เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒o ก.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรม วันนี้วันพระ วันโกน วันพระเราแสวงหาบุญกุศลเพื่อหัวใจของเราๆ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เวลาเกิดเป็นมนุษย์ ทุกคนเห็นคุณค่าของทรัพย์สินเงินทอง ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณ เขาเห็นคุณค่าตรงนั้น แต่เวลาถ้าชาวพุทธจริงๆ แล้วเขาเห็นคุณค่าการเกิด การเกิดคือสิ่งที่มีชีวิตไง เห็นคุณค่ากับชีวิต ถ้าสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีคุณประโยชน์กับชีวิตนี้ เห็นไหม

 

เวลาแสวงหาทางโลก สิ่งที่ว่าเป็นแก้วแหวนเงินทอง ข้าวปลาอาหารไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เวลาเลี้ยงหัวใจๆ ไง คนที่เลี้ยงหัวใจ เวลาครูบาอาจารย์ของเราอยู่ในป่าในเขาฉันมื้อเดียว บางทีอดอาหาร ๗ วัน ๑๐ วัน สิ่งที่ปัจจัยเครื่องอาศัยท่านไว้วาง แต่ท่านบำรุงหัวใจของท่านๆ ถ้าหัวใจของท่านนะ สัจธรรมๆ ธรรมโอสถ สิ่งนั้นมีคุณประโยชน์มาก

 

พระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อกรรม กรรมดี กรรมชั่ว คนทำกรรมดีมา กรรมดีมาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธสัตว์สร้างสมบุญญาธิการมา สร้างคุณงามความดีมา อำนาจวาสนาเต็ม เวลาอำนาจวาสนาเต็มนะ ท่านทำสิ่งใดไป ทำสิ่งใดไปก็แล้วแต่ มันจะมีสิ่งที่บุญกุศลมาส่งเสริม ไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เราต้องเป็นเช่นนั้นหรือ

 

ดูสิ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะสร้างบุญกุศลมาเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เวลาเกิดมาเป็นลูกเศรษฐี ไปเที่ยวเล่น ไปเที่ยวดูมหรสพสมโภช มันไม่สนุกเลย มันจืดชืดเลย ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาทางออกๆ นี่ไง ธรรมโอสถๆ สิ่งที่เราทำบุญกุศลกันอยู่นี้ ทำเพื่อหัวใจดวงนี้ หัวใจดวงนี้ พันธุกรรมของจิตๆ มันได้ตัดแต่งที่ดีขึ้น ทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีให้จิตดวงนี้

 

เวลาคนดีทำความดีได้ง่าย ทำความชั่วได้ยาก คนชั่วทำความชั่วง่าย ทำความดียาก ตอกย้ำแต่ความชั่วๆ สิ่งใดที่เป็นความชั่วๆ นั่นน่ะชอบ นี่ไง นี่กิเลสตัณหาความทะยานอยากไง คนเลวร้ายทำความชั่วได้ง่าย ทำความดีได้ยาก ทำความได้ชั่วไหลลื่นเลยนะ ไม่ต้องทำสิ่งใด ความชั่วธรรมดาไม่มีคนมายุมาแหย่มันก็ไปอยู่แล้ว ถ้ามีคนมายุมาแหย่ มีคนมาชักมานำไปหมดเลยไง

 

แต่คนทำความดีๆ ทำแสนยาก ทำความดีแสนยาก ดูสิ เห็นเขาทุจริต เขาทำความชั่วกัน ลองไปแจ้งความสิ บ้านเดือดร้อนหมดล่ะ นี่ทำความดีมันแสนยาก แต่เราจะทำ จะทำเพราะอะไร เพราะว่าจิตใจของเขา เขาได้สร้างคุณงามความดีของเขามา สร้างคุณงามความดีของเขามา เขาเห็นสิ่งใดที่ขัดหูขัดตา ขัดหูขัดตาเพราะมันเป็นสันดาน มันเป็นจริตนิสัยที่เขาทำคุณงามความดีของเขามา คนดีทำความดีได้ง่าย ทำความชั่วได้ยาก ทั้งๆ ที่ทำคุณงามความดีนั้นมันมีแต่เภทภัยทั้งนั้นน่ะ มันต้องเผชิญกับอิทธิพลทั้งนั้นน่ะ ทำคุณงามความดีๆ

