เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ ก.ย. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่๑๖ กันยายน ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ฟังธรรมะนะ ฟังธรรมเพื่อสัจธรรม เห็นไหม สูงสุดสู่สามัญ สูงสุดสู่สามัญ ถ้าเป็นความจริงแล้วเรียบง่าย ถ้าเป็นความจริงแล้วไม่มีกติกาใดๆ ทั้งสิ้น คำว่า กติกา” กติกานี้เอาไว้บังคับคนมีกิเลสไง คนเห็นแก่ตัว คนเบียดเบียนคนอื่น คนเอารัดเอาเปรียบคนอื่น มันต้องมีกฎระเบียบขึ้นมาเพื่อความเสมอภาค ความเสมอภาคขึ้นมา

พระก็มาจากคนๆ ถ้าพระมาจากคน พระก็ปรารถนาความสุขเหมือนกัน แต่ปรารถนาความสุข เวลาพระบวชมาแล้วคิดว่าจะกินดีอยู่ดีเพื่อความสุขของตน มันอยู่ไปแล้วใจมันร้อนทั้งนั้นน่ะ

แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราอยู่ป่าอยู่เขาขึ้นมา ดูสิ หลวงปู่หล้า หลวงตาท่านเล่าประจำ บิณฑบาตมาได้สิ่งใดที่ถูกใจโยนเข้าป่าๆ โยนเข้าป่าเพื่ออะไร สู้กับกิเลสของตนไง ใครบ้างที่ไม่อยากกินอาหารที่ถูกใจ

ความถูกใจๆ เด็กคนไหนก็แล้วแต่ ด้วยวัฒนธรรม วัฒนธรรมของใครก็แล้วแต่ ตั้งแต่เด็กมาพ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างไรมันจะชอบกินอาหารแบบนั้น วัฒนธรรมการกินไง มันไม่ใช่มีใครสูงกว่าดีกว่าหรอก แต่เป็นเพราะความเคยชิน เพราะความเคยชินขึ้นมา พอมันได้สิ่งใดมามันก็ปรารถนาสิ่งนั้น เวลาท่านจะแก้กิเลสของท่าน ท่านจับโยนทิ้งๆๆ เอาแต่สิ่งที่มันไม่ดี เอาแต่สิ่งที่กิเลสมันไม่ต้องการ

เวลาหลวงตาท่านจะฉันอาหารของท่าน ท่านบอกเลย ให้แค่นี้ เพราะท่านจะภาวนา ให้แค่นี้ ๕ คำ ๓ คำ ๒ คำ ให้แค่นี้ ไม่ให้มากกว่านี้

นี่เราบอกว่าเราอยากจะอยู่สุขอยู่สบาย อยู่สุขอยู่สบาย พระก็มาจากคน พระก็ต้องปรารถนาความสุขเหมือนกัน ถ้าปรารถนาความสุข ความสุขมันมาจากไหน ความสุขก็ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ถ้าใครเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาชำระล้างกิเลสของใจของตนแล้ว สูงสุดสู่สามัญ สู่สามัญคือว่ามันไม่มีสิ่งใดมีค่าเท่ากับธรรมะในใจของครูบาอาจารย์ของเรา

ธรรมะที่มีคุณค่ามันเกิดมาจากไหน เกิดจากศีล สมาธิ ปัญญา คุณค่าธรรมะเกิดมาจากไหน เกิดมาจากคนที่มีหัวใจ หัวใจนี้มันสัมผัสธรรมได้ๆ ความทุกข์ความยาก ใจนี้สัมผัสทั้งนั้น ความดีความงาม ความสุข ใจนี้สัมผัสทั้งนั้น ใจของเราเป็นผู้สัมผัส ใจของเราเป็นผู้สัมผัส ใจของเรานี่ ใจของเรามีคุณค่า ถ้ามีคุณค่าขึ้นมา

ดูกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำมัน เวลาครอบงำมันนะ อยากได้โดยวุฒิภาวะมันอ่อนแอไง อยากได้ๆ อยากได้อะไร สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ ความทุกข์ความยาก คนเวลาพลัดพรากจากกันน่ะ จะเป็นจะตายนะ น้ำตานี่ท่วมทุ่งเลยนะ สองวันมันเลิกแล้ว สองวันมันไปหาคนใหม่แล้ว นี่ไง ความทุกข์เป็นอนัตตา มันไม่อยู่กับมึงหรอก แต่เวลามันอยู่ อยู่เพราะว่าความโง่ พอโง่ขึ้นมาไปผูกพันกับสิ่งนั้น นี่ไง สิ่งนั้นถ้ามีสติปัญญา ทุกข์มันเป็นอนัตตา อนัตตาเป็นอย่างไร

