เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๑ พ.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระ วันพระวันโกนเป็นวันแสวงหาบุญกุศลใส่หัวใจของตน เป็นผู้ที่มีบุญมีกุศลถึงมีสติมีปัญญาใคร่ครวญได้ว่า สิ่งใดเป็นสมบัติของตน สิ่งใดเป็นสมบัติของโลก สิ่งใดเป็นการดำรงชีวิต

ถ้าเป็นบุญกุศลๆ จิตใจมันสูงส่ง จิตใจมันมีคุณธรรมไง ถ้าจิตใจมีคุณธรรมมันแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีเป็น ถ้าแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีเป็น ถ้าแบ่งแยกได้เป็น คนที่ละเอียดๆ ขึ้น มรรคหยาบ มรรคละเอียด เวลามรรคละเอียดขึ้นไปมันค้นคว้าหาสัจจะความจริงใจของตน เพราะจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนะ

วันนี้วันพระ วันพระวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา ศาสนาคืออะไร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระธรรมคือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วศาสนามันอยู่ที่ไหน

ถ้าศาสนามันอยู่ที่ดี เราก็ปรารถนาเราไว้วางใจได้ ภิกษุเป็นผู้ที่ทรงธรรมทรงวินัยในพระพุทธศาสนา แต่เราก็เห็นแล้วว่าภิกษุสิ่งที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ที่เป็นที่พึ่งที่อาศัยได้ก็มี ภิกษุที่เราเห็นแล้วมันบาดหัวใจบาดตาก็มี

ฉะนั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๙ รัฐบาลเขาพยายามส่งเสริมๆ ส่งเสริมให้ทุนการศึกษา เวลาสามเณรน้อย พระบวชใหม่ให้ทุนการศึกษาศึกษาพระพุทธศาสนาๆ ศึกษามาทำไม ศึกษามาเพื่อให้มีความรู้ ถ้ามีความรู้มันจะมั่นคงในชีวิตของตน ถ้ามั่นคง มันยึดหลักการของพระพุทธศาสนา ถ้ายึดหลักการของพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งที่อาศัย บริษัท ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากธรรมวินัยกับภิกษุ ภิกษุณี อบาสก อุบาสิกา

เวลาภิกษุ ภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติ ภิกษุที่กระทำคุณงามความดีในใจของตนขึ้นมาได้นั่นเป็นที่พึ่งอาศัยของเรา

ภิกษุ ภิกษุเวลาในทางโลกเขาเสียดสี พวกพี้เหลือง สิ่งที่เขาเข้ามาอาศัยในพระพุทธศาสนา นั่นก็เป็นเรื่องของเขา

ถ้าคนที่มีอำนาจวาสนามีจิตใจที่สูงส่งขึ้นมาเขาแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีได้ ถ้าเขาแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีไม่ได้ เขาถึงกระทำอย่างนั้นๆ ทำอย่างนั้นเพราะว่าอะไร เพราะความมืดบอดในใจของเขา เขาไม่เชื่อว่าบาปมีบุญมีไง

แต่ถ้าคนที่มีหลักการพระพุทธสาสนา บาปมีบุญมี

วันนี้วันพระๆ เราจะไปทำบุญ เราแสวงหาพระอรหันต์ๆๆ จะไปทำบุญกับพระอรหันต์นะ ถ้าพระอรหันต์ที่ดีที่เป็นความจริง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาของท่าน เวลาจะไปมันแสนยากแสนลำบากยากเย็นมาก

พระอรหันต์หันรีหันขวางเยอะแยะไปหมดเลย พัดลมมันหมุนมันหันของมันนั่นน่ะ เราก็จะแสวงหาอย่างนั้นไง

