เทศน์เช้า วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมะ เพราะเราได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนายอดเยี่ยม พระพุทธศาสนาสุดยอด พระพุทธศาสนาสอนให้สังคมเราร่มเย็นเป็นสุข
สังคมไทยๆ เป็นจุดขายเลยวัฒนธรรมของเรา ใครๆ ก็มาดูวัฒนธรรมของชาวพุทธๆ ยิ้มสยามๆ ยิ้มสยามมันยิ้มจากหัวใจไง หัวใจที่มันปลอดโปร่ง หัวใจที่มันมีคุณธรรม หัวใจที่มันมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มันมีแก้วสารพัดนึก
คนเรามีที่พึ่งที่อาศัย คนไม่ว้าเหว่ คนไม่สิ้นไร้ไม้ตอก คนที่ต้องรอพระเจ้ามาตัดสิน ตายแล้วพระเจ้าจะมาพยากรณ์ ไม่มี
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราทำคุณงามความดีของเรา เราทำชั่วบาปอกุศลของเรา ความลับไม่มีในโลก ใครเป็นคนทำ คนนั้นรู้ทั้งสิ้น ถ้าคนนั้นรู้ทั้งสิ้น เห็นไหม
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์นี้เป็นธรรมะที่ยิ่งใหญ่ รื้อสัตว์ขนสัตว์คือรื้อสัตว์ขนสัตว์บุคคลคนนั้นให้พ้นจากกิลสตัณหาความทะยานอยากไป คือสิ้นกิเลส พอสิ้นกิเลสไป เป็นความว่างๆ
ไอ้พวกเราก็ดัดจริต ไอ้ธรรมะดัดจริตน่ะ “ว่างๆ ว่างๆ” แล้วทำไมมันว่าง ภาษามันไง เพราะอะไร เพราะสัจธรรมกว่าที่มันจะเป็นไปได้นะ
วัฒนธรรมประเพณี ประเพณีวัฒนธรรมของเรา ไปวัดไปวา วันนี้วันสงกรานต์ เราเอากระดูกพ่อกระดูกแม่ กระดูกผู้ที่เสียชีวิตแล้วมาบังสุกุล บังสุกุลนี่ระลึกถึง แล้วก็กลับไปบ้านไปเรือนเพื่อความอบอุ่นในครอบครัว นี่เขาสอนให้มีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันไง สอนให้มีความอบอุ่นต่อกันไง สอนให้เป็นความสุขของร่างกายไง ความสุขของใจ
ความสุขของใจ ถ้าใจมีความสุข ใจมันได้พบสิ่งที่รักสิ่งที่สงวน สิ่งที่เราสงวนรักษา แล้วประสบความสำเร็จ มันมีความสุขๆๆ นี่มันมีความสุขอย่างนั้น นี่เรื่องโลกๆ ทั้งนั้นน่ะ ถ้าเรื่องโลกๆ เรื่องของวัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมประเพณีเป็นสิ่งที่ดีงามนะ
พระพุทธศาสนานี้สุดยอดมาก สุดยอดมาก ดูสิ เวลาเรามีสิ่งใดก็แล้วแต่ เวลาบอกว่า ตกใจก็พุทโธ เวลาตกใจขึ้นมาเอาสัจธรรมนี้ให้มาเป็นที่พึ่งอาศัย
เวลาคนมีทุกข์มียากขึ้นไป แก้เคล็ด แก้ต่างๆ ไอ้นั่นมันเป็นเรื่องไสยศาสตร์
ทำดีดีกว่าขอพรๆ ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรา ถ้าเรามีความทุกข์ความยากขึ้นมา เราคิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แก้วสารพัดนึก นึกถึงสัจธรรมแล้วมันปล่อยวาง มันว่าง มันมีความสุขไง
เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เวลาหกล้ม ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาก็ทายาแดงๆ ทายาแดง อะไรที่มันมีความทุกข์ในหัวใจ ถ้าคิดถึงพระพุทธศาสนา คิดถึงสัจจะความจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนะ
เรามีความผิดพลาด เรามีความประมาทมา ขับรถขับรา ถ้าไม่มีความประมาทมันก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่อุบัติเหตุนะ ทำงานที่มันหนักหนาสาหัสสากรรจ์ก็ต้องพักต้องผ่อนของมัน เวลาหลับในๆ เวลาทำงานจนล้า
นี่ไง พระพุทธศาสนาสอนทางสายกลางๆ อย่าเคร่งครัดจนเกินไป อย่าหย่อนยานจนเกินไป ให้มีความพอดีของเรา
พระพุทธศาสนาสอน สอนเป็นวัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมประเพณีมีคุณค่า มีคุณค่ามาก
หลวงตาท่านสอนประจำ พระพุทธศาสนาเปรียบเหมือนห้างสรรพสินค้า
ดูห้างสรรพสินค้าสิ มันมีสินค้าที่มีคุณค่ามากมายมหาศาล กับสิ่งที่เข้าไปแล้วเขาแจกผ้าเย็น แจกฟรี เราเข้าไปในห้างสรรพสินค้า เราก็ไปเลือกเอาหยิบเอา เรามีอำนาจวาสนาแค่ไหน
นี่ก็เหมือนกัน พระพุทธศาสนานี้สุดยอด พระพุทธศาสนานี้สุดยอดมาก ยิ่งใหญ่มาก ยิ่งใหญ่จนพ้นจากทุกข์ๆ ได้ไง
แต่เวลาของเราเป็นวัฒนธรรมประเพณี วันนี้เราพาลูกพาหลานมาวัดมาวา มาวัดมาวาให้เขาใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา ให้เป็นศาสนาประจำหัวใจของสัตว์โลก ให้เป็นศาสนาประจำหัวใจของลูกหลานของเรา
คนเราเกิดมา มนุษย์ต่างจากสัตว์ ต่างจากสัตว์เพราะมนุษย์มีศีลมีธรรมในหัวใจ สัตว์มันไม่มีศีลไม่มีธรรมของมันนะ สัตว์มันดีมันชั่วของมันได้ แต่สัตว์มันบรรลุธรรมไม่ได้ ของเรา เรามีสติปัญญาของเรา ถ้าเราเห็นคุณค่าของมัน เห็นคุณค่า
เราทำสิ่งใด ทุกคนทำบุญกุศลแล้วต้องอยากได้ลาภ อยากได้ยศถาบรรดาศักดิ์ อยากให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าประสบความสำเร็จในชีวิตมันเรื่องของวัฏฏะ เรื่องของโลก เรื่องของโลกมันก็ต้องมีการกระทำมา ถ้าคนมีอำนาจวาสนามา ส่งเสริมสิ่งใดมา สิ่งนั้นมันก็จะตอบสนอง คนเราถ้ามันไม่มีอำนาจวาสนามามันก็จับพลัดจับผลู ขาดตกบกพร่องไปตลอด
คนเรามันเกิดมาไม่เท่ากัน ไม่เท่ากันที่ไหน ไม่เท่ากันที่การกระทำไง
เราจะไปโทษว่าคนนู้นทำเราคนนี้ทำเราไม่ได้ไง เราต้องโทษหัวใจของเรา โทษสติปัญญาของเรา สติปัญญาของเรามันอ่อนแอ สติปัญญาของเรามันอ่อนด้อย เราถึงได้ทำความผิดพลาดนั้นไป พอทำผิดพลาดไปมันมีเวรมีกรรมขึ้นมา เราจะไปแก้กรรมๆ แก้กรรมคือการนั่งสมาธิ แก้กรรมคือแก้กรรมในหัวใจของเรา
พระพุทธศาสนามีคุณค่ามากขนาดนี้ มีคุณค่าน่ะ พ่อแม่พี่น้องเข้าใจกัน พ่อแม่พี่น้องกตัญญูกตเวทีมีความเข้าใจกัน มีความอภัยต่อกัน อภัยทานๆ สิ่งที่เราจะให้อภัยต่อกัน ถ้าไม่ให้อภัยต่อกัน ในบ้านในเรือนกระทบกระเทือนกัน มันจะอยู่กันได้อย่างไร มันมีความให้อภัยต่อกัน พระพุทธศาสนาสอน สอนขนาดนั้นน่ะ ไอ้นี่มันเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีนะ แต่เวลาไปศึกษาแล้ว ศึกษาแล้วคนสูงส่งขึ้นไปไง
