เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เด็กมันก็มีความรู้ความเข้าใจของเขาแค่นั้น มันเป็นความไร้เดียงสา มันเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ แต่มันแฝงไปด้วยเวรด้วยกรรม ด้วยเวรด้วยกรรมของสัตว์ไง
ถ้าเด็กที่มันเกิดมาที่มีอำนาจวาสนา คนล้อมหน้าล้อมหลัง เด็กที่มันเกิดมานะ เขาไปทิ้งถังขยะ เด็กที่พ่อแม่ไม่พร้อมที่จะมีลูก เขาเกิดมาแล้วมันมีความทุกข์ความยากไปทั้งนั้นน่ะ นี่ไง อำนาจวาสนาของสัตว์โลกไง
เราฟังธรรมๆ เพื่อเหตุนี้ไง โลกเขาจะถล่มทลาย โลกเขาจะมีปัญหานั่นเรื่องของโลกเขา ถ้าเรามีสติมีปัญญาของเรา เราจะสร้างคุณงามความดีของเราๆ
ถ้าเราสร้างคุณงามความดีของเรา เราเป็นคนครึ คนล้าสมัย คนไม่ทันโลก โลกเขาต้องมีการแข่งขัน มีการแย่งชิง การแข่งขันการแย่งชิงมันแข่งขันแย่งชิงด้วยความเป็นธรรม แข่งขันแย่งชิงด้วยความเป็นธรรม เห็นไหม
ดูสิ เวลานักกีฬา เวลามันแข่งขันกันด้วยความขาวสะอาด นั่นก็เป็นคะแนนนะ เวลาแข่งขันเสมอกันแล้ว เขาเอาผู้ที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์เป็นผู้ที่ชนะ นี่พูดถึงทางโลกเขายังเปรียบเทียบได้เลย
แล้วเราล่ะ เราเป็นเจ้าของชีวิต ชีวิตนี้เป็นของเรา เราเกิดมาด้วยเวรด้วยกรรม เพราะเรามีเวรมีกรรมเราถึงได้มาเกิด พอเกิดขึ้นมาแล้ว เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ถ้าเกิดมานะ เกิดมาเป็นมนุษย์แต่ไม่มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนา
เราธุดงค์อยู่ มีพระฝรั่งมาบวชแล้วมาอยู่ด้วยกันมากมายมหาศาล เขาบอกเลยว่า คนไทยเหมือนกบเฝ้ากอบัว คนไทยเหมือนกบเฝ้ากอบัว
เขาอยู่ตะวันตกนะ แต่ส่วนที่มาบวชส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักวิชาการ เขาจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาศึกษาของเขา ทางทฤษฎีมันมีข้อโต้แย้งทั้งนั้นน่ะ แต่พระพุทธศาสนาไม่มีเลย จบ
แต่จบแล้วนะ เขาพยายามจะค้นคว้าหาที่ประพฤติปฏิบัติ เขาก็ไปทั่วโลก พอทั่วโลกแล้วมันก็มีแต่ทางวิชาการ ถ้าวิชาการก็ไปปรึกษาพระ พระก็บอกว่า ถ้าอยากจะประพฤติปฏิบัติต้องมาเมืองไทย มาเมืองไทยเพราะสมัยก่อนหน้านี้เพราะหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์เราท่านประพฤติปฏิบัติของท่านตามความเป็นจริง ถ้าประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริง มันไม่เหมือนทางทฤษฎีหรอก
ถ้ามันเหมือนจริง มีปริยัติ มันไม่ต้องมีปฏิบัติ ถ้าปริยัติเรียนจบแล้วมีความรู้ แต่ทำไมมีปริยัติต้องมีปฏิบัติล่ะ
แล้วสังคมไทยเรานะ ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วจะมีคันถธุระ วิปัสสนาธุระ คันถธุระคือการศึกษา ศึกษามาเพื่อเป็นองค์ความรู้ ความรู้ของตนไง แต่ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตนศึกษามาแล้วความรู้อันนั้นมันก็เข้ามานะ จริงหรือเปล่า มีหรือไม่ แน่หรือไม่แน่ มันมีความลังเลสงสัยไปทั้งนั้นน่ะ เพราะเรามีกิเลส เพราะเราโลเล เพราะเราไม่แน่ใจ เพราะเราไม่มีกำลังใจ