แต่พระอรหันต์ในบ้าน ถ้ามันรู้จักผิดชอบชั่วดี พระอรหันต์ในบ้านของเรา พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่ให้ชีวิตนี้มานะ ถ้าพ่อแม่ให้ชีวิตนี้มาแล้ว พ่อแม่ยังเลี้ยงดูมา พ่อแม่ส่งเสริมการศึกษา พ่อแม่ให้ความรู้ พ่อแม่เป็นครูเอกของโลก เป็นครูคนแรกของเรา

พ่อแม่เป็นครูคนแรกของเรา เราทำสิ่งใด นี่พระอรหันต์ของเราๆ ถ้าเราทำสิ่งใด ทำความดีขึ้นมา พระอรหันต์ก็ชื่นอกชื่นใจก็มีความสุข เราทำความผิดพลาดสิ่งใด เราไปเจ็บช้ำน้ำใจสิ่งใด เราไปโดนใครรังแกมา เรามีความผิดพลาดมา พระอรหันต์ของเราก็ทุกข์ไปกับเรานะ พระอรหันต์ก็มีความเสียใจไปกับเรา แต่ถ้าเรามีคุณงามความดีมา พระอรหันต์ก็มีความชื่นใจไปกับเรา นี่พระอรหันต์ของเราๆ

ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาสามเณรบวชใหม่ พระบวชใหม่ เขามีทุนการศึกษาๆ ศึกษาในภาคปริยัติๆ ไง

หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านประพฤติปฏิบัติของท่าน ท่านเทศนาว่าการไง หลวงตาท่านเทศนาว่าการ ความสำคัญคือการฟังธรรมๆ พระกรรมฐาน กรรมฐานสำคัญยิ่ง

เวลาหลวงปู่มั่นท่านจะเทศนาว่าการ หลวงปู่เจี๊ยะท่านเล่าให้ฟังไง “ฟ้าร้องๆ” ฝนจะตกไง เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านเทศนาว่าการนะ ลูกก็เหมือนได้ดื่มนมไง ได้ดื่มนม ได้ดื่มความอบอุ่นในหัวใจในหัวอกของครูบาอาจารย์ไง

นี่เวลาทางโลกเขาส่งเสริมการศึกษาๆ ส่งเสริมการศึกษามาเพื่อให้ประพฤติปฏิบัติ แต่วัฒนธรรมประเพณีของเรา เราเป็นคนบ้านนอกคอกนา เรามีพ่อมีแม่ พ่อแม่จูงลูกๆ ไปวัด พ่อแม่ไปเห็นพระทำอย่างไร มันซึมซับๆ เข้ามาไง

ถ้าไปเจอพระที่ดี พระที่เป็นที่พึ่งอาศัยได้นะ มันจะอบอุ่น มันจะเห็นว่าเราเกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาขัดเกลากล่อมเกลาหัวใจของสัตว์โลกให้มันมีความดีงามขึ้นมา

ถ้าเราศึกษามา พระกรรมฐานๆ พระกรรมฐานศึกษามา ศึกษามาจากอุปัชฌาย์อาจารย์ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ศึกษามาแล้ว ศึกษามาแล้วก็ยังพยายามทำของตนไม่ได้ รุกฺขมูลเสนาสนํ ให้เข้าป่าให้เข้าเขาไป ให้เข้าเขาไปเพื่ออะไร เพื่อให้เผชิญกับความจริงในชีวิตของตน ถ้าเผชิญความจริงในชีวิตของตน ตนไปอยู่ของตนคนเดียว รักษาหัวใจของตนให้ได้

แต่ในเมื่อเรายังไม่มีความสามารถทำอย่างนั้นได้ ให้ถือนิสัยครูบาอาจารย์ไปก่อน ถ้าถือนิสัยครูบาอาจารย์ไปก่อน ครูบาอาจารย์ท่านทำเป็นแบบอย่าง เวลาทำเป็นแบบอย่างนะ ไม่คลุกคลีไม่ตีโมงไง

