เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อหัวใจของเราไง หัวใจของเรามันสุขมันทุกข์นะ ร่างกายจะมีความสุขความทุกข์ต่อเมื่อใช้ปัจจัยเครื่องอาศัย
คุณภาพชีวิตๆ เขาต้องการให้ชีวิตดีงาม ชีวิตดีงามมันดีงามที่หัวใจไง ถ้ามันดีงามที่หัวใจ ดอกไม้กลิ่นหอม ดอกไม้ที่สวยมีกลิ่นหอม ทุกคนก็ปรารถนา ดอกไม้ที่ไม่สวยแต่กลิ่นหอม คนก็ยังปรารถนา ดอกไม้ที่ไม่สวยแล้วกลิ่นเหม็น กลิ่นเหม็นๆ
กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม หัวใจของเราที่ดีงามไง พระพุทธศาสนา ศาสนาแห่งสติปัญญานะ ถ้าศาสนาแห่งสติปัญญา ปัญญาที่มันเป็นธรรมๆ ไม่ใช่ปัญญาที่กิเลสมันหลอกเอาไปใช้ ปัญญาที่กิเลสมันหลอกเอาไปใช้ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ ทำสิ่งใดไม่ได้เลย ทำบุญกุศลขึ้นมา ค้ากำไรเกินควรๆ ต้องการสมความปรารถนา ต้องการสิ่งที่เป้าหมายๆ
อันนี้เป็นเรื่องของบุญนะ ถ้าเรื่องของบุญ เรื่องของบุญเป็นเรื่องอำนาจวาสนาของคน คนมีกรรมเก่ากรรมใหม่ ถ้ากรรมเก่าขึ้นมาที่สร้างมาดีงาม กรรมใหม่คือกรรมสิ่งใหม่
พระกัจจายนะ พระกัจจายนะเวลาเกิดมาร่างกายสวยงามเหมือนกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ใครเห็นขึ้นมามีแต่ความลุ่มหลง หลงใหลในพระกัจจายนะ จนเห็นโทษของมัน เห็นโทษของมันเพราะคนมารักท่านมาก ท่านถึงอธิษฐานร่างกายของท่านให้เป็นอัปลักษณ์ๆ
แต่พอเป็นอัปลักษณ์ขึ้นมามันก็กลับเป็นเรื่องของพระกัจจายนะ เป็นเรื่องของผู้ที่ทำบุญกุศลแล้วสมความปรารถนา เพราะอิ่มหนำสำราญอ้วนพุงพลุ้ยเลย
นี่ไง คนตีความไปทั้งนั้นน่ะ เพราะมันคิดในหัวใจของเขาไง
แต่ถ้าเป็นสัจจะความจริงๆ ถ้าสัจจะความจริงขึ้นมา ฟังธรรมๆ ขึ้นมา ฟังธรรมของเราเพื่อหัวใจของเราไง ถ้าหัวใจของเรา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุดยอดมาก สุดยอดมาตั้งแต่เด็กน้อย ตั้งแต่เด็กน้อยถึงผู้ใหญ่ แล้วตามวัยๆ ไง วัยของคนขนาดไหน ตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีงาม ถ้าตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีงามนะ แล้วมีธรรมะในหัวใจ มันจะรักษาหัวใจนี้เสมอต้นเสมอปลาย รักษาหัวใจให้ตลอดรอดฝั่งไป เห็นไหม
ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย พระโพธิสัตว์เกิดแต่ละภพแต่ละชาติเกิดแล้วเกิดเล่า อุดมการณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อุดมการณ์มั่นคง อุดมการณ์ทำให้จิตใจมั่นคงตลอดเวลา
จะทุกข์จะยากขนาดไหน เป็นเตมีย์ใบ้ เวลาทำขันติบารมี กษัตริย์ไม่เชื่อ ตัดจมูก ตัดหู ตัดต่างๆ ท่านก็ไม่พูดของท่าน ท่านก็ไม่พูดของท่าน นี่เวลาอุดมการณ์ของท่านซื่อตรงดีงามไปตลอด
แล้วย้อนกลับมาหัวใจเราสิ มนุษย์เป็นสัตว์ประหลาด คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง แม้แต่ตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์ แม้แต่ตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์นะ ตั้งสัจจะแล้วทำไม่ได้ ทำสิ่งใดไม่สมความปรารถนา ทำสิ่งใดมีแต่ความท้อแท้ มีแต่ความทุกข์ความยากไง
