เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๖ เม.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราชาวพุทธนะ เวลาเราชาวพุทธ คติธรรมสอนไว้ “เราเสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เราเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เราเสียชีวิตเพื่อรักษาธรรม” แต่เวลาเราเกิดมา เรามีชีวิต เราอยากให้ชีวิตมีความสุข เราอยากจะมีความสุขในชีวิตเรา เสียทรัพย์.. เราเสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เวลาเรารักษาของเรา เสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตไว้.. สัจจะความจริง สิ่งที่เป็นความจริง ความถูกต้อง เรายอมเสียสละชีวิตเลย เพื่อรักษาสิ่งนั้นไว้ ถ้ารักษาสิ่งนั้นไว้ นั่นน่ะเป็นสัจธรรม

เวลาเราพูดกัน เอาธรรมนำหน้าๆ เอาธรรมนำหน้า เราคิดว่าเอาธรรมนำหน้า แล้วธรรมของใครล่ะ? สุจริตธรรม สุจริตเป็นเครื่องป้องกันเรานะ เราทำคุณงามความดี เราทำถูกต้องนั่นน่ะคือสัจธรรม อริยสัจจะ สัจจะ สัจจะคือความจริง อริยสัจจะคือความจริงยิ่งกว่าความจริง ความจริงที่ถูกต้อง ความจริงที่สุดส่วน ความจริงที่ทำให้เราพ้นจากความจริงที่เป็นสมมุตินี้ได้

การเกิดและการตายของเรา การทำหน้าที่การงาน มันเป็นหน้าที่การงาน จริงตามสมมุตินะ ตำแหน่งหน้าที่การงานน่ะเป็นหัวโขน หัวโขนจะไปติดมัน แต่ถ้าเราสวมหัวโขนแล้วเราต้องเล่นให้สมบทบาทไง เราต้องบริหารให้ถูกต้องนะ เราต้องทำคุณงามความดีของเราให้ชัดเจนนะ เห็นไหม บารมีธรรมมันเกิดตรงนี้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราเป็นคนทำคุณงามความดี เราบริหารลูกน้อง ลูกน้องจะรักเราไหม เราเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เราดูลูกน้องเรา ลูกน้องเราจะรักเราไหม นี่บารมีมันเกิดที่นี่นะ ถ้าสวมหัวโขนแล้วต้องเล่นให้สมบทบาท ต้องเล่นให้เป็น เรามีหัวโขนแล้วต้องทำให้ถูกต้อง

โลกนี้เป็นสมมุติ แต่สมมุติตามความเป็นจริง เพราะกิเลสของเรามันอ้างเล่ห์ไง อ้างว่าหนาวนักก็ไม่ทำงาน ร้อนนักก็ไม่ทำงาน ฝนตกไม่ทำงาน มันอ้างไปหมดไง นี่เหมือนกัน พอได้ตำแหน่งหน้าที่กันมา พรุ่งนี้จะทำ มะรืนจะทำ ชาติหน้าจะทำ ชาตินี้กูขอสุขก่อน นี่มันเล่นไม่ตามบทบาท เราต้องมีธรรมนำหน้า

สุจริตธรรม เครื่องป้องกันเรานะ เราทำสุจริตธรรม ทำคุณงามความดี ความดีนี้ป้องกันเรา สีเลนะ สุคติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปทา เรารักษาศีล ศีลป้องกันเรา ศีลให้ผลมา เราเป็นคนดีไง เราอยู่ในสัจธรรม สุจริตธรรมมันป้องกันเรา มันคุ้มครองเรานะ สิ่งที่คุ้มครองเรา สิ่งนี้เป็นธรรมนำหน้า ถ้าธรรมนำหน้า เราทำเพื่ออะไร ลัทธิศาสนาต่างๆ เขาว่าธรรมทั้งนั้นน่ะ ธรรมนำหน้า ธรรมของใคร ความเห็นแก่ตัวเป็นธรรมของเขาไหม สัจธรรม ถ้าธรรมยังอ้างเล่ห์กันอยู่ว่าธรรม สิ่งนั้นเป็นธรรมๆ...ไม่เป็นธรรมเลย

เวลาโอวาทปาฏิโมกข์ ละความชั่วทั้งหมด ทำความดี ละความชั่ว ความชั่วไม่ทำเลย ทำแต่สิ่งความดี และทำใจให้ผ่องแผ้ว เวลาธรรมนำหน้าๆ ถ้าธรรมนำหน้า สัจธรรม ดูครูบาอาจารย์ของเราสิ ปฏิบัติธรรมน่ะ “ธรรมะเป็นอย่างนี้หนอๆ”