แต่ด้วยอำนาจวาสนาของคน คนที่เกิดมามีอำนาจวาสนา ถ้ามีอำนาจวาสนาเขาจะค้นคว้าหาความจริง
วิทยาศาสตร์ๆ โลกอ้างแต่วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์แก้กิเลสไม่ได้
พุทธศาสน์ พุทธศาสน์มันเกิดมาจากไหน มันเกิดมาจากในหัวใจของสัตว์โลก หัวใจของสัตว์โลกมันเกิดมาจากไหน เกิดจากภาวนามยปัญญา ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นแม้แต่ทฤษฎี แม้แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนถึงที่สุดแห่งทุกข์นะ แต่เวลาคนที่ศึกษามาแล้ว ศึกษามาแล้วงงทั้งนั้นน่ะ ปฏิจจสมุปบาท อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขาราปจฺจยา วิญฺญาณํ วิเคราะห์วิจัยกันทำเป็นวิชาการกันอยู่นั่นน่ะ แต่มันไม่เห็นกิเลสของมัน
แต่เวลาเห็นกิเลสของมัน ศึกษามาแล้วศึกษามาเพื่อประพฤติปฏิบัติๆ ศึกษามาเป็นองค์ความรู้
ปริยัติ ปริยัติเป็นปริยัติ โลกเราที่มันมีปัญหากันอยู่นี่เพราะมีความรู้มาก คนดีทะเลาะกัน ถ้าคนชั่ว เวลามีศึกสงคราม เขาต้องเอาความชอบธรรมๆ ใครถือความชอบธรรมอยู่คนนั้นชนะ ถ้าใครเป็นคนพาลคนนั้นแพ้ แล้วเวลาคนดีกับคนดีมันทะเลาะกัน คนดีน่ะ
นี่ก็เหมือนกัน ศึกษามาแล้วปากเปียกปากแฉะมีแต่โต้แย้งกัน แต่ไม่เห็นกิเลสของตน เอ็งศึกษา ศึกษาเป็นความรู้ สาธุ ศึกษามาเพื่อประพฤติปฏิบัติ ทรงจำธรรมวินัยไว้ ทรงจำธรรมวินัยไว้ คำว่า “ทรงจำ” คือจำมาทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าเป็นจริงๆ เราจะประพฤติปฏิบัติ ถ้าประพฤติปฏิบัติ
เราเจอพวกฝรั่ง เวลาเขาไปศึกษามาจากทิเบต ศึกษามาจากในอินเดีย ในลังกา เขาพูดให้เราฟังเอง บอก ไปปรึกษาพระๆ เพราะอะไร เพราะเขาต้องการผู้ที่ชี้ทางๆ แล้วพระทางในลังกาบอกว่า ถ้าจะปฏิบัติต้องไปเมืองไทย
มาเมืองไทยแล้วค้นคว้าหาเจอไหม มันมีแต่จานกระเบื้องผุๆ เน่าๆ
ถ้าเป็นจริงๆ เขาอยู่ในป่าในเขาของเขา อยู่ในป่าในเขาเพราะอะไร เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ สัปปายะ ๔ สถานที่ควรแก่การงาน สถานที่เป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ ครูบาอาจารย์เป็นสัปปายะ สัปปายะ ๔ ที่เขาแสวงหากัน เขาแสวงหาที่เป็นสัปปายะๆ สถานที่นะ
แล้วทางโลก “ถ้าแน่จริง แน่จริงก็ปฏิบัติกลางสนามหลวงสิ”
กลางสนามหลวงให้ปฏิบัติก็ได้ถ้าคนที่มีอำนาจวาสนาของเขา แต่ปฏิบัติแล้วกิเลสมันฟูขึ้นมานะ
สิ่งต่างๆ ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ๆ ประพฤติปฏิบัติธรรมประจำวันๆ
การประพฤติปฏิบัติประจำวัน เพราะคนเรามันทุกข์มันยาก คนเรามันทุกข์มันยาก มนุษย์ สิ่งมีชีวิตมันต้องการอาหาร แม้แต่อากาศหายใจ อากาศหายใจมันต้องการเพื่อฟอกโลหิต เพื่อออกซิเจนเพื่อความดำรงชีพ
นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อสิ่งมีชีวิตต้องการอาหารของมัน นี่ชีวิตประจำวันของเราก็มีทุกข์มียากของเราใช่ไหม วันทั้งวันทุกข์ยากทั้งนั้นน่ะ ทำหน้าที่การงานเครียดไปหมด ถ้ามีสติสัมปชัญญะ มันยับยั้งความคิดอันนั้นได้ ถ้ามันเป็นผลตามความเป็นจริงนะ
