เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓ ม.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราเป็นชาวพุทธนะ ชาวพุทธ.. องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ ไม่มีอะไรเลย มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับโคนต้นโพธิ์เท่านั้นนะ แต่เวลาเผยแผ่ศาสนามา มันเป็นศาสนวัตถุ เป็นอาราม พอพระภิกษุมากขึ้น ภิกษุมากขึ้นก็ต้องมีที่อาศัยใช่ไหม เพราะภิกษุไม่มีบ้าน ภิกษุเข้าบ้านไม่ได้ ภิกษุไปนอนในที่มุงที่บังอันเดียวกับญาติโยมไม่ได้ ขนาดภิกษุด้วยกันยังนอนด้วยกันไม่ได้ จะนอนด้วยกันแค่ได้ ๓ คืนเท่านั้น เห็นไหม ต้องอยู่ต่างหาก

นี่ถึงมีการสร้างอาราม วัดนี่อารามิก ให้ผู้มีศีลได้จำศีล ได้อยู่อาศัย เห็นไหม มันเลยมีการก่อสร้างขึ้นมา แล้วสร้างขึ้นมา ถ้าเราไปติดที่การก่อสร้าง ไปติดที่ว่าสิ่งนั้นเป็นศักยภาพของศาสนา ศีลธรรมจริยธรรม เห็นไหม เวียง วัง นา วัดวาอารามเป็นศิลปวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรมนี่มันออกมาจากไหน มันออกมาจากศาสนา ศาสนธรรม นี่ศีลธรรมจริยธรรมตกผลึกขึ้นมาภายในหัวใจ

แล้วหัวใจนี่ ช่างศิลป์เห็นไหม จิตใจเขาอ่อนโยน จิตใจเขาเป็นศิลปะ เขาทำออกมาเป็นงานศิลปะเอาไว้เป็นเรื่องโลกๆ เป็นวัตถุไง สิ่งที่เป็นวัตถุนะ เรามาวัดมาวากัน เรามาเพื่อความสงบของใจ เรามาหาความสงบกัน เรามาทำความสงบของใจ เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านสอนนะ ต้องทำความสงบก่อน พอจิตสงบขึ้นมา ปัญญาที่เกิดจากความสงบนั้นจะเป็นโลกุตตรปัญญา

ปัญญาที่เกิดจากที่เราเป็นความคิดกันอยู่ มันเป็นโลกียปัญญา ถ้ามันมีการศึกษา มีการเล่าเรียน มันจะเป็นศีลธรรมจริยธรรม มันเป็นความตกผลึกของใจ ใจเป็นผู้รับไว้ใช่ไหม คิดดีคิดชั่ว เห็นไหม กรรมดีกรรมชั่ว มโนกรรม สิ่งที่มโนกรรมเกิดขึ้นมาเป็นจริต เป็นนิสัย เป็นอำนาจวาสนาบารมี คิดดีทำดี สิ่งต่างๆ มันจะเป็นความดีขึ้นไป คิดชั่วทำชั่ว สิ่งที่เป็นความชั่วนั้นมันก็จะฝังลงที่ใจ มันเป็นจริต เป็นนิสัย เป็นความคิดตกผลึกในหัวใจไป

แต่ถ้าจิตมันสงบเข้ามาล่ะ จิตมันสงบเข้ามาเพื่ออะไร เพื่อความสงบนะ ทำความสงบของใจเข้ามา จิตสงบเข้ามานี่มันเป็นสากล มันเป็นสัมมาสมาธิ มันเอาเป็นปัญญาได้ สิ่งที่เป็นปัญญาน่ะ นี่คุณค่าของทำความสงบของใจ มันมีคุณค่ามากนะ ถ้าใจสงบแล้วมันจะนิ่ง ความนิ่งของใจ เห็นไหม เราจะไม่เดือดร้อน เราจะไม่เผ่นไปกับโลก แต่ถ้าจิตมันไม่นิ่ง เห็นไหม

ดูสิ เราอยู่นี่น่ะ มีคนเขาเอาของมาถวายมาก เขาเอามาเป็นถาดๆ เลยนะ เป็นพระบรมสารีริกธาตุ บอกไม่เอา! ไม่เอา! เมื่อวานก็มา เมื่อวานเอาพระบรมสารีริกธาตุมาให้ บอกไม่เอาหรอก

บอกว่าถ้าจะให้ ถ้าให้เรา เราก็ให้ญาติโยมต่อไป เราก็แจกต่อไป เราไม่เก็บไว้หรอก

เขาบอก “เอ้า.. วัดทำไมไม่ทำที่เคารพบูชาหรือ ทำเจดีย์ให้เขากราบไหว้บูชา”

นี่ไงวัตถุ วัตถุใครก็หาได้ สิ่งที่หาได้ เห็นไหม พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุนี่เคารพบูชาไหม เคารพบูชา เคารพบูชาแล้วนี่มันเป็นวัตถุใช่ไหม? เราต้องรักษาใช่ไหม?