นี่ไง พระก็มาจากคน พระปรารถนาความสุขเหมือนกัน แต่ความสุขของพระนะ ถ้าทำได้ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เวลาศึกษาแล้วมหัศจรรย์นะ นี่มันฆ่ากิเลสๆ ไง บุคลาธิษฐาน เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฆ่ามาร ตอนนั่งบัลลังก์ เวลาพญามารมาผจญ “เราได้ทำบุญกุศลมามหาศาล อ้างแม่พระธรณีนี้เป็นพยาน” แม่พระธรณีบีบมวยผมนะ มารตายหมดเลย

เราไปจ้างน้ำบาดาลเจาะเลยนะ เอาน้ำท่วมให้ตายให้หมดเลย มันไม่ตายหรอกกิเลสน่ะ เขาเอาไว้ทำการเกษตรกรรม เอาไว้ใช้สอย

นั่นเป็นบุคลาธิษฐาน เป็นธรรมะอันหนึ่ง เห็นไหม พิณสามสายๆ ถ้าตึงไปมันก็ขาด หย่อนไปมันก็ไม่ดัง พอดีๆ พอดีนี่มันเป็นธรรมาอธิษฐานให้ได้คิด ให้ได้ฉงนใจ ให้ฉงนสนเท่ห์ ให้เฉลียวใจ ให้เราได้คิดน่ะ ให้เราได้คิด ให้เราได้ย้อนกลับมาในมุมมองของเรา ให้สติปัญญาเราเกิดขึ้นมา

สติปัญญาเกิดขึ้นมา สิ่งที่มีคุณค่าๆ คุณธรรมนะ ถ้ามีคุณธรรมขึ้นมา มารยาทก็พอแล้วแหละ หนึ่ง มีมารยาท เรามีน้ำใจต่อกัน สิ่งใดที่เขาปรารถนาได้ก่อน ให้เขาไป เราเอาเท่าที่เราพอใช้พอสอยของเรา นี่พูดถึงว่าการแสวงหาทางโลกนะ แล้วเรามีเวลาแล้วหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

คนนะ ถ้ามีสติปัญญา เช้าขึ้นมาเขาออกกำลังกายของเขาเพื่อให้สุขภาพกายเขาแข็งแรง เขาจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เราเป็นผู้ที่ฉลาดมีสติสัมปชัญญะ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เราจะรักษาหัวใจของเราตลอดเวลา เราจะไม่ปล่อยหัวใจของเราให้กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำ ถ้าหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธได้แสดงว่าเรามีสติ เรามีสติ เราระลึกถึงตัวเราได้ สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดคือหัวใจของเรานะ คือชีวิตของเรานี่ ถ้าตายแล้วจบนะ

นี่ไง ดูสิ อาฬารดาบส อุทกดาบส องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยไปศึกษากับเขา เวลาระลึกถึงว่าจะสอนใครก่อนๆ เพราะเคยศึกษากับเขา แสดงว่าเขามีน้ำใจ เขามีสมาบัติ ๖ สมาบัติ ๘ ควรสอนเขาก่อน พอกำหนดดูแล้ว อ๋อ! เขาเพิ่งตายไปเมื่อวานนี้ เวลาคนตายไปแล้วหมดโอกาสนะ

แล้วก็มีคนเขาบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนาคตังสญาณ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน ๓ โลกธาตุ ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตามไปสอนอุทกดาบส อาฬารดาบสล่ะ

เวลาเขาตายไปแล้วเขาไปเกิดเป็นคนใหม่นะ จิตของอาฬารดาบส อุทกดาบสไปเกิดเป็นพรหม ถ้าเกิดเป็นพรหมมันก็มีทิฏฐิมานะขึ้นมา เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไปแสดงธรรม “พรหม เธอจำเราได้ไหมเราเป็นพระพุทธเจ้า” มันจำไม่ได้หรอก มันจำของมันไม่ได้ มันไม่รู้