มันไม่เป็นผลตามที่เราเสกสรรปั้นยอกัน “สติๆ” สติบ้าบอคอแตก สติบ้าบอคอแตกขึ้นมา สติมันมิจฉาไง ถ้าเป็นสติที่สัมมา มีสติสัมปชัญญะพร้อม พร้อมขึ้นมาแล้วรู้เท่าทันอารมณ์ของตน
มันเหมือนมีสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตเวลาปล่อยไปที่ไหนมันก็ดำรงชีวิตของมันไปได้ใช่ไหม จิตมันก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตใช่ไหม ถ้ามีสติสัมปชัญญะก็สติสัมปชัญญะที่พร้อมที่เท่าทันความคิดของตน ไม่ใช่กดทับไว้
ถ้าเป็นสัมมาสติ สติที่ดีงาม ถ้าประพฤติปฏิบัติธรรมประจำวันก็ได้ผ่อนคลายความทุกข์ๆ ขึ้นมาไง แต่ถ้าเอาจริงเอาจังขึ้นมา ครูบาอาจารย์ของเราท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลามันจริงจัง เวลาอ้าง ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น จะเอาเรียบง่าย จะเอาปัจจุบัน จะหยิบฉวย จะตะครุบธรรมวินัย...ไม่มีทางหรอก กิเลสมันร้ายนัก
เวลาปีใหม่ ทุกคน ปีใหม่ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ตอนปีใหม่สัญญากับตัวเองว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วทำหรือยัง ตอนปีใหม่สัญญาว่าจะทำความดีๆ ทำหรือยัง
นี่ขนาดสัญญานะ สัญญาข้อตกลงนะ แล้วกิเลสมันปลิ้นปล้อนยิ่งกว่านี้ในใจของตน เอ็งจะเห็นมันได้อย่างไร เอ็งจะรู้ได้อย่างไร ทรงจำธรรมวินัยมาก็เอามาขี้โม้ มีแต่โม้ทั้งนั้น ไม่มีความจริงทั้งสิ้น ถ้ามีความจริงทั้งสิ้นขึ้นมา จิตมันสงบ เห็นไหม ที่เราไปวัดๆ กัน ไปวัดเพื่อไปวัดหัวใจของเราไง
วัดที่สวยงาม วัดที่เป็นวัตถุนั้นเรื่องหนึ่ง ข้อวัตรปฏิบัติขึ้นมาเป็นเรื่องหนึ่ง ศึกษาธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ปรุงแต่ง รูปแบบ เป็นเครื่องมือเป็นวิธีการเท่านั้น
ศึกษาพระพุทธศาสนา อื้อหืม! มหัศจรรย์ สุดยอด เท่าทันกิเลส...แต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ถ้ามีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา เห็นไหม ผู้ที่มาบวชเป็นพระเวลาสึกไปแล้ว เวลาระลึกถึงว่าตอนเราลงเพศสมณะเราได้มีสติปัญญาอย่างไร มันยังซาบซึ้งนะ มันซาบซึ้งถึงความรู้สึกนึกคิดอันนั้น แต่มันก็ไม่เป็นคุณธรรม ไม่เป็นประโยชน์ต่อเนื่องขึ้นมาจนถึงชีวิตในปัจจุบัน
แต่ถ้าเป็นปัจจุบันของเรา นี่ไง เวลาจะเอาจริงเอาจังขึ้นมา เห็นไหม คนไทยเหมือนกบเฝ้ากอบัวๆ กอบัวมันมีความมหัศจรรย์ไง สายบัวก็แกงได้ ดอกบัวก็บูชาพระได้ สิ่งใดมันเป็นประโยชน์ทั้งนั้นน่ะ
นี่กบเฝ้ากอบัว กอบัว กอบัวพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนานี้ยอดเยี่ยม เยี่ยมมากๆ แล้วให้มันเป็นความจริงๆ ในหัวใจ ความจริงในชาวพุทธเรา ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาของเราพยายามฟื้นฟูขึ้นมาให้มันเป็นคุณธรรมในหัวใจของเราขึ้นมา นี่มันจะเป็นความจริงขึ้นมา
ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา อันนั้นมีคุณค่า คุณค่าอยู่ที่สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้เป็นความจริงในใจของเรา ถ้าเป็นความจริงของเรา นี่มันมีคุณธรรมขึ้นมา
