เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๖ ก.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราชาวพุทธ พุทธศาสนาสอนให้ฉลาด แล้วเราภูมิใจกันมากว่าเราเป็นชาวพุทธ พุทธศาสนา ศาสนาแห่งปัญญา.. ศาสนาแห่งปัญญานะ ปัญญานี่ปัญญาของใคร? ถ้าปัญญาของเรานะ เราจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอาศัย ถ้าไม่มีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอาศัยนะ เรานี่วุฒิภาวะของจิตมันต่ำต้อย พอมันต่ำต้อยนะ เห็นอะไรที่แปลกประหลาดก็ไปเชื่อถือศรัทธาไง พอเชื่อถือศรัทธานะเราก็ตามเขาไป

เราไปเชื่อถือศรัทธา เราเห็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ทรงเจ้าเข้าผีมันเป็นเรื่องโบราณนะ ก่อนที่จะมีพุทธศาสนา ในโลกนี้ทั้งโลกเขาถือผีกันทั้งนั้นแหละ พอถือผี เห็นไหม ดูสิดูเวลากองทัพธรรมของหลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ เคลื่อนออกมาจากอุบลฯ ขึ้นมาทางขอนแก่น นี่กองทัพธรรมไง เพราะสมัยนั้นเขาถือผีกันหมดนะ ถือผีเพราะอะไร? เพราะสมัยโบราณทางอีสานนี่..

ไม่ต้องโบราณหรอก เมื่อ ๕๐-๖๐ ปี มันเป็นป่าหมดเลย ดงพญาไฟ ดงพญาเย็นนี่ข้ามมาไม่ได้นะ ข้ามมาไม่ได้ ผ่านไปได้ทางรถไฟทางเดียว มันข้ามมาไม่ได้ เพราะพระผ่านมานี่มันจะมีไข้ป่า มันจะมีแบบว่าภูต ผี ปิศาจ ทำให้คนตายมาก

นี่สมัยก่อน เวลาพระป่าเราออกธุดงค์ไป เวลาเขาไปจัดที่กัน เขาไปอยู่ป่ากัน เขาโดนไข้ป่า ไปตัดต้นไม้นะก็โดนทำจนอยู่ไม่ได้ไง ครูบาอาจารย์เราไปที่ไหน พอไปไหนนี่ พวกนี้เขากลัวคุณธรรม เขากลัวคุณงามความดี ผีก็เหมือนเรา ผีก็เป็นจิตวิญญาณ ผีก็ต้องมีที่พึ่ง ถ้าผีมีที่พึ่งนะ คุณธรรมของครูบาอาจารย์เรานี่ผีไม่กล้าแตะ ผีมันออกห่างไป

นี่ไง ถ้าเราถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผีเราไม่ต้องไปกลัว ทีนี้เราเข้าไม่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วพระเองก็ทรงเจ้าเข้าผี พอพระเองทรงเจ้าเข้าผี เราเข้าไปเคารพศรัทธาแล้วเราคิดว่าเป็นชาวพุทธ สุดท้ายแล้วเราก็ไปเชื่อในเรื่องผีสางเทวดา.. ในเรื่องผีสางเทวดานะ นี่เวลาผีดีเรียกว่าเทวดา ผีไม่ดีเรียกว่าผี เห็นไหม เวลาพวกเปรต พวกผี พวกเทวดา พวกเทพ พวกอินทร์ พวกพรหม

นี่มันเป็นเรื่องของโลกจิตวิญญาณนะ โลกของจิตวิญญาณ เห็นไหม จิตปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตมันปฏิสนธิจิตในไข่ของมารดา ถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ไง เราจะมีผีเรือน คือจิตของเรามีอยู่แล้ว จิตของเรา ใจของเราได้ทำความคุณงามความดีมา

ในพุทธศาสนานี่ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ถ้าใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจของเรานี่เรานับถือศาสนาพุทธ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเรานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เห็นไหม เราทำบุญกุศลนี่เราอุทิศส่วนกุศลให้เขาได้ เขามาขอส่วนแบ่งบุญกุศลจากเรา เวลาทำบุญกุศลนี่อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร สิ่งต่างๆ ที่เราทำมาให้เจ้ากรรมนายเวร