 

นี่ไง เวลาเราบอกว่าเราบวชเป็นพระแล้วจะสุขสบายๆ ไง เราอยู่ทางโลกมันแสนทุกข์แสนยาก เวลามาบวชเป็นพระก็เหมือนกัน จะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา วัดไหนที่เขากินเป็นหมูเลย อู้ฮู! สิ่งใดอุดมสมบูรณ์ สิ่งใดอลังการ ใครๆ ก็จะไปวัดนั้นไง

 

แต่หารู้ไม่ เวลาอยู่กับหลวงตา หลวงตาท่านบอกเลย ไม่ได้ เราเป็นพระหนุ่มเณรน้อยมาก่อน เวลาได้นม ได้สิ่งใดมา ฉันเข้าไปแล้ว คนที่มีจิตใจที่เป็นบุญกุศลเขาสังเกตของเขาตลอดเวลา นี่ธรรมโอสถๆ ไง มันไม่ถึงกับว่าเราจะไปรักสาวหรอก ไม่ถึงกับที่จะเป็นเรื่องทางโลกหรอก แต่มันก็มีผลกระทบกับร่างกายนี้ นี่คนที่มีปัญญา

 

ครูบาอาจารย์ที่ท่านขนาดนั้นท่านไปรักสาวที่ไหน ท่านจะไปแสวงหาสาวที่ไหน ท่านไม่ไปหรอก แต่เวลากินอาหารเข้าไป สิ่งที่มันปรนเปรอขึ้นไป มันรู้ถึงผลกระทบ มันรู้ถึงร่างกายที่มันต้องการอะไร รู้ขนาดนั้นเลยนะ ท่านเลยบอกท่านบิณฑบาตสิ่งใดมา ถ้าได้นมเนยมา ท่านจะไปถวายพระหลวงตา หลวงตาในวัดผู้ที่ชราภาพแล้ว ร่างกายมันทรุดโทรม มันก็ควรได้อย่างนั้น นี่คนที่ใจเป็นธรรมนะ นี่เวลาเจอสิ่งนั้นมาแล้ว

 

เวลาอยู่วัดป่าบ้านตาดท่านบอกเลย พระหนุ่มเณรน้อยไม่ควรฉันนะ นมไม่ควรฉัน แล้วพอไม่ควรฉันแล้ว ไอ้พวกมันดื้อด้าน จิตใจที่มันติดในรสชาติ ท่านชี้หน้าเลยนะ ถ้าใครกินนมต่อหน้าไม่ใช่ลูกศิษย์เรา องค์นั้นไม่ใช่ลูกศิษย์เรา ไม่ใช่ ไม่ใช่ ถ้าลูกศิษย์เรามันต้องฉันแต่พอประมาณ ฉันแล้วรู้ เพราะอะไร เพราะคนที่ฉันนั้นน่ะมันทานกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตนไม่ไหว พอมันทานกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากไม่ไหว ครูบาอาจารย์ที่ดีท่านเตือน คำว่า “เตือนๆ” นั่นไม่ใช่ลูกศิษย์เรา นั่นไม่ใช่ลูกศิษย์เรา ใครฉันนมยูเอชทีต่อหน้า ชี้หน้าเลย ไม่ใช่ลูกศิษย์เรา นี่เราอยู่กับครูบาอาจารย์มาอย่างนี้

 

ไม่ใช่ว่า โอ้โฮ! อลังการ แหม! ฉันก็ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไอ้นั่นหรือเป็นธรรม มันเป็นธรรมไหม สิ่งที่มันเป็น มันเป็นบุญกุศลของคนนะ คนเรา ดูสิ เราปากกัดตีนถีบ เราได้สิ่งใดมา ข้าวทัพพีหนึ่งมันก็เป็นบุญกุศลของเรานะ ข้าวทัพพีนั้นด้วยจิตใจเจตนาที่ดี เจตนาที่อยากสร้างบุญกุศล แต่เรามันทุกข์จนเข็ญใจ ข้าวทัพพีเดียว

 

ข้าวทัพพีเดียว เวลาพระสารีบุตรทำให้พระผู้เฒ่าเป็นพระอรหันต์ เขาเป็นคนทุกข์คนเข็ญใจ เขาอยากจะบวชมาก ไปที่ไหนก็ไม่มีใครบวชให้ๆ จนไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประชุมสงฆ์เลย “ทุคตะเข็ญใจคนนี้มีบุญคุณกับใคร”