นี่ไง ที่ว่าไม่ไปสอนๆ ไม่ใช่ว่าไม่ไปสอนเพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่รู้ ไม่ไปสอนเพราะว่าโอกาสของเขาได้แปรสภาพของเขาได้เป็นภพชาติใหม่ขึ้นมา ภพชาติใหม่ขึ้นมา ถ้าเขามีวาสนาขึ้นมาเขาก็เป็นคนที่มีคุณธรรม ถ้าคนที่จิตใจเป็นธรรม ถ้าเขามีทิฏฐิมานะ เขามีกิเลสสูงส่ง เขามีอีโก้ เขาบอกว่าเขายิ่งใหญ่ เอ็งจะมาสอนอะไรข้า ข้าเป็นพรหมนะมึง เอ็งเป็นมนุษย์ เอ็งมาสอนอะไรข้า

นี่ไง เวลาคนถาม ถามมาเรื่อยเปื่อย ไอ้เราเวลาถามมานะ ทำไมเป็นอย่างนั้นๆ

อ้าว! ก็เราไม่เป็นพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไรล่ะ พระพุทธเจ้ารู้ นี่ไง พระพุทธเจ้าถึงไม่ได้ไปสอน

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่มีค่าที่สุดคือชีวิตของเรานะ ถ้าเรามีชีวิตของเรา อดีตอนาคต สิ่งที่ผ่านมาเป็นอดีตทั้งนั้นน่ะ อดีตที่มันทำมาๆ ทำมาให้เรามาเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา อนาคตจะหวังมั่งหวังรวยยิ่งใหญ่นะ

เอาปัจจุบันนี้ เอาเป็นความดีตรงนี้ ถ้าเอาความดีตรงนี้นะ ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมานะมันสุดยอด สุดยอดหนึ่ง คุมดูแลหัวใจของเราไม่ให้ทุกข์ก่อน แล้วพอไม่ให้ทุกข์แล้ว พฤติกรรมความเป็นอยู่ของเรามันก็จบไง

ดูสิ คนโลภมาก คนเห็นแก่ตัว คนทำลายเขา น่าเกลียด แล้วผลออกมาคือเป็นบาปอกุศลสร้างแต่เวรแต่กรรมในใจของเขา แล้วเขาได้มา เขาได้มานะ แล้วสุดท้ายแล้วไอ้เวรกรรมนั้นมันเป็นอย่างไร

แต่ถ้าของเรานะ เรามีสติปัญญาของเรา ได้มากได้น้อยมีสติปัญญาเท่าทัน ได้มากได้น้อยก็สิทธิของเรา ได้มากได้น้อยก็น้ำพักน้ำแรงของเรา น้ำพักน้ำแรงก็เป็นสมบัติของเรา สมบัติของเรามันสุจริตได้มาโดยธรรม เรามีอำนาจวาสนาแค่นี้ ถ้าเรามีสติปัญญามากกว่านี้ เราก็แสวงหาได้มากกว่านี้ ถ้ามากกว่านี้ขึ้นมา เราก็รักษาของเราด้วยสมบัติของเรา

ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา เราเสียสละเพื่อเป็นสาธารณะ เพื่อประโยชน์ประโยชน์กับสังคม ใครที่ทุกข์ที่ยากได้เจือจานจากเราไป เขาจะมีน้ำใจคิดถึงเรา เวลาเราทุกข์เรายากถ้ามีใครมาช่วยเหลือเจือจานเรา เราจะฝังใจเลยว่าคนนั้นมีบุญคุณต่อเราๆ ถ้ามันเกิดขึ้นมา เราสร้างบารมีแบบของเราอย่างนี้ แล้วสิ่งนี้เป็นแค่สมบัติทางโลก ถ้ามีสติปัญญามันเท่าทัน สติปัญญามันมีประโยชน์อย่างนี้ ประโยชน์ไม่ให้กิเลสมันปอกลอก ไม่ให้กิเลสมันเหยียบย่ำหัวใจของเรา

แล้วถ้ามีสติปัญญา เรามีการกระทำขึ้นมา มีสติ มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา นี่อริยทรัพย์ ทรัพย์อย่างนี้ที่มันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาจากหัวใจของเรา เห็นไหม

