เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓๑ ธ.ค. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมๆ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้ในครอบครัวของเราร่มเย็นเป็นสุข ทำให้บ้านของเรามีแต่ความร่มเย็น ทำให้ครอบครัวของเรา ทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข

ความร่มเย็นเป็นสุข ให้มีน้ำใจต่อกัน ให้เสียสละต่อกัน อย่าคิดเล็กคิดน้อย อย่าเจ็บอย่าแค้น อย่าทำลายกัน นั่นศาสนาสอนอย่างนั้น ถ้าสอนอย่างนั้น นี่สอนแบบสังคมนะ

แต่เวลาศาสนา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาในหัวใจของสัตว์โลก ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มันเรื่องยิ่งใหญ่ เรื่องยิ่งใหญ่ไม่ต้องมาเกิดซ้ำเกิดซาก ไม่ต้องมาทุกข์มายากอย่างนี้ เวลาทุกข์ยากอย่างนี้มันทุกข์ยากเพื่ออะไรล่ะ

นี่พูดถึงว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมไง กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน ที่เรามาเกิดกันอยู่นี้เพราะการกระทำของเราทั้งสิ้น ที่เราเกิดกันอยู่นี้เพราะเราทำดีทำชั่วของเรามา เพราะความดีความชั่วนั้นน่ะ สิ่งนั้นมันซับลงไปที่จิต เพราะอะไร คนทำๆ หัวใจมันสั่ง หัวใจมีแรงปรารถนาที่จะทำสิ่งนั้น ถ้าทำสิ่งนั้นมันเป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมา อันนั้นน่ะมันแรงขับเคลื่อนไป

เพราะจิตนี้ไม่มีวันตายๆ ไง แต่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาเกิดมาในครอบครัวของเรา เวลาเด็กน้อยทารกมันไร้เดียงสา มันน่ารัก เราดูแลมันๆ เด็กไร้เดียงสา ไร้เดียงสา เขาต้องสอนมันนะ อย่าเชื่อคนให้ตังค์นะ อย่าเชื่อคนให้ขนมนะ อย่าเชื่อทุกๆ อย่างนะ เพราะเขาจะล่อลวงไปไง

เราต้องสอนลูกของเรานะ อย่าไว้ใจใครนะ ต้องไว้ใจพ่อแม่ของเรา คนอื่นเข้ามาเขาจะมาเอาผลประโยชน์จากลูกนะ เขาจะเอาลูกเราเอาไปทำเป็นเด็กพิการ ไปเป็นคนขอทาน ไปเป็นเด็กเร่ร่อนนะ นี่เวลาเราสั่งสอนลูกของเรา

แต่มันไร้เดียงสา มันน่ารักนะ เพราะอะไร เพราะมันไม่เท่าทันสังคม พอมันโตขึ้นมา พอโตขึ้นมาต้องรับผิดชอบ เวลาโตขึ้นมาต้องมีการศึกษา เวลามีหน้าที่การงานขึ้นมา ไปทำงานในบริษัท ในหน้าที่การงานของเรา มันก็เป็นปัญหาของสังคม นี่สังคมๆ ไง

สังคมก็เหมือนกัน เวลาสังคมๆ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอน สังคมเรานะ ไอ้พวกที่ทั้งวันทั้งเดือนทั้งปีไม่เคยทำบุญเลย ทำบุญวันพระ ทำบุญวันขึ้นปีใหม่ วันขึ้นปีใหม่นะ มันเหมือนเด็กไร้เดียงสา เด็กไร้เดียงสามันไม่รู้เหนือรู้ใต้เลย