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเริ่มต้นที่นี่ไง เวลาที่เรามาเสียสละทานกันอยู่นี่ เสียสละทานนี้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของโลกนะ
ดูสิ ปัจจัยเครื่องอาศัย เศรษฐกิจไม่ดีๆ ทุกคนมีแต่ความทุกข์ความยากทั้งนั้น ความทุกข์ความยากทั้งนั้น คนเราอยู่ได้ด้วยหนี้นอกระบบไง เวลาไม่มีอยู่ไม่มีกินก็ไปหยิบไปยืมมาเพื่อดำรงชีพ ดำรงชีพขึ้นมาแล้วดอกเบี้ยมันก็บีบคั้นมา มีแต่ความทุกข์ความยากไปทั้งนั้นน่ะ แล้วเราได้มาๆ เรามีสติปัญญาขึ้นมาเราเสียสละของเรา
การเสียสละของเราไม่เสียสละจนหมดเนื้อหมดตัว
การเสียสละของเรา ในพระไตรปิฎก ทุคตะเข็ญใจ เช้าขึ้นมาเขาตักบาตรทัพพีเดียวเท่านั้นน่ะ เพราะเขาไม่มีของเขา ตักบาตรทัพพีเดียว นั่นก็ครึ่งท้องของเขานะ ตักบาตรไปแล้ว ด้วยบุญกุศลของเขา เขาคิดอยากบวช ไปขอบวชกับพระองค์ไหนก็ไม่มีใครให้บวช
จนไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เขาอยากบวชมาก
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถามเลยในหมู่สงฆ์ว่า “ทุคตะเข็ญใจนี้มีบุญคุณกับใครอยู่บ้าง”
พระสารีบุตรยกมือเลย “ทุคตะเข็ญใจคนนี้เคยมีบุญคุณกับข้าพเจ้าพระเจ้าค่ะ”
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “มีบุญคุณอย่างไร”
“เคยตักบาตรให้ข้าพเจ้าหนึ่งทัพพีพระเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นเธอให้เขาบวช”
บวชแล้วอบรมสั่งสอน อบรมสั่งสอนจนสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์น่ะ เวลาสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์มันมีความสุขในหัวใจนะ มันมีความสุขในหัวใจ
อย่างที่เราวิตกกังวลกันอยู่นี่ ทุกคนก็ต้องการความมั่นคงของชีวิตใช่ไหม ทุกคนต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตใช่ไหม ความประสบความสำเร็จแล้วมีสุขหรือมีทุกข์ในหัวใจล่ะ
เวลาประสบความสำเร็จที่เป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมๆ พระโพธิสัตว์เป็นจักพรรดิ เป็นจักรพรรดิเขามีความสุขของเขานะ มีขุนนางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว แล้วพยายามบริหารจัดการให้ประชาชนเขามีความสุขกัน ถ้ามีความสุข นี่การสร้างอำนาจวาสนาบารมีไง ถ้าคนเขามีความสุขนะ เขาเห็นประชาชนเห็นคนข้างเคียงมีความสุข เขาอบอุ่นใจ เขาอุ่นใจ เขาดีใจ
บุญกุศลของผู้ที่มีปัญญา เขาดูคนรอบข้าง ดูพวกเรามีความสุข ไม่มีความทุกข์ในใจ อันนั้นเป็นแรงปรารถนาของเขา
แล้วความสุขของเรามันมีอยู่แล้ว มีอยู่แล้วตรงไหน
มีตอนเราให้เขา ตอนเราอบรมบ่มเพาะเขา เราช่วยเหลือเจือจานเขา นี่คนมีบารมี สิ่งที่พระโพธิสัตว์กระทำอย่างนั้นมาใช่ไหม สิ่งที่กระทำอย่างนั้นมา ถ้าใจมันเป็นสุขๆ