นี่ไง เวลาพระฝรั่งที่เขาจะแสวงหาครูบาอาจารย์ เขามาเมืองไทย มาเมืองไทยมีสำนักปฏิบัติๆ วิธีการๆ ไง วิธีการ สำนักนั้นเป็นอย่างนี้ สำนักนี้เป็นอย่างนั้น
แต่เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านบอก กรรมฐาน ๔๐ ห้อง
คำว่า “กรรมฐาน ๔๐ ห้อง” ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมนะ คนที่เป็นธรรมเขารู้จักว่า จิตนี้มาจากไหน จริตนิสัยที่สร้างเวรสร้างกรรมมาแตกต่างกันหรือไม่
ดูสิ นักกีฬา นักกีฬาทุกชนิดมันมีเทคนิค มันมีวิธีการ มีกลเกม โค้ชเวลาเขาให้เกม การแก้เกมๆ มันต้องมีของมันทั้งนั้นน่ะ
นี่ก็เหมือนกัน ในเมื่อกรรมฐาน ๔๐ ห้อง การทำความสงบ ๔๐ วิธีการ มันมีคุณค่า มันมีคุณค่าสำหรับจริตนิสัยหัวใจของคนที่มันโต้แย้ง คัดค้าน ไม่เห็นด้วย ที่มันอะลุ่มอล่วย ที่มันเป็นความจริง มันมีร้อยแปด ถ้าร้อยแปดขึ้นมา กรรมฐาน ๔๐ ห้อง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่ขี้เท่อแบบพวกเราหรอก โง่เขลาเบาปัญญาแล้วบอกว่าของกูแน่ๆ มันจะแน่มาตรงไหน
ข้าวกินทุกวันนะ อะไรอร่อย กินอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ ซากๆ แล้วให้มันกินแล้วอร่อยทุกวัน ของมันจะเลอเลิศขนาดไหนถ้ามันมีมากขึ้นมามันไม่มีค่าเลย ของสิ่งใดที่มีค่า มันมีคุณค่าในตัวของมันเอง
นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันเป็นจริงๆ ขึ้นมา กรรมฐาน ๔๐ ห้อง การทำความสงบ ๔๐ วิธีการ เผื่อแผ่ไว้สังคมโลก เผื่อแผ่ไว้กับสัตว์โลก เผื่อแผ่ไว้กับหัวใจที่มันคัดค้าน หัวใจที่มันไม่ยอมรับ หัวใจที่มันดื้อดึง แต่มันก็มาทุกข์มายาก ไอ้คนดื้อคนดึงคนพาลทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์เป็นอริยสัจ ทุกข์เป็นความจริง
แต่หัวใจคนที่ดีงาม หัวใจคนที่มีอำนาจวาสนา แม้แต่เห็นสมณะ แม้แต่เห็นพระ “เฮ้ย! พระเขาอยู่กันอย่างไร เฮ้ย! ตั้งแต่บวชมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ บวชมาตั้งแต่เณร เขาบวชมาทำไม ทำไมไม่ไปทำมาหากินเหมือนเรา เออ! เราจะรวยอยู่นะ ไอ้พระมันอยู่ได้อย่างไรน่ะ”
นี่ไง แม้แต่เห็นสมณะมันก็คิดได้ แม้แต่เห็นสมณะมันก็คิดแล้วนะ เฮ้ย! ชีวิตมีค่าอะไร ที่เราบ้ากันอยู่นี่ เราแย่งชิงกันอยู่นี่ แย่งชิงเรื่องอะไร แล้วพระทำไมไม่มาชิงกับเราวะ พระทำไมอยู่ได้ของท่าน ท่านอยู่ได้ด้วยอาหารมื้อเดียว อยู่ด้วยความเป็นจริงของท่าน แล้วท่านมีความสุขมาจากไหน
ความสุข นี่ไง ความจริง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เราไม่ทำความจริงให้มันเกิดขึ้นมาไง
เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
สิ่งที่มีคุณค่า สิ่งที่เขาแสวงหากันทางโลกมันเป็นอามิส มันต้องมีสิ่งตอบสนองแล้วมันถึงพอใจ ไม่มีสิ่งใดตอบสนองตัณหาของตนมันก็ไม่พอใจ นั้นสุขโดยอามิส แม้แต่แก้วแหวนเงินทอง การประสบความสำเร็จต่างๆ นั้นน่ะเป็นอามิสทั้งสิ้น มันต้องมีสิ่งตอบสนอง
