เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาเราไปวัดเราต้องมีที่พึ่ง วัดคืออะไร? วัดคือข้อวัตร วัดไม่ใช่วัดถังขยะ วัดถังขยะมีอะไรก็ไปทิ้งไว้ที่วัด ถ้าว่าข้อวัตรปฏิบัติ มันวัดคนด้วยพฤติกรรม พฤติกรรมคนดีนี่วัดดี วัดดีคือคนมีกติกากับตัวเอง นี่วัดที่ดี ถ้าวัดที่ไม่ดีนะ วัดไหนก็สะดวกสบายไปหมด สะดวกสบายไปหมด อันนั้นไม่ใช่วัด นั่นถังขยะ
ถ้าเป็นวัดนะ วันนี้วันสำคัญ วันสำคัญคือว่าวันนี้มันจะมีบวชนาคตั้ง ๖ คน เห็นไหม ในสมัยพุทธกาล เวลาพระเจ้าอโศกมหาราช ทำบุญมหาศาล สร้างวัด ๘๔,๐๐๐ วัด ไปถามอาจารย์ของตัวว่า เป็นญาติศาสนาหรือยัง?
อาจารย์บอก ยัง
ถ้าเป็นญาติศาสนาของตัวต้องทำอย่างไร?
ต้องเอาสายเลือดมาบวชในพุทธศาสนา
พอเอาสายเลือดมาบวชในพุทธศาสนา เป็นญาติกับศาสนา เป็นญาติกับศาสนาเพราะอะไร? เพราะเราคิดถึงญาติของเราก็คิดถึงศาสนา เห็นไหม แต่ทางโลกเขาบอกกัน เวลาไหว้พระก็ไหว้ลูกชาวบ้าน พอเขาไปติดพันกันเองไง ไหว้ลูกชาวบ้านได้อย่างไร?
ลูกชาวบ้านเวลาอยู่ที่บ้าน เวลามาบวชเป็นพระแล้วนี่จตุตถกรรมญัตติยกขึ้นมาเป็นสงฆ์ เป็นสงฆ์นี่เป็นพระโดยสมมุติ สมมุติขึ้นเป็นสงฆ์ เกิดก็เป็นสมมุติ ชีวิตนี้ก็เป็นสมมุติ สมมุติอันหนึ่ง แต่เกิดตามความเป็นจริงไง ถ้าเกิดตามความเป็นจริง เห็นไหม เป็นพระตามความเป็นจริงแต่เป็นโดยสมมุติ คือเป็นพระนี่ยังสึกได้ ยังลาสิกขาได้ ต่างๆ
แต่เวลามันเป็นวัฒนธรรมนะ วัฒนธรรมบางวัฒนธรรมเขาบวชแล้วไม่ให้สึก ถ้าไม่ให้สึก ไม่บวชก็ไม่ต้องบวช บวชแล้วก็ตลอดชีวิตเลย บางวัฒนธรรม เห็นไหม เราถึงบอกว่า
อย่าเอาวัฒนธรรม ประเพณี มาวัดศาสนา ตัวศาสนาลึกกว่าประเพณี วัฒนธรรม
วัฒนธรรมคือสังคมวัฒนธรรมนั้นสร้างขึ้นมา แต่ตัวศาสนาคือสิ่งที่เป็นศาสนธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บอกถึงสุข ถึงทุกข์ แก้สุข แก้ทุกข์ แก้เกิด แก้ตาย ทีนี้เราไปเล่นขายของกัน เราไปเล่นขายของกันว่าศาสนานี้อะไรก็ไม่ใช่เรา อันนี้ก็ไม่ใช่เรา แต่ทุกข์ในหัวใจมาก เวลากลับไปอยู่ที่บ้านคนเดียวไปนั่งคอตกอยู่ แต่เวลาไปวัดนี่รื่นเริงอาจหาญ อาจหาญเพราะอะไร? เพราะสังคมไง สังคมนั้น
ฉะนั้น เราถึงบอกว่าวัฒนธรรม ประเพณี มันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม แต่ขณะที่สังคมนี่ เราอยู่ในสังคมเราทุกข์ไหม? องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกนะ
ในสโมสรสันนิบาตทุกดวงใจว้าเหว่ ทุกดวงใจว้าเหว่!