การเสียสละทาน เสียสละทานเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัย มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของคนทุกข์คนยาก คนจนคนเข็ญใจเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากๆ แต่ถ้าเรามีสติปัญญาของเรา เราก็เสียสละพอสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเรา
แต่เวลาเรามีสติปัญญารักษาหัวใจของเรา มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้าหัวใจของเราเป็นธรรมขึ้นมา ถ้าเป็นธรรมขึ้นมาแล้วมันย้อนกลับมาแล้ว คนที่ทำหน้าที่การงานเสร็จแล้ว เวลากลับบ้านกลับเรือนของเรา สวดมนต์ไหว้พระแล้วจะนั่งสมาธิภาวนา เราทำอะไรเราก็ทำได้หมดทุกๆ เรื่องเลย แต่ทำไมเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธไม่ได้ ทำไมเราค้นคว้าหาหัวใจของเราไม่ได้ ทำไมเราไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ ทำไมเรามีพุทธะในใจของเราไม่ได้ ในหัวใจของเรานี้ หัวใจของเรา
เราช่วยเหลือใครมันก็ช่วยเหลือได้ทั้งสิ้น เวลาพระจะสั่งสอนใครสั่งสอนเขาได้หมด อบรมบ่มเพาะเขาได้ทุกๆ คนเลย แต่ตัวเองไม่รู้แม้แต่ความสงบของใจ ตัวเองไม่รู้แม้แต่พุทธะ ตัวเองไม่มีสติปัญญาเอาตัวเองรอดได้
ถ้าเอาตัวเองรอดได้ นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ตรงนี้ไง มันก็เรื่องทาน ศีล ภาวนา
ทาน ศีล ภาวนา คนไม่มีทานเลย มันจะมีจิตใจมีความมุ่งมั่นที่ไหน ถ้าคนมีศีลขึ้นมา ศีลคือความปกติของใจ เราอย่าเบียดเบียนเขา เราอย่าทำลายใคร เวลาพูดอย่าโป้ปดมดเท็จ พูดสิ่งใดแล้วให้มันเป็นประโยชน์
ถ้าคนเขาจะพูดโกหก เขาจะฉ้อฉลของเขา นั่นก็เป็นกรรมของสัตว์ นั่นน่ะเขากว้านเอาฟืนเอาไฟไปใส่ในใจของเขา เขาพยายามตัดเครดิตของเขา เขายิ่งพูดโป้ปดมดเท็จขนาดไหนคนจะไม่เชื่อถือเขา เขาพูดที่ไหนนะ คนก็ “อ๋อ! อีกแล้วหรือ” จนคนเบื่อหน่าย
แต่คนที่เขามีสติปัญญาของเขา เขาพูดของเขาเป็นประโยชน์กับเขา นี่ถ้าเรามีศีลมีธรรมของเรา ทาน ศีล แล้วก็ฝึกหัดภาวนา
นักศึกษานักเรียนอยากจะเรียนดีให้ทำสมาธิๆ น่ะ
โอ้โฮ! เด็กๆ มันบอก อ่านหนังสือจนหัวแทบระเบิดยังไม่รู้เรื่องเลย แหม! จะมาวางหนังสือมาภาวนา มาภาวนาเรียนไม่ทันเขาๆ
แต่ถ้าคนมีสติปัญญาของเขา เขาพยายามวางได้ แล้วกลับมานั่งสงบสักพักหนึ่งทบทวนความผิดพลาดของเรา เสร็จแล้วกลับไปอ่านหนังสือ เขาเข้าใจได้นะ
สิ่งที่จะเกิดปัญญาคือหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ที่ว่าทำสมาธิ ทำความสงบของใจ นี่คือสุดยอดธรรมในพระพุทธศาสนา ทาน ศีล ภาวนา ทาน ศีล ภาวนา แล้วภาวนาขึ้นมาเวลามันเกิดขึ้นมา ถ้ามันเกิดสัจจะความจริงนะ มันจะเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนา ปัญญาที่เกิดจากการภาวนานั้น เกิดจากจิตดวงนั้น
เกิดจากจิตดวงนั้นเป็นผู้ที่พยายามจะรักษาจิตดวงนั้น รักษาหัวใจดวงนั้นให้พ้นจากทุกข์ไง ความทุกข์ ความเครียด ความวิตกกังวลในใจของตน นี่ถ้ารักษา ภาวนามยปัญญาเท่านั้น ปัญญาที่เกิดจากการภาวนาเท่านั้น ปัญญาที่เกิดจากจิตดวงนั้น