นี่ก็เหมือนกัน ไปอยู่วัด สอนให้สงัดวิเวกนะ แต่พยายามจะแจกซองให้ไปหาญาติโยมมาเพื่อทำบุญ นี่บ้าบอคอแตก นี่ไง เวลาหลวงตาท่านสอนนะ ท่านสอนเลยบอกว่า สิ่งที่ก่อสร้างๆ นั่นน่ะ โลกเขาก็ก่อสร้างได้ อิฐหินทรายปูนใครก็ทำได้ ทางเทคโนโยลีเขาทำดีกว่าเราอีก

ตึกร้อยชั้นพันชั้นน่ะ ไปดูไต้หวันเขาสร้างวัดมหาศาลมหัศจรรย์ข้างในน่ะ แกะมหัศจรรย์เลย ตอนนี้ปั๊มเอาพิมพ์เอาได้หมด จะเอาสวยงามขนาดไหนก็ได้ เอาสวรรค์มาแบบนดินเลย ไปดูสวนสนุก โอ้โฮ! เข้าไปแล้วอลังการ เสียตังค์ๆ แต่ในหัวใจทุกข์ยาก นี่ไง เวลาเจริญ วัตถุมันเจริญๆ

แต่ถ้าหัวใจมันเจริญๆ นี่ไง พระพุทธศาสนาสอนเข้ามาที่นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง เวลารื้อสัตว์ขนสัตว์รื้อหัวใจของสัตว์โลกไง ถ้ามันคิดดีคิดงามขึ้นมามันเห็นคุณงามความดีไง คุณงามความดีมันแบ่งปัน มันเสียสละ มันทำเพื่อสังคม มันทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อคนอื่นมันทำเพื่อหัวใจของตนทั้งสิ้น

แต่ถ้ามันบอกว่าทุกอย่างจะเป็นของมัน ทุกอย่างเป็นของมันนะ รวบรัดเข้ามานะ มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น หัวใจมันจะว่างเปล่า หัวใจมันแร้นแค้น หัวใจมันโดนกิเลสบีบคั้น คราวนี้เราได้มามากขนาดนี้ คราวหน้าเราจะได้มากไปขนาดนั้น คราวหน้าเราจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น มันยิ่งบีบยิ่งคั้นเข้าไปในหัวใจมีแต่ความเศร้าหมอง มีแต่ความหวาดระแวง ไม่มีความสุขอะไรเลย

แต่ถ้ามีการเสียสละๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอย่างนั้นไง ระดับของทาน ศีลคือความปกติของใจ ถ้าศีลคือความปกติของใจนะ เวลาปกติของใจเรายกขึ้นสู่วิปัสสนา

คนเรานะ ถ้ามันมีวิธีการ มันเข้าใจสิ่งใด มันทำสิ่งใดได้ หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตมันสงบลงได้มันก็แปลกประหลาดมหัศจรรย์ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร สิ่งนั้นนะ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ มันไม่มีสิ่งใดหรอกลอยมาจากฟ้า

นี่ไง เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษามาเป็นปริยัติ ศึกษามาทรงจำๆ ทรงจำก็คอมพิวเตอร์ โลกนี้เจริญ นี่ไง เพื่อความมั่นคงของศาสนา ศาสานา ศาสนาก็เป็นสังคมๆ สังคมมันก็เป็นวัฒนธรรม

แต่ในพระปฏิบัติศึกษามาจากวัฒนธรรมนั้น เห็นความอลังการ เห็นความชื่นชม ความศรัทธาของสังคม เฮ้ย! แล้วมันมีอะไรมากไปกว่านั้นน่ะ ถ้ามันเห็นความมหัศจรรย์ของสังคม ถ้ามันเจาะลึกเข้าไป หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ รู้จักวิธีการๆ ถ้าเรารู้จักวิธีการรู้จักการกระทำแล้ว ถ้ารู้จักวิธีการรู้จักการกระทำ มันทำได้

เราให้การศึกษาสังคม ให้การศึกษาสังคมกับลูกเราเพื่ออะไร เพื่อให้มีความรู้ ความรู้เพื่ออะไร มีมารยาท ไปร้านอาหารแล้วมันต้องเรียบร้อยต้องเกรงใจกัน