เราทำบุญกุศลกัน นี่เป็นบุญกุศลใช่ไหม? เป็น! เป็นบุญกุศล บุญกุศลนี้คืออะไร? บุญกุศลตกผลึกในหัวใจ แต่บุญกุศลนี้เป็นอามิสไหม? เป็นอามิสใช่ไหม ต้องทำเพิ่ม ทำซ้ำใช่ไหม แต่เวลาเราประพฤติปฏิบัติบวชเป็นพระขึ้นมาแล้ว ถ้าบวชเป็นพระนี่เป็นสมมุติสงฆ์ เป็นสมมุติ สมมุติตามความเป็นจริง เป็นพระจริงๆ
นี่ทำบุญกุศลได้บุญไหม? ได้บุญเพราะเราเสียสละทาน การเสียสละ มีผู้เสียสละมันต้องได้บุญกุศลทั้งหมด แล้วพระนี่เป็นทุกข์ไหม? กินอิ่ม นอนอุ่น กิเลสมันดีดดิ้นในหัวใจนะ เวลาเรามานั่งสมาธิภาวนาขึ้นมา เราจะมาแก้ทุกข์อันนี้ ถ้ามันจะแก้ทุกข์อันนี้ เห็นไหม นั่นมันเกิดจากอะไร?
ศีล! ศีลคือข้อห้ามของใจ ถ้ามีศีลข้อห้ามของใจ ใจไม่ดีดดิ้นไปตามอำนาจของมัน เห็นไหม ถ้ามันสงบได้เป็นสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิขึ้นมาเราจะใช้ปัญญาขึ้นมา ปัญญานี่ปัญญาในพุทธศาสนา เราจำกันมาปากเปียกปากแฉะนะ อริยสัจก็รู้ ทุกอย่างรู้ไปหมดเลย ดูสิเรียนมา ๙ ประโยค ๑๐ ประโยค แปลได้หมดเลย ทุกอย่างรู้หมดเลย แต่แก้ทุกข์ตัวเองไม่ได้
รู้แต่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ในหัวใจทุกข์ ในหัวใจมันบีบคั้น มันบีบคั้นในหัวใจของเรา แต่ข้างนอกรู้หมดนะ รู้ทุกอย่างเลย แต่หัวใจของตัว พฤติกรรมของตัวมันแสดงออกมาอย่างไร?
ถ้าพฤติกรรมของตัว เห็นไหม เวลาเคารพสถานที่นะ เราไปบ้านของใครเรายังเคารพเจ้าที่เลย แล้วนี่วัดวาเป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล ผู้ทรงศีลเขาต้องการอะไร? เขาต้องการความสงบสงัด นี่เวลาพระออกวิเวก ออกวิเวกเพื่ออะไร? ก็เพื่อความสงบสงัดใช่ไหม? กายวิเวก จิตวิเวก..
กายวิเวก จิตวิเวกได้ไหม? ถ้ากายไม่วิเวก จิตมันวิเวกไหม? ถ้าจิตไม่วิเวกมันจะแก้กิเลสได้ไหม? ถ้าจิตไม่วิเวก จิตมันมีแต่ความฟุ้งซ่านในหัวใจมันจะแก้กิเลสได้ไหม? ในเมื่อมันจะแก้กิเลสได้ เห็นไหม แล้วไปวัดนี่เราต้องเคารพสถานที่ ที่นี่เป็นวัด ที่สมควรแก่การภาวนา เราไปวัดแล้วเราต้องเกรงใจคนอื่น เขาเรียกเคารพในสถานที่ไง
นี้คือวัฒนธรรม วัฒนธรรมของผู้ที่ไปวัดไปวาที่เราเข้าใจ ถ้าเราเข้าใจ.. ทุกคนเกลียดทุกข์ ต้องการความสุข ทุกคนไม่ต้องการปรารถนาความทุกข์เลย ทุกคนต้องการหาความสุขทั้งหมดเลย แล้วทุกคนปรารถนาความสุข แล้วเอาความสุขมาเบียดบี้สีไฟกันใช่ไหม? ต่างคนต่างว่าติดดีไง ฉันจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนั้น ทำอย่างนั้น.. ทำอย่างนั้นมันต้องมีรโหฐานในบ้านของเรา
แต่เราเข้าไปแล้วนะ อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ไม่ควรคบคนพาล ไม่ควรคบหัวใจที่มันพาลในหัวใจเรา หัวใจที่มันจะเอาเปรียบคนอื่น หัวใจที่มันจะแสดงออก นี่มันคบพาล คบความคิดที่ชั่ว ถ้าความคิดที่ดี เห็นไหม มันเสียสละ เราไม่ควรเบียดเบียนคนอื่น พอเราไม่ควรเบียดเบียนคนอื่น มันก็ไม่เบียดเบียนเราก่อนใช่ไหม?