การกระทำมีเจ้ากรรมมีนายเวร เราทำแต่สิ่งดี ทำแต่สิ่งที่บาดหมางกันมา นี้อุทิศส่วนกุศลให้เขา นี่ถ้าถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ขึ้นมา สิ่งนี้เราเป็นชาวพุทธๆ ถ้าเราเป็นชาวพุทธ จิตใจของเราเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราจะมั่นคงมาก เราจะมั่นคงมากนะ ชีวิตของเราลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งนั้นแหละ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ นี่พราหมณ์นิมนต์ไว้ ๓ เดือนแล้วไม่ได้ใส่บาตรเลยนะ เป็นถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ นี่นิมนต์ไว้แล้วไม่ได้ใส่บาตร ไม่ใส่บาตรจนพระโมคคัลลานะทนไม่ไหวนะ บอกเลยว่าจะจับมือพระต่อๆ กันไป จะเหาะไปบิณฑบาตอีกทวีปหนึ่ง จะพลิกง้วนดินขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่อนุญาตทั้งนั้นเลย

เวลาออกพรรษาแล้วนี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าพวกเธอชนะแล้วๆ ชนะตนเอง เห็นไหม แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีฤทธิ์เดชมหาศาลเลย แต่เวลาถึงคราวนี่ เป็นพระอรหันต์นะ เป็นศาสดานะ มันยังมีคราวลุ่มๆ ดอนๆ เห็นไหม คราวลุ่มๆ ดอนๆ นี่กรรมมันถึงภาวะ ถึงสภาวะที่กรรมนี้มาให้ผล

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ข้ามไปทางแม่น้ำนี่ บอกว่า

“อานนท์ เรากระหายเหลือเกิน เราอยากดื่มน้ำเหลือเกิน เรากระหายเหลือเกิน”

พระอานนท์จะไปตักน้ำนะน้ำนั้นขุ่น พระอานนท์ตักไม่ลงเลย เพราะอานนท์เคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก อาราธนาว่า “ไปข้างหน้าเถิด ไปหาน้ำใสๆ แล้วจะตักน้ำใสๆ ให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ฉัน”

“อานนท์ เรากระหายเหลือเกิน ตักเถอะ”

เวลาตักขึ้นไปนี่ ด้วยฤทธิ์ด้วยเดชขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ น้ำนี่ขุ่นหมดเลย แต่เวลาตักใสเฉพาะตรงที่จะตัก ใสเฉพาะจุดนั้นจุดเดียว เห็นไหม เอาบาตรไปตักมาถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนี่พระอานนท์บอกเลย

“สิ่งใดไม่เคยมีก็มีแล้ว สิ่งที่มหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นแล้ว ทำไมถึงเป็นเหตุนั้น?”

เพราะพระอานนท์ไปประสบ ประสบแล้วแต่ตัวเองไม่เข้าใจ มาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลย

“นี่สิ่งนี้มันเป็นบุญกุศลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

อำนาจวาสนาบารมีทำให้น้ำนั้นใส แต่สิ่งที่น้ำนั้นขุ่นเพราะอะไร? ขุ่นเพราะว่าเมื่อชาติหนึ่งเคยเป็นพ่อค้าโคต่าง นี่โคต่างเทียมเกวียนกันไป แล้วไปเป็นขบวน เห็นไหม แล้วขบวนหน้าก็ผ่านน้ำนั้นไป นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพ่อค้าโคเหมือนกันตามหลังมา โคจะดื่มน้ำไง ด้วยความสงสาร ด้วยความคิดอย่างนี้ คิดว่าอยากจะให้โคได้กินน้ำใสๆ ก็ดึงไว้ไม่ให้โคกินน้ำนั้น ให้กินข้างหน้า นี่กรรมมันให้ผลนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีโรคมีภัยในตัวเพราะอะไร? เพราะกรรมสิ่งนั้นมีมา

นี่ถ้าเราไม่มีพุทธศาสนา เราก็ไม่เข้าใจเรื่องของกรรม เรื่องของกรรม เรื่องของการกระทำมันให้ผล เห็นไหม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว.. แล้วจิตใจของเราถ้าเรายึดมั่น เราเองชีวิตปัจจุบันเรามันก็ลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะเราลุ่มๆ ดอนๆ แล้วเราอยากจะให้มั่นคงๆ ก็ไปทรงเจ้าเข้าผีอยากจะให้มันมั่นคงๆ มันมีอะไรมั่นคงล่ะ? ชีวิตเรามันยังจะต้องตายไปข้างหน้าเลย