ไอ้พวกวัยรุ่นบอกว่า ทำไมต้องเกรงใจ กูยิ่งใหญ่ เหยียบย่ำเขาไปทั่ว นั่นน่ะจิตใจหยาบช้า

แล้วก็บอกว่า อ้าว! ไอ้สังคมอุปถัมภ์ ตะวันออกมีอาวุโสมีภันเต สู้ประชาธิปไตยไม่ได้ สิทธิเท่ากันเสมอกัน

เสมอกันมันเอาชาติไปล่มจมนะ ตอนนี้กำลังเห่อมาก ผู้นำที่เป็นวัยรุ่น ผู้นำที่อายุน้อย แล้วเขาบอกว่ามีกล้าหาญแกร่งกล้า จะทำให้ชาติเจริญๆ

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นต้องดับไปเป็นธรรมดา กระแสสังคมมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดูสิ ก่อนสงครามโลก มหาอำนาจคือใคร เตอร์กี เติร์ก สิ่งต่างๆ มหาอำนาจมันคือใคร แล้วมันก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา มันมีอะไรคงที่ของมัน

เวลาเป็นมหาอำนาจก็พยายามจะทรัพยากรดูดเข้ามาเพื่อของตน ทรัพยากรมันใช้ไปหมดแล้ว ตอนนี้เรื่องขยะ เรื่องโลกร้อน เรื่องเป็นปัญหาของโลก

อาหาร ปัจจัยเครื่องอาศัย เราต้องหานะ อากาศถ้าเป็นพิษตายหมด อากาศเป็นพิษ สภาวะแวดล้อมเสียหาย ตายหมด แล้วใครเป็นคนทำ มนุษย์ทั้งนั้นน่ะ

แต่ถ้าสิ่งที่ดีงาม คนละไม้คนละมือช่วยกัน พวกเราทำกันเอง พวกเราก็ต้องมีจิตใจที่เสียสละกันเอง อะไรที่สะดวกสบายเราก็ลดน้อยลงๆ ไปไหนเขาให้ไปรถสาธารณะ อย่าไปรถส่วนตัว พยายามใช้ไม่ให้มีคาร์บอน นี่ถ้าคนมันคิด ทำเพื่อใครเนี่ย

ก็ทำเพื่อตัวเองไง เพื่อสภาพแวดล้อมไง เพื่ออากาศไง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไง เพื่อโลกสภาวะแวดล้อมที่ดีไง นี่ไง เราปรารถนาดีกับคนอื่นทุกๆ คน แล้วใครได้ เราไงได้ เราไง

นี่ถ้าคนดีๆ คนดีมันคิดเป็นไง คิดแล้วมันก็จบลงที่ดีไง

แต่ถ้าคนคิดไม่เป็นนะ กูได้อะไร คนอื่นยังทำได้เลย ทำไมกูทำไม่ได้

คนอื่นเพราะจิตใจมันต่ำทราม

จิตใจที่สูงส่งนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละราชสมบัติมา ทิ้งลูกทิ้งเมีย ทิ้งพ่อ ทิ้งทั้งหมดเลย ออกไปนะ ออกไปค้นคว้าหาความจริง จากที่ชีวิตที่ประณีต ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ไปเป็นวณิพกที่ไม่มีใครสนใจดูแล ท่านทิ้งไปทำไม นี่จิตใจที่สูงส่งไง

ก็ไม่ต้องไป ตำแหน่งมันจะถึงอยู่แล้ว จะสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์อยู่แล้ว จะปกครองแว่นแคว้นอยู่แล้ว ทิ้งไปทำไม

นี่ไง หัวใจที่ยิ่งใหญ่มันทำได้ไง ทิ้งไปเพื่ออะไร ทิ้งไปเพื่อโมกขธรรม ทิ้งไปเพื่อสัจจะความจริงในใจ