ทรัพย์สมบัติที่เราหาได้ เราพอใจได้ สิ่งใดจะเป็นทรัพย์ที่มีคุณค่า แต่ถ้าจิตเรามีสมาธิมีปัญญาขึ้นมา ที่มันมีค่าๆ มันรู้เท่าทันขนาดนั้นน่ะ นี่พูดถึงโลกียปัญญา ปัญญาที่ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราฝึกฝนของเราๆ ถ้าจิตเป็นสมาธิขึ้นมาได้ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีนะ แล้วจะเห็นคุณค่ามาก คนที่ทำสมาธิได้ ทำสมาธิได้จะกราบไหว้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจ ระลึกถึง อู้ฮู! สุดยอดๆ นี่สิ่งที่มีคุณค่าไง ไก่ได้พลอยๆ ไง เราเอาพลอยไปให้ไก่ ไก่มันไม่รับรู้หรอก

ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประเพณีวัฒนธรรมนะ นี่เรายังดี เรายังเชื่อปู่ย่าตายายของเรา เราเชื่อตามประเพณีของเรา เราทำบุญแล้วได้บุญ แต่บุญมันเป็นอย่างไร ถามว่า ทำบุญแล้วได้บุญอย่างไร บุญตัวมันเป็นอย่างไร บุญมันตัวกลมๆ ตัวแบนๆ บุญเป็นอย่างไร

บุญก็คือความสุขไง บุญก็คือความรู้เท่า บุญที่มีอำนาจวาสนาบารมีที่มีการจุนเจือต่อกันไง นี่มันเป็นบุญๆ ไง แล้วถ้าเป็นคุณธรรมในใจของเรา มันมีศีล มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมา มันยังมีคุณค่ามากกว่านั้น ถ้ามีคุณค่าขึ้นมากกว่านั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร สอน ๓ แดนโลกธาตุ โลกมนุษย์ โลกเทวดา อินทร์ พรหม นี่สอน ๓ โลกธาตุ

นี่ไง อย่างที่ว่า อาฬารดาบส อุทกดาบสมาเป็นพรหมแล้ว ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ไปสอน

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม เทวดา อินทร์ พรหมมาฟังเทศน์ พรหมถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ พรหมที่เขาอยากจะพ้นจากทุกข์ มันมีสัมมาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิคือคนเห็น คนเข้าใจ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ เทวดา อินทร์ พรหมส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ที่ส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ถ้าเขาเป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิคือคนแสวงหา คนหาคุณงามความดี เรามีทรัพย์สมบัติอยู่เท่านี้ ถ้าเรามีสมบัติมากกว่านี้ควรจะเป็นอย่างใด เรามีคุณธรรมขนาดนี้ ถ้าเราจะเจริญงอกงามขึ้นมาเป็นอย่างไร ถ้าเรายังมีทุกข์อยู่ในหัวใจ ถ้าทุกข์มันพ้นจากเราไปแล้ว ทุกข์อันละเอียดยังมีอยู่อีกหรือไม่ ค้นหาขึ้นไปนะ

คนที่มีสัมมาทิฏฐิเขามีสติมีปัญญา เขาขวนขวายหาคุณงามความดีต่อเนื่องขึ้นไป ถ้าเป็นเทวดา อินทร์ พรหมที่เป็นสัมมาทิฏฐิจะมาฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเทวดา อินทร์ พรหมที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ดูสิ มันก็จองล้างจองผลาญทำลายกัน

การทำลายกันน่ะ ในทุกสังคมมีทั้งคนดีและคนเลวไง สิ่งต่างๆ มันมีของมันอยู่อย่างนั้น ถ้าเป็นความดี นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาสอน ๓ แดนโลกธาตุ สอน ๓ แดนโลกธาตุ

มนุษย์คนหนึ่งเวลาทำความสงบของใจขึ้นมา ถ้ามีคุณธรรมขึ้นมาในหัวใจ เห็นไหม เราก็เหมือนกัน เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าเราทำของเราขึ้นมาเป็นความจริงขึ้นมาในใจของเรา มันมีค่า มีค่าอย่างนี้ มีค่ามากๆ มีค่ามากๆ แล้วเรา ถ้าเรามองข้าม เหมือนเราดูถูกตัวเราเองนะ

นี่เวลาหลวงตาท่านพูดเราซึ้งมาก “หัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือ หัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือ”