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดนะ ชีวิตเรามีการพลัดพรากเป็นที่สุด แต่เมื่อเราเกิดมาแล้ว เกิดมาทำคุณงามความดี เกิดมาในพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอนให้ทำอะไร? พุทธศาสนาสอนให้เสียสละ เห็นไหม เสียสละทาน เสียสละนะ แม้แต่รถสวนทางกัน เราจอดแวะข้างทางให้เขาผ่านไป อันนั้นก็เป็นบุญนะ

การให้ทางกัน ในสมัยโบราณเวลาข้ามคลองมันจะเป็นสะพานเล็กๆ เห็นไหม เขาเรียกให้ทาง แค่ให้ทางก็เป็นบุญแล้ว ถ้าเราทุกคนจิตใจเป็นสาธารณะ ทุกคนจิตใจเป็นคนดี โลกนี้มันจะเดือดร้อนไหม? โลกนี้มันไม่เดือดร้อนนะ สิ่งที่มันเดือดร้อนอยู่นี้ก็เพราะอะไร? ก็เพราะตัณหาความทะยานอยากมันบีบบี้สีไฟ มันแก่งแย่งกัน แต่ถ้าเราเสียสละนะ.. นี่พูดถึงการเสียสละในหัวใจของเรา แต่หน้าที่การงานนี่คนโง่เป็นผู้นำไม่ได้หรอก

หน้าที่การงาน เห็นไหม เราเป็นผู้นำประเทศ เราไปเจรจาการค้ากับต่างประเทศ เราจะซื่อบื้อๆ ไปคุยกับเขามันก็หมดประเทศน่ะสิ หน้าที่การงานเป็นหน้าที่อีกอย่างหนึ่งนะ แต่หัวใจของเรานี่เราจะต้องรักษาหัวใจของเรา รักษาใจเราให้มันมั่นคง แต่ออกไปแล้วนี่ เห็นไหม ผู้ใหญ่ยื่นของให้เด็ก

จิตใจที่มันเป็นผู้ใหญ่ จิตใจที่มันมีหลักฐานมั่นคง เห็นเขาจิตใจเป็นเด็กๆ เขาไม่มีที่พึ่ง เขาเดือดเนื้อร้อนใจกันไปหมดเลย แล้วเราก็เป็นชาวพุทธ พอเห็นเขาเดือดเนื้อร้อนใจ เราก็จะเดือดเนื้อร้อนใจไปกับเขา เราเดือดเนื้อร้อนใจไปกับเขาไม่ได้ มันเป็นกรรมของเขา กรรมของสัตว์

พ่อแม่ปรารถนาให้ลูกเป็นคนดีหมดเลย เวลาพ่อแม่สอนลูกนี่ลูกมันต่อต้านหมดเลย แล้วพอลูกมันโตขึ้นมาเป็นพ่อแม่คน มันก็พูดเหมือนที่เราพูดกับมันนี่แหละ มันเป็นไปโดยวัยนะ โดยความปรารถนาดีของพ่อแม่ ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่สะอาดบริสุทธิ์มาก ความรักของพ่อแม่ แต่ลูกไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเพราะวัยของมัน เห็นไหม

จิตใจก็เหมือนกัน จิตใจของครูบาอาจารย์เรา เวลาภาวนามา เริ่มต้นจากจะตั้งหลักตั้งเกณฑ์มาในหัวใจนี่มันทำอย่างไรมา จิตใจมันจะมีจุดยืนขึ้นมาได้อย่างไร? ดูสิเราไม่มีจุดยืนกันเลย ไม่มีจุดยืนกันเลย เห็นไหม แม้แต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรายังไม่เชื่อมั่น เวลาภาวนานี่พุทโธ พุทโธก็ไม่กล้าพูด พุทโธ พุทโธเข้าไปแล้วว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่เห็นมีอะไรเลย

นี่ไม่เห็นมีอะไรแล้วจะเอาอะไรล่ะ? ก็จะเอาแต่อารมณ์ความรู้สึก เอาแต่สัญญาอารมณ์ สัญญาอารมณ์นี่ แล้วภูต ผี ปิศาจ มันก็ชักนำกันไปว่าอย่างนี้จะได้บุญ อย่างนี้จะสร้างโครงสร้างขึ้นมา จิตมันจะเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างนั้น.. มันเป็นอาการของจิต มันเป็นธรรมดาของจิตทั้งหมดเลย เห็นไหม เพราะจิตใจเราไม่มั่นคง เราไม่ซื่อตรง เราไม่ศรัทธาในพุทธศาสนาด้วยความมั่นคง ถ้าเราศรัทธาในพุทธศาสนาด้วยความมั่นคงนะ นี่หลวงตาท่านพูด