จะเป็นกษัตริย์ไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย

คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เราก็ต้องตายไปกับเขาใช่ไหม สร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์มากมายมหาศาลขนาดไหน แล้วก็จะมาตายเปล่าในชาตินี้หรือ เวลามาประพฤติปฏิบัติ ๖ ปี ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วเป็นอะไร ก็เป็นศาสดาเหมือนเจ้าลัทธิต่างๆ ไง

ดูสิ ในศาสนาที่เขานับถือกันอยู่นั่นน่ะ มันไปไหน มันจบลงที่ไหนล่ะ มันจบลงที่ไม่มีอะไรเลยไง มันจบลงที่ว่าสูญเปล่าไง

แต่ของเรามันไม่ใช่ มันจบลงที่อวิชชา จบลงที่การถอนพญามาร มารนี้สั่นไหวไปหมดน่ะ สั่นไหวไปหมดที่นี่เพราะอะไร เพราะว่าสัตว์โลกพ้นไปจากอำนาจของมารไง พ้นจากการปั่นหัวของกิเลสไง

ไอ้กิเลสที่ปั่นหัวๆ ใครว่าถือดีๆ เป็นคนดีๆ กิเลสมันปั่นหัวทั้งนั้นน่ะ แต่เวลาความจริงๆ ขึ้นมา เวลาเอาจริงขึ้นมา มานะทิฏฐิ มานะไง ยิ่งใหญ่ สุดยอด ยิ่งใหญ่คือตัวมันทั้งนั้นน่ะ ถึงเวลาแล้วเราทำความอหังการในใจของตนให้มันจบสิ้นไป ถ้าความอหังการจบสิ้นไป เห็นไหม

นี่ไง ที่ไปแสวงหาพระอรหันต์ๆๆ

พระอรหันต์ในบ้านก็ไม่สนใจ แล้วในใจของตนก็ไม่สนใจ สนใจแต่หาพระอรหันต์ข้างนอก สนใจแต่พิธีกรรม สนใจแต่กระแสสังคม สนใจแต่ว่าใครจะนับถือกูไหม สนใจแต่ใครจะจำชื่อกูได้หรือเปล่า สนใจว่าใครรู้จักกูหรือเปล่า

ตัวเองไม่รู้จักตัวเอง

หลวงตาท่านพูดประจำ ติดเรานะ ติดเราติดเขาไปหมดน่ะ เพราะติดเราถึงติดเขา เพราะมีมานะ อยากให้เขารู้จัก อยากให้เขายอมรับนับถือ พออยากให้เขานับถือ เห็นไหม การเมือง มันต้องทำงานการเมืองไง อยากจะให้เขานับถือก็ต้องแจกตังค์ไง ต้องเอาโครงการไปแจกไง

โครงการนี้ต้องทำให้ได้นะ กูเป็นคนเอามาให้นะ โครงการนี้กูเป็นคนให้ จำกูได้หรือเปล่า

ก็อยากให้เขานับถือไง

นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทำอย่างนั้น พระพุทธศาสนาไม่เป็นอย่างนั้น พระพุทธศาสนาเวลาสอน สอนเข้ามาในใจของตน ถ้ามันเห็นใจของตน มันทำลายอวิชชาในใจของตนแล้วไม่ติดเราๆ เราไม่มี ตัวตนไม่มี

ทุกคนเกิดมาตายหมด แต่เวลาเขาตายไปแล้วเขาตายด้วยความทุกข์ความยาก เขาตายไปด้วยความกระเสือกกระสน เพราะว่าเวทนามันบีบคั้น กิเลสมันบีบคั้น แล้วมันก็จะไปเกิดใหม่ เกิดใหม่เพราะความบีบคั้นอันนั้น มันต้องไปเกิดใหม่ เกิดใหม่เพราะอะไร เพราะมันโดนกิเลสบีบคั้น คำว่า บีบคั้น” มันมีทุกข์ไง คำว่า บีบคั้น” มีความรู้สึกไง