แต่เวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หัวใจที่มีความสุขมันไม่มีสิ่งใดตอบสนองตัวมันเอง มันจะอิ่มเต็มในตัวของมันเอง สิ่งที่มีค่าเกิดในท้องแม่ สิ่งที่มีค่าเกิดในโอปปาติกะ จิตนี้มีค่าที่สุด
เวลาคนตาย จิตเคลื่อนออกจากร่างนี้ไป จิตนี้เคลื่อนออกจากร่างนี้ไป
ทางการแพทย์บอกว่าสิ้นชีวิต แต่ในทางธรรมๆ ไม่ใช่ เขาเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ เวลาเคลื่อนออกจากร่างนี้ไป ถ้าเขามีเวรมีกรรม เขาเกิดเป็นสัมภเวสี จิตนั้นยังคงรูปแบบอยู่ที่เขาต้องเสวยสถานะที่มันมีบุญและกรรมอันนั้นขับเคลื่อนไป
ถ้าเขามีบุญกุศลของเขา เขาไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมของเขา ถ้าเขามีบาปอกุศลเขาต้องเกิดนรกอเวจีของเขา ในนรกอเวจี ไฟนรกมันแผดเผา เผาอย่างไรก็ไม่ตาย เผาอย่างไรก็ไม่จบไม่สิ้น
เราโดนไฟเผาไหม โดนความร้อนหน่อยวิ่งไปหาหมอ ทายาๆ เวลาอยู่นั่นน่ะผลของเวรของกรรม ไม่มีโอกาส ต้องทน ต้องฝืนทนอยู่อย่างนั้นจนสิ้นอายุขัยของเวรกรรมอันนั้น นี่ไง สิ่งที่เสวยภพเสวยชาติไง สิ่งที่ออกจากร่างนี้ไปไง สิ่งที่มีคุณค่านี่ไง
แล้วมันเสวยภพเกิดมาเป็นเรา จากพ่อจากแม่ จากพ่อจากแม่ สายบุญสายกรรม แล้วเราก็สร้างเวรสร้างกรรมจากพ่อจากแม่ สร้างเวรสร้างกรรมกับสังคม สร้างเวรสร้างกรรมของเขาทั่วไป
แต่เวลามันทำคุณงามความดี ทำคุณงามความดีของเรา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พยายามอานาปานสติ หาหัวใจของตนให้เจอ
ถ้าหาหัวใจของตนเจอ เจอด้วยอะไร เจอด้วยสติด้วยปัญญาของตน ย้อนกลับเข้าไปสู่ใจของตน ถ้าจับใจของตนได้ นั้นไม่ต้องอาศัยสิ่งกระทบ ไม่ต้องอาศัยอามิสใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอามิสใดๆ ทั้งสิ้น สัมมาสมาธิ
สมาธิ เวลาฝึกหัดปัญญาๆ นี่เวลาเขาปฏิบัติกัน เขาปฏิบัติกันอย่างนี้ เขาไม่ได้ปฏิบัติกันที่อารมณ์ คาดหวังคาดหมาย แล้วก็เป็น คาดหวังคาดหมาย แล้วก็ทำตามเลียนแบบเขา แล้วก็เป็น เป็นอะไร เป็นเลียนแบบไง มันวิธีการทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน
เวลาเป็นจริงเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เรารู้ของเราด้วยความชัดเจน ด้วยความชัดเจนนะ คนที่ทำความสงบของใจได้จะเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างมหาศาล เพราะจิตที่สงบนั้น สัมมาสมาธินั้นคือพุทธะ
พุทธะมีอยู่ในทุกๆ คน พุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะคือผู้รู้ คือความรู้สึก แล้วความรู้สึกเรานี้มันเป็นอารมณ์ แล้วถ้าละเอียดจากอารมณ์นี้ รู้ที่เขาว่าสักแต่ว่ารู้ รู้ที่เป็นตัวรู้จริงๆ มันเป็นอย่างใด
ขนาดผู้รู้ สิ่งที่ถูกรู้ มันมีผู้รู้ มีพลังงานอยู่ แล้วอารมณ์ความรู้สึกคิดเรื่องอะไรล่ะ สิ่งให้ถูกรู้ ผู้รู้นั้นมันรู้ในอารมณ์ ทีนี้ไปแล้ว ปั่นป่วนเลย ไปทั่วเลย ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา โอ้โฮ! ยอดเยี่ยม เยี่ยมยอด
เยี่ยมยอดเอาไว้โฆษณาหากิน ไม่เยี่ยมยอดเข้าสู่พุทธะในใจของตน
