคน หัวใจของคนมันเป็นของมันโดยธรรมชาติของมัน โดยธรรมชาติของมัน นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รื้อค้นๆ ขึ้นมา รื้อค้นขึ้นมา เห็นไหม กายกับใจๆ เราเกิดมา เราเกิดมาแล้ว สิ่งที่มีคุณค่า ชีวิตของเรามีคุณค่ามาก สิ่งที่มีชีวิต สิทธิมนุษยชนนี่ แหม! เขาถือกันมาก แล้วให้สิทธิ์กัน แต่เราอย่าไปล่วงสิทธิ์คนอื่น อย่ารอนสิทธิ์คนอื่น

 

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มนุษย์เป็นผู้ฉลาด ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกมนุษย์โง่กว่าสัตว์ โง่กว่าสัตว์คือสัตว์ป่า สัตว์ป่ามันมีอิสรภาพของมัน มนุษย์ต้องเขียนกฎหมายไว้รอนสิทธิ์กันเอง เพราะว่าสิทธิมันกระทบกระเทือนกัน นี่มนุษย์โง่กว่าสัตว์เพราะขีดเส้นตัวเองทั้งนั้น ต้องขีดเส้น ต้องมีกฎหมาย ไม่มีกฎหมาย มันเอารัดเอาเปรียบกัน มันล้นฝั่ง นี่ความคิดของคนๆ แต่ธรรมโอสถแล้วจบนะ

 

เราคนดี คนดีๆ มันจะไปทำอะไรให้ผิดกฎหมาย เราเป็นคนดีๆ เราไปทำอะไรให้มันล่วงเกินกฎหมาย เราไม่ทำหรอก ถ้ามันล่วงเกินกฎหมาย แล้วความดีของเรา ดีคืออะไร ดีคือความสุขสงบในหัวใจของตน ในบ้านของตน ในครอบครัวของตน ในสามีภรรยาของตน พ่อแม่ลูกหลานอยู่ด้วยกันร่มเย็นเป็นสุข ลูกหลานคุยกันรู้เรื่อง ลูกหลานพูดกันเข้าใจ โอ๋ย! มีความสุขเนาะ

 

แต่มันไม่เข้าใจ มันไม่อยากกลับบ้านนะ บ้านไม่อยากกลับ ตึงเครียด แล้วเราต้องอบรมสั่งสอนบ่มเพาะของเราขึ้นมา แต่มันมีกรรมเก่า กรรมใหม่ไง พ่อแม่บางคนแสนดี

 

เราพูดบ่อยมาก มีครอบครัวหนึ่ง พ่อเป็นหมอ แม่เป็นหมอ ลูกเป็นหมอ แล้วลูกมีปัญหา ปัญหาจิตผิดปกติ เขาถามเลย “นี่มันกรรมอะไรๆ ผมเกิดมาผมคิดไม่ได้เลยว่าเคยทำอะไรที่ไม่ดี แล้วมันดีหมด แล้วนี่มันกรรมอะไรๆ” เรียกร้องกันไง

 

เวลาถึงที่สุดแล้วกรรมมันให้ผลๆ กรรมให้ผลเพราะอะไร เพราะพ่อก็เป็นหมอ แม่ก็เป็นหมอ ตัวเองก็เป็นหมอ รักษานี่อาจารย์หมอทั้งนั้น ศาสตราจารย์ทุกแขนงทุกโรครักษาทั้งนั้นก็ไม่หาย เขาเองเขาก็พามาหาเรา คุยกับเราไง นี่พูดถึงเขาพยายามบีบคั้นให้เราบอกว่ามันเป็นเพราะอะไร ว่ากรรมๆ กรรมอะไร

 

เหมือนกับว่าพระพุทธศาสนาเป็นลัทธิยอมจำนน อะไรก็ยกให้กรรม ถ้าพูดไม่ได้ กรรม ถ้าพูดได้ แจ้วๆๆ เชียว แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้นะ อจินไตย ๔ พุทธวิสัย โลก ฌาน กรรม เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบุพเพนิวาสานุสติญาณย้อนอดีตชาติไปไม่มีวันจบวันสิ้น แล้วภพชาติใด ภพใด ชาติใดที่ทำสิ่งใดไว้ ทำดีๆ ขึ้นมา อยากให้ความดีสนองตน แต่ความชั่วไม่เอา บาปกรรมไม่เอา ขาดแคลนไม่เอา จะเอาแต่ความดีทั้งนั้น

 

พระอนุรุทธะ ดูเกิดมาสิ อธิษฐานไว้เลย สิ่งที่ไม่มีต้องไม่มีในชีวิตของตน ต้องสมบูรณ์แบบหมด เวลาไปเล่นทอยสะบ้ากัน แพ้ ก็เอาขนมมาแจกกันจนหมดไง พอหมดแล้ว แม่ทำไว้หมดแล้ว ทีนี้ก็ให้คนใช้ไปเอาที่บ้านอีก เพราะแพ้เขาอีกแล้ว ไปถึง แม่บอกว่าไม่มี หมดแล้ว คนใช้ก็มาบอกว่าไม่มี หมดแล้ว

 

เอาขนมไม่มี

 

ก็กลับไป คนใช้ก็ไปพูดกับแม่อีก แม่บอกโอ้โฮ! ลูกเรานี่ไม่รู้จักคำว่า “ไม่มี” เนาะ เอาถาด เอาฝาชีครอบ แล้วเอาไปให้ลูก จะสอนลูกว่ามันไม่มีมันคือแบบนี้ เวลาเปิดออกมา ขนมนี่กลิ่นอายมันหอมไปทั่วบริเวณนั้นเลย โอ้โฮ! พอลูกได้กลิ่นขนมนั้นน้อยใจ แม่ไม่รักเราจริง ถ้าแม่รักเราจริง ขนมไม่มีต้องให้กินตั้งนานแล้ว ไอ้ขนมไม่มีนี่ไม่เคยได้กินเลยตั้งแต่เกิดมา

 

นั่นน่ะขนมทิพย์ สิ่งที่เขาทำให้เพราะด้วยอำนาจวาสนาบารมีของเขา เขาได้สร้างของเขามา

 

สิ่งใดที่เราขึ้น เราพยายามขวนขวายของเราด้วยสุดความสามารถของเรา ถ้าเราได้สร้างสมบุญญาธิการมามันจะประสบความสำเร็จ ถ้ามันไม่ได้สร้างสมบุญญาธิการของเรามา เราพยายามทำต่อเนื่องของเรา เราพยายามสร้างสมของเรา เรามุมานะของเรา คนเรามันต้องประสบความสำเร็จ คนเรามันต้องทำได้ ถ้าทำไม่ได้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาไม่ได้ ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาไม่ได้

 

การเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาคือการชนะตนเอง การชนะกรรมในใจของตน การกระทำสิ้นสุดแห่งทุกข์ในใจของตน นั่นต้องทำขึ้นมาๆ มันต้องมีความเพียรชอบ ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ คนเราจะเป็นคนดีคนชั่วเพราะการกระทำ เพราะความเพียรของตน เอวัง