แต่ถ้าเราเป็นสาธารณะ เป็นวัดที่สมควร เห็นไหม เขาสร้างไว้ ผู้ที่สมควรสร้างเจดีย์ไว้กราบไหว้บูชามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระจักรพรรดิ เพราะพระจักรพรรดิปกครองดูแลเราให้มีความร่มเย็นเป็นสุข บุญคุณอันนี้มันมีอยู่ใช่ไหม เราได้ความร่มเย็นเป็นสุขมาจากใคร สิ่งที่ความร่มเย็นเป็นสุขมาจากจักรพรรดิ จักรพรรดิต้องมีขุนพลแก้ว ขุนนางแก้ว ต้องเป็นธรรม สิ่งที่เป็นธรรม มันปกครองมันจะมีความร่มเย็นเป็นสุข

ถ้าไม่เป็นจักรพรรดิ ไม่เป็นจักรพรรดิเพราะอะไร เป็นกษัตริย์ ถ้าเป็นกษัตริย์ที่โหดร้ายทารุณ มันรวบรวมแว่นแคว้นไม่ได้หรอก จักรพรรดิคือการรวบรวมแว่นแคว้นขึ้นมาเป็นปึกแผ่น ถึงว่าเป็นจักรพรรดิ แต่กษัตริย์.. กษัตริย์นี่เป็นผู้ปกครองแว่นแคว้น ถ้าปกครองดี ปกครองในศีลธรรมจริยธรรม มันก็เป็นคุณงามความดีขึ้นมา มันถึงเป็นผู้ที่สมควรสร้างเจดีย์ไว้เคารพบูชา เห็นไหม

สิ่งที่สร้างเคารพบูชาเป็นสาธารณะประโยชน์ สิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ เราต้องเอาไปเป็นวัตถุใช่ไหม เราเกิดมามีกายกับใจ หัวใจอยู่ในร่างกายนี้ ถ้าจิตมันสงบเข้ามา เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอานนท์ถามเลย บอกว่า

“ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ถ้าบริษัท ๔ คิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะกราบไหว้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไหน?”

“ให้ไปที่สังเวชนียสถานทั้ง ๔”

ทีนี้สังเวชนียสถานทั้ง ๔ น่ะ มันที่เกิด ที่ตรัสรู้ ที่เทศน์ธรรมจักร ที่ปรินิพพาน นั่นก็เป็นวัตถุ เห็นไหม เป็นวัตถุนะ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล แล้วพอศาสนาอื่นเข้าไปเผาทำลายหมดเลย มันโดนกลบฝังดินไว้ มันพึ่งมาขุดค้นสมัยที่อังกฤษเข้าไปปกครองอินเดียเท่านี้เอง สมัยที่อังกฤษเขาพึ่งไปขุดค้นขึ้นมา แล้วเขาขึ้นไปบูรณะมา ให้เราไปกราบไหว้บูชา เห็นไหม

วัตถุ.. มันมีวัตถุขึ้นมา มันมีคนขึ้นมาทำลายได้ เราต้องรักษา ต้องสงวน แต่ความรู้สึกมันอยู่ในหัวอกของเราล่ะ ความสงบ สัจธรรม มันอยู่ในหัวใจ ใครจะทำลายได้?

ทรัพย์จากภายนอกเขาทำลายได้นะ เราเคารพบูชาก็เพื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเคารพบูชาใช่ไหม แล้วเขาให้มา ถ้าจะให้ แล้วเคารพบูชาไหม เคารพ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาจิต เห็นไหม พุทธะคือความรู้ ธรรมะคือสัจธรรม สังฆะคือที่เราไปรับรู้ แล้วมันรวมลงที่ในหัวใจของเรา เห็นไหม

เวลานางวิสาขา พระอานนท์เป็นพระโสดาบันเป็นที่ไหน พระอานนท์เป็นพระนะ เป็นสมมุติสงฆ์ขึ้นมาก่อน อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระโสดาบัน นางวิสาขาไม่ได้บวชพระนะ แต่ทำไมเป็นพระโสดาบันล่ะ?