เราไม่คิดแต่สิ่งที่เราจะเบียดเบียน เราไม่ทำให้เราวุ่นวาย คนอื่นจะวุ่นวายไปกับเราไหม? แต่เพราะเราคิดของเราเอง คบคนพาลคือคิดคบแต่ความคิดของเรา.. คบความคิด ความคิดไม่ใช่จิต ความคิดไม่ใช่เรา ความคิดเกิดจากเรา เห็นไหม ถ้าความคิดเกิดจากเรา เราต้องแยกแยะสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานนะ
ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด
ความประมาทเลินเล่อ ถ้าเรามีสติปัญญา ความประมาทเลินเล่ออย่างนี้จะไม่มี แต่เพราะเราขาดสติใช่ไหม? นี่เราขาดสติ เราว่าเราจะทำดีๆ ไง เราว่าจะทำดี แต่การกระทำเราไปเหยียบย่ำคนอื่น เราว่าเราทำดีนะ! เราว่าเราทำดี แต่ถ้าเราทำดีของเรามันต้องดีจากหัวใจของเรา ดีจากหัวใจ ดีจากภายในของเรา เราต้องรักษาใจเราก่อน เอาใจเราไว้ในอำนาจของเราก่อน แล้วก็มันเป็นไปตามข้อเท็จจริงอย่างนั้นไหม? ถ้ามันเป็นข้อเท็จจริงที่มันควรจะเป็นความจริงอย่างนั้น
นี่ความจริงข้างนอกนะ เพราะความจริงข้างนอก ดูสิเวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอ หมอรักษาร่างกายเรา นี่ความจริงข้างนอก ความจริงข้างนอกคือความจริงของวัตถุ ความจริงของที่จับต้องได้ แต่ความจริงของใจล่ะ? เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมานี่แสนทุกข์แสนยากนะ กังวลในหัวใจว่าเราจะเป็นสิ่งใดไป
นี่ไงป่วยทั้ง ๒ คน กายก็ป่วย จิตก็ป่วย จิตมันวิตกกังวลไป ถ้าเรารักษาจิตของเราได้ เห็นไหม กายมันป่วยเป็นธรรมชาติของมัน กายนี้มันชราคร่ำคร่าเป็นธรรมดา แต่จิตใจล่ะ? จิตใจเรารักษามันนะ เราต้องรักษามัน เพราะจิตใจนี้อยู่ในอำนาจของเรา จิตใจนี้เรารักษาได้ จิตใจนี้แก้ไขได้ แต่ร่างกายมันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น แต่จิตใจที่แก้ไขได้ นี่แก้ไขได้ด้วยอะไรถ้าไม่ได้ด้วยธรรมะ
แล้วธรรมะ เห็นไหม นี่เรามาบวชกันเพื่ออะไร? เรามาบวชกันก็เพื่อศึกษาทางนี้นะ บุญกุศลได้มาแล้ว นี่เวลามาบวชนะ พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป ๑๖ กัปเพราะอะไร? เพราะเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของเราเข้าไปค้ำจุนศาสนา ค้ำโพธิ์ๆ โพธิไง นี่คนเกิดมาจากไหน? คนเกิดมาจากไข่ของแม่ กินเลือดในอกของแม่นะ กินน้ำนม กินเลือดในอกของแม่ เอาเลือดเนื้อเชื้อไขเข้าไปฝากไว้ในศาสนาได้บุญไหม? มันได้บุญโดยธรรมชาติของมัน
เราทำบุญกันนี่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงนะ ลูกของเรามันกินเลือดในอกนะ มันกินน้ำนมของเรานี่เลือดในอก มันออกมาจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เชื้อไขของเราไปค้ำศาสนา พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป นี้คือบุญกุศลโดยธรรมชาติของมัน แต่ของเราไม่เห็นไง ไปเห็นแต่วัฒนธรรมไงจะต้องได้เชิดหน้าชูตา แต่ไม่เห็นเนื้อหาสาระของมัน เนื้อหาสาระว่าเราจะทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ลูกของเราไปบวช หรือญาติของเราไปบวช บวชขึ้นมาเพื่ออะไร? เพื่อแก้ไขดัดแปลงหัวใจ ถ้าบัณฑิต เห็นไหม คบบัณฑิต ถ้าจิตใจคบธรรมะ ให้ธรรมะกล่อมเกลาหัวใจ ถ้าธรรมะกล่อมเกลาหัวใจ คนคิดดีมันทำชั่วได้ไหม? ความดีความชั่วมาจากไหน? มันมาจากความคิดทั้งนั้นแหละ มันมาจากความคิด แล้วมันตกผลึก ย้ำคิดย้ำทำจนเป็นนิสัย จนเป็นสันดาน แล้วเราจะมาแก้ที่นิสัย ที่สันดานมัน แก้ให้มันเป็นสันดานที่ดี