พอสูงส่งขึ้นไปจะปฏิบัติธรรม เริ่มจะปฏิบัติธรรมแล้ว ถ้าจะปฏิบัติธรรมๆ ปฏิบัติธรรมมันต้องทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจมันสงบระงับเข้ามา ใจสงบระงับแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา
จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ พระพุทธศาสนาสอนเรื่องประเพณีวัฒนธรรม เรื่องโลกๆ นะ เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องความเป็นอยู่ของมนุษย์เรานี่ ความเป็นอยู่ของมนุษย์เรามีความเข้าใจกัน มีสติปัญญาขึ้นมา สิ่งนี้เป็นความดีงาม แต่เรื่องประพฤติปฏิบัติมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ
แหม! ปฏิบัติเป็นชีวิตประจำวัน
ชีวิตประจำวันมันมีค่าขนาดนั้นเชียวหรือ ชีวิตประจำวันก็หาอยู่หากินไง ชีวิตประจำวันก็วันเวลา ๒๔ ชั่วโมงไง วันเวลามันกลืนกินชีวิตเอ็งไปไง สิ่งที่ได้มาก็ตัวเลขไง แล้วก็จะชราคร่ำคร่า จะแก่เฒ่า จะเป็นไม้ใกล้ฝั่ง จะสิ้นชีวิตนี้ไปไง ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดไง
แต่ถ้าเอาจริงเอาจังขึ้นมา เวลาจะประพฤติปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ของเรานะ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตมันสงบแล้ว จิตสงบแล้วไง ถ้าจิตสงบ จิตมันจะสงบอย่างไร
“ทำสมาธิๆ ทำสมาธิไม่เป็นก็สอนสมาธิได้”
โอ้! มันดัดจริต ทำสมาธิไม่เป็นเอ็งไปสอนสมาธิได้อย่างไร เอ็งไม่เคยกินแกง เอ็งรู้จักแกงได้อย่างไร เอ็งรู้ได้อย่างไรอะไรเป็นแกงเผ็ด อะไรเป็นแกงส้ม อะไรเป็นแกงจืด เอ็งรู้ได้อย่างไร ถ้าเอ็งไม่เคยกินเลยเอ็งรู้ได้อย่างไร ถ้าเอ็งไม่รู้ได้อย่างไร เอ็งก็แยกไม่ได้ว่าอันนั้นเป็นแกงเผ็ด อันนั้นเป็นแกงส้ม อันนั้นเป็นแกงจืด เอ็งแยกไม่ได้
แล้วเอ็งแยกไม่ได้ พอเขาบอกว่าเอาแกงจืดมา นี่แกงไตปลา โอ๋ย! ใช่ๆๆ เลย ใช่ๆๆ เลย เพราะฉันปฏิบัติสมาธิไม่เป็นแต่ฉันสอนสมาธิได้...เป็นอย่างนั้นหรือ
มันเป็นไปไม่ได้ ไอ้นั่นมันเป็นวัฒนธรรมประเพณี เหมือนเรา ดูสิ มีการศึกษา ไปเรียนศาสนาวันอาทิตย์ ไปเรียนศาสนา ไปเรียนนักธรรมโท นักธรรมตรี นักธรรมเอก ก็ไปเรียนสิ
ไอ้นี่ก็ไปเรียนสมาธิ ได้สมาธิ ทำสมาธิเป็นหรือเปล่า ถ้าทำสมาธิไม่เป็น แล้วทำสมาธิไม่เป็นมันไม่รู้คุณค่าไง
เวลาคนจะทำครัวนะ ลูกเด็กเล็กแดงเขาไม่อยากให้เข้าใกล้ เพราะฟืนไฟมันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เวลาทำสมาธินะ เขาต้องการที่สงบสงัดของเขา เขาไม่ใช่ชาวประมงไปหาปลากัน เวลาทำสมาธิกัน แห่แหนกันไป อย่างงานบวชนาคไง
งานบวชนาค ถ้ามันกินเหล้าเมายามันยังทะเลาะกัน มันยังยิงยังฟันกันนะ เวลาบวชนาควนโบสถ์ ๓ รอบ ถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวมันก็ชกกัน
ไอ้นี่ทำสมาธิ แห่กันไปอย่างกับชาวประมงเลย ทำสมาธิหรือ สมาธิทำอย่างไร นี่มันขัดแย้งกันไปหมดเลย เพราะคนไม่เป็นไง คนไม่เป็นมันไม่รู้ที่มาที่ไปไง