 

พระสารีบุตรยกมือเลย “เคยมีบุญคุณกับกระผมครับ”

 

“เขามีบุญคุณอะไรกับเธอ”

 

“เคยใส่ข้าวผมทัพพีหนึ่งครับ”

 

“อย่างนั้นเธอบวชให้”

 

พระสารีบุตรเอาคนนั้นบวช เห็นไหม จิตใจที่เป็นกุศล ใจที่เป็นกุศล คนที่ปากกัดตีนถีบสิ่งนั้นน่ะมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าเขาอยู่แล้ว เขาได้อุตส่าห์เสียสละชนะใจของตน เขาไม่มีสิ่งใดที่มีคุณค่ามากกว่านั้น เขาก็ข้าวทัพพีหนึ่ง

 

ข้าวทัพพีนั้นน่ะเป็นเหตุ เป็นเหตุให้เขาได้บวช ได้บวชเป็นพระที่ดี ให้บวชเพราะพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวา เป็นเสนาบดีแห่งธรรม เป็นผู้มีปัญญา เวลาบวชไปบวชกับท่าน ท่านฝึกท่านสอน ท่านอบรมบ่มเพาะจนได้เป็นพระอรหันต์น่ะ นี่มันพูดถึงคนที่ถ้าจิตใจเป็นธรรมๆ นะ ธรรมโอสถมันแสวงหาตรงนั้นไง มันไม่ต้องความอลังการ

 

แต่ถ้ามันจะเป็นความอลังการของนางวิสาขา พระเจ้าปเสนทิโกศล เวลาจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่งเครื่องทรง เวลาเข้าไปทองคำทั้งนั้นน่ะ ไปถึง ก่อนเข้าวัดเข้าวาถอดวางไว้ที่นั่น แล้วเข้าไปหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย นั่นเวลาคนที่เขามีอำนาจวาสนาของเขา เขาต้องการทำด้วยความประณีต นั่นมันก็เรื่องของเขา ถ้าเป็นเรื่องของเขา เรื่องของเขาเพราะว่าบุญกุศล ทานอันประณีต ทานอันประณีตของเขา เขามีอำนาจวาสนาของเขา

 

ไอ้เรามันทุกข์จนเข็ญใจ เราไม่มีอำนาจวาสนาจะได้รับทานอย่างนั้น เราก็ไม่ต้องไปทุกข์จนเข็ญใจ ไม่ต้องไปดิ้นรน ไม่ต้องไปแข่งขันกับโลกไง นั่นกิเลสทั้งนั้น

 

ถ้าเป็นวันพระ วันโกน เราจะทำบุญกุศลของเรา ด้วยน้ำใจของเรา ด้วยคุณค่าของเรา สิ่งนี้เราตักตวงบุญกุศลเข้าหัวใจของเรา เราไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร นี่คืออำนาจวาสนาของเรา เราเกิดมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เชื่อกรรมๆ ไง เราได้สร้างบุญกุศลมามากน้อยขนาดไหน ถ้าเราได้สร้างบุญกุศลมากน้อยขนาดไหน นั่นน่ะคุณงามความดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ ถ้าเป็นอริยทรัพย์ เรามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน ถ้าเรามีสติปัญญามากน้อยของเรา เราจะแสวงหาผลประโยชน์ของเรา เราจะแสวงหาคุณงามความดีของเรา เราจะสร้างสมคุณงามความดีของเรา

 

พันธุกรรมของจิตๆ คือการตัดแต่งนี้ พันธุกรรมของจิต คำว่า “พันธุกรรมของจิต” คือการบุญกุศล ทำคุณงามความดีของเรา ให้จิตใจของเราให้มันดีงาม นี่พันธุกรรมของจิตๆ

 