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานะ นี่ธรรมะมีอยู่โดยดั้งเดิม ของมีอยู่โดยดั้งเดิม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปรู้เท่านั้น นรก สวรรค์ กามภพ อรูปภพ สิ่งที่เป็นวัฏฏะ สิ่งที่เป็นภพชาติ สิ่งที่เป็นต่างๆ มันมีของมันอยู่โดยดั้งเดิมน่ะ วันเดือนปีมันก็มีธรรมชาติของมัน ปฏิทินก็เพิ่งมาคิดได้ไม่กี่ร้อยปีนี้เอง แต่มันมีของมันมาอยู่โดยดั้งเดิม สัจธรรมมันก็มีอยู่ของมันโดยดั้งเดิม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ถ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา นี่ธรรมเป็นอย่างนี้หนอ ธรรมนำหน้าเรา

แต่ในปัจจุบันเรามีการศึกษามาก กิเลสตัณหาความทะยานอยาก ตัวตนใหญ่มาก ศึกษาธรรม ลักษณะของนิพพาน นิพพานเป็นอย่างนั้นนะ นิพพานมีขอบเขต.. อันนี้มันนำหน้าธรรมนะ เอาธรรมเอาไว้ข้างหลัง เอาทิฏฐิมานะของเรา อ้างว่าเรารู้เราเข้าใจธรรม มันเลยธรรมไปน่ะ มันแซงธรรมไปแล้ว ตัวตนเรามันแซงธรรมไปนะ แต่ถ้าเป็นเอาธรรมนำหน้าน่ะ เราเข้าไปรู้ เราไปประพฤติปฏิบัตินะ เวลาจิตมันสงบขึ้นมา โอ้โฮ.. มีความสุขขนาดนี้ ไอ้นี่ไม่เคยสงบเลย สร้างภาพว่าสงบไง เอาตัวตนนำหน้าธรรมไปเลยนะ ไหนว่าเอาธรรมนำหน้า? ทำไมเอากิเลสนำหน้าล่ะ เอากิเลส เอาทิฏฐิมานะนำหน้า ปฏิบัติธรรมขึ้นมาก็กลัวจะไม่ได้ธรรมๆ

ถ้ามันเอาธรรมนำหน้า เราปฏิบัติของเราไปสิ เราพิสูจน์ของเราไปนะ ดูสิ ดูกีฬานะ ดูเขาเล่นกีฬากันน่ะ ฟุตบอล เราเข้าใจเกมหมดเลย เราเข้าใจเกมนะ เราแก้เกมเขาได้หมดเลย แต่เราไม่สามารถทำประตูได้น่ะ เราไม่มีทางชนะได้เลย นี่เหมือนกัน ในการประพฤติปฏิบัติของแต่ละบุคคลเรา มันมีอำนาจวาสนาของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สัจธรรม สภาวธรรมๆ สภาวธรรมไม่ใช่ธรรมนะ สภาวธรรมมันยังแปรปรวนอยู่นะ สภาวะที่เปลี่ยนแปลง สภาวะที่รับรู้นี่ไม่ใช่ธรรมหรอก ความสุขความทุกข์เราเป็นธรรมไหม ความสุขความทุกข์เรา มันเป็นอาการ มันเป็นความรู้สึก แต่ผลของมันเกิดที่ไหน นี่ไง ดูสิ เวลาโค้ชฟุตบอลที่เขาลงทุนลงแรงมากนะ เขาบอกเลยนะ ลูกทีมของเราใช้โอกาสมากเกินไป เอาลูกเข้าไปป้วนเปี้ยนหน้าประตูเขา แต่ยิงไม่ได้สักที ยิงเขาไม่เป็น มีเสมอกับแพ้ นี่ก็เหมือนกัน สัจธรรมๆ สภาวธรรมๆๆ นี่สภาวธรรมเป็นอย่างนั้น กิเลสนำหน้านะ แม้แต่เราเข้าใจธรรม คือเราอ่านเกม เราสร้างเกมได้

นี่ก็เหมือนกัน สัจธรรม จิตมันเป็นได้ อาการของจิต จิตเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์นัก เวลาทุกข์นี้ทุกข์ร้อน เหยียบย่ำหัวใจนี้รุนแรงนัก ทุกข์เจ็บปวดแสบร้อนในใจนะ ทุกข์นี้เป็นอริยสัจ ทุกข์นี้เป็นความจริง นี่สภาวะเหมือนกัน เราไปติดอยู่ในลิฟท์ เราไปติดอยู่ในอากาศที่ร้อนเหมือนกัน เรานี่กระวนกระวายร้อนมาก ทำไมบางคนเขายืนอยู่เฉยๆ ได้ล่ะ ทำไมเขาไม่เร่าร้อนไปกับเราล่ะ เวลาทุกข์มันบีบบี้สีไฟ ถ้าใครมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมา สภาวะมันเป็นอย่างนี้ หลักใจของเรามีอยู่ เราเข้าใจสภาวะน่ะ มันเป็นอย่างนี้ๆ ถ้ามันเป็นอย่างนี้ปั๊บ เราเดือดร้อนรุนแรงไป เราดิ้นรนเดือดร้อนไป หัวใจเราขวนขวายไปขนาดไหน มันก็เป็นอย่างนี้ ถ้าจิตเราตั้งสติขึ้นมา