นี่ธรรมะไปกล่อมเกลาตรงนี้ ถ้าธรรมะกล่อมเกลาตรงนี้นะ นี่การบวชมันได้มาแล้ว การบวชโดยธรรมชาติพระพุทธเจ้าวางหลักการไว้ เพราะการเกิด การตายมันมีโดยธรรมชาติของมัน แต่ดูสิพระพุทธเจ้ามาจากไหน? พระพุทธเจ้ามาจากเจ้าชายสิทธัตถะ เจ้าชายสิทธัตถะเป็นมนุษย์ไหม? นี่พระพุทธเจ้าก็มาจากคน ผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์เราก็มาจากคน คนนี่มาจากไหน? มาจากท้องพ่อท้องแม่..
คนมาจากกรรม การกระทำของจิตดวงนั้น ปฏิสนธิจิตนั้นมาเกิดในไข่ของมารดา ถ้าเกิดในไข่ของมารดา นี่จริตนิสัยนั้นเพราะเขามีศรัทธา มีความเชื่อ เขาถึงมาประพฤติปฏิบัติของเขา แล้วประพฤติปฏิบัติของเขา เข้ามาในศาสนานี่เราต้องเคารพบูชานะ เราต้องสมควรรู้จักสถานที่ รู้จักบุคคล รู้จักสังคม ไม่ใช่เราคิดว่าเหมือนกัน
นี่ใครว่าเหมือนกัน เหมือนกันแล้วเห็นเศรษฐี เราก็เป็นเศรษฐีเหมือนกันสิ เศรษฐีเราก็เป็นเศรษฐี เดินไปผ่านธนาคาร เงินในธนาคารมหาศาลเป็นของใคร? ก็ของธนาคารไม่ใช่ของเรา นี่ความดีความชั่วมันเป็นของเรา พฤติกรรมของเรามันแสดงออกมานี้เป็นของเรา พฤติกรรมที่ดีแสดงออกมา แสดงสิ่งที่ดีออกมา มันเกื้อกูลกันนะคบบัณฑิตเนี่ย
เราดูเด็กๆ สิ เด็กๆ มันเรียบร้อย เด็กๆ มันไร้เดียงสา เด็กๆ มันเตือนผู้ใหญ่ได้นะ พ่ออย่าดูดบุหรี่ พ่ออย่าดูดบุหรี่นะ พ่อแม่อย่าทะเลาะกัน เด็กมันพูดเตือนแต่ผู้ใหญ่ไม่ฟังนะ จะไปสอนเด็กนะ คาบบุหรี่ปุ๋ยๆ เลย นี่แล้วว่าไปสอนเด็ก เด็กมันชี้หน้าเอา ดูสิความจริงไหม? มันเป็นความจริงอันหนึ่ง ถ้าความจริงเราต้องเอาที่ข้อเท็จจริง เราไม่ใช่เอาที่วัยวุฒิ เอาที่ข้อเท็จจริงว่ามันเป็นความจริงไหม? ธรรมะมันต้องสะอาดบริสุทธิ์ ใครพูดก็ต้องเป็นธรรมะสิ
นี่ก็เหมือนกัน เวลาเรามีอำนาจพูดนะ เวลาเด็กเราบังคับมัน แต่ถึงเวลาแล้วเราทำไม่ได้อย่างเด็ก เห็นไหม พระพุทธเจ้าถึงสอนไง ละชั่วทำดี ง่ายๆ.. ละชั่วทำดี แต่เวลาทำดีขึ้นมานี่ทะเลาะกันนะ มันดีของใคร? เอาความดีมาทะเลาะเบาะแว้งกัน
นี่สิ่งที่เป็นวัฒนธรรม ประเพณี มันเป็นวัฒนธรรมนะ ถ้าวัฒนธรรม ประเพณี เห็นไหม วัฒนธรรมเรื่องของเขา การบวช การสึกมันเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเรื่องคนมีวาสนาหรือไม่มีวาสนา แต่อย่างนี้เราดูหนัง ดูละคร แล้วต้องย้อนกลับมาดูเรา เราจะบวชกันไหม? เราบวชหัวใจนี่เราบวชได้ทั้งนั้นแหละ หัวใจของเรา เรามีศีลมีธรรม เห็นไหม นางวิสาขาไม่ได้บวช ทำไมเป็นพระโสดาบันล่ะ? เราบวชเป็นพระขึ้นมา เราเอาคุณธรรมในหัวใจมาจากไหน?