แต่คนที่เป็น เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาท่านจำวัดอยู่ แล้วมันมีลูกศิษย์พระสารีบุตรจะไปกราบคารวะท่านไง ส่งเสียงดัง ไปจับที่จับทางกันไง ตอนนั้นพระเรวัตตะเป็นผู้อุปัฏฐากอยู่
“เรวัตตะ นั่นใครมาน่ะ”
“ลูกศิษย์ของพระสารีบุตรจะมากราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ”
“ไล่มันไป ทำเสียงดังอึกทึกครึกโครมเหมือนชาวประมงเขาหาปลากัน”
พระทำอย่างนั้นหรือ พระมีความวุ่นวายอย่างนั้นหรือ คนทำสมาธิจะวุ่นวายอย่างนั้นหรือ
คนทำสมาธิเขาต้องอยู่ที่สงบสงัด สัปปายะๆ เขาหาที่สมควรกับเขา ที่สมควรกับเขา เขาสงบใจของเขา ถ้าสงบใจของเขาไง ไม่ใช่ที่ไหนก็ทำได้ๆ ที่ไหนทำได้มันต้องเป็นคนที่มีอำนาจวาสนา ถ้าอย่างเป็นหลวงปู่มั่น เป็นครูบาอาจารย์ เราเชื่อว่าทำได้ เราฝึกหัดจนเราเข้มแข็งแล้ว จิตใจที่มันฝึกหัดจนชำนาญในวสี ชำนาญในการเข้าออกสมาธิแล้ว อยู่ที่ไหนมันก็ทำได้
แต่ถ้าคนมันฝึกหัดเริ่มต้นเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ แล้วถ้ามันจะเป็นไปได้ขึ้นมา มันทำสมาธิแล้วๆ เวลาคนเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าเป็นวัฒนธรรมประเพณีก็หกล้มลุกคลุกคลาน เวลาเป็นไข้ไม่ต้องไปหาหมอมันก็หาย
เวลามันเป็นไข้เป็นหวัดขึ้นมา รักษาร่างกายให้อบอุ่นมันก็หาย อู้ฮู! ธรรมะสุดยอดๆ เวลามันเป็นมะเร็งมันนึกให้หายไม่ได้หรอก เวลามันเป็นไทรอยด์มันก็นึกให้หายไม่ได้
เวลาคนเราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เวลาจะทำการผ่าตัดเขาต้องมีห้องปลอดเชื้อๆ
เวลาผ่าตัดที่ไหนก็ได้ กลางทุ่งก็ได้ ตลาดก็ได้ ที่ไหนก็ได้...อย่างนั้นหรือ นี่เวลาคนภาวนาไม่เป็น
พระพุทธศาสนามีค่าเลอเลิศมาก เลอเลิศมันเลอเลิศตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียด เวลาละเอียด ละเอียดสุดเข้าไปมันเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป
เวลาครูบาอาจารย์นะ ถ้าเป็นวัดบ้าน วัดบ้านมีการศึกษาก็ศึกษามาเพื่อเผยแผ่ธรรม ศึกษามาเพื่อการปกครอง ศึกษามาเพื่อทรงจำธรรมวินัย เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนอย่างไร
ท่านสอนทำความสงบของใจเข้ามาก่อนๆ ถ้าใจสงบแล้วมันรักตัวกลัวตาย รักตัวเราเอง เวลารักตัวเราเอง ถ้าจิตยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้มันจะเห็นโทษของตนนะ
เวลาคนที่ไปฝึกหัดไปประพฤติปฏิบัติไง เวลายังไม่ปฏิบัติ “โอ้โฮ! ปฏิบัติเมื่อไหร่ก็ได้ การปฏิบัติ โธ่! ของเล่นๆ เรามันยอดคน เมื่อไหร่ก็ได้” ลองไปนั่งสิ พอไปนั่งปฏิบัติทีเดียวคอตกเลยล่ะ เวลาคอตก เห็นไหม
แล้วถ้ามันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกนะ มันเป็นคุณงามความดีขึ้นมานะ เวลาเป็นคุณงามความดีขึ้นมา มันเห็นความบกพร่องของเราทั้งสิ้น