แต่ถ้าพวกทุจริตนะ ในการชักนำ อันนั้นเราไม่เชื่อ พระพุทธศาสนาสอนให้มีสติมีปัญญา อย่าเป็นเหยื่อใครทั้งสิ้น กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เวลาถ้ามีศรัทธาความเชื่อ เชื่อในพระพุทธศาสนา เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วผู้ที่ชักนำของเรา เห็นไหม คนเราอยู่ด้วยกันนะ ศีลจะรู้ได้ต่อเมื่ออยู่ด้วยกัน พระอยู่ด้วยกันจะรู้เลยว่าคนไหนเข้มแข็ง คนไหนอ่อนแอในศีล ถ้าในศีล คนที่เข้มแข็ง สิ่งใดที่มันผิดมันพลาดเขาจะหลีกเลี่ยง เขาจะไม่ทำ คนไหนที่อ่อนแอ เขาทำของเขา

 

ศีลจะรู้ได้ต่อเมื่ออยู่ด้วยกัน ธรรมจะรู้ได้ต่อเมื่อเวลาแสดงธรรมๆ เวลาพูดออกมาโง่หรือฉลาดไง ถ้าฉลาด มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด สิ่งที่อลังการฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนั่นน่ะมันเป็นการติดข้องทั้งนั้นน่ะ แล้วถ้าติดข้องแล้ววางไม่ได้ด้วย จะทำสิ่งใด ใครไม่มองหน้า กูไม่เก่ง กูไม่แน่ไม่ได้ด้วย ไม่ยอม ติดข้องอยู่อย่างนั้นน่ะ นี่มรรคหยาบ ว่าเป็นความดีไหม เป็นความดีเล็กน้อย

 

แต่ความดี เราทำสิ่งใดแล้ว เราทำแล้วเราวาง มรรคหยาบๆ เราจะเอามรรคอย่างกลาง เอามรรคอย่างละเอียด เราจะเอาคุณงามความดีที่มากขึ้นไปกว่านี้ คุณงามความดีที่มากขึ้นไปกว่านี้ ดูสิ ผู้ที่มาจำศีลในวัดในวา เขานั่งสมาธิภาวนา มีทานร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ถือศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับทำสมาธิหนหนึ่ง สมาธิร้อยหนพันหนไม่เท่ากับเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาหนหนึ่ง

 

เขาทำมันมากมายขนาดไหน แต่ไม่มีอะไรเป็นวัตถุเลย มองไม่เห็นสิ่งใดๆ เลย แต่หัวใจของเขามีคุณค่าไหม หัวใจของเขาได้สร้างสมขึ้นมาให้มันมั่นคงไหม ถ้ามันมั่นคงขึ้นมา พระพุทธศาสนาเจริญ เจริญมาจากไหน เจริญมาจากใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์นั้นองค์เดียว สั่งสอน ๓ แดนโลกธาตุองค์เดียว นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

แล้วเวลาครูบาอาจารย์ของเราเวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมาในป่าในเขา ท่านปฏิบัติของท่าน ท่านทำคุณงามความดีของท่าน มันต้องไปโหยหาการนับหน้าถือตามาจากไหน มันต้องการให้คนยกย่องสรรเสริญมาจากไหน ไอ้นั่นกิเลสทั้งนั้น ล้อมหน้าล้อมหลัง ไปไหนมีแต่ความอลังการ แล้วได้อะไรขึ้นมา

 

เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์นะ เวลาท่านบอกเลย พระที่ดีเวลาสนทนากัน สนทนาเรื่องสัลเลขธรรม ธรรมแห่งการมักน้อยสันโดษ ธรรมแห่งการวิเวก ธรรมแห่งการทำความสงบของใจ ใจสงบแล้วเป็นสมาธิหรือไม่ ได้เกิดภาวนามยปัญญาหรือไม่ เวลาเขาสนทนากัน เขาสนทนากันเรื่องคุณธรรม เขาสนทนากันเรื่องมักน้อยสันโดษ การหาที่สงัดวิเวก แล้วเวลาสนทนาแล้ว สนทนา ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ให้มีสติให้มีปัญญา เราคุยกันด้วยเหตุด้วยผล อย่าเอาสีข้างเขาถู อย่าเอาทิฏฐิมานะ อย่าเอาอาวุโสว่ายิ่งใหญ่แล้วกดขี่เขา

 