นี่เราต้องหาสิ่งนี้มา ถ้าหาสิ่งนี้มา เราทำทาน เห็นไหม ทำทานเพื่อเสียสละ เพื่อเปิดหัวใจให้มันกว้างขวาง ถ้าหัวใจเราหมักหมม เราอยู่ในบ้านมันก็หมักหมมทั้งนั้นแหละ เราทำทานของเราเพื่อเปิดออก เปิดสิ่งที่อยู่ในหัวใจ เปิดการหมักหมมนี้ออก พอเปิดออกไปนี่จิตใจควรแก่การงาน ไอ้นี่จิตใจสกปรกโสมม ปฏิบัติธรรมๆ ปฏิบัติเอาโจรไง ปฏิบัติเพื่อตัวเอง ปฏิบัติเพื่อทิฏฐิมานะไง
มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด ยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งเหยียบย่ำตัวเองเข้าไป ว่าตัวเองรู้ธรรมะๆ รู้ธรรมะยังเกิดทิฏฐิมานะขนาดนั้น แต่เวลาครูบาอาจารย์เรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทิฏฐิไหม? สัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้อง ทิฏฐิที่ถูกต้อง พ่อแม่ที่ดี เด็กมันคบเพื่อนมา เพื่อนมันชักจูงไปในทางที่เสีย พ่อแม่มีความเห็นที่ถูกต้องพยายามดึงเด็กขึ้นมา เห็นไหม ทิฏฐิมันต้องมีจุดยืน จุดยืนนี่ธรรมถูกต้อง แล้วจุดยืนมันถึงมีศีลธรรม ประเพณี วัฒนธรรม
สิ่งที่เป็นประเพณี วัฒนธรรม.. ประเพณี เห็นไหม ประเพณีบางสำนักที่เข้มแข็ง เขาสามารถเหนือกฎหมายนะ ตามประเพณีใครทำผิดพลาดขึ้นมาเข้าสังคมไม่ได้เลย เขาไม่ยอมรับ เขาแอนตี้เลย นี่แล้วเราเข้าไม่ได้ เราต้องอยู่คนเดียวนะ นี่ประเพณี วัฒนธรรม แต่ประเพณี วัฒนธรรมมันดีงามหรือยัง? มันถูกต้องหรือยัง?
นี่มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด
ความเห็นที่ถูกต้องของโยมนะ ของคฤหัสถ์นั้นอันหนึ่ง เพราะเราไม่เข้าใจหรอก เราไม่เข้าใจถึงจะเอาชนะใจเราเองได้อย่างไร? การเอาชนะใจของตัว แต่เรามองไม่เห็นไง เราได้สมบัติมา เราได้อำนาจวาสนามา ได้ตำแหน่งหน้าที่การงานมา เราจะภูมิใจของเรามาก แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลย
การเอาชนะตนเองสำคัญที่สุด
การชนะเรา นี่การชนะคนอื่นหมื่นแสน เวลากองทัพข้าศึกเขารบกัน คูณด้วยล้านนะสร้างเวรสร้างกรรมหมดเลย แต่เราเอาชนะใจของเราได้นะ ดูสิผู้ปกครอง ผู้มีอำนาจบริหาร ถ้าหัวใจเป็นธรรมนะ สังคมร่มเย็นเป็นสุขมากเลย เอาชนะตนเองให้ได้ แล้วอำนาจทำให้คนเสีย อำนาจทำให้คนเห่อเหิม เห็นไหม มีคนไปประจบสอพลอ กิเลสมันได้สิ่งนั้นไม่ได้ แล้วเรามีสติสัมปชัญญะคุมใจเราไหม?