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราเคารพธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพสิ่งนั้นน่ะ มีค่าสิ่งนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ กราบธรรมที่ใจนี้ได้สัมผัส ใจนี้ได้ตามความเป็นจริง
หลวงตาย้ำเลย ไม่มีสิ่งใดสัมผัสธรรมได้ เว้นไว้แต่หัวใจของสัตว์โลก
ไอ้ดินสอเขียน ไอ้สมุดบันทึก ไอ้คอมพิวเตอร์ต่างๆ นั่นน่ะมันแก้ไขแล้วบิดเบือนได้ทั้งนั้นน่ะ แต่หัวใจที่เป็นจริงๆ มันบิดเบือนไม่ได้ มาตรฐานของคุณธรรม มาตรฐานของใจมันบิดเบือนไม่ได้
แล้วถ้าบิดเบือนไม่ได้ เหมือนหมอเลย หมอนี่นะ เขาไม่ต้องการเข้าไปในสิ่งที่มีเชื้อโรค ติดเชื้อต่างๆ เขาจะหลีกเลี่ยงทันที
ไอ้นี่นักปฏิบัตินะ มันบ้าบอคอแตกไปอย่างนั้นน่ะ แล้วมันจะปฏิบัติได้อย่างไร มันพ้นจากรัตนตรัย มันอยู่นอกรัตนตรัย มันอยู่นอกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันอยู่นอก เห็นไหม
รัตนตรัยๆ ถ้ามันขาดจากรัตนตรัย ขาดจากความเป็นชาวพุทธ
ไปดูตามวัดสิ รูปเคารพบ้าบอคอแตก มันเป็นไปไม่ได้ เอ็งเป็นพระอยู่หรือ
นี่ไง นี่พูดถึงว่าสังคมโลกๆ ใช่ไหม แต่ของเรา เราทำของเราขึ้นมา ฟังธรรมๆ เพื่อหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเรา พระพุทธศาสนายอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมที่นี่
ฉะนั้นว่า ศึกษามาเป็นแนวทาง ศึกษาแล้วมาค้นคว้า เราศึกษามาเรามีสิทธินะ สิทธิเสรีภาพ ทุกคนเกิดมามีสิทธิเท่ากัน เพราะทุกคนเกิดมามีหัวใจเหมือนกัน ถ้าหัวใจของเรา รัฐธรรมนูญมันคุ้มครองไม่คุ้มครอง เราเลิศกว่านั้นเยอะแยะ เพราะอะไร เพราะของของเรามันอยู่กับเรา เพียงแต่เราจะใช้ชีวิตเราหยำเปอย่างไรก็ได้ เราจะใช้ชีวิตของเราให้มีคุณค่าขึ้นมาก็ได้ อยู่ที่การควบคุมและใช้ชีวิตของเราเอง
ถ้าเรามีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน เราจะทำคุณงามความดี เราจะทำคุณงามความดีของเราให้ใจมันได้สัมผัส แล้วเวลาใจมันได้สัมผัสขึ้นมา กิเลสมันอยู่ในหัวใจมันปั่นป่วนไง “เราต่ำเราต้อย เราพลัด เราไม่มีค่าเท่าเขา”
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไปเทียบค่ากับใคร ถ้าเทียบค่ากับเขา แสดงว่าเอ็งไม่มีค่า
มานะ ๙ เสมอเขาสำคัญตนว่าเสมอเขา ถ้าเอ็งยังเทียบกับใคร แต่ถ้าในใจเอ็งมีคุณธรรม เอ็งไม่เทียบกับใคร เอ็งจะกราบธรรมในใจอันนั้น ธรรมในใจอันนั้นจะประเสริฐจะเลอเลิศ นี่พระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่ในรัตนตรัย แก้วสารพัดนึกที่เราจะแสวงหา แล้วแสวงหาได้ขึ้นมาในใจของตนๆ นี่มีค่าที่นี่
ไม่ต้องบ้าบอคอแตก ตื่นบ้าบอคอแตกไปกับโลก หัวใจของเรา พระพุทธศาสนาสอนลงมาที่นี่ สอนเข้ามาในหัวใจของเรา แล้วหัวใจของเราจะเป็นพุทธะจริงถ้าเราทำได้จริง เราแสวงหาจริงให้สมกับความเป็นมนุษย์ ให้สมกับเป็นมนุษย์ที่มีสติมีปัญญา ไม่ให้ใครหลอก ไม่ให้ใครมาชักนำ ไม่ให้ใครมาปลิ้นปล้อน จะเอาความจริงกลางหัวใจของเรานี้ เอวัง