นี่ก็เหมือนกัน เวลาจะไปทำบุญๆ ก็จะไปทำบุญที่วัด แล้ววัดนะ เวลาไปแล้ววัดก็ต้องเอาตามใจฉันนะ เพราะอะไร เพราะว่า อู้ฮู! กว่าจะได้ทำบุญ ปีหนึ่งทำบุญหนเดียวนะ เพราะก่อนที่เราจะบวชเราตักบาตรเฉพาะวันปีใหม่เท่านั้นน่ะ ปีใหม่เพราะว่าเป็นวัยรุ่น ไปตามเพื่อน ปีหนึ่งตักบาตรหนหนึ่ง ทำบุญปีใหม่ แล้วพอปีใหม่ขึ้นมาแล้วก็จะเอาบุญเยอะๆ จะเอาบุญสมใจปรารถนา เวลาไปแล้วมันไร้เดียงสาน่ะ

ความไร้เดียงสานะ อย่างรัฐบาลเขาก็พยายามส่งเสริมนะ ส่งเสริมให้วันสำคัญในพระพุทธศาสนา วันสำคัญของชาติ ให้ทำบุญวัดใกล้บ้านๆ ที่บ้านเราอยู่ที่ไหน ใกล้บ้านที่ไหนทำบุญที่นั่น เพราะมันสะดวกมันสบายไง มันไม่ต้องขวนขวายมากไง ขอให้ได้ทำ ให้ได้ทำเถอะ ถึงมันจะรู้หรือไม่รู้

เด็กๆ เด็กทารก ดูสิ พ่อแม่มันเลี้ยงดูมา ถ้ามันได้ขนมนมเนยขึ้นมามันก็มีความสุขของมัน มันได้สิ่งใดตามที่ใจปรารถนามันก็มีความสุขของมัน มันขอสิ่งใด พ่อแม่ให้มันก็หัวเราะเยาะ มันหัวเราะยิ้มแย้ม เวลาถ้ามันไม่ได้สิ่งใดมันก็ขัดเคืองใจ

นี่ก็เหมือนกัน เวลาเราไปวัดไปวาขึ้นมาเราก็ต้องการให้ความสะดวกสบายของเรา ให้ความพอใจของเรา รัฐบาลเขาก็จัดของเขานะ ให้อุดมสมบูรณ์ ให้ทุกอย่างพร้อมเพรียง รถราให้มีคนบริการ มันบริการอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องภาระรับผิดชอบ มันเป็นภาระ

เวลาโยมกลับแล้วมีแต่ขยะ มีแต่ของเสียทิ้งไว้เต็มเลย แล้วคนก็ต้องเก็บต้องกวาด

แล้วก็บอกว่า “ให้พระภาวนานะ ให้พระเป็นพระที่ดีนะ ให้พระเป็นพระที่ดีๆ”

เอ็งกลับไปเอ็งไม่รู้หรอกว่าพระเขายังล้างส้วมไม่เสร็จเลย ที่เอ็งไปขี้ไปเยี่ยวไว้นั่นน่ะ พระเขายังล้างดูแลอยู่นั่นน่ะ

“ให้พระภาวนานะ ให้พระภาวนา”

แล้วมาวัดป่าๆ วัดป่าเขาไม่มีพิธีกรรมใดๆ ทั้งสิ้นไง ไอ้พิธีกรรมมันบังไว้หมด ไปถึงต้องถวายทาน ไม่ถวายทานนะ

เราอยู่กับหลวงตา หลวงตาบอกเลย กว่าจะมารวมอาหารนี้เสร็จ กว่าจะมารอกล่าวคำถวาย แมลงวันมันมาไข่ไว้ แล้วก็คอยพัดวีไว้ไม่ให้แมลงวันตอม พอมันฟักเป็นตัวแล้วนะ ยังไม่ได้กล่าวคำถวายทานเลย พอถวายทานเสร็จ นู่นตกเย็นพอดี

นี่เป็นประเพณีวัฒนธรรม เรื่องประเพณีเป็นประเพณีไง แล้วเรามาวัดเราก็อยากเจอพระที่ดีๆ เจอพระปฏิบัติ เวลาพระปฏิบัติขึ้นมา เราต้องควบคุมหัวใจของเรา อย่าคิดเอาแต่ได้ จะเอาแต่ได้ จะเอาความสะดวกความสบาย เอาความพอใจของเรา นั่นน่ะคือกิเลสทั้งนั้นน่ะ

เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนนะ รื้อสัตว์ขนสัตว์ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายนี้สำคัญ

เวลาคนไปทำบุญ ทำบุญก็อยากร่ำอยากรวย อยากมีหน้าที่การงานที่ดี

อันนั้นมันเป็นวาสนานะ มันเป็นภาวะสังคมๆ สังคม เวลาคนที่มีอำนาจวาสนามา เขาเกิดมานะ พอดีหมดเลย เวลาเขาคิดเทคโนโลยีได้ โลกเขาต้องการใช้พอดีเลย เวลาคนมันเกิดมาก่อนคิดได้นะ ไม่มีตลาด คิดมาแล้วคนไม่สนใจ นี่คือวาสนาของเขาๆ

วาสนามันแข่งกันไม่ได้นะ มันแข่งกันไม่ได้ที่ไหน มันแข่งกันไม่ได้ที่มันเป็นอดีตที่เราได้สร้างมา คนคนนั้น ดูสิ ดูครอบครัวของเรา คนคนนั้นเขาได้ดูแลพ่อแม่ของเขา เขาได้รับภาระสังคมของเขา เขาแบกรับไง

ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ไง เวลาเป็นกษัตริย์ เวลาเป็นหัวหน้าฝูง พาฝูงสัตว์พ้นจากนายพรานล่า นี่เขาทำบุญของเขามาอย่างนั้น ฝูงสัตว์ทั้งฝูงเลย เวลานายพรานล่ามันพาออกจากการล่าของนายพราน ออกไปสู่ดินแดนอาหารอุดมสมบูรณ์ นี่พระโพธิสัตว์ๆ

นี่ก็เหมือนกัน คนที่เขาทำของเขามาดีของเขา เขาทำมาแล้ว แข่งอำนาจวาสนาแข่งกันไม่ได้ แข่งกันไม่ได้เพราะว่าเราจะไปลบประวัติศาสตร์ไม่ได้ เราจะไปทำที่อดีตไม่ได้ ทีนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอนถึงปัจจุบันนี้ไง

ถ้าปัจจุบันนี้เราจะง่อยเปลี้ยเสียขาสู้คนอื่นเขาไม่ได้ แต่เราก็มีน้ำใจ เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนลงที่ใจนี้ ถ้าที่ใจนี้ เห็นเขาทำบุญกุศลกันนะ อนุโมทนาไปกับเขา ชื่นใจไปกับเขา ดีใจไปกับเขาได้ไหม...ไม่ได้ เห็นใครแซงหน้าแซงหลังไม่ได้ จะไปเที่ยวแข่งขันกับเขา เที่ยวไปกีดกันเขา ไม่ได้ นี่ไง มันพิการในหัวใจ

คนพิการเขายังมีกำลังใจของเขา เขายังทำหน้าที่การงานที่ดีของเขา ไอ้นี่พิการที่ใจ ใจพิการ พอใจพิการขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เสียสละทานนี่ไง

ไอ้คำว่า เสียสละทานๆ” นี่นะ ให้มันรู้จักเสียสละ ของของเรา ของของโยมนะ โยมขวนขวายทำหน้าที่การงานกันมา กว่าจะได้เงินได้ทองมา แล้วสิ่งนี้มันเป็นของที่ดีงามของเราทั้งสิ้น เราปรารถนาจะถวายผู้ทรงศีล เราปรารถนาจะถวายผู้ทรงศีล ผู้ทรงธรรม ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ ผู้ที่จะค้ำจุนศาสนา เราเสียสละของเราด้วยน้ำใจของเรา

เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง เราหานี้เป็นเงินเป็นทองของเรา เราเป็นคนโง่ใช่ไหม จะไปจับมันเหวี่ยงเล่นใช่ไหม