เวลาทางโลกกัน ไปร้องศูนย์ดำรงไม่ทำ ศูนย์ดำรงไม่ทำ ไปร้องมันเถอะ มันไม่ทำหรอก นี่เวลามันเดือดร้อนขึ้นมาก็ไปร้องศูนย์ดำรงไม่ทำ ไปร้องอยู่นั่นน่ะ ร้องขอความเป็นธรรมๆ

นี่ไง จิตใจเรียกร้องความช่วยเหลือ เรียกร้องความช่วยเหลือจะไปร้องใคร เวลาไปฟังธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ นี่เวลาชักนำ ชักนำพระองคุลิมาลจากเป็นมหาโจรจนเป็นพระอรหันต์ นี่ไง ด้วยอะไร ก็ด้วยธรรมไง ด้วยการชักนำไง จะไปให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอามรรคเอาผลยัดเข้าไปในหัวใจอย่างไร จะให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เป็นพระอรหันต์ขึ้นมามันเป็นไปไม่ได้

นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยวิธีการ รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยดำรงชีพเป็นตัวอย่าง รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยคุณธรรม รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยธรรมวินัย รื้อสัตว์ขนสัตว์ด้วยประเพณีวัฒนธรรม แล้วดัดแปลงหัวใจของเราๆ ถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เราจะดัดแปลงหัวใจของเรา มีการกระทำของเราขึ้นมา หัวใจนี้มันทำขึ้นมาให้มันเป็นประโยชน์ขึ้นมา เห็นไหม ถ้ามันจะสูงสุด มันสูงสุดอย่างนี้

เราเกิดเป็นมนุษย์นะ เกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ เกิดมานี่เรื่องอริยสัจ ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ เรายืนยันตลอด คนที่เกิดมาทั้งหมดทุกข์หมดเลย ไม่มีใครมีความสุขแม้แต่คนเดียว ยืนยัน จะมั่งมีศรีสุขขนาดไหนก็อมทุกข์ทั้งนั้นน่ะ ทุกข์ ทุกข์เป็นสัจจะ ทุกข์เป็นความจริง แล้วเราเกิดมาทำไมล่ะ

เราห้ามไม่ได้ มันเป็นผลของวัฏฏะ ในเมื่อมีจิตวิญญาณ จิตวิญญาณต้องแปรสภาพต้องเปลี่ยนแปลงมันไปตลอดเวลาด้วยอำนาจของกรรมดีและกรรมชั่ว กรรมดีก็เกิดดี กรรมชั่วก็เกิดมาทุกข์ๆ ยากๆ กรรมมากก็ตกนรกอเวจีไป แล้วมันฟื้นมา มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่สุดยอด หักเป็นวิวัฏฏะ ออกจากวัฏฏะได้ แต่ออกจากวัฏฏะได้มันต้องคนที่มีสติมีปัญญามีความมั่นคง แล้วขวนขวายของเรา

เราเกิดเป็นมนุษย์นะ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา นี่ทรัพย์สมบัติมหาศาลเลย เหมือนคนที่มีโอกาส สังเกตได้ไหม คนสมัครงานถ้าได้งานแล้วมันดีใจ นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราได้งานแล้วล่ะ แต่เราทำงานนั้นได้หรือไม่ เราจะยืนสัจจะความจริงในใจของเราให้เป็นประจักษ์พยานในใจเราหรือไม่

ศีล สมาธิ ปัญญานะ มันเป็นประจักษ์พยานกลางหัวใจของเรานะ คนที่ทำได้ ปัตจัตตัง สันทิฏฐิโกเป็นประจักษ์พยานเลย สดๆ ร้อนๆ สดๆ ร้อนๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสดๆ ร้อนๆ สมาธิก็สดๆ ร้อนๆ สดๆ ร้อนๆ ต่อเมื่อเราทำขึ้นมาได้ไง

เวลาไปทานอาหาร สั่งอาหารก็ต้องสดๆ ร้อนๆ ต้องควันขึ้นเลย ต้องทำสดๆ อาหารมันถึงมีรสมีชาติ นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นขึ้นมา เป็นขึ้นมากลางหัวใจสดๆ ร้อนๆ มันเป็นขึ้นมากลางหัวใจเลย แล้วมันเป็นขึ้นมา เป็นขึ้นมาด้วยอะไร เป็นขึ้นมาด้วยความขยันด้วยความหมั่นเพียร ด้วยสติด้วยปัญญาของเรานะ ด้วยสติด้วยปัญญาของเรา