นี่ไง ถ้าเราทำความสงบของใจได้ เราจะมีพุทธะในหัวใจของเรา ถ้าพุทธะในหัวใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์
ปฏิสนธิจิต จิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันไม่มีต้นไม่มีปลาย มันไปของมันไม่มีต้นไม่มีปลาย มันไปของมันโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว แต่ธรรมชาติของมันแล้วมันก็ได้สะสมของมันมาใช่ไหม
ดูสิ เวลาทางร่างกาย เวลาไปหาหมอโรคร้อยแปดพันเก้า แล้วโรคแตกต่างกันไปมหาศาล โรคอยู่ที่สภาพแวดล้อม อยู่ที่อาหาร อยู่ที่วิตกกังวลของเขา อยู่ที่ๆ หมดเลย นี่ขนาดโรคนะ โรงพยาบาลล้นหมดเลย มีแต่คนป่วย
แล้วหัวใจล่ะ หัวใจป่วยมากกว่านั้น ความรู้สึกนึกคิดของคนเต็มไปหมด จริตนิสัยของคน พันธุกรรมของจิต เวลามันเกิดความรู้สึกนึกคิดมหาศาลเลย ร้อยแปดพันเก้า พระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาเข้ามาแล้วก็ตีความกันร้อยแปดพันเก้า สำนักปฏิบัติขึ้นมาก็ร้อยแปดพันเก้า
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากรรมฐาน ๔๐ ห้อง กรรมฐาน ๔๐ ห้อง อันดับหนึ่งพุทโธ ธัมโม สังโฆ
แล้วบอกว่า “ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องทำอะไรเลยนะ ลืมตาใช้ปัญญาไปเลย”
สุดท้ายมันก็เป็นปัญญาอบรมสมาธิเท่านั้นน่ะ มันเป็นปัญญาของภาคปริยัติ ปริยัติ เราตรึกในธรรมๆ ไง
เราตรึกในธรรม ตรึกในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรานะ ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา พระไตรปิฎกนั่นน่ะ สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกให้พระอานนท์จดจำไว้ พระอานนท์กับพระอุบาลีจดจำไว้ธรรมและวินัยนั่นน่ะ แล้วก็มาสังคายนา จดจารึกกันมานั่นน่ะ สิ่งนั้นเป็นธรรมวินัย เป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราตรึกในธรรมๆ เราเป็นชาวพุทธ เราตรึกในธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรึกในธรรมขึ้นมา ถ้ามันเห็นธรรมตามความเป็นจริง ก็เหมือนกับทฤษฎีน่ะ ทฤษฎีที่มันถูกต้องที่เราท่องจำกันมา ถ้าเรามาทดสอบของเรา ถ้ามันถูกต้องตามทฤษฎีนั้น เราก็ เออ! ใช่ เออ! ถูกต้อง ทำให้คนฉลาดขึ้นๆ ไง
นี่ก็เหมือนกัน คนมันโง่ มันหลงตัวมันเอง มันให้กิเลสมันครอบงำ แล้วตัวเองก็ช่วยตัวเองไม่ได้ พอช่วยตัวเองไม่ได้ก็ไปศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “เออ! ใช่ เออ! เราคิดเอง เออ! ใช่ เออ! ใช่หมดเลย” นี่มันตรึกในธรรมไง สูงสุดก็เป็นปัญญาอบรมสมาธิ เป็นปัญญาอบรมสมาธิ เพราะมันอบรมใช้ปัญญาใคร่ครวญไง พอมันปล่อยวางก็เป็นสมาธิไง ถ้าเป็นสมาธิขึ้นมาแล้วนะ โอ้โฮ! รื่นเริง มันมีความมหัศจรรย์
จิตมหัศจรรย์มากกว่านั้นน่ะ ถ้าเป็นปัญญาอบรมสมาธินะ เป็นสัมมาทิฏฐิ