นี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอนนะ ครอบครัวใดที่เจริญมั่นคงขึ้นมา ครอบครัวนั้นรู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ครอบครัวใดที่จะมั่นคง ครอบครัวนั้นรู้จักซ่อมแซมสิ่งที่ใช้สอยในบ้านของตน ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ใช้จ่ายโดยไร้ประโยชน์ ครอบครัวใดรู้จักประหยัดรู้จักมัธยัสถ์เท่านั้น ครอบครัวนั้นถึงจะมั่นคง

ครอบครัวใดรู้จักซ่อมแซม รู้จักรักษา ของเสียแล้วบำรุงรักษาให้กลับมาใช้ใหม่ได้ ครอบครัวนั้นจะมั่นคง ครอบครัวไหนประมาท ครอบครัวไหนเลินเล่อ ครอบครัวไหนสุรุ่ยสุร่าย ครอบครัวนั้นอยู่ในแดนที่ประมาท

นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างนี้เป็นทานหรือ นี่เป็นปัญญานะ นี่เป็นปัญญาที่เราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วมาใคร่ครวญ ใคร่ครวญแล้วพิจารณาของเรา เราจะทำตัวของเราอย่างไร เราจะเป็นคนดี ดีที่ไหน ดีที่สติดีที่ปัญญาของเรา จะทำตัวเราให้เป็นคนดี

แล้วถ้าเป็นคนดีขึ้นมา เวลาจะไปแข่งอำนาจวาสนากับเขาไง คนนู้นก็มีอำนาจวาสนาอย่างนั้น คนนี้มีอำนาจวาสนาอย่างนั้น

เขามาจากไหน เขามาจากการทำดีของเขา เขามาจากการเสียสละของเขา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียสละชีวิต เสียสละทุกๆ อย่าง ทศชาติ ๑๐ ชาติเสียสละมาขนาดไหน การเสียสละอย่างนั้นไม่ได้เสียสสละแบบคนโง่ๆ ไม่ได้เสียสละแบบไม่มีเป้าหมาย ไม่ได้เสียสละแบบว่าใครมาจูงจมูก

เสียสละจากน้ำใจของท่านเอง ท่านคิดของท่านเอง ท่านเห็นประโยชน์ของท่านเอง นี่บารมี ๑๐ ทัศ บารมี ๑๐ ทัศ ทานบารมี ศีลบารมี ปัญญาบารมี สิ่งที่บารมีครบจะได้มีโอกาสมาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถ้ามาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คุณงามความดีของเขา เขาได้ทำของเขามา ถ้าในปัจจุบันนี้เราได้เห็นอย่างนั้นแล้วเราก็อยากจะทำอย่างนั้นบ้าง ถ้าทำอย่างนั้นบ้างขึ้นมา เราก็เข้ามารักษาหัวใจของเรา เห็นไหม ถ้าคนที่มีปัญญา นี่ระดับของทานนะ

แล้วเวลาปฏิบัติ จะไปวัดที่ปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระที่ดีๆ พระที่ดีเขาต้องฝึกใจเขามา เวลาฝึกใจเขามา ใจจะฝึกอย่างไร

เวลาบวชขึ้นมาก็บวชแค่พิธีกรรม บวชแค่พิธีกรรมมันก็เหมือนหนังเหมือนละคร สมมุติสงฆ์ๆ ไง เปลี่ยนจากฆราวาสมาเป็นพระสงฆ์ มาเป็นพระสงฆ์ด้วยญัตติจตุตถกรรมไง มันถูกต้องตามกฎหมายนะ ถูกต้องตามพิธีกรรมนะ ถูกต้องหมด

ถ้าไม่ถูกต้อง กฎหมายไม่รับรอง สังคม นี่ไง พระเท่านั้นที่ออกบิณฑบาตได้ คนอื่นจะมาบิณฑบาตอย่างนั้น พระปลอมบิณฑบาต ตำรวจจับหมด นี่เพราะอะไร เพราะมันถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามศีลธรรม ถูกต้องหมดเลย แต่กิเลสมันได้บวชหรือเปล่า