เวลาที่เราจะมาประพฤติปฏิบัติคือเราจะมาเอาชนะตัวเราเอง เราจะมาเอาชนะหัวใจของเราด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เราต้องการการชนะตัวตนของเรานะ ถ้าเราต้องการชนะตัวตนของเรา เราควบคุมตัวตนของเราได้ มันจะมีความสงบนะ
ก่อนที่มันจะควบคุมตัวตนของเราได้ ตัวตนของเรามันได้สร้างบาปสร้างกรรม มันได้สร้างเวรสร้างกรรม มันเที่ยวไปจองล้างจองผลาญ มันได้พยาบาทมาดร้ายใครมา แล้วพอมานั่งสมาธินี่คอตกเลย โอ้โฮ! ไอ้นั้นเอ็งก็ผิด อันนี้เอ็งก็ผิด อันนั้นเอ็งก็ไม่ควรทำ อันนั้นเอ็งก็ทำไปแล้ว อันนี้เอ็งก็ไปรุกรานเขา มันเศร้า
นี่ไง คนมันจะดีมันจะชั่ว มันดีชั่วตรงนี้ไง คนมันจะดีมันจะชั่ว มันจะดีจะชั่วตรงที่ว่า มันความผิด มันไม่ควรทำ เราทำแต่สิ่งที่ไม่ดีงามมาทั้งสิ้นเลย แม้แต่คนใกล้ชิดของเรา พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา เราก็ไม่ดูแลด้วยความจริงใจ ลูกหลานของเรา เราก็ดูแลด้วยความเห็นแก่ตัว ต้องการให้สมกับความต้องการ ลูกหลานก็บังคับให้มันทำตามที่เราพอใจ นี่เวลามันไปคิดได้ คอตกนะ
นี่ไง ทำสมาธิไง การเอาชนะตัวไง แล้วถ้ามันแพ้ตัวมันเองมันจะได้อะไรล่ะ
อู๋ย! ธรรมะของง่ายๆ ทำสมาธิไม่เป็นก็สอนสมาธิได้ วิปัสสนาไม่เป็นกูก็สอนมึงได้ กูสอนมึงได้ทั้งสิ้น เพราะกูเดาเอา กูคิดของกูไปเอง...เป็นอย่างนั้นหรือ มันไม่จริงทั้งสิ้น
แต่ถ้าเราเป็นจริงนะ พระพุทธศาสนามันต้องชัดเจนอย่างนี้ พระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมๆ อันนี้ที่มันยิ่งใหญ่ๆ ยิ่งใหญ่เพราะอะไร ยิ่งใหญ่เพราะเราไปค้นคว้าขึ้นมาแล้วมันยิ่งใหญ่ มันล้างสมุทัย ล้างสังโยชน์ ล้างกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของคนได้
แล้วมันล้างได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วนะ ทอดธุระเลย โฮ้! แล้วใครมันจะรู้ได้ขนาดนี้ แล้วใครมันจะรู้ได้ขนาดนี้ แต่ถึงสุดท้ายแล้วนะ ด้วยอำนาจวาสนาของท่าน ท่านก็มาสอน
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราถ้าเวลาถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว ถ้าพูดไปเขาก็หาว่าเราบ้าแน่ๆ เลย มันเป็นเรื่องของเส้นผมบังภูเขา ถ้ามันเส้นผมบังภูเขาแล้วทุกคนต้องถือตัวตนว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ต้องถือว่าตัวเองสุดยอด
แล้วถ้าถือว่าตัวเองสุดยอดแล้ว มึงจะไปเอาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาได้อย่างไร ชามันล้นถ้วย กิเลสมันล้นฝั่ง ทิฏฐิมานะมันล้นฝั่ง
แล้วบอก “ธรรมะง่ายๆ ไม่เป็นก็สอนได้” แล้วก็หยำเปน่ะ เหมือนกับชาวประมงเขาไปหาปลากัน ทุจริตคอร์รัปชัน ทำแต่ผลประโยชน์ของตน หลอกลวงประชาชน