เห็นไหม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมลงที่ใจ ถ้ารวมลงที่ใจแล้วใจของเรานี่ใครจะทำลายได้ ใจของเรานะ ครูบาอาจารย์ที่ท่านบรรลุธรรมขึ้นมา ท่านบอกเลยนะ

“ถ้าเวลาตายไปน่ะ มารมันก็ได้แค่แต่โครงกระดูก ได้แต่เลือดเนื้อหนังมังสานี้ไป มันไม่ได้หัวใจเราไปหรอก”

แต่เวลาเราตายนะ มารมันอยู่บนหัวใจเรานะ มารมันอาศัยหัวใจของสัตว์โลกเป็นที่อาศัย แล้วสัตว์โลกจะเวียนตายเวียนเกิดไปอยู่ใต้ของพญามารนะ แต่ถ้าเราเอาใจของเราได้ ใจของเราเป็นพุทธะ ใจของเราเป็นธรรม มารมันจะได้อะไร มันได้แต่โครงสร้าง มันได้แต่เศษเนื้อ มันได้แต่กระดูกไปเพราะหัวใจมันไม่เห็น มันทำไม่ได้ เห็นไหม

สิ่งที่เป็นนามธรรม เราปฏิบัติกันเพื่อความสงบของใจ เราเอาความจริง สิ่งที่เป็นวัตถุก็เคารพ นี่ไง พระไตรปิฎกเคารพไหม เคารพ.. ทำไมจะไม่เคารพ? พระไตรปิฎกน่ะเป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สั่งสอนไว้ ทำไมจะไม่เคารพ?

แต่ถ้าเรามีกิเลส เราไปศึกษา เราไปยึดมั่น ดูสิ เราไปเห็นเงินของคนอื่น ในประเทศน่ะ เงินของคนอื่น เราเคารพไหม แล้วเงินเราได้ใช้ไหม เราใช้ประโยชน์ไหม ถ้าเงินของเราล่ะ เงินของเรา ประโยชน์ของเราได้ใช้นะ ความรู้ของเรา ปัญญาของเรา เราศึกษาจากพระไตรปิฎกมา แล้วมันจะเกิดปัญญาขึ้นมาจากเราได้ไหม?

ถ้าปัญญาไม่เกิดขึ้นมาจากเรา พระไตรปิฎกมันก็เป็นทฤษฎี มันบอกมรรค ผล นิพพาน แล้วเราก็อ่านแล้วมรรค ผล นิพพาน แล้วเราได้มรรค ผล นิพพานไหม มรรค ผล นิพพาน มันอยู่ที่ไหน มรรค ผล นิพพาน มันเกิดมาจากมรรคญาณ เกิดมาจากสัมมาสมาธิ เกิดมาจากความสงบของใจ พอใจมันสงบเข้ามาแล้วมันออกไปโลกุตตรธรรม

สิ่งที่เป็นโลกุตตรธรรมคือภาวนามยปัญญา มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มรรคญาณมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ปัญญามันเกิดขึ้นอย่างไร ปัญญาที่เราคิดกัน ปัญญาๆ นี่มันโลกียปัญญา มันเป็นปัญญาวิชาชีพ ปัญญาสถิติ ปัญญาข้อมูล ปัญญาที่เกิดจากการฝังใจ

แต่ถ้ามันจิตสงบเข้าไปล่ะ แล้วปัญญาที่เกิดขึ้นมาที่มันชำระใจน่ะ มันเป็นปัญญาของใจนะ ปัญญาของใจ ดูสิ ความคิดของใจเพราะอะไร เพราะจิตสงบเข้ามา มันไม่มีอดีต อนาคต มันเป็นปัจจุบัน แล้วมันเข้าไปถอนอุปาทานในหัวใจ

แต่ปัญญาของเราปัญญาสมอง จิตนี้ต้องส่งออกมาที่สมองก่อน พลังงานต้องไปที่สมองก่อน สมองได้คิด เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวก็จำได้ เดี๋ยวก็ทบทวน สมองน่ะพอจิตมันกระตุ้น มันก็ได้ทำงานของมัน ถ้าจิตไม่กระตุ้น สมองมันก็ฝ่อ สมองก็ไม่ได้คิด ปัญญาสมอง ปัญญาโลกนี่โลกียปัญญา ปัญญาสมอง มันเกิดมาจากใจที่ไหน มันไม่เกิดมาจากใจหรอก ถ้ามันเกิดจากใจ ต้องทำใจให้สงบเข้ามา

ถ้าใจสงบเข้ามา เห็นไหม วัตถุ ร่างกายเราก็เป็นวัตถุนะ กระดูกก็เป็นวัตถุ สิ่งต่างๆ เป็นวัตถุทั้งนั้นนะ สิ่งที่เป็นวัตถุ ดูสิ เราเอาอิฐ หิน ปูน ทราย แล้วมาหล่อเป็นรูปพระพุทธ เป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เป็นที่เคารพบูชานะ แล้วถ้าคนที่ต่างศาสนาเขามา เขาไม่เคารพบูชา เขาทำลายล่ะ เขาทำลายของเขาไป เห็นไหม แต่ทำลายแล้วเราเจ็บช้ำน้ำใจไหมล่ะ?