ถ้ามันบวชมา พระออกจากโบสถ์มา พระต้องเป็นพระที่ดีทั้งหมด พระต้องถูกต้องดีงามไปทั้งหมด เวลาพระออกจากโบสถ์มา เห็นไหม

นี่ไง ที่เราจะมาวัดมาวามาฝึกหัดกันนี้ก็มาบวชใจไง แล้วก็น้อยเนื้อต่ำใจ เห็นไหม เราพูดประจำ “ทางของฆราวาสเป็นทางที่คับแคบ” เวลาพูดอย่างนี้ก็ว่าเป็นการเห็นแก่ตัว

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ อยู่ในพระไตรปิฎก เราอ่านแล้วเราสะเทือนใจมาก “ทางของฆราวาสเป็นทางที่คับแคบ”

คับแคบเพราะเขาต้องทำหน้าที่การงานของเขา กว่าเขาจะทำหน้าที่การงานของเขาเสร็จ เวลาก่อนนอนเขาได้สวดมนต์ของเขา ถ้าเขาเป็นคนที่ดีเขาจะนั่งสมาธิภาวนาของเขา ได้ห้านาทีสิบนาทีแล้วเขาก็ต้องรีบหลับรีบนอนของเขาเพื่อเช้าจะไปทำงานอีก เห็นไหม มันคับแคบที่เวลา มันคับแคบที่ภาระรับผิดชอบ

ทางของสมณะเป็นทางที่กว้างขวาง ทางของสมณะเป็นทางที่กว้างขวาง พระปฏิบัติ พระกรรมฐาน พระในวัดนี้ภาวนา ๒๔ ชั่วโมง ฉันเสร็จแล้ว ทำภัตกิจเสร็จแล้ว ล้างบาตรเสร็จแล้ว ทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาจะมีโอกาสได้ภาวนา เว้นไว้แต่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเข้าเวร

เข้าเวร หมายความว่า เวรในศาลานี้คอยต้อนรับแขกคอยดูแล มันมีเวรเป็นวาระๆ นะ นี่ไง เว้นไว้แต่ผู้รับผิดชอบ เขาก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ แต่ผู้ที่พ้นจากเวรไป ๒๔ ชั่วโมง ทางของสมณะเป็นทางกว้างขวาง ทางยิ่งใหญ่ ทางกว้างขวาง ทางยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ที่ไหน ยิ่งใหญ่ในการค้นคว้าหาใจของตน การประพฤติปฏิบัตินี่ไง

แล้วเวลาปฏิบัตินี่ไง เวลาบวชเป็นพระๆ มา บวชเป็นพระแล้วมันจะดีหมด

บวชพระเป็นพิธีกรรม บวชพระเป็นสมมุติสงฆ์ ถ้าจะบวชหัวใจ บวชหัวใจมันต้องประพฤติปฏิบัติขึ้นมาไง ถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันต้องมีโอกาส มีเวลา สัปปายะ

สัปปายะไง มีหัวหน้าที่ดีๆ ไม่ใช่ว่าต่อหน้าโยมก็ แหม! พระนี้พระปฏิบัติเลยนะ พอพ้นจากโยมไปนะ มันจะก่อสร้าง มันจะสร้างวิหารวิจิตรพิสดาร มันจะบ้าบอคอแตกไปนู่น ต่อหน้าพูดอย่างหนึ่ง ลับหลังพูดอย่างหนึ่ง

เวลาเป็นความจริงๆ ศีลจะรู้ได้ต่อเมื่ออยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ๒๔ ชั่วโมง เอาเข้าไป ปฏิบัติเข้าไป เวลาปฏิบัติขึ้นไปแล้วติดขัดสิ่งใด

นี่ไง จากที่ว่าครอบครัวของเรา เรามีเด็กน้อย เรามีทารกมีเด็กน้อย พ่อแม่ปู่ย่าตายายรักมาก ไอ้หลานคนแรก ไอ้เด็กคนแรกมันไร้เดียงสา มันน่ารักน่าชังทั้งนั้นน่ะ