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราหลงผิดมันก็เป็นกรรมอันหนึ่งนะ เราไปชักจูงให้คนอื่นหลงผิดหมดเลย ชักจูงคนนู้นชักจูงคนนี้ให้ตามความเห็นของเรา ตัวเองผิดก็อุบาทว์พออยู่แล้ว ยังไปชักชวนคนอื่นให้ผิดอีก แล้วผิดที่ไหน ผิดมันก็ห่างไกลจากพระพุทธศาสนาออกไปเรื่อยๆ ห่างไกลจากพุทธะ ห่างไกลจากหัวใจของตนเอง
พุทธะ ผู้รู้ ผู้รู้คือใคร ความรู้สึกมันอยู่ที่ไหน ความรู้สึกมันอยู่กลางหัวอกเรานี่ แล้วก็หลอกมัน มันก็หลอกเรา เราก็หลอกมัน ตั้งใจจะภาวนา พอไปนั่งปั๊บ เลิก ต่างคนต่างหลอกกันไป หลอกกันไปก็หลอกกันมานะ ไม่มีความสัตย์เลย ไม่มีความจริงอะไรทั้งสิ้น
แต่เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนนะ ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน เอาชนะตนเองให้ได้ ถ้าเอาชนะตนเองให้ได้ ทางจงกรมนี้เป็นสวรรค์ ที่นั่งสมาธิภาวนานี้เป็นสุดยอดความปรารถนาของเรา
พระปฏิบัติเขาพยายามจะหาที่วิเวก เขาพยายามจะหลีกเร้นเพื่อความสงบระงับ เขาต้องการ ๒๔ ชั่วโมงเพื่อการประพฤติปฏิบัติ เขาต้องการเวลามาก เขาแสวงหาที่ความสงบสงัดของเขา
ไม่ใช่อวดอุตตริ ไม่ใช่ แหม! คลุกคลีกันไปหมดเลย จะไปไหนเหมือนกับชาวประมงเลย เหมือนกับแห่บวชนาค จะไปทำสมาธิ จะไปปฏิบัตินะ มันแห่กันไป
นี่ปฏิบัติหรือ อย่างนั้นเขาเรียกว่าปฏิบัติหรือ เวลาปฏิบัติขึ้นมาเหมือนกับแม่เป็ด แม่เป็ดเดิน ลูกเป็ด แล้วเวลาปฏิบัติก็เหมือนกับกองทหารน่ะ เขาก็ฝึกปฏิบัติธรรม เขาไม่ได้ฝึกทหารซ้ายหันขวาหัน ทหารใหม่เวลามันฝึก ไปดูสิ ซ้ายหันขวาหัน ไอ้นี่ก็เป็นแถว ไอ้นี่มันก็เป็นประเพณีเฉยๆ
การประพฤติปฏิบัติสุดยอดนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งพระอานนท์ไว้ เวลาเขาไปเคารพบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง “อานนท์ เธอบอกเขานะ ให้ปฏิบัติบูชาเราเถิด ปฏิบัติบูชาเราเถิด”
คนที่ปฏิบัติคนนั้นมีการลองถูกลองผิด คนนั้นเขาต้องมีสิ่งใดตกค้างในหัวใจของเขาบ้าง การประพฤติปฏิบัตินี้สุดยอดมาก ดีมาก การหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หรือการกำหนดอานาปานสติต่างๆ มันทำให้เราจะเอาชนะตัวของเราเอง
ถ้าเราชนะตัวเอง ถ้าเราไปสัมผัส เราดูเขาสัมภาษณ์เด็กๆ เด็กๆ อย่างนี้พ่อแม่เขาพาไปฝึกหัดอานาปานสติ มันให้สัมภาษณ์นะ สองขวบสามขวบ “โฮ้! เมื่อก่อนเป็นคนฉุนเฉียว เดี๋ยวนี้หายฉุนเฉียวแล้วล่ะ” เด็กบางคนบอกว่า “เมื่อก่อนขี้โกรธมากเลย เดี๋ยวนี้หายโกรธแล้วล่ะ”
แล้วเราฟังผู้ใหญ่พูดสิ ผู้ใหญ่นักปฏิบัติมันบอก เมื่อก่อนมันเป็นคนขี้โกรธมากเลย เดี๋ยวนี้มันหายโกรธหมดแล้ว เมื่อก่อนมันเป็นคนขี้เหล้าเมายา เดี๋ยวนี้มันไม่กินเหล้าเมายาเลย
สู้เด็กอนุบาลไม่ได้ เด็กอนุบาลมันพูดด้วยความไร้เดียงสาของมัน มันบอกเลยนะ “เมื่อก่อนกลั๊วกลัว ไม่กล้ายืนหน้าชั้นเลย พอมาหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ หรือกำหนดอานาปานสติ เดี๋ยวนี้กล้าหาญ”