แล้วเวลาจิตเห็นอาการของจิต จิตส่งออกทั้งหมด โดยธรรมชาติของพลังงานคลายตัวส่งออกทั้งหมด ไม่มีพลังงานใดเลยทวนกระแสกลับ เว้นไว้แต่อริยสัจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาวนามยปัญญา ทวนกระแสเข้าไปสู่กิเลสตัณหาความทะยานอยากของใจ แล้วใจดวงใดล่ะ
ใจดวงใดที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะเวลาเกิดมา เกิดจากพ่อจากแม่ๆ นี่ แต่ภาวนาเกิดจากรรม เกิดจากการกระทำ เราได้สร้างบุญสร้างกรรมมาขนาดไหน ถึงกรรมวาระที่เป็นกรรมดีนะ เกิดมานะ คาบช้อนเงินช้อนทอง เกิดมามีความสุข ถ้ากรรม เวลาวาระของกรรมนะ
เวลาในสมัยพุทธกาลน่ะ เกิดมาที่พ่อแม่ไม่พร้อม เอาไปทิ้งถังขยะนะ แต่ผู้ที่มีบุญ เวลาเขาไล่วัวไล่ควายมา มีหัวหน้าโคมายืนคร่อมไว้เลยนะ มันไม่ให้ไปเหยียบทารกนั้น
เวลาคนนะ คนที่มีอำนาจวาสนาบารมีนะ นี่เป็นหมอชีวก หมอชีวกคนหนึ่ง แล้วใครอีกคนหนึ่งที่ว่าเกิดมาแล้วพ่อแม่เอาไปทิ้งๆ นี่เวลาเกิดมา แต่เขามีชื่อจารึกในพระไตรปิฎก เขาเป็นหมอประจำองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าป่วยหลายหน หมอชีวกเป็นหมอยาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขามีบุญกุศลขนาดนั้นนะ แต่เวลาพ่อแม่ไม่พร้อม เอาไปทิ้งๆ นี่เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะน่ะ
ใช่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกนะ พ่อแม่ให้ชีวิตนี้มานะ พ่อแม่เป็นวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ในชาตินี้ไง แต่เราจะพูดถึงจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ เวลาเกิด เกิดจากพ่อจากแม่แน่นอน ไปโรงพยาบาลสิ ดีเอ็นเอพ่อแม่หมด กรรมน่ะ ถ้ามันเป็นของพ่อแม่ พ่อแม่เป็นคนดี๊ดี ลูกมันทำไมไปติดยาเสพติดล่ะ ลูกมันทำไมทำร้ายคนอื่นล่ะ พ่อแม่มันดี๊ดีก็ต้องให้เหมือนกันสิ พ่อแม่ดี๊ดี ไอ้ลูกไปไหนก็ไม่รู้
แต่ถ้าพันธุกรรมของจิตที่มันดีงามนะ อภิชาตบุตร บุตรที่เกิดมาแล้วมีอำนาจวาสนากับพ่อกับแม่ เขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวสามารถดูแลรักษา เห็นไหม
เวลาทางโลก ชีวิตของเรานะ ไม่มีสิ่งใดที่สมบูรณ์แบบ มันมีลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งนั้นน่ะ เพราะไม่มีใครทำดีทั้งหมดและไม่มีใครทำชั่วทั้งหมด คนทุกคนเคยทำทั้งทำความดีและความชั่ว ความชั่วมันทำเพราะอะไร ทำเพราะความบีบคั้น ทำเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำเพราะความหลงใหล
กรรมดี กรรมดีทำของเรานะ ทำดีเพื่อดี ถ้าทำความดีก็คือความดีอยู่แล้ว แล้วความดีอันนั้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนน้ำใสสะอาดจืดสนิท สิ่งนี้เป็นประโยชน์กับร่างกาย
ไอ้เรื่องโลกๆ เรื่องเหล้ายาปลาปิ้งทั้งนั้นน่ะ มันเป็นเรื่องของความชอบใจของมนุษย์ไง ความชอบใจของสังคมไง แต่มันไม่เป็นความจริงหรอก