ถ้าคนที่ใจเป็นธรรมนะ การเคารพ เคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา เราไม่ก้าวล่วงอยู่แล้ว ไม่ก้าวล่วงธรรมและวินัยอยู่แล้ว ถ้าเอ็งอาวุโส กูยอมรับอยู่แล้วว่าเอ็งอาวุโส แต่เอ็งมีคุณธรรมหรือไม่ อาวุโสแล้วเที่ยวย่ำยีเหยียบย่ำเขาไม่มีประโยชน์อะไรหรอก อาวุโสแล้วมีเมตตาธรรม รู้จักเมตตาธรรม รู้จักหัวอก เพราะอะไร เพราะกว่าที่จะเป็นอาวุโสมันต้องเป็นทารกนั้นมาก่อน

 

หลวงตาท่านพูดประจำ เราเป็นพระเล็กพระน้อยมาก่อน ท่านบอกเลย ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่น เหมือนบ๋อยในวัดนั้น รับผิดชอบไปหมด ดูแลรักษาไปหมด ท่านเคยเป็นพระเล็กพระน้อยมาก่อน คนที่เป็นพระเล็กพระน้อยมาก่อน ด้วยความรับผิดชอบ ด้วยการซื่อสัตย์ เขาทำอย่างไรมา แล้วกว่าจะเป็นอาวุโสขึ้นมา อาวุโสขึ้นมาด้วยการเหยียบย่ำขึ้นมาใช่ไหม อาวุโสขึ้นมาด้วยการไม่ทำอะไรเลย นอนกระดิกเท้าใช่ไหม รอแต่อายุพรรษามากขึ้น แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน หลวงตาบอก ๑๐๐ พรรษาก็ไม่พ้นนิสัย มันจะพ้นนิสัยได้ด้วยสติด้วยปัญญาของมัน ด้วยความรอบรู้ อะไรควรไม่ควร

 

นี่ไง เวลาพระที่เป็นธรรมๆ นะ หลวงตาท่านพูด เราสะเทือนใจนะ เวลาท่านเทศน์ เราเป็นพระผู้น้อยมาก่อน เราเป็นพระผู้น้อยมาก่อน คนที่โตขึ้นมามันต้องเป็นทารกมาทั้งนั้นน่ะ คนไม่เป็นทารกมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้อย่างไร พระที่จะเป็นอาวุโสมันจะต้องผ่านกาลเวลา อยู่กับครูบาอาจารย์ที่เป็นธรรมเป็นวินัย ขอนิสัยๆ หลวงตาท่านได้นิสัยหลวงปู่มั่นมา เวลาหลวงปู่มั่นเวลาท่านทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์กับใคร

 

นี่เวลาไปแสดงธรรมขึ้นมา “มักน้อยสันโดษ ไม่ต้องการอะไร” ลับหลังมันมับๆๆ หลอกลวงเขาทั้งนั้น ถ้ามักน้อย ไม่ต้องอวดใคร พฤติกรรมความเป็นอยู่นั่นน่ะรู้ คนข้างวัดเขารู้นะ วัดนั้นดีหรือชั่ว เว้นไว้แต่คนข้างวัดเป็นคนพาล ถ้าเป็นคนพาลนะ เขาก็จะเอาแต่ผลประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ คนที่เป็นพาลเห็นวัตถุมีค่า ยศถาบรรดาศักดิ์ โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โมฆบุรษตายเพราะลาภ ไอ้พวกติดยศติดลาภตายหมด เบ็ดมันเกี่ยวปาก แล้วก็ดิ้นอยู่นั่นน่ะ ดิ้นไม่หลุด

 

คุณงามความดีๆ ทำดีมันต้องได้ดีอยู่แล้ว ทำความดี ถ้าทำความดี ถ้าจิตใจเขาเป็นธรรมนะ เขาเห็นความดีนั้น เขาเคารพบูชาของเขา นั่นก็เป็นคุณธรรมในใจของเขา ดูสิ เวลาพระสารีบุตร ใจท่านเป็นธรรม ท่านเป็นพระอรหันต์นะ ท่านเป็นอัครสาวกเบื้องขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ทุคตะเข็ญใจใส่บาตรแค่ทัพพีเดียว พระสารีบุตรยังบอกมีคุณกับเราๆ

 