“พุทโธสะเทือนสามโลกธาตุ”

พุทโธนี่ นึกพุทโธคำเดียวในหัวใจ มันสะเทือนสามโลกธาตุเลย สะเทือนสามโลกธาตุเพราะอะไร? เพราะเวลาปฏิสนธิจิต จิตเกิดในไหน? เราเกิดในพรหม เกิดในเทวดา เกิดในมนุษย์ เกิดในสัตว์เดรัจฉาน เราเกิดหมด จิตนี้เคยเกิดหมด เห็นไหม จิตนี้มันเคยเป็นไป พุทโธสะเทือนที่จิต จิตมันสะเทือนสามโลกธาตุ สามโลกธาตุเลยถ้าพุทโธ พุทโธ แต่เรานี่ไม่เห็นคุณค่าไง

เราไม่เห็นคุณค่านะ ดูสิคนที่เขาจะมาฐานะขึ้นมา เขาต้องเก็บหอมรอมริบ เขารู้จักถนอมรักษา เขารู้จักประหยัดมัธยัสถ์ของเขา เขาถึงมั่งมีศรีสุขขึ้นมาได้ เราสุรุ่ยสุร่าย เราหามา ๕ ใช้ ๒๐ หามา ๕ ใช้ ๕๐๐ มันจะพอใช้ไหมล่ะ?

จิตใจก็เหมือนกัน พุทโธ พุทโธนี่ สติปัญญาของเรา เรารักษาของเราไว้ เราระลึกของเราไว้ พุทโธนี่เก็บหอมรอมริบ เห็นไหม สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา ศีลทำให้ปกติสุข ศีลทำให้เกิดโภคทรัพย์ เราก็ว่าถ้าใครถือศีลถือธรรมนะจะถูกรางวัลที่หนึ่ง จะได้ลาภมหาศาลเลย แต่เราไม่คิดเลยนะว่าเราถือศีลนะ รายจ่ายของเรา ดูสิถ้าในโลกนี้นะกินข้าวมื้อเดียวเหมือนพระนะ พวกโยมจะเหลือเงินเยอะมากเลย

นี่ถ้าพวกโยมกินข้าวมื้อเดียวเหมือนพระฉันข้าว พระฉันข้าวมื้อเดียว เงินจะเหลือเก็บมหาศาล เห็นไหม นี่ไงโภคะสัมปะทา ถ้าเรามีศีลนะเราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เรามีของเรานี่เงินทองมันเหลือเฟือ แต่เราไม่คิดอย่างนั้น

นี่ไงพุทโธก็เหมือนกัน พุทโธถ้าเรากำหนดที่จิตของเรา ถ้าจิตของเรามั่นคงขึ้นมา ผีที่ไหนมันจะเข้ามายุ่ง ผีเรือนมันมั่นคง ผีป่าเข้ามาไม่ได้ เรื่องภูต ผี ปิศาจ มันมีโดยธรรมชาติของมัน ถ้าผีไม่มีนะพวกเราไม่นั่งกันอยู่นี่ เราก็ผีตัวหนึ่ง ปฏิสนธิจิตมาเกิดเป็นเรา พอจิตนี้ออกจากร่างไปก็ผีตัวหนึ่ง แต่ผีดี ผีชั่วล่ะ? ถ้าผีดีก็เป็นเทพ เป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม ผีชั่วก็ตกนรกอเวจีไป

ไอ้ผีตัวนี้ไม่มีใครมอง แต่ไปเคารพบูชาข้างนอก เราจะไปเคารพบูชาผีสางเทวดาเราต้องเคารพเราก่อน เพราะเราก็เป็นเทวดา เห็นไหม เขาบอกว่าเคารพพระเจ้าๆ จิตเรานี่เป็นพระเจ้า จิตของเราเนี่ย ถ้าจิตของเราทำคุณงามความดีเราจะเกิดเป็นพระอินทร์ เราจะเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม

พระเจ้าก็อยู่กลางความรู้สึกหัวใจเรานี่แหละ เรานี่แหละเป็นพระอินทร์ เรานี่แหละเป็นทุกอย่าง เพราะพระอินทร์เขามีวาระของเขา นี่เทวดา อินทร์ พรหม เขาหมดอายุขัยเขาก็ต้องตายไป ไม่มีใครอยู่คงที่ โลกนี้ไม่มีใครอยู่คงที่ โลกนี้เป็นอนิจจังทั้งหมด โลกนี้เวียนว่ายตายเกิดทั้งหมด จะมั่งมีศรีสุข จะเป็นชนชั้นไหน จะอยู่บนพรหมชั้นไหนก็แล้วแต่ ต้องเวียนว่ายตายเกิด แล้วเวียนว่ายตายเกิดแล้วไม่มีหรือ?