ถ้าเป็นความจริง ทำความดีเพื่อดีไง ถ้าทำดีเพื่อดีก็ทำความดีเพื่อหัวใจดวงนี้ไง ถ้าหัวใจดวงนี้ ทำดีของเรา ทำดีปิดทองหลังพระ ปิดทองก้นพระ แล้วทำความดีของเรา เราภูมิใจในตัวของเรา
ถ้าภูมิใจในตัวของเรา เวลาเราไปนั่งสมาธิภาวนาขึ้นมา ถ้ากิเลสมันไม่ยุไม่แหย่นะ ถ้ากิเลสมันยุมันแหย่มันร้องตายเลย “ทำดีเกือบตายไม่เห็นได้อะไรเลย ยิ่งภาวนาแล้วยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย” ภาวนาๆ ไปถึงที่สุดแล้วนะ “เออ! เลิกดีกว่า” เลิกดีกว่าก็แพ้ตัวเองไง
คนที่จะออกกำลังกาย ถ้าร่างกายไม่ชราภาพจนเกินไป เขาออกกำลังกายต่อเนื่องกันไปจนร่างกายเขาแข็งแรง จนโรคภัยไข้เจ็บเขาเบาบางลง โดยวิทยาศาสตร์ โดยข้อเท็จจริง
จิตก็เหมือนกัน เวลาฝึกหัดภาวนาๆ ถ้ามันฝึกหัดภาวนาถ้ามันดีขึ้นไปๆ จิตมันต้องดีขึ้น มันต้องเห็นคุณงามความดี เห็นผลของการนั่งสมาธิภาวนา เห็นถึงการเกิดเป็นมนุษย์ เห็นค่าของการเกิดเป็นมนุษย์นะ
ถ้าไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ มองไปสิ ดูสิ สัตว์ที่มันเกิดสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน เวลาวาระเหมือนกัน แล้วมนุษย์ก็เหมือนกัน ดูสิ ดูที่เขาอพยพกันน่ะ เห็นเวลาเขาอพยพกันเป็นล้านๆ เห็นแล้วเศร้า
แต่พวกเราก็ลูกอพยพกันทั้งนั้นน่ะ พ่อแม่เราก็อพยพมาทั้งนั้นน่ะ นี่ก็ลูกอพยพ พ่อแม่ก็อพยพมาเหมือนกัน เวลาดู ดูที่คนต้องอพยพ ต้องทุกข์ต้องยาก ดูสิ ดู ดูแล้วคิด เราได้เป็นอย่างนั้นไหม เรามีโอกาสไหม
เรามีทุกอย่างพร้อมเลย บ้านเมืองก็สงบสุข ชีวิตเกิดมาก็เป็นมนุษย์ ถ้ามันสมความปรารถนาก็สุข ถ้ามันขาดแคลน มันไม่พอใจก็ทุกข์ ถ้ามันทุกข์ขึ้นมา มีสติปัญญาก็ใคร่ครวญเข้ามา ถ้าใคร่ครวญเข้ามา ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา เราก็ทำความดีของเรา เราไม่ให้กิเลสมันมายุมาแหย่ เราอยู่ในสัจธรรมอันนั้นแล้วสร้างคุณงามความดีของเราๆ
หลวงตาท่านสอนประจำนะ ใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขา เราจะทำความดีๆ
ทำความดีปิดทองหลังพระ แล้วปิดทองหลังพระแล้ว เวลาจะนั่งภาวนา เออ! เราได้ทำทุกๆ อย่างหมดแล้ว ต่อไปนี้จะทำหน้าที่ของเรา ต่อไปนี้จะทำหน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือค้นคว้าหาใจของเรา
เกิดจากพ่อจากแม่นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดจากนางมหามายา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุธรรม ตัด เกิดในธรรม เกิดโดยธรรม เกิดโดยการมีสัจธรรมมีคุณธรรม ฆ่ากิเลสในใจของตนด้วยภาวนามยปัญญา ด้วยภาวนามยปัญญา
การศึกษาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษามา ศึกษามา เวลาตรึกในธรรมๆ นั่นแหละ ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาศึกษา เออ! ใช่ เราโง่เอง ใช่ๆ แต่ใช่ข้างนอกนู่นน่ะ ใช่โดยที่ยังไม่รู้จักตัวมึงเองเลย ใครเกิด