เวลาครูบาอาจารย์ของเรา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอตทัคคะ ๘๐ องค์ พระอรหันต์เหมือนกัน ความสิ้นสุดกิเลสเป็นพระอรหันต์มาด้วยกันทั้งสิ้น แต่จริตนิสัยไม่เหมือนกัน ความถนัดไม่เหมือนกัน ไอ้ความถนัดนั้นมันจบไปแล้วแหละ ขอให้สิ้นกิเลสก่อน ถ้าสิ้นกิเลสแล้วมันไม่มีมารยาสาไถย ไม่มีเล่ห์กล ไม่มีลับลมคมใน ไม่มีหรอก

เล่ห์กล ลับลมคมในต่างๆ มันก็เป็นเรื่องของกิเลส แล้วถ้าชำระกิเลสไปแล้วมันไม่มีเล่ห์กล ไม่มีลับลมคมใน ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มันทำอะไรด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วทำขึ้นมา แต่ความถนัดมันแตกต่างกัน

นี่ย้อนกลับมาเรานี่แหละ ย้อนกลับมาที่ว่า นี่ไง ถ้ามันเป็นจริตนิสัย ถ้ามันชำระล้างกิเลสมันก็ด้วยมรรคด้วยผลเหมือนกัน ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาเหมือนกัน แต่ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาของมันก็ด้วยจริตนิสัย

คนที่บ้านใหญ่ คนที่สร้างบุญญาธิการมา เขาก็ต้องพยายามขวนขวายของเขา คนเรามีอำนาจวาสนาบารมี กระต๊อบห้องหอ เราก็ทำกระต๊อบห้องหอของเราให้พออยู่พออาศัย นี่มีการกระทำของมันขึ้นไป ถ้ามันเป็นความจริงๆ มันเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ มีการกระทำขึ้นมา มันถึงเป็นประจักษ์เป็นพยานเป็นความจริงในใจของตน มันถึงเป็นประจักษ์พยานในใจไง เป็นปัตจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก

ถ้าไม่มีประจักษ์พยานขึ้นมา ไม่เป็นความจริงขึ้นมา มันพูดไปเถอะ กิเลสมันล่อมันหลอก มันเล่ห์มันกลนะ มันพลิกมันแพลง ปลิ้นปล้อนอยู่อย่างนั้นน่ะ มันไม่เป็นความจริงขึ้นมาได้หรอก

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษามาเพื่อฆ่ากิเลส ไม่ใช่ศึกษามากิเลสบังเงา อ้างธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วตัวเองก็ซ่อนเร้นอยู่ข้างหลัง มันเป็นธุรกิจ เป็นกระแสสังคมไปนั่นน่ะ นั่นมันก็เป็นเรื่องโลกๆ ไปทั้งนั้นน่ะ นี่ไง นี่กระแสโลก คนโง่ คนฉลาด คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก เขาโคกับขนโค ถ้าเราฉลาดใช่ไหม กาลามสูตร ไม่เชื่อใดๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อสถานะบริษัท ๔ ถ้าสถานะเขาสูงส่งกว่าก็สาธุ มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา มันเป็นสิทธิ์ของเขา แล้วก็เป็นสิทธิ์ของเรา มันเรื่องของเขา เรื่องของเขากับเรื่องของเรา เรื่องของเราคือหัวใจของเรา เรื่องของเราต้องเป็นความจริงในใจของเรา เรื่องของเรามันต้องให้มันได้พิสูจน์ก่อน พิสูจน์เป็นความจริง ความจริงแล้วเราถึงจะเชื่อ ถ้าเชื่อขึ้นมาแล้ว ถ้าเราเอาจริงๆ ขึ้นมา เราจะประพฤติปฏิบัติของเรา แล้วเป็นความจริงขึ้นมา เห็นไหม นี่ไง สูงสุดสู่สามัญ