เวลาพระอรหันต์ตาย ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา สิ่งที่บีบคั้นมันเป็นภาระเท่านั้น ปล่อยวางภาระทั้งหมด หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านลาวัฏฏะ

หลวงปู่เสาร์ท่านไปพระตะบอง ท่านไปที่อุปัชฌาย์ท่าน ท่านไปลาโลก ไม่มีอะไรบีบคั้น นี่ไง เวลาพระอรหันต์ตาย ตายด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส พอกันที พอแล้วว่ะ กูไม่มาอีกแล้ว นี่ไง มันต้องรู้ของมันไง

แต่นี่ใครพอ พออะไร เขายังไม่เห็นรู้จักกูเลย เขายังไม่เห็นหน้ากูเลย จะไปพอที่ไหน

นี่ไง มันถึงบอกว่า สรรพสิ่งในโลกเป็นอนิจจัง เป็นวิทยาศาสตร์ ถ้าวิทยาศาสตร์เป็นอนิจจัง ถ้าวิทยาศาสตร์ ทางวิศวกรรมเข้าใจได้ ไอน์สไตน์เข้าใจได้ สสารมีอยู่ในโลกทั้งสิ้น แต่อนัตตาไม่มีใครรู้จักหรอก

เพราะว่าอนัตตามันมาจากไหนล่ะ แล้วบอกตัวตน ตัวตนอย่างไรล่ะ ใครเป็นตัวตนน่ะ เกิดขึ้น เกิดขึ้นอย่างไร ถ้าจิตไม่ลงไปสู่ความสงบของใจมันจะเกิดขึ้นตรงไหน นี่ไง ไอ้สิ่งที่เกิดๆ ถ้ามันไม่สงบลง ไม่เข้าไปที่ตัวมัน มันจะไปเกิดตรงไหน

ถ้ามันเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ ตั้งอยู่ด้วยวิปัสสนา ตั้งอยู่ด้วยความเป็นจริงของตน แล้วทำไมมันดับไปๆ ดับไปมันจบไง จบไปก็ไม่มีกูไง ก็กูโดนทำลายไปพร้อมกับมรรค ๘ ไง เพราะกูโดนการกระทำของความสามารถของกูนี่ไง เพราะจิตใจดวงใดไม่มีมรรค จิตใจดวงนั้นไม่มีผลไง ถ้ามันไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญาในใจของตนมันจะชำระกิเลสได้อย่างไร ถ้ามันชำระในใจของตนได้ นี่พระพุทธศาสนา

วันนี้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

นี่ไง เวลาหาพระอรหันต์ๆ พระอรหันต์ในบ้านก็ไม่สนใจ พระอรหันต์ในบ้านนี่หนวกหู พูดบ่อย รำคาญ ไปหาพระอรหันต์จริงๆ มันก็ไม่รู้จักว่าหันไหนอีกนะ มึงหันไปไหนกันน่ะ มันหันไปไหน

แต่ถ้าในมหายาน เวลาเขาถามลูกศิษย์เขา ใครมีความรู้ในธรรมบ้าง

เขายืนขึ้น เขาเม้มปาก แล้วเขาก็นั่งลง

ถ้าพูดเป็นสมมุติทั้งนั้นน่ะ อ้าปากก็ผิดแล้ว อ้าปาก ของมันออกมาความเห็นของมันทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นจริงนะ เป็นจริง สิ่งที่เป็นจริงๆ ในหัวใจดวงนั้น

แต่หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราเทศนาว่าการ การเทศนาว่าการ หลวงปู่มั่นเวลาท่านพูดในท่ามกลางสงฆ์ “ใครเห็นผลงานของผมบ้าง ใครเห็นคุณงามความดีของผมบ้าง ผมทำไว้มากมายมหาศาล”

หลวงตาท่านยกมือเลย “เห็นอยู่เต็มหัวใจ”