เรามีอำนาจ เรามีคุณธรรม เพื่อ! เพื่อปกครอง เพื่อเจือจาน เพื่อความเป็นธรรม เพื่อความเสมอภาค เพื่อความเป็นโลก เห็นไหม ความเสมอภาค เด็กควรได้สิ่งใดเป็นสมบัติของมัน ผู้ใหญ่ควรได้สิ่งใดเป็นสมบัติของมัน ความเสมอภาคจะให้เท่ากันหมด ไม่ใช่ ความเสมอภาค เด็กนี่วุฒิภาวะมันรับสิ่งใดได้ มันแสวงหาสิ่งใดได้ ผู้ใหญ่ควรรับสิ่งใดได้ ควรหาสิ่งใดได้ ผู้ที่จะให้มันต้องรู้จักให้ รู้จักดูแล
นี่เขาว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี ตักบาตรทุกวันเลยทำไมทุกข์ขนาดนี้ ตักบาตรต้องได้บุญสิ ว่าตักบาตรได้บุญทำไมไม่เห็นได้บุญซักที..
กรรมเก่า กรรมใหม่นะ ทำบุญกับโจรนะ ทำบุญเข้าไปแล้วมันได้อะไรล่ะ? ทำบุญกับสิ่งที่ดี เห็นไหม ผลตอบสนองมาคือความอบอุ่น ความสบายใจ บุญคือความสุขของหัวใจ บุญคือสิ่งที่ในครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใส พ่อ แม่ ลูก คุยกันรู้เรื่อง พูดถึงบุญนะ เงินเต็มบ้านเลย ในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันมีแต่ความทุกข์ เงินมีประโยชน์อะไร?
นี่ไงเราไปมองกันตรงนั้น เราไม่เข้าใจประโยชน์ บุญคือหน้าต่างของใจ หน้าต่างหัวใจมันเปิดกว้าง เห็นไหม ในครอบครัวเรา ในสังคมเรามีความอบอุ่น มีความพอใจ นั่นมันข้างนอกนะ แล้วถ้าจิตสงบล่ะ? จิตมันมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมานี่ อันนี้ยิ่งสำคัญมากเลย พอจิตสงบมันสุขในหัวใจนะ
ดูสิทุกอย่างสินค้าในตลาดมันมีขาย ความสุขความทุกข์ไม่มีใครซื้อขาย มีเงินซื้อไม่ได้ แต่ถ้าจิตใจเราเป็นสุขนะ เงินนี่ซื้อไม่ได้เลย เงินไม่มีค่าเลย ถ้าเงินมีค่า เจ้าชายสิทธัตถะสละออกมาทำไม? ยสะนี่ปราสาท ๓ หลังเหมือนกัน บอกว่า ที่นี่เดือดร้อนหนอ ที่นี่วุ่นวายหนอ เงินมหาศาลหนอ เดือดร้อนหนอ ทุกข์ยากหนอ ทุกข์มากๆ
นี่เขาหาอะไรกัน ไปอยู่โคนไม้ทำไมมีความสุขล่ะ? ถ้าเรารักษาใจได้ ถ้าเรารักษาใจไม่ได้นะ ไปอยู่โคนไม้ทุกข์กว่าสองเท่า มันเดือดเนื้อร้อนใจ นี่ถ้าใจมันทุกข์ อยู่ที่ไหนมันก็ทุกข์ แต่ถ้าเรารักษาใจได้นะ ใจมันมีหลักมีเกณฑ์ของมัน อยู่ที่ไหนก็สุข
นี่มันอยู่ตรงนี้ อยู่ที่เรารักษาใจของเรา ดูแลใจของเรา.. นี้ตัวศาสนานะ ตัวศาสนาคือคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนธรรม แล้วถ้าประพฤติปฏิบัติตามศาสนธรรมขึ้นมาแล้ว จนเกิดธรรมในหัวใจเรา สมาธิก็เป็นสมาธิของเรา เราสัมผัสเอง เรากินอาหารนี่เรากินเอง เราอิ่มเอง เรารู้เอง