สูงสุดสู่สามัญ แต่กว่าจะสูงสุดได้เราต้องกระเสือกกระสนเข็นครกขึ้นภูเขานะ ครกมันย้อนทับเราแบนแต๊ดแต๋นั่นน่ะ ไม่มีตัวมีตนเราเลย เวลาประพฤติปฏิบัติเป็นของคนอื่นทั้งสิ้น แต่เวลาผลประโยชน์ล่ะจะเอา มันไม่มีหรอก ถ้าผลประโยชน์ของเขาก็ของเขา ถ้าใครไม่เปิดบัญชีก็โอนเงินเข้าไม่ได้ ใครหาหัวใจของตนไม่เจอ มรรคผลจะเกิดที่ตรงไหน คนทำนายังต้องมีนาเลย คนทำนาทำไร่เขาต้องมีพื้นที่ของเขา ถ้าไม่มีพื้นที่ของเขาต้องเช่า เช่าก็ต้องแบ่งครึ่ง แต่ถ้าเป็นของเขา ของเขาหมด เราต้องแสวงหาของเราอย่างนี้

นี่ไง หัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือๆ เขาไปเรียกร้องศูนย์ดำรงไม่ทำ ไอ้เราจะทำของเรา เราทำของเราขึ้นมา เขาไม่ทำแต่เราจะทำ เพราะอะไร เพราะมันเป็นผลประโยชน์กับเราทั้งสิ้น เราทำขึ้นมาให้เป็นประโยชน์กับเรา แล้วทำขึ้นมาให้เป็นสัจจะให้เป็นความจริงขึ้นมา พยายามฝึกฝน ผิดไม่เป็นไร คนไม่เคยทำอะไรผิดเลยคือคนไม่เคยทำงาน คนที่ทำงานผิดก็ช่างมันปะไร แต่ขออย่างเดียว กาลามสูตร อย่าเพิ่งเชื่อ ผิดแล้วก็ลอง ผิดแล้วพิสูจน์ พิสูจน์อยู่อย่างนั้นน่ะ ให้มันฟื้นขึ้นมาให้ได้ ให้มันเป็นขึ้นมาให้ได้ เพราะหัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือ หัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือ

ศูนย์ดำรงไม่ทำมันปล่อยปละละเลยเพราะมันไม่ใช่เจ้าของ ไอ้เราเป็นเจ้าของ ไอ้เราเป็นคนทุกข์คนยาก ไอ้เราเป็นคนเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไอ้เราเป็นคนอมทุกข์ เราเป็นเจ้าของ เราเป็นคนมีความทุกข์ความยาก เราทำ เราทำ ผิดถูกช่างมัน ทำกันไปก่อน ทำแล้วพิจารณาไป หาหนทางที่ถูกต้องดีงามขึ้นมา ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา เวลามันเป็นจริงขึ้นมามหัศจรรย์มาก สิ่งที่มีค่าๆ ไง ธรรมเหนือโลกๆ เหนือโลกอย่างนี้ เหนือโลก

แต่โดยทั่วไปคนเคยทำได้หนหนึ่งแล้วมันเสื่อมไป เหนือโลกอยู่ตอนที่มันทรงศีล สมาธิ ปัญญา เวลามันเสื่อมแล้วยิ่งกว่าเปรตอีกนะ ทำลายเขาไปทั่ว เวลากิเลสมันตีกลับ กรรมฐานม้วนเสื่อ

ถ้ามันธรรมเหนือโลกๆ เราต้องรักษาให้มันเป็นอุกุปปธรรม ให้เป็นสัจจะให้เป็นความจริงอยู่กับเราทั้งสิ้น กุปปธรรม อกุปปธรรม กุปปธรรมคือเจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญ อกุปปธรรม ธรรมที่ไม่เสื่อม มันไม่เสื่อม มันสัจจะความจริงเลย

ไอ้ที่เจริญแล้วเสื่อมๆ ถึงเวลามันเสื่อมไปแล้วนะ ร้ายยิ่งกว่าคนไม่ภาวนา ร้ายยิ่งกว่าเขา เพราะอะไร เล่ห์กลมันมากกว่าเขา แต่เราเอาความจริงของเราๆ นี่ทำเพื่อเรา หัวใจเรียกร้องความช่วยเหลือนะ หัวใจเรานี่แหละมันเรียกร้องความช่วยเหลือ แล้วใครจะไปช่วยเหลือมัน เราจะช่วยเหลือด้วยสติปัญญาของเราไง ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลคือความปกติของใจ สมาธิคือจิตสงบมีความสุข ปัญญาคือพาหัวใจของเราให้รอดพ้นจากกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เอวัง