คนที่เขาเป็นธรรมเขาโง่เง่าเต่าตุ่นไม่รู้อะไรเลยหรือ เขารู้ทั้งนั้นน่ะ แต่อะไรเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่พูดอย่างนั้น พระสารีบุตรท่านก็เก็บไว้ในใจของท่าน คนคนนี้เขาได้ใส่บาตรทัพพีหนึ่งแล้ว เขาได้บุญกุศลของเขา บุญกุศลเต็มหัวใจของเขา แต่เวลามันเกิดวิกฤติขึ้นมา จะขอบวช ไม่มีใครบวชให้ ไม่มีใครบวชให้เพราะเขาเป็นคนทุกข์คนเข็ญใจไง เวลาคนทุกข์คนเข็ญใจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้ถามท่ามกลางสงฆ์ไงว่าเขาเคยมีบุญคุณกับใคร ทุคตะเข็ญใจคนนี้เคยมีคุณกับใคร

 

ถ้าเป็นคนมีคุณกับใครนะ ถ้าเป็นเราอยู่ในท่ามกลางสงฆ์ไม่กล้ายกมือหรอก เพราะเขาเป็นทุคตะเข็ญใจ ถ้าบอกมีคุณกับเราแสดงว่าเราต่ำต้อยนัก แต่พระสารีบุตร ท่ามกลางสงฆ์น่ะ ท่านเป็นอัครสาวกเบื้องขวาด้วย ยกมือขึ้นเลย

 

อย่างเรานี่นะ ถ้าคนทุกข์คนจนมา ไม่รู้จัก เออ! ถ้าเศรษฐีมานี่ โอ๋ย! อดีตชาติได้มีบุญกุศลกันมา ถ้าเศรษฐีมานี่ โอ้โฮ! แลบลิ้นแผลบๆๆ เลย คนทุกข์คนเข็ญใจมันไม่รู้จัก

 

นี่พระสารีบุตรยกมือขึ้นท่ามกลางสงฆ์ ต่อหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมมันเป็นธรรม ความดีเป็นความดีที่ฝังในใจ ไม่ต้องเอามาอวดมาโชว์กัน ไอ้อวดโชว์ การประชาสัมพันธ์ การโฆษณาชวนเชื่อ ก็คำว่า “การโฆษณาชวนเชื่อ” มันเป็นความจริงมาจากไหน ถ้าเป็นความจริงๆ ขึ้นมา ไม่ต้องโฆษณาหรอก ความดีคือความดี ไปมุดอยู่ในถ้ำก็ความดี อยู่บาดาลก็ความดี ถ้าเอ็งมีธรรม อยู่ที่ไหนก็ความดี ความดีคือความดี ความชั่วให้อยู่บนสวรรค์ก็ชั่ว เทวดายังรบราฆ่าฟันกันอยู่นะ ถ้าเป็นความชั่ว ถือว่าตัวเองมีคุณค่า มีอำนาจวาสนา นี่ว่ามีความดี ดีมาจากไหน

 

ถ้าเป็นความดีนะ นี่พูดถึงธรรมโอสถไง ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริงแล้วมันอยู่ในใจของเรา ถ้าอยู่ในใจของเรานะ เห็นไหม เวลาครูบาอาจารย์ท่านเจอหน้ากัน เห็นหน้ากัน มันถึงใจ มันซึ้งในหัวใจ ไม่ต้องมาฉาบฉวย ไม่ต้องมาอวด ไม่ต้องมาโชว์ ไอ้อวดโชว์ อยากทั้งนั้นน่ะ คนจริงเขาไม่แสดงตัวหรอก แล้วสิ่งที่เป็นความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ นี่พูดถึงความจริง อยู่ที่ไหนก็เป็นความจริง

 

เราจะบอกว่า ทำดีแล้วมันต้องได้ดี

 

“โอ๋ย! ทำดีเกือบตายไม่เห็นได้อะไรเลย อยู่กลางอากาศ อยู่กับความว่างเปล่า”

 

อ้าว! แล้วเอ็งชอบการคลุกคลีใช่ไหม เอ็งชอบการล้อมหน้าล้อมหลังใช่ไหม แล้วคนที่ไม่คลุกคลี จิตใจเขาทำไมถึงมาคลุกคลีล่ะ ทำไมเขาไม่นั่งอยู่ห่างๆ แล้วสาธุการล่ะ

 

ความจริงๆ เป็นอย่างนั้น ดีคือดี ชั่วคือชั่ว คนดีทำดีได้ง่าย ทำชั่วได้ยาก คนชั่วทำชั่วได้ง่าย ทำความดีได้ยาก ทำแต่ความชั่ว โฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงทั้งนั้น

 