แต่ถ้ามันเป็นพุทธ ธรรม สงฆ์ ในหัวใจของเรา ใครจะทำลาย ใครทำลายของเราได้ เราจะไม่เคารพได้อย่างไร เคารพ! เคารพจนแบบว่าไม่ให้ใครเห็นร่องรอยเลยล่ะ

สิ่งที่เป็นวัตถุ เป็นร่องเป็นรอย เป็นสิ่งที่ต้องถนอมรักษา เราก็เคารพ มันเป็นสิ่งที่ถ้าเราเข้ามาศาสนาใหม่ๆ มันก็ต้องมีสิ่งนี้ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว เห็นไหม ยึดเหนี่ยวก่อน แต่เราปฏิบัติไป เวลาเข้าป่าเข้าเขามันมีอะไร เห็นไหม ตาเป็นเทียน มือเป็นธูป ธูปเทียนมันอยู่ที่เรา แล้วรูปเคารพล่ะ รูปเคารพเราก็คิดถึงสิ

เวลาเราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระลึกถึงเมตตาคุณ ปัญญาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ กว่าจะตรัสรู้ได้นะ พระโพธิสัตว์ เห็นไหม ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ต้องสร้างบุญญาธิการ สร้างสมบารมีมา พระปัจเจกพุทธเจ้า เห็นไหม

สิ่งที่สร้างมา ถ้าไม่สร้างมา มันจะเกิดเชาว์ปัญญา มันจะเกิดมุมมองต่างๆ ที่มองต่างจากสังคมโลก สังคมโลกมองนะ สิ่งที่เราได้มาเป็นวัตถุของเราน่ะ ได้มาๆ เวลามาปฏิบัติ เราได้อะไร การเสียสละออกไป เสียสละความคิด ความเจ็บช้ำน้ำใจ ความอาลัยอาวรณ์ต่างๆ เสียสละมันออกไป ทำลายมันออกไป ทำลายเท่าไหร่ได้เท่านั้น ยึดมั่นเท่าไหร่ แสวงหาเท่าไหร่ ไม่มีอะไรเลย

ดูสิ เวลาสิ่งที่ข้างนอกเป็นวัตถุที่เราต้องถนอมรักษา ความคิดก็เหมือนกัน อารมณ์ความรู้สึกก็เหมือนกัน มันเป็นวัตถุอันหนึ่งนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการที่เขาคิชฌกูฏ เห็นไหม หลานของพระสารีบุตรไปต่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง เอาพี่ ป้า น้า อา บวชหมดเลย ไม่พอใจ! ไม่พอใจ!

“ถ้าเธอไม่พอใจสิ่งใดต่างๆ เธอต้องไม่พอใจอารมณ์ความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกนั้นก็เป็นวัตถุอันหนึ่ง”

ความคิดเป็นวัตถุนะ จิตกระทบ จิตเรารู้นะ เห็นไหม มารน่ะเวลามันตามสัตว์โลก มันตามตรงนี้ มันเห็นร่องรอยที่ความคิด มันเห็นร่องรอยที่ใจ มารมันเห็นหมดนะ เราคิด เห็นไหม ดูเราคิดอะไร เทวดารู้หมดล่ะ ปรมัตถจิตเราคิดอะไร เขายังรู้เลย

สิ่งนี้มารมันเห็น มันเป็นวัตถุอันหนึ่ง วัตถุจากข้างนอก วัตถุนี้เป็นธาตุ แร่ธาตุ ธาตุรู้เป็นธาตุนามธรรม สิ่งที่เป็นธาตุรู้น่ะ ความคิดก็เป็นธาตุอันหนึ่ง ถ้าจิตสงบเข้ามามันจับได้หมด มันเห็นหมด มันทำลายได้หมด ว่ามันจับต้องไม่ได้ มันไม่เห็นสถานที่ ไม่เห็นอะไร มันจะทำลายได้อย่างไร? จะทำลายกิเลสได้อย่างไร?