นี่ก็เหมือนกัน พอบวชเป็นพระมา จากพระนวกะยังไม่ถึง ๕ พรรษา ก็พยายามฝึกหัดขึ้นมาๆ ถ้ามันมีหัวใจขึ้นมา ถ้าใจมันสงบเข้ามาได้นะ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

ความเป็นสมาธิ สมาธิคือจิตตั้งมั่น จิตมีหลักมีเกณฑ์ จิตไม่วอกแวกวอแว จิตไม่โดนใครชักนำไป จิตไม่เหลวไหลไง

ไอ้นี่ว่างๆ ว่างๆ ว่างๆ โดยไม่มีหลักมีการ สมาธิมันยังทำกันไม่เป็นเลย

สมาธิมันมีสัมมาสมาธิกับมิจฉาสมาธิ ว่าสงบๆ แล้วมันเป็นมิจฉาก็ได้ ความเป็นมิจฉาคือมันขาดสติ ขาดการควบคุม ถ้าขาดการควบคุมแล้วมันจะส่งออก ส่งออกไปเห็นอะไร ส่งออกไปเห็น อู้ฮู! ภาวนาดี ภาวนาเก่ง

เวลาในพระพุทธศาสนานะ เวลาพระพุทธศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา แต่เวลาศีล สมาธิ ปัญญามันต้องเข้าสู่มรรค แต่ถ้าจิตมันสงบโดยธรรมชาติของจิต โดยธรรมชาติของจิตนะ เพราะจิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้มันได้สร้างเวรสร้างกรรมของมันมา จิตที่มันสร้างเวรสร้างกรรมของมันมา

ดูสิ เวลาเดี๋ยวนี้วัยรุ่นมองหน้าก็ไม่ได้ เดินเหยียบเงาก็ไม่ได้ เดินเฉียดไปก็ไม่ได้ มันหาว่าไปด่ามันหมด มันจะตีหัวเอา วัยรุ่นนี่มองหน้ามันไม่ได้เลย

จิตก็เหมือนกัน เวลาจิตมันเริ่มสงบขึ้นมาแล้วมันจะออกรู้ออกเห็นออกต่างๆ นี่ไง มันจะไปพาล มันไปพาลไปหาเรื่องเขาทั้งนั้นน่ะ

สิ่งที่ว่าจิตมันไม่สงบเลย จิตไม่มีกำลังเลย มันก็ไม่รู้อะไรเลย คนมาปฏิบัติใหม่ๆ นะ บอก “โอ้โฮ! เมื่อก่อนไม่เห็นรู้อะไรเลย ตอนนี้พอภาวนาแล้วมันรู้ไปหมดเลย”...ส่งออกทั้งนั้น

โดยธรรมชาติของมันๆ ดูสิ สิทธิความเป็นมนุษย์ มนุษย์นี้มีสิทธิเสรีภาพจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม เวลาทำอะไรก็จะไปรอนสิทธิ์เขา ไปรังแกเขา “ประชาธิปไตยๆ”

เวลาจิตมันออกมึงไม่ประชาธิปไตยบ้างล่ะ เวลาจิตที่มึงออกไปนั่นน่ะ แม้แต่คนยังควบคุมดูแลได้ยาก แล้วจิตที่เวลาที่พอมันมีพื้นฐานขึ้นมาแล้วไปรู้เห็นของมันน่ะ รู้เห็นส่งออกทั้งหมด เพราะอะไร เพราะขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

เว้นไว้แต่คนที่มีบุญมีกุศล คนมีบุญกุศลมันรู้โดยจิตใต้สำนึก เวลามันเห็นสิ่งใด หลวงปู่ดูลย์พูดไว้ไง เวลาผู้ที่ปฏิบัติไปถามหลวงปู่ดูลย์ไง “ไอ้ที่ไปเห็นนิมิตถูกไหม เห็นจริงไหม”