คนที่เห็นอยู่เต็มหัวใจเพราะหัวใจเขาเป็นแบบนั้น ถ้าหัวใจของเขามีคุณธรรมในหัวใจของเขา วิธีการในการประพฤติปฏิบัติ วิธีการในการดำรงชีพ วิชาการในการศึกษา ถ้าใครมีแล้วมันทำสิ่งที่ความถูกต้องดีงามถูกต้องได้

นี่ไง หลวงตาท่านอยู่กับหลวงปู่มั่น เวลาหลวงปู่มั่นท่านสั่งสอนอย่างไร ท่านทำอย่างไร ท่านไปรู้ไปเห็นอย่างไร ท่านถึงได้ซาบซึ้งถึงธรรมของหลวงปู่มั่น ถึงยกมือทันทีนะ “ข้าพเจ้าเห็นประโยชน์เห็นสิ่งต่างๆ ที่หลวงปู่มั่นทำไว้มหาศาล”

นี่ไง เวลาสำคัญๆ สำคัญที่เทศนาว่าการ เวลาหลวงตาท่านพูดนะ หลวงปู่มั่นท่านเทศน์นะ “มรรคผลนิพพานหยิบเอาได้หมดเลย”

สิ่งในปัจจุบันนี้ที่ท้องตลาดในวงกรรมฐานน่ะ ที่พูดว่า “จิตไม่เคยตาย เป็นจุดเป็นต่อม”

มันของใครนั่นน่ะ เป็นธรรมะของหลวงตาทั้งนั้นน่ะ มันจำขี้ปากไปพูดกันน่ะ มันจำขี้ปากแล้วมันก็ไปจินตนาการพยายามจะทำเอาตรงนั้นเป็นสมุฏฐาน แล้วก็เทียบเคียงว่าพระอรหันต์ๆ

หันไปไหน ใจมึงยังไม่รู้จักเลย พอพูดออกมาของคนอื่นทั้งนั้นน่ะ มันไม่มีความจริงในใจทั้งสิ้น

ถ้ามันมีความจริงในใจทั้งสิ้นนะ ยืนขึ้น เม้มปาก แล้วนั่งลง แล้วหัวใจนี้ผ่องแผ้ว ไม่มีสิ่งใดๆ เลยมีคุณค่าเท่ากับคุณธรรมในใจของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ นี่ธรรมเหนือโลกๆ เหนือโลก เหนือลาภสักการะ เหนือยศถาบรรดาศักดิ์ เหนือการเกิดและการตาย เหนือทุกๆ อย่าง

คนเรานี่นะ ดิ้นรนกระเสือกกระสนทั้งนั้นน่ะ เวลามันจะตายนั่นน่ะ โอ๋ย! มันคิดได้ถึงชีวิต เวลายังมีชีวิตอยู่มันกระเสือกกระสนแต่เรื่องข้างนอก แต่เวลาจะตายไปเห็นหลอดไฟผ่าตัด เห็นแล้วมันเศร้าทุกคนน่ะ แล้วมันต้องไปด้วยความเศร้าหมองของมัน มันไม่ถึงที่สุดของมันหรอก

ถ้าเป็นจริงๆ เห็นไหม นี่ฟังธรรม

วันนี้วันพระ วันพระผู้ประเสริฐต้องให้หัวใจประเสริฐ ถ้าหัวใจประเสริฐแล้ว ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ “ไม่มีกำมือในเรา”

มันเป็นสิทธิเสรีภาพ มันเป็นสัจธรรม ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่เป็นเจ้าของ ไม่ยึดเลย ไม่มีใครเป็นเจ้าของ

แต่ธรรมในใจของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญาต่างหากเขาจะเป็นเจ้าของของเขา เจ้าของของเขาเพราะเขาเป็นปัจจัตตัง รู้จำเพาะตนในใจนั้น เขาเป็นสันทิฏฐิโก รู้แจ้งเห็นจริงในใจดวงนั้น เอวัง