นี่ไง ว่าเสียสละไม่ได้อะไร ทำบุญแล้วไม่ได้อะไร มันได้ตรงนี้ ได้จากหัวใจที่มันละเอียดเข้าไป เห็นไหม ส้มมันกระทบกับเปลือกส้ม ใจเป็นเนื้อส้ม ความคิดเป็นเปลือกส้ม ความคิดไม่ใช่จิต จิตไม่ใช่ความคิด ขนาดว่าปฏิบัติจะเห็นใจๆ ยังไม่รู้จักใจเลย ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น รู้แต่ความคิดที่มันคิดออกมา แล้วมันก็ส่งต่อออกไป แล้วมันก็ส่งออกไป มันก็วิ่งเต้นออกไปข้างนอก จับต้องอะไรไม่ได้

ศึกษาธรรม ศึกษาธรรม.. ปรมัตถธรรม นกแก้ว นกขุนทองนะ นกแก้วมันก็ท่องได้ เราไปศึกษามา เราก็ท่องได้ เห็นไหม เคารพไหม เคารพ! เคารพถ้าไม่มีร่องมีรอยนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่มีร่องมีรอย เราจะเอาอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยว เราเอาอะไรเป็นที่ประพฤติปฏิบัติ

แต่ถ้าเราเคารพแล้วน่ะ เคารพนะก็เหมือนเคารพวัตถุ กราบไหว้แล้วมันได้อะไร กราบไหว้น่ะคนเขากราบไหว้นะจิตใจเขาอ่อนโยน เขากตัญญูกตเวที แต่เรากราบไหว้.. กราบไหว้แล้วมันด้านชา จิตใจมันหน้าด้าน พอหน้าด้าน มันทำแต่สิ่งที่ด้านๆ มันไม่ทำให้เป็นคุณงามความดีกับเรา เห็นไหม

แต่ถ้าเรามีความละอาย มันหน้าด้านไม่ได้ มันมีความละอายไง มีหิริ มีโอตตัปปะ มีความละอาย มีความเกรงกลัว มีการถนอมรักษา เห็นไหม นี่รักษาเข้ามา รักษาให้เป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มันรวมลงที่ใจ ไม่ต้องไปเอาที่วัตถุข้างนอก

วัตถุข้างนอกนะ มันเป็นกาลเวลา ไม่มีสิ่งใดคงที่ โลกนี้เป็นโลกอนิจจัง ทุกสิ่งที่สร้างขึ้นมารอวันเสื่อมสภาพหมด ทุกสิ่งนี่ ชีวิตนี้เกิดมารอตายหมด รอมันแปรสภาพ ไม่มีสิ่งใดคงที่เลย เว้นไว้แต่โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์นี้คงที่ในหัวใจ ธรรมธาตุ สิ่งที่เป็นนามธรรมคงที่

สิ่งที่เป็นวัตถุไม่มีอะไรคงที่ ความคิดก็ไม่คงที่ ความคิดก็เป็นวัตถุอันหนึ่ง ความรู้สึกก็เป็นวัตถุอันหนึ่ง ภวาสวะ ภพ ก็เป็นวัตถุอันหนึ่ง เห็นไหม อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิง สูติ จิตเป็นผู้ข้าม จิตเป็นผู้ที่อาสวะสิ้นไป ตัวจิตเป็นตัวนิพพาน แล้วมันนิพพานแล้วมันเป็นอย่างไร มันอยู่อย่างไร วิมุตติสุขเป็นอย่างไร เห็นไหม

เรามาวัดมาวา เราต้องหาความจริงของเรา เอาความสงบของใจนะ หาความสงบ หาที่พึ่ง มาเห็นไหม เรามีร่างกาย มีจิตใจ อยู่วัดก็มีปัจจัยเครื่องอาศัย มีข้อวัตรปฏิบัติ แล้วเราต้องมีปัจจัย เห็นไหม เราก็อยู่ก็กินแล้วก็เพื่อดำรงชีวิตไว้เพื่อปฏิบัติหาความร่มเย็นนะ นี่ปากได้กินอาหารแล้ว ใจได้สัมผัสหรือยัง? ใจได้สัมผัสความสงบบ้างหรือยัง?

ถ้าใจได้สัมผัสความสงบ เห็นไหม มาแล้วไม่เสียเที่ยว กายก็วิเวก จิตก็วิเวก อันนี้กายวิเวกนะ เอามาขังไว้ในวัด แต่จิตมันไม่วิเวก มันคิดถึงบ้าน มันเผ่นกระโดด เห็นไหม กายวิเวก จิตวิเวก แล้วจะมีความสุขจริง เอวัง