“จริง”

“แล้วมันเป็นประโยชน์ไหม”

“มันไม่เป็นประโยชน์เพราะมันไม่จริง”

เห็นจริงๆ ส่งออกจริงๆ ตาเห็นจริงๆ รับรู้ได้จริงๆ แต่มันไม่เป็นแก่นสาร มันไม่เข้ามาสู่มรรค มันไม่เข้าสู่ศีล สมาธิ ปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่

ถ้ามันจะเข้ามาสู่ศีล สมาธิ ปัญญา ดูสิ เหมือนทางเศรษฐกิจเลย ใครมีเครดิตบ้าง ซื้อของผ่อนส่งได้ทั้งหมดเลย แต่นี่มันไปหาทั้งนั้นน่ะ พอเราไม่มีเรากู้หนี้ยืมสิ้นไปทั้งนั้น แล้วอยากได้เขาไปทั้งนั้น แล้วต้องไปผ่อนส่งๆ  ต่คนที่เขามีเงินสด เขาซื้อเงินสดๆ ไม่ต้องผ่อนต้องส่งซื้อเลย

เหมือนกัน หัวใจนี้มันผ่อนส่งทั้งดอกเบี้ย ทั้งผ่อนไม่ทัน เขายึดคืนหมดน่ะ ยึดทั้งรถ ยึดทั้งบ้าน ยึดทั้งหมดเลย นี่ก็เหมือนกัน รู้ รู้อะไร มันไม่จริงทั้งสิ้น

นี่พูดถึงว่า ถ้ามันเป็นความจริงๆ ขึ้นมา เวลาประพฤติปฏิบัติไม่ต้องไปเร่งร้อน ไม่ต้องไปกังวลว่าเราปฏิบัติแล้วเราจะไม่ได้เป็นพระอรหันต์

ทั้งๆ ที่ว่าทุกคนมีสิทธิเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น ทุกคนมันเป็นสิทธิ์โดยธรรมชาติ มันเป็นสิทธิ์โดยหัวใจ มันเป็นสิทธิ์โดยเราเป็นชาวพุทธ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

อุบาสก อุบาสิกามีสิทธิเสรีภาพพร้อมสมบูรณ์ แล้วไม่ต้องไปให้กิเลสมันพลิกมันแพลงมันหลอกว่า เดี๋ยวจะไม่เป็นพระอรหันต์ ต้องรีบให้เป็นพระอรหันต์ ออกรู้ออกเห็น ออกไปโกยอะไรมาบ้าบอคอแตก

มันเป็นพระอรหันต์มันต้องเป็นสำนึกในตัวมันเอง มันต้องรู้ผิดชอบชั่วดี ทำไปนี้มันเป็นความถูกต้องหรือเป็นความผิดพลาด ทำไปแล้ว เวลาทำไปแล้วมันจะผิดพลาดหรือมันจะถูกต้องชอบธรรมจะดีงามของมันอย่างไร เพราะมันรู้

ทำไมหลวงปู่มั่นเวลาท่านพิจารณากายไปแล้วท่านบอกไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย ไอ้นี่ไม่ใช่ทาง ไม่ใช่ทาง

เวลาถึงที่สุดแล้วท่านปรึกษาหลวงปู่เสาร์ เวลาปรึกษาหลวงปู่เสาร์แล้ว หลวงปู่เสาร์บอก “เราแก้ท่านไม่ได้หรอก เพราะท่านปัญญาเยอะ ท่านต้องแก้ตัวท่านเอง”

ท่านมาพิจารณาของท่านไง เพราะท่านได้สร้างสมบุญญาธิการมามาก พอสร้างสมบุญญาธิการมามันถึงเป็นจิตที่มีมาตรฐาน มีความมั่นคง รู้ถูกรู้ผิดไง

แล้วพอถึงที่สุดแล้วท่านก็ใช้สติปัญญาของท่านใคร่ครวญของท่าน เพราะว่าท่านได้สร้างสมความเป็นพระโพธิสัตว์มา ถ้ายังสร้างบุญกุศลต่อไปก็จะไปเกิดเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล

แต่ในสมัยปัจจุบันนี้ได้สร้างสมบุญญาธิการมา เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา กึ่งพุทธกาลศาสนาจะเจริญอีกหนหนึ่ง มาพิจารณาแล้ว ถ้าเราพิจารณาเราเข้าสู่มรรค เราก็จะได้สำเร็จในชาตินี้ ท่านชั่งน้ำหนักแล้ว

ชั่งน้ำหนักแล้วว่า เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าสร้างสมบุญญาธิการไป ไปข้างหน้าก็เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันจะต้องแบกรับภาระ มันยังทุกข์มันยังยากไปอีกไกล แต่ถ้าชาติปัจจุบันนี้ถ้าพิจารณาแล้วถ้ามันสำเร็จไปได้ เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้เลย ถ้าเป็นในชาตินี้ก็เป็นพระอรหันต์เหมือนกัน

แต่มันต่างกันที่ว่าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันมีอำนาจวาสนาบารมีกว้างขวางใหญ่โตมาก จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ จะได้เป็นประโยชน์มหาศาล แต่ถ้าในชาติปัจจุบันนี้ท่านก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ไป ท่านถึงได้เสียสละลาความเป็นพระโพธิสัตว์นั้นแล้วมาพิจารณาของท่านใหม่ไง

พอพิจารณาของท่านใหม่ พอจิตสงบแล้วเข้าพิจารณากายเห็นกายตามความเป็นจริงขึ้นมา มันเริ่มเข้าทางแล้ว เข้ามรรค เข้ามรรคเพราะว่ามันสำรอกมันคายทิฏฐิมานะ มันทำลายความเป็นตัวตน มันทำลายอีโก้ว่าฉันแน่ ฉันเก่ง ฉันแน่ ฉันยอด ฉันเยี่ยม มันผ่อนมันคลายลงไปตลอด

อ๋อ! ฉันจะสูงสุดสู่สามัญ ฉันจะไปเป็นพระธรรมดา พระสาวกสาวกะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นสาวกสาวกะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมทายาท เป็นทายาทโดยธรรม มีคุณธรรมในใจ สมบูรณ์โดยธรรม ไม่เป็นภาระของใคร ไม่ให้ใครหนักหน่วง

แล้วเป็นธรรมทายาท ร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นอาจารย์ใหญ่ของกรรมฐาน เป็นครูใหญ่ในกึ่งพุทธกาลนี้ เป็นผู้ชักนำให้หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น หลวงตามหาบัว ให้ได้เป็นพระอรหันต์

ความได้เป็นพระอรหันต์ ครูบาอาจารย์องค์ไหน อาจารย์องค์ไหนสอนลูกศิษย์ให้มีคุณภาพ สอนลูกศิษย์คนไหนให้เจริญก้าวหน้า อันนี้สามารถสอนให้ลูกศิษย์ลูกหาเป็นพระอรหันต์มากมายมหาศาลเลย นี่ไง เพราะอะไร เพราะท่านได้สร้างอำนาจวาสนาของท่านมา

แล้วมีหลวงปู่เสาร์องค์เดียว มีหลวงปู่มั่นองค์เดียว มีหลวงตามหาบัวองค์เดียว ไม่มีองค์ที่สอง ไม่มี เพราะไม่มีใครสร้างอำนาจวาสนามาเท่ากัน

คนชอบไม่เหมือนกัน คนทำไม่เหมือนกัน อย่าคิดดำริว่าตัวเองจะยิ่งใหญ่ ไม่มี ยิ่งใหญ่ต้องยิ่งใหญ่ในใจของตน ทำลายทิฏฐิมานะในใจของตนให้ราบคาบ ทำความอหังการในใจของตนให้สิ้นไป นั้นมันถึงจะยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ในหัวใจของตน เอวัง