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานนะ “ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด” ความประมาทเลินเล่อ ความไม่มีสติเป็นโอวาทคำสุดท้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ นี่วางธรรมเตือนสติพวกเราไว้ไง

แล้วในชีวิตปัจจุบันนี้เรามีสติไหม เรามีความระลึกรู้ของเราไหม ทำไมเรามาเกิดกระทบสภาวะเกิดขึ้นแล้ว ทำไมตื่นเต้นไปกับเขา สภาวะเกิดขึ้นไปเราก็ดูสิ แล้วเราตั้งสติของเรา เราจะแก้ไข เราจะดัดแปลงอย่างไร เราจะทำเป็นเพื่อประโยชน์กับเราอย่างไร นี่สิ่งนี้เราไม่แซงธรรมไง สภาวธรรมมันเกิดขึ้น สิ่งความสุขความทุกข์เกิดขึ้น ทุกอย่างผลกระทบเกิดขึ้น เรามีสติสัมปชัญญะไหม เห็นไหม เอาธรรมนำหน้า ธรรมนำหน้าสิ่งที่เกิดขึ้น

เราแก้ไขเรา เพราะสิ่งที่เรา ความตกผลึก บุญกรรม เราสร้างบุญกุศลขึ้นมา บุญกุศลมันอยู่ที่ไหน เวลาเราทำบุญกุศล เจตนาเราอยากมาทำใช่ไหม สิ่งที่เราหามา วัตถุที่เราหามามันมีชีวิต มาเองได้ไหม ของในโกดังมันมีล้นฟ้าขนาดไหน มันก็อยู่เป็นวัตถุกองอยู่นั่นน่ะ แต่คนที่มีเจตนา คนที่มีบุญกุศลในหัวใจ อุตส่าห์ขวนขวายมาเพื่อเสียสละ เอามาให้หัวใจมันได้เสียสละ ได้มีการกระทำ นี่บุญมันเกิดที่นั่น เกิดจากเจตนา เกิดจากความคิด นี่เจตนาความคิด เจตนาที่มันแสดงออก

ความคิดมาจากไหน ความคิดมันลอยมาจากฟ้าไหม คอมพิวเตอร์มันมีโปรแกรม มันถึงจะมีข้อมูลออกมาได้ ความคิดของเรามันเปลี่ยนแปลงได้ยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์อีก คอมพิวเตอร์ข้อมูลมันตายตัวนะ แต่ความคิดเราน่ะหลากหลายมาก ถ้ามีเจตนาที่ดี สิ่งที่ดี มันมาจากไหน มันมาจากจิต ความคิด ความดี คุณงามความดีนี้มันตกที่จิต บุญกุศลมันตกผลึกไปที่จิต พอตกไปที่จิต การทำดี การทำบ่อยครั้งเข้า มันเปลี่ยนแปลงนิสัย เปลี่ยนแปลงความคิด มันควบคุม เราไปคอนโทรลความคิดของเราได้ เราควบคุมชีวิตของเราได้

กับชีวิตน่ะให้กิเลสนำหน้า แล้วก็อ้างว่าธรรมนำหน้านะ ธรรมนำหน้า ธรรมกับเราเป็นอันเดียวกันไง เราเป็นธรรม เราเป็นคนบัญญัติธรรม ธรรมนี่เป็นเรานะ.. พอใจ ไม่พอใจก็ไม่ใช่ธรรม ถ้าพอใจก็เป็นธรรม นี่เอากิเลสนำหน้า พอกิเลสนำหน้าไปน่ะ เราก็ขัดแย้งในใจ เราก็เจ็บปวด เราก็มีความดิ้นรนในหัวใจ

แต่ถ้ามันเป็นสภาวะ เรามีสติ ธรรมนำหน้า ธรรมนำหน้าคือเราดูสภาวะนั้น เรามีสติสัมปชัญญะ แล้วมันจะย้อนกลับมาที่เรานะ ย้อนกลับมาที่จิต มันมีเหตุมีผลนะ ถ้าเราขวนขวายไป เราดิ้นรนไป มันมีแต่ความเจ็บปวดแสบร้อน ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ อาการเดียวกันนั่นเลย แต่เราทำไมไม่ทุกข์ล่ะ หรือทุกข์แต่เราเก็บไว้ข้างใน แล้วเราแก้ไขของเรา มันเปลี่ยนแปลง