แต่ความจริงๆ พระพุทธศาสนา ศาสนาแห่งความจริง ความจริงทำไปเถอะ ทำคุณงามความดีของเราแล้วไม่ต้องไปวิตกกังวลกับเรื่องใครๆ ทั้งสิ้น ขอให้เรามั่นใจในคุณงามความดีของเรา แล้วเราทำคุณงามความดีของเราเพื่อหัวใจของเรา สร้างสมบุญญาธิการที่นี่ ถ้าสร้างคุณงามความดีที่นี่ ถ้าจิตใจมันดีงามไปแล้ว พอไปนั่งสมาธิภาวนา มันสำคัญเวลาไปนั่งสมาธิภาวนา เพราะเราปฏิบัติมาก่อน จะเป็นอาบัติเล็กๆ น้อยๆ กิเลสเอามายุเอามาแหย่ สมาธิแตกหมด นั่งไม่ลงหรอก

 

แต่ถ้ามันทำให้เรียบร้อยซะ แล้วมันเป็นความปกติ แล้วไปนั่งสมาธิมันก็ได้ดีขึ้น แล้วพอเป็นสมาธิ สัมมาสมาธิ อย่าเป็นมิจฉา นั่งสัปหงกโงกง่วงแล้วบอกเป็นสมาธิ นั่งเผลอนั่งหลับแล้วบอกเป็นสมาธิ มันเป็นไปไม่ได้หรอก

 

ถ้าเป็นสมาธิ จิตใจมันจะแจ่มใส มันจะมีกำลังของมัน เป็นสัมมาสมาธิยกขึ้นสู่วิปัสสนาขึ้นมา นี่พระพุทธศาสนาทำให้มันชัดเจนดีงาม ไม่ใช่มาคลุมๆ เครือๆ ว่างๆ ว่างๆ ว่างๆ อะไรก็ไม่รู้ ว่างๆ

 

คนว่างๆ ไม่รู้ได้อย่างไร ว่างๆ ไม่รู้มันก็มิจฉาน่ะสิ ถ้าเป็นสัมมามันชัดเจนของมันนะ สติสมบูรณ์ ขาดสติแล้วการกระทำนั้นเป็นมิจฉาทั้งหมด ถ้าสติสมบูรณ์แล้วมันจะเผอเรอไปไหน ถ้ามันจะตกภวังค์ มันจะสู้ไม่ได้ นั่นก็เพราะความโง่ของเรา เป็นเพราะธาตุขันธ์มันทับจิต ก็แก้ไขๆ ขึ้นไป เพราะอะไร เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไปเฝ้าพุทธะในใจของเรา เราจะเอาความจริงของเราไง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอยู่ท่ามกลางหัวใจ นี่ไง ชีวิตที่มีค่าๆ ไง

 

สิ่งที่เกิดมามันมีค่ามาก ชีวิตนี้มีค่ามาก ถ้ามีค่ามาก ปล่อยชีวิตให้มันร่วงโรยไป ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดก็ตายไป แล้วก็ไปเกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไปเกิดเป็นหมูเป็นหมาให้เขาเชือดเป็นอาหารเขาอีกใช่ไหม นี่เราเป็นคน ใครจะเชื่อไม่เชื่อมันเป็นสิทธิ์ของเขา ใครจะไม่เชื่อ มึงทำความชั่วไปเกิดเป็นหมูเป็นหมาด้วยกรรมนั้น ยืนยัน

 

แต่ทำความดี ความดีคือความดี ถ้าศีล ๕ มีมนุษย์สมบัติก็เกิดเป็นมนุษย์สมบัติอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะหมดกิเลส ถ้าไม่หมดกิเลสมันจะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ นี่ผลของวัฏฏะ ที่เกิดนี้ผลของวัฏฏะ แต่เกิดมาแล้วมีบุญกุศล ได้ฟังธรรมๆ แล้วพยายามวินิจฉัยแก้ไขเรา พาจิตใจเรา ถ้ามันจะเกิดอยู่ก็ให้เกิดสูงขึ้นๆ นี่พันธุกรรมของจิต ตัดแต่งให้มันดีขึ้น เราตัดแต่งเองด้วยสติด้วยปัญญาของเรา เราทำของเราเองเพื่อประโยชน์กับเรา เราทำเพื่อหัวใจดวงนี้ เอวัง