ใช่ๆๆ นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยอำนาจวาสนาได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ถึงได้มีโอกาสได้ศึกษา ถึงได้ว่าใช่ๆ อยู่นั่นไง
แล้วเวลาคนที่เขาถือลัทธิต่างๆ เขาไม่นับถือพระพุทธศาสนา เขาใช่กับเราหรือไม่ เขาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่เขาไม่มีโอกาสได้นับถือพระพุทธศาสนา เขาไม่มีโอกาสได้ศึกษา เขาเชื่อในสิ่งชี้นำของเขา เขาไม่เชื่อสัจจะความจริงอริยสัจของเรา
ถ้าเราพิจารณาของเรา ถ้ามันใช่ๆ ใช่ มันก็เป็นธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ นี่ภาคปริยัติไง
ถ้าใครศึกษาแล้ว คำว่า การศึกษาแล้วทำให้ศาสนามั่นคง” การศึกษานี้ทำให้ศาสนาละเอียดรอบคอบ ทำให้ศาสนาไม่เสียหาย”
การศึกษามาแล้ว แต่ถ้ามันเกิดทิฏฐิมานะขึ้นมามันก็ตีความของมันเอาแต่ความเห็นของมันเข้าไปในธรรมะอันนั้น นี่ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ความคิดเราเป็นกิเลส ความคิดของเรายึดมั่นถือมั่น ความคิดของเราเห็นแก่ตัว แล้วก็อ้างอิงเคลมไปตลอด มันไม่เป็นความจริงสักทีหนึ่ง
แต่ถ้าฝึกหัดภาวนาขึ้นมา เกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่มันชำระล้างกิเลส ปัญญาที่มันแยกแยะของมัน...นี่ๆๆ นี่คือหัวใจของเราไง
หัวใจของเรานะ แม้แต่ทำสมาธิได้ โอ้โฮ! มันสงบ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มีนี่มหัศจรรย์นะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
สิ่งที่เราค้นคว้าเราแสวงหากันอยู่นี่ ได้มาก็สุขอมทุกข์ ทุกข์อมสุขอยู่อย่างนั้นน่ะ ครึ่งๆ กลางๆ ปลิ้นๆ ปล้อนๆ ว่ากันไป แต่มันไม่จริงหรอก
แต่ถ้ามันจริงนะ มันนั่งอยู่นะ นั่งอยู่คนเดียว จิตสงบ มีความสุข แล้วถ้าฝึกหัดใช้ปัญญาไปมันจะเห็นศักยภาพ เห็นความมหัศจรรย์ของจิตที่ว่าจิตนี้เป็นได้หลากหลายนัก เวลากิเลสมันหลอกเรา หัวปั่นเลย
เวลาเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้น ปัญญาที่การแยกแยะความมหัศจรรย์อันนี้ มันเห็นของมัน มันรู้ของมัน มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก นี่ของเรา ไม่ใช่ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ไปศึกษาๆ ธรรมะเป็นธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น
แต่ถ้าเป็นของเราๆ นะ เรารู้เห็นตามความเป็นจริง สัจจะความจริงอันนี้เกิดขึ้นกับเรา อำนาจวาสนาของเราอยู่ที่นี่ ศาสนามีคุณค่าที่นี่
ฉะนั้น ทำบุญกุศลก็เรื่องของบุญ แต่ถ้าเราฟังธรรมๆ เรายกหัวใจเราขึ้น สิ่งที่ทำแล้วก็ทำเพื่อปัจจัยเครื่องอาศัย เพื่อความดำรงชีพ
แต่ภาวนามยปัญญา สัจธรรมในพระพุทธศาสนา ถ้าเราฝึกหัดค้นคว้าให้เป็นความจริงขึ้นมา มันมีโอกาสนะ โอกาสของสิ่งมีชีวิตเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วถ้าเราไม่ทำของเรา เราไม่สร้างอริยทรัพย์
ทรัพย์ของเรามันไปกับเรานะ โง่หรือฉลาด ปัญญามันจะเกิด มันจะไปกับเรา มันเป็นสมบัติของเราเพราะเกิดจากการฝึกหัด เอวัง