เราคอนโทรลชีวิต เราคอนโทรลสติปัญญา เราคอนโทรลความรู้สึกเราได้หมดเลย ถ้าเราคอนโทรลได้ เราเป็นเจ้าของชีวิตนะ แต่ถ้ากิเลสนำหน้านะ เราเป็นขี้ข้ามัน มันใช้เรานะ ต้องการไอ้นั่น เราก็วิ่งมาหาให้มัน ต้องการไอ้นี่ เราก็วิ่งมาหาให้มัน สิ่งนี้มีอยู่ปฏิเสธไม่ได้ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ของอย่างนี้มีอยู่แล้ว แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้เพื่อเป็นอาภรณ์ประดับหัวใจเรา เป็นอาภรณ์ของชาวพุทธ พุทธศาสนาสอนถึงคนให้มีสติสัมปชัญญะ สอนถึงคนให้เป็นคนดี สอนถึงคนให้รื้อค้นเอาสิ่งที่หมักหมมในหัวใจ ที่มันขัดข้องหมองใจออกจากใจได้ทั้งหมด ใจจะไม่มีอะไรสิ่งใดไปบีบคั้นมันเลย ใจจะเป็นสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ ที่มีความสุขในหัวใจนี้ ทุกคนมีสิทธิที่จะทำได้

นี่ชาวพุทธ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว ศาสนานี้มีคุณค่ามาก อย่ามองข้าม อย่าเป็นชาวพุทธแค่ทะเบียนบ้าน เป็นชาวพุทธแล้ว เราได้ทำคุณงามความดีแล้ว เราเป็นชาวพุทธ เราเป็นเจ้าของศาสนาแล้วน่ะ อ้างไปหมดเลย แต่ตัวเองว่างเปล่า ถามสิ พระพุทธศาสนาสอนอะไร...ไม่รู้ ไม่รู้ ทั้งๆ ที่สอนถึงชีวิตเรานี่ สอนถึงการดำรงชีวิตของเรา สอนถึงความเป็นไปของเรา ถึงที่สุดนะ เคารพธรรมมาก เห็นไหม ธรรมนำหน้า

“ธรรมเป็นอย่างนี้หนอๆ” คือเราไปรู้ เราไปเห็น ไม่ใช่ว่าสภาวธรรมเป็นอย่างนี้ เราไปบัญญัติ เราไปบังคับ เราไปเป็นเจ้าของ แต่ถ้า“ธรรมเป็นอย่างนี้หนอ” เราเข้าไปเห็นใช่ไหม สิ่งนี้มีคุณค่ามาก แล้วเราจะเคารพบูชามาก แล้วมันสัมผัสได้ที่ใจนะ

“โอปนยิโก.. ร้องเรียกสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม” เรียกร้องจิตวิญญาณของเราให้เห็นสัจจะความจริง ถ้าเห็นสัจจะความจริงนะ สิ่งที่เราตื่นกันอยู่นี่ สิ่งที่เราตื่นแสวงหากันอยู่นี่ เราก็ทำ เพราะมีสติสัมปชัญญะ มันเป็นปัจจัย เป็นเครื่องอาศัย ดูสิ ทำไมเราต้องหายใจตลอดเวลา ถ้าเราไม่หายใจเอาออกซิเจนเข้าไป ชีวิตเราอยู่ได้ไหม ถ้าเราไม่มีปัจจัยเครื่องอาศัย ชีวิตเราอยู่ได้ไหม เราไม่ใช่คนโง่ ว่าเราบรรลุธรรมแล้ว เราจะไม่เอาอะไรเลย...ไม่ใช่ มันไม่เอากิเลสไง ไม่เอาสิ่งที่หมักหมมในหัวใจไง แต่มันจะเอาคุณงามความดี เอาสิ่งที่เป็นสัจจะชีวิต เห็นคุณค่าของชีวิต เห็นคุณค่าของความรู้สึกนี้ แล้วสิ่งที่ประกอบนั้นเป็นเครื่องอาศัย

คุณค่าของชีวิต คือคุณค่าของความรู้สึก นี่ใจมีคุณค่ามาก

การห่วงหาอาวรณ์ต่อกัน การคิดถึงกัน ค่าของน้ำใจประเสริฐที่สุด ค่าของน้ำใจมีมากกว่าคุณค่าของทรัพย์สินเงินทอง.. ค่าของน้ำใจ เอวัง