พุทธศาสนาสอนนะ วิชชา ๓ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

“บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ”

นี่วิชชา ๓ นะ บุพเพนิวาสานุสติญาณ ย้อนอดีตชาติไปตั้งแต่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ตั้งแต่เป็นพระเวสสันดร ย้อนไปไม่มีต้นไม่มีปลาย เห็นไหม ถ้ามันไม่มีที่สิ้นสุด จิตมันไม่สิ้นกิเลส มันก็เกิดต่อไปข้างหน้า นี่แล้วอาสวักขยญาณสิ้นกระบวนการของมัน

นี่ไงสิ่งนี้มีอยู่ จิตมีอยู่ มันเวียนว่ายตายเกิด แล้วในปัจจุบันนี้เรามาเกิดในภพกลาง ภพกลางคือภพของมนุษย์ ภพมนุษย์ นี่มนุษย์ทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้ มนุษย์มีอิสรภาพ ถ้าเป็นเทวดานี่มันอิ่มทิพย์ของเขา เขาบุญของเขา เขาใช้อาหารของเขา เขากินวิญญาณาหาร ของเรานี่เห็นไหม ถ้าไม่ทำมาหากินเราก็อดตาย เราต้องทำมาหากินเราถึงมีอาหารกิน

ถ้ามีอาหารกินขึ้นมา อาหารเอามานี่ อาหารได้มาด้วยสัมมาทิฏฐิ อาหารได้มาด้วยความถูกต้อง อาหารได้มาด้วยความดีงาม อาหารที่ปล้นชิงเขามา มนุษย์ทำได้ทั้ง ๒ อย่าง ทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้ แล้วเราจะมีสติสัมปชัญญะควบคุมเราไหม?

นี่ไง นี่ถ้าเราทำดีของเรา ทีนี้เราประพฤติปฏิบัติธรรมกัน เห็นไหม แล้วก็ถือภูต ผี ปิศาจ ทุกคนนะพอเราไปยอมรับนับถือเขา มันก็มีการครอบงำกันในหัวใจ พอครอบงำในหัวใจมันก็เกิดความเศร้าหมอง เกิดความทุกข์ เกิดการทุกข์ร้อน เราต้องบูชาเขา คนถือผีนะ เห็นไหม ทางอีสานเมื่อก่อนเขาถือผีนี่ได้ไก่มาตัวหนึ่ง ต้องแบ่งครึ่งหนึ่งไปบูชาผี เราได้ใช้ครึ่งเดียว

เหมือนกับปัจจุบันนี้ถ้าเราถือผีนะ เงินเดือนครึ่งหนึ่งก็ต้องให้ผี เราได้ใช้ครึ่งเดียว แล้วเราไปถือเขาทำไม? เงินเราก็หามาเอง สมบัติพัสถานเราก็หามาเอง เราบูชาสิ เรามีหลักของเรานะ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.. พระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราเข้าถึงธรรมนะ นี้เราเข้าไม่ถึงธรรมกัน หัวใจเราเข้าไม่ถึงธรรมกัน เรามีแต่ความทุกข์ความยาก ถ้าหัวใจเข้าถึงธรรมนะ

“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต”

นี่รสของสิ่งใด ชนะรสของธรรมไม่มี ธรรมรสชนะทุกๆ อย่าง ธรรมรสชนะถึงรูป รส กลิ่น เสียง ที่จิตนี้มันต้องการ.. จิตนี้ต้องการอะไร? ในเรื่องของโลกนี่กามราคะต่างๆ เห็นไหม แต่ถ้าเราเข้าถึงแล้วนะ สิ่งนี้มันให้ผลแค่ปลายเข็ม มันให้โทษเท่ากับโลก