ถ้าจิตมันสงบ มันสงบมาก แล้วถ้าสงบแล้วมันไม่ออกทำงาน มันก็สงบแบบไปนอนจมอยู่ในสมาธิ เห็นไหม ก็ต้องให้ออกใช้ปัญญา แล้วปัญญาที่ใช้กันนี้ไม่ใช่ปัญญาอย่างที่เราคิดกันหรอก ปัญญาที่เราคิดนี่ปัญญาของกิเลส ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าก็กิเลสคิด กิเลสทำ กิเลสทั้งนั้นแหละ
ถ้าจิตไม่สงบขึ้นมา ตัวตนเราไม่สงบตัวลงนะ กิเลสทั้งนั้น คิดจากเรา คิดจากตัวตน คิดจากมุมมองของเรา บอกว่าพระพุทธเจ้าสอนสู้เราไม่ได้ เราเก่งกว่าพระพุทธเจ้าอีกนะ เราดีกว่าพระพุทธเจ้าอีก เรารู้ธรรมะสูงส่งมากเลย.. ดูกิเลสมันคิดสิ
นี่ไง เห็นไหม ปัญญาของกิเลสไง แต่ถ้าเป็นปัญญาของธรรมนะ ปัญญาของธรรมทำไมครูบาอาจารย์ท่านกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจ กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจ ทำไมพระพุทธเจ้ารู้อย่างนี้ได้? รู้อย่างนี้ แค่เป็นสมาธิเราก็ตื่นเต้นพอแล้ว แล้วจิตมันสงบเข้าไปอีก ไปเกิดปัญญาโลกุตตรปัญญา ปัญญาที่ฆ่ากิเลส ไม่ใช่ปัญญาส่งเสริมกิเลส ไม่ใช่ปัญญาที่กิเลสเอาไปใช้
ปัญญาที่จะฆ่ามัน นี่ฆ่ามัน มันชนะเราตลอด มันชนะกิเลสตลอด สู้กับกิเลสตลอด ชำระกิเลสในหัวใจสิ้นไปจนหมดไปตลอด นี้เกิดจากไหนล่ะ? ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เราไม่มีปัญญาหรอก สาวก สาวกะ ทำไม่ได้ มีแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้นที่ตรัสรู้เองโดยชอบ เท่านั้น! นอกนั้นไม่มี ไม่มีหรอก ขี้โม้!
ฉะนั้น เวลาทำแล้วเราต้องเคารพ เห็นไหม ธรรมที่ทำอยู่นี้มันเป็นธรรมวินัย ไม่ใช่คิดขึ้นมาเอง มันมีอยู่ในพระไตรปิฎก แต่พระเราไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติกัน ก็เหมือนกับมันไม่มี แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านปฏิบัติมา ก็หาว่าอวดรู้ อวดเห็น อวดประพฤติปฏิบัติ
ของมันมีอยู่ ของมันมีอยู่ในธรรมวินัย อยู่ในพระไตรปิฎก มีอยู่ทั้งนั้นเลย แต่เขาละเลย เขาไม่ทำกัน แต่พอครูบาอาจารย์เราท่านทำขึ้นมา ท่านปฏิบัติขึ้นมา ไม่ใช่มาอวดเก่ง อวดดีทั้งนั้นแหละ ทำตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้นแหละ เคารพในธรรม ซื่อสัตย์ในธรรม ปฏิบัติเพื่อธรรม เห็นไหม
นี่ถ้าบวชแล้ว บุญกุศลเป็นบุญกุศลจากข้างนอก วัฒนธรรมเป็นวัฒนธรรม แต่ในชามเราไม่มีอาหารเลยก็เท่านั้นแหละ เราต้องการอาหารในถ้วยชามเรานะ สาระในการทำบุญ สาระในการบวช อย่าเอาวัฒนธรรม อย่าเอาแต่ประเพณีของเรามาเหยียบย่ำ เหยียบย่ำข้อเท็จจริงในวัด วัดนี้มีสาระ มีคุณค่า เราต้องเคารพบูชา ต้องเคารพสถานที่ เอวัง