เด็กอนุบาลไร้เดียงสาเขายังได้ประโยชน์กับในพระพุทธศาสนาที่พ่อแม่เขาฉลาด เขาพาลูกของเขาไป ให้พยายามกำหนดลมหายใจ ให้รู้จักตัวตนของเขา เด็กอนุบาลนะ มันไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไง มันไร้เดียงสาไง
ไม่เหมือนพวกเรานักปฏิบัติหรอก “ทำสมาธิไม่เป็นก็สอนได้ วิปัสสนาเราก็ใช้ปัญญาเราเลย”
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการศึกษา จินตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการจินตนาการ ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการภาวนาล้วนๆ ใครรู้ใครเห็น
ถ้ามันรู้มันเห็น เหมือนเราคนที่ทำธุรกิจมา กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จเขาต้องทำอะไรมาบ้าง เขาต้องมีการเก็บข้อมูลของเขา สำรวจตลาดของเขา ต้องหาสินค้าของเขา แล้วจำหน่ายสินค้าแล้วต้องเก็บเงินได้ด้วย วางบิลแล้วต้องได้บิลของเขา
คนที่เขาจะประสบความสำเร็จเขาได้ผ่านการประพฤติปฏิบัติมามากน้อยขนาดไหน
ไม่ใช่ว่า “ไม่เป็นก็สอนได้ ไม่เป็นก็สอนได้”
โอ้โฮ! เราถึงบอก เวลาคนที่เขาผู้ใหญ่ใจดี เขาเป็นผู้ใหญ่นะ ครูบาอาจารย์เราเป็นผู้ใหญ่ใจดี เห็นเด็กเห็นคนทั่วไปแล้วอยากจะให้เขามั่นคง อยากให้เขาฉลาดขึ้นมา พยายามอบรมสั่งสอน
ไอ้พวกแชร์ลูกโซ่น่ะ มันก็บอกมันเป็นคนดี ไปเก็บหมาเจ็บๆ มาตัวหนึ่งแล้วก็มาเรี่ยไร ห้าล้านหกล้านเอาไปใส่กระเป๋า นี่ไง อาศัยเมตตา อาศัยหัวใจของสังคม นี่มันแตกต่างกันไง
ไม่เหมือนผู้ใหญ่ใจดี ผู้ใหญ่ใจดีเขาไม่พูดให้ใครฟังนะ เขาควักเงินของเขาเอง เขาพยายามไปแสวงหาเองว่าที่ไหนขาดแคลน ที่ไหนเขาจะช่วยเหลือเจือจานของเขา ผู้ใหญ่ใจดีเขาควักเนื้อของเขา ไม่ใช่ว่ามาเก็บเกี่ยวเอากับสังคม มากว้านเอาสังคม นี่ไง พุทธพาณิชย์ เดี๋ยวนี้มันปฏิบัติพาณิชย์ ปฏิบัติเป็นธุรกิจ ปฏิบัติเพื่อเงินกุศล
นี่พูดถึงศาสนานะ ศาสนาของเราสุดยอด ยอดเยี่ยม แต่มันเป็นระดับ เป็นพื้นฐานไง เป็นพื้นฐาน ดูสิ ครูบาอาจารย์ของเราท่านวางพื้นฐานไว้ หลวงปู่มั่น เวลาพระขึ้นไปอุปัฏฐากท่าน “ให้พระใหม่ๆ เข้ามา ให้มันฝึกหัดของมัน ให้มีข้อวัตรติดหัวใจมันไป พระที่มีพรรษาแล้วไม่ต้องขึ้นมา”
เห็นไหม ท่านจะพยายามจะให้เข้าไปในหัวใจ ให้หัวใจนี้มันรับรู้ถึงสัจจะถึงความจริง แล้วถ้ามันผิดจากนั้นมันรู้ว่ามันผิด
ครูบาอาจารย์ของเราท่านพยายามวางมาตรฐานขึ้นมานะ ไม่ใช่ของเราอะไรก็ได้ๆ นี่เหมือนชาวประมงเขาไปหาปลากัน เขาไปหาปลา เขาไปทำผิดศีล เขาไปฆ่าสัตว์ เขาไปหาผลประโยชน์ เขาไม่ใช่หาความสงบของใจ
หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านสอนให้นั่งลง กำหนดลมหายใจ เอาหัวใจของตนที่อยู่ในร่างกายของตน อยู่ในอำนาจของตน เป็นการปฏิบัติเพื่อเอาชนะหัวใจของตน ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก นี้คือสัจจะ นี้คือความจริง เอวัง