นี่ให้ความสุขเท่าปลายเข็ม เห็นไหม แต่ความทุกข์ที่แบกหามทุกข์ยากมาเท่ากับโลก แล้วถ้ามีสติ มีปัญญาจะไปยุ่งกับมันไหม? ถ้ามีสติปัญญานี่ ไอ้ความสุขเท่าปลายเข็ม ไอ้ความทุกข์เท่ากับโลกธาตุมันมีสติปัญญาไหม? ถ้ามีสติ มีปัญญา มันจะไม่เป็นเหยื่อมันนะ มันจะไม่เป็นเหยื่อ

นี่ไง ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “อย่าให้จิตมันถือมงคลตื่นข่าว มันต้องถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง” เราเกิดมาเป็นชาวพุทธนะ นี่เราเสียสละกัน เห็นไหม เรามาทำบุญกุศลเพื่ออะไร? เพราะจิตใจของเรามันอยากเสียสละ แต่กิเลสมันเสียสละที่มันไม่พอใจไม่ได้ มันถึงต้องแสวงหาไง เราถึงต้องแสวงหาที่ทำบุญของเรา ครูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม

นี่ที่เวลาทำบุญกุศลกันเขาแสวงหาของเขานะ ของเรามีน้อย ทำสิ่งใดแล้วมันต้องให้ผลตอบแทนมา นี่ทำกุศลแล้วมันเสียสละด้วยความชื่นหัวใจ แล้วหัวใจของเรามันมีความสุข มีความอบอุ่นของมัน ถ้าเป็นปกติขึ้นมา นี่ไงที่พึ่งของเราเกิดขึ้นมา เห็นไหม

รัตนตรัยเป็นแก้วสารพัดนึก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นแก้วสารพัดนึก แต่เรานึกกันไม่เป็น เรานึกไม่ได้ แล้วเราก็ไปถือมงคลตื่นข่าว ไปถือภูต ผี ปิศาจ แล้วถ้าใครไปถืออย่างนั้นนะ ไปหาอ้อนวอนขอเอา สุดท้ายแล้วมันเข้าตัว สุดท้ายแล้วนะจิตมันเศร้าหมอง จิตมันเศร้าหมอง มันกดถ่วง ซึมเศร้า ซึมแล้วทุกข์ เศร้าซึมมันไม่เหมือนเรา

นี่เราเสียสละไปแล้วทุกข์ไหม? การแสวงหาทุกข์ไหม? ทุกข์ แต่ถ้าหัวใจมันรู้จริง เห็นไหม มันเบิกบาน.. ทุกข์! ทุกข์มันเป็นเรื่องธรรมดา ดูสิเวลาคนเขาออกกำลังกายตอนเช้า ออกกำลังกายตอนเช้าออกทำไมนี่? วิ่งจนเหงื่อโชกเลย เหงื่อไหลไคลย้อยเลย แต่ผลของเขาคือร่างกายเขาแข็งแรง

นี่ก็เหมือนกัน ไอ้ทุกข์ ไอ้สุขในหัวใจ ถ้าจิตใจมันเข้าใจสัจธรรมนะ เรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วเราขยันหมั่นเพียรของเรา จิตใจจะเข้มแข็ง จิตใจมีจุดยืนของมัน ใครจะมาหลอกจิตดวงนี้ไม่ได้ นี่ดูกระแสโลกสิ เขาตกทองกัน เขาตื่นข่าวกัน เขาไหลไปตามกระแสหมดเลย

ถ้าเรามีจุดยืนของเรานะ ถ้าของเขาดีนี่เขาไม่เอามาให้เราหรอก ของดีเราต้องแสวงหาเอาเอง เห็นไหม ของใครดีเขาเก็บใส่ตู้เซฟไว้ เขาไม่เอามาให้เราหรอก.. ของเรานี่เราจะหาดีเราต้องแสวงหาของเราเอง อย่าเชื่อใคร พระพุทธเจ้าสอนกาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใครเลย ให้เชื่อความจริง ให้เชื่อการพิสูจน์ ให้เชื่อจากการกระทำของเรา ให้สัจจะความจริงเกิดขึ้นมา

นี่พุทธศาสนา เราเป็นชาวพุทธนะ แล้วมองไปที่โลกชาวพุทธสิ มันสลดสังเวชนะ ชาวพุทธมันต้องมีจุดยืนของมัน ดูครูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม อยู่โคนไม้ก็มีความสุข สมัยก่อนมีกษัตริย์ออกบวชแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์นะ บอกว่า “สุขหนอ สุขหนอ สุขหนอ” พระเขาสงสัยว่าพระองค์นี้สงสัยจะคิดถึงราชวัง ไปฟ้ององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก

“เธอพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”

เรียกมานะ

“จริงๆ มันสุขจริงๆ เวลาเป็นกษัตริย์นะ นอนก็ไม่สะดวก นอนก็ไม่มีความสุข นอนก็สะดุ้งกลัวตลอดเวลา มันไว้ใจใครไม่ได้เลย แล้วพอมาอยู่โคนไม้ อยู่โคนไม้ไม่มีใครมาแย่งชิงโคนไม้เราหรอก”

ถ้าโคนไม้นะ ถ้าจิตใจคนมีกิเลสมันก็ดิ้นรนใช่ไหม? แต่พอมันรักษาใจได้สงบแล้ว รักษาใจได้ดีแล้ว ชีวิตมันมีเท่านี้แหละ! หากินหาอยู่ก็เท่านี้แหละ มีอยู่เท่านี้ ชีวิตมีเท่านี้ ชีวิตเกิดมาก็รอวันตาย ถ้ามันตายแล้วมันจะไปไหน?

แต่ถ้ามันชำระหัวใจได้แล้วนะมันไม่มีอะไรตาย พอกิเลสตายแล้วมันไม่มีอะไรตายเลย จิตมันเปลี่ยนแปลงสภาพของมันแต่ไม่มีอะไรตาย พอกิเลสตายไม่มีแรงขับแล้ว ไม่มีอะไรตาย คงที่หมด นิพพานคือคงที่ วิมุตติสุขคงที่ในหัวใจ ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรตาย แต่มันมีของมันอยู่

“นี่สุขหนอ สุขหนอ” เห็นไหม อยู่โคนไม้ยังมีความสุขได้ ถ้ามีความสุข เพราะใจนี้เข้าใจตัวเองแล้ว จบ.. นี่จบสิ้นกระบวนการทั้งหมด สิ่งที่เราแสวงหานี้ หน้าที่การงานนั้นต้องมีนะ เพราะเราเกิดมาในสังคม เกิดมาเป็นญาติกันโดยธรรม มีปากมีท้องเหมือนกัน แต่หัวใจนี่ เราเกิดมาในพุทธศาสนา เห็นไหม เราพูดบ่อยนะว่าพุทธศาสนามีคุณค่ามาก แต่เราใช้กันไม่เป็น แล้วเราไม่รู้จักคุณค่าของมัน

เรามีพระเป็นฝรั่งเป็นเพื่อนมาก เขาบอกคนไทยนี่ เจ้าของศาสนาทางตะวันออกเหมือนกบเฝ้ากอบัว ไม่รู้จักคุณค่าของมัน เขาแสวงหานะ เขาต้องมาจากทางยุโรปนะ เขามาบวชแล้ว วัฒนธรรมประเพณีก็ต่างกัน แต่เขาอยากได้อยากดี เขาแสวงหาของเขา ไอ้เรานี้เป็นเจ้าของกันแท้ๆ เลย แล้วเราไม่เห็นคุณค่าของมัน เห็นไหม แล้วก็ยังไปถือผีถือสางอีก ทำให้จิตเศร้าหมองอีก ทำให้จิตทุกข์ยากอีก

นี่ของดีมีอยู่ ไพล่ไปเอาอะไรก็ไม่รู้ แล้วบอกว่าเป็นชาวพุทธ มันเป็นพุทธที่ทะเบียนบ้าน เราต้องเป็นพุทธที่หัวใจ เป็นพุทธที่ความตื่นไง หัวใจให้มันตื่นขึ้นมา แล้วเราจะเป็นชาวพุทธแท้ๆ จะมีโอกาส มีวาสนาเกิดมาพบพุทธศาสนา เห็นไหม

เราเกิดเป็นมนุษย์แล้วพบพุทธศาสนา ได้ทำบุญกุศลของเรา เพื่อชีวิตไง เพื่อความเบิกบานของหัวใจ เพื่อให้หัวใจผ่องแผ้ว เพื่อให้หัวใจเข้มแข็ง ไอ้ร่างกายเป็นเรื่องอย่างนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหัวใจเข้มแข็งนะ อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ แล้วมันเป็นความจริงขึ้นมา “สุขแท้ๆ สุขที